‘บ้านกลางเมือง พหลโยธิน – วิภาวดี‘ บ้านแฝดและทาวน์โฮมบรรยากาศสงบร่มรื่น กับพื้นที่ปรับเปลี่ยนได้ ทำเลใกล้รถไฟฟ้า เริ่ม 4.99-9 ล้าน*

เริ่มต้นชีวิตให้สะดวกกว่าใคร เริ่มที่บ้านกลางเมือง อยู่ๆ ผมก็นึกคำโปรยนี้ขึ้นมาได้ในวันที่ได้เข้ามาดูโครงการ “บ้านกลางเมือง พหลโยธิน – วิภาวดี” ผมชอบการตั้งชื่อแบรนด์นี้ของ AP มานานแล้วครับ เป็นคำที่ง่าย ฟังรอบเดียวก็จำได้ และก็สะท้อนจุดแข็งที่สุดของแบรนด์นั่นก็คือ “เรื่องของทำเล” เพราะไม่ว่าใครก็อยากอยู่มีบ้านที่อยู่ใจกลางเมือง ทำเลที่ดีก็หมายถึงการเดินทางง่าย ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก ชีวิตก็แฮปปี้ ผมเชื่อว่าหลายคนที่ใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ ทุกวันนี้ อาจจะต้องเสียเวลาไปกับการเดินทางไปวันๆ นึงแล้ว 2-4 ชั่วโมง เพราะที่ทางก็หายาก แถมยังแพงจนซื้อไม่ได้ บ้านกลางเมืองนี้แหละครับคือส่วนผสมของ ทำเลที่ดี และราคาที่ไม่สูงจนเกินไป

​โครงการนี้จุดเด่นที่สุดคือ อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าแยก คปอ. แค่ราวๆ 700 ม.* ใครจะเชื่อครับว่าระยะห่างจากรถไฟฟ้าแค่นี้จะสามารถซื้อบ้านอยู่ได้ในราคาเริ่มต้นไม่ถึง 5 ล้าน ซึ่งก็เพราะเค้าเลือกพัฒนาเป็นทาวน์โฮมกับบ้านแฝดมานี่แหละ ทำให้ใช้ที่ดินไม่มาก และก็เติมพื้นที่ใช้สอยด้วยการทำเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น จนได้พื้นที่อยู่อาศัยเหมือนบ้านเดี่ยวนั่นเอง เป็นการใช้พื้นที่แบบ Vertical Living ให้คุ้มค่า สมัยก่อนผมยอมรับว่าบ้านกลางเมืองของ AP นี้ทำเลจะเด่นมากจนกลบข้ออื่น แต่ทุกวันนี้การออกแบบฟังก์ชันภายในบ้านน่าสนใจไม่แพ้ทำเล จนอยากจะพาให้ทุกคนได้ดูไปด้วยกันครับ

​โซนรอบๆ โครงการนี้ ถือว่ามีการเติบโตก้าวกระโดดในระยะหลังก็เป็นไปตามการขยายของแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวไปสู่คูคต การเดินทางเข้าออกเมืองทำได้สะดวก โครงการอยู่ในซอยพหลโยธิน 71 จากหน้าบ้านหาวหนึ่งหวอดก็ออกมาสู่ถนนใหญ่ ไปสนามบินดอนเมืองได้ในเวลา 15 นาที จะเข้าออกเมืองเลือกวิภาวดีรังสิตก็ขึ้นโทลเวย์สะดวก หรือจะกลับมาทางพหลโยธินก็ได้(แต่บนถนนเส้นนี้รถไฟฟ้าสบายกว่ากันเยอะ) แถมรอบๆ นี่มีทั้งตลาด ห้าง โรงพยาบาลที่ไปได้ง่ายทั้งนั้นครับ อย่างตลาดเซฟวัน โก อยู่ใกล้นิดเดียว มี รพ.บี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์สายไหมในระยะแค่ 2.1 กม. หรือถ้าไปดูตรงสถานีคูคตที่มีการพัฒนาเป็น Mixed Use และคอนโดมิเนียม และตามแนวรถไฟฟ้าที่ต่อขยายมาทั้งสายหยุด สะพานใหม่ ก็จะรู้สึกว่านี่เราสามารถมีบ้านในทำเลคอนโดได้เลยจริงๆ

​บ้านกลางเมือง พหลโยธิน – วิภาวดีเป็นโครงการแบบ Mixed Product มีทั้งทาวน์โฮมและบ้านแฝดอยู่รวมกัน และเป็น 3 ชั้น ทั้งหมดครับ รวมกันแล้ว 245 ยูนิต มีให้เลือก 3 Type ได้แก่

  1. ​บ้านแบบ Topaz เป็นบ้านแฝด 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 218.49 ตร.ม. แบบ 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ จอดรถได้ 2 คัน มีห้องอเนกประสงค์อยู่ที่ชั้นล่าง ก็เพิ่มความยืดหยุ่นในการอยู่อาศัย จะไว้ทำเป็นออฟฟิศในบ้าน หรือจะทำเป็นห้องนอนผู้สูงวัยก็ได้ และก็ได้ความเป็นส่วนตัวด้วยความเป็นบ้านแฝดที่มีเพื่อนบ้านข้างกันแค่หลังเดียว จุดเด่นของบ้านนี้ และจริงๆ ก็เป็นจุดเด่นร่วมกันของบ้านทุกแบบก็คือสามารถจัดสรรให้พื้นที่ชั้น 3 เป็นห้องนอนแบบเต็มฟลอร์ได้ทั้งหมด แต่บ้านแบบ Topaz พื้นที่เยอะหน่อย ทำห้องนอนพร้อมกับ Walk-in Closet ส่วนตัว แยกกับห้องนั่งเล่นคนละห้องกันได้ และมีระเบียงส่วนตัวขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในบ้าน ราคาเริ่ม 8.99 ล้าน*
  2. บ้านแบบ Jadess เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น หน้ากว้าง 5.5 ม. พื้นที่ใช้สอย 169.43 – 169.63 ตร.ม. สามารถเลือกรูปแบบได้ 2-3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ จอดรถได้ 2 คัน บ้านแบบนี้ฟังแล้วอาจจะสงสัยว่าเอ๊ ทำไมได้ 2-3 ห้องนอน ก็เพราะบ้านนี้ไอเดียเก๋มาก เค้ายกส่วน Living – Kitchen – Dining รวมกันเป็น “Grand Living Area” ขึ้นไปอยู่บนชั้น 2 ทีนี้ชั้น 1 ก็จะ Flexible มากๆ ไม่ต้องยึดติดว่าต้องมีครัวอยู่ชั้นล่าง จะกั้นเป็นห้องนอน หรือจะทำเป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ จะทำเป็นห้องทำงาน หรือจะกั้นห้องนอน 2 ห้องข้างล่างเลยก็ตามสะดวก ส่วนพื้นที่ชั้น 3 ก็เป็นชั้นอภิสิทธิ์ของเจ้าของบ้านเหมือนเดิม Master Bedroom Floor ส่วนหลังบ้านเค้าก็วางเสาเข็มมาให้แล้วด้วย อยากจะต่อเติมพื้นที่เป็นครัวออกไปก็ไม่ต้องกังวลเรื่องโครงสร้างฐานราก บ้านนี้มีระเบียงทั้งชั้น 2 และชั้น 3 ครับ ราคาเริ่ม 5.99 ล้าน
  3. บ้านแบบ Lapis ทาวน์โฮม 3 ชั้นขนาดเริ่มต้นของโครงการ พื้นที่ใช้สอย 143.61 ตร.ม. แบบ 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ จอดรถได้ 2 คัน แม้จะเป็นทาวน์โฮมแต่เค้าให้ความสำคัญกับเรื่องความเป็นส่วนตัวด้วยการเลือกเอาส่วนบันไดเป็นตัวคั่นระหว่างบ้าน ยังได้ระเบียงสำหรับเติมต้นไม้เขียวๆ ให้นั่งชมแม้จะอยู่บนชั้น 2 และได้ห้องนอนเต็มชั้น 3 แบบสบายๆ ครับ ราคาเริ่ม 4.99 ล้าน*

​ผมเองก็เป็นอีกคนที่ได้ซื้อและย้ายมาอยู่บ้านในช่วงที่ผ่านมา ก็เพราะอยากได้พื้นที่ อยากได้บรรยากาศความสงบร่มรื่นของบ้าน ซึ่งตอนที่ผมเลือกโครงการบ้านไหนบรรยากาศภายในมีผลต่อการตัดสินใจมากจริงๆ ครับ ที่นี่เข้ามาแล้วสงบดีมาก แถมยังมีส่วนกลางที่ออกแบบไว้อย่างดี ไม่ว่าจะพื้นที่สวนหลักของโครงการ มี Pet Park แยกเอาไว้ต่างหาก มีสระว่ายน้ำสวยๆ Co-working Space มีฟิตเนสที่เปิดให้บริการแบบ 24 ชม. ดีและสะดวกต่อชีวิตจัง มีห้องสำหรับเด็ก และความปลอดภัยที่เข้มงวดด้วยเทคโนโลยีที่ชื่อว่า KATSAN ของ AP เอาละครับ เล่าไปก็ไม่เห็นภาพเท่าไหร่ ผมขอพาทุกคนไปชมพร้อมๆ กันด้านไหนเลยว่าโครงการเป็นยังไงบ้าง

ส่วนใครที่สนใจก็สามารถคลิกลงทะเบียนรับสิทธิจากโครงการได้ที่นี่เลยครับ https://apth.ly/ynd6

บ้านกลางเมือง พหลโยธิน-วิภาวดี

ในวันที่อากาศเย็นฝนปรอยพอให้ชุ่มฉ่ำ ผมจะพาทุกคนมาชมโครงการ “Baan Klang Muang พหลโยธิน-วิภาวดี” กับบ้านแฝดและทาวน์โฮม 3 ชั้น 3 รูปแบบพร้อมจุดเด่นที่แตกต่างกันไป แต่ทุกหลังน่าอยู่มากกที่สำคัญคือทำเลดี ติดถนนพหลโยธิน อยู่ใกล้สนามบินดอนเมืองแล้วยังใกล้รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวสายหลัก สถานีแยกคปอ. 700 ม. จะน่าสนใจแค่ไหน ไปชมกันครับ

พรีวิวให้เห็นความน่าอยู่

ต่อด้วยจุดเด่นของบ้าน ที่มี Master Bedroom ทั้งชั้นสุดอลังการ และระเบียงข้างบ้านที่มีข้อดีกว่าที่คิด

อีกหลังก็ยกส่วน Grand Living ไปไว้ชั้น 2 สเปซแตกต่างไม่เหมือนใคร

ส่วนกลางเค้าก็ให้มาครบ กับบรรยากาศสุดชิลล์ ถ้าพร้อมแล้ว ไปชมบ้านตัวอย่างกันก่อนเลยครับ

เริ่มที่บ้านแฝด 3 ชั้นแบบ Topaz พี่ใหญ่ของโครงการ มีพื้นที่ใช้สอย 218 ตร.ม. ประกอบด้วย 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ และ 2 ที่จอดรถครับ

ผมเล่าจุดเด่นของ Topaz ให้ฟังก่อนคือพื้นที่เค้ามีความยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนได้อย่างห้องที่ชั้นล่าง ปรับเป็น Home Officeไว้ทำงาน หรือชั้น 2 มีโถงอเนกประสงค์สำหรับทำกิจกรรม พร้อม 2 ห้องนอน อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวได้หลาย Gen รวมถึงมีความเป็นส่วนตัว สะดวกในการใช้ชีวิตที่ Master Bedroom และโซนนั่งเล่นชั้นบนสุดครับเอาล่ะ เราไปเดินดูในบ้านพร้อมๆ กัน

เข้ามาในบ้าน ที่ชั้น 1 เราจะเจอกับ Grand Living ขนาดใหญ่ที่เป็น Open Plan และด้วยความที่บ้านหน้ากว้าง ก็จะดูโปร่งสบายแบบนี้

นอนเหยียดแข้งเหยียดขาดูหนังเรื่องโปรดได้สบายใจครับ ตรงนี้วางชุดโซฟาแบบจัดเต็มได้เลย ส่วนระยะดูทีวีก็กำลังดี ติดทีวีจอใหญ่ได้

ด้านหลังโซฟา จัดวางโต๊ะทานข้าวหลายที่นั่ง ไว้ให้มาดินเนอร์พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัวได้สบาย ชะเง้อมองทีวีได้ไม่ขาดตอนด้วย จะเห็นว่ามีหน้าต่างให้แสงธรรมชาติเข้าได้ตลอดวัน บ้านสว่างๆ นี่เพิ่มความน่าอยู่นะ

มาที่โซนครัวซึ่งวางงานระบบให้เรียบร้อยที่โซนด้านหลังครับ นี่เค้าตกแต่งไว้ให้ดู สามารถบิ้วท์เคาน์เตอร์ ตู้เก็บของได้เยอะเลยล่ะ จะทำเป็นบาร์เพิ่มเก้าอี้ซัก 2 ตัวไว้มาดื่มมาดริ้งค์ได้เหมือนกัน หรือใครชอบครัวปิด จะติดบานเลื่อนกระจกก็ทำได้ ด้านซ้ายใต้บันไดมีห้องเก็บของให้ครับ ส่วนด้านขวามีประตูเปิดไปโซนซักล้างหลังบ้านที่จุดนี้

จากมุมนี้จะเห็นฟังก์ชันของบ้านชัดขึ้นครับ จากประตูทางเข้าสีน้ำตาลขนาดใหญ่สีสวย ที่อยู่ถัดกันก็คือห้องอเนกประสงค์ที่ชั้นล่าง ซึ่งใกล้กับห้องน้ำ ส่วนบันไดจะอยู่ตรงกลางบ้าน เดี๋ยวเราแวะไปดูห้องนี้ก่อนขึ้นชั้น 2 กัน

ห้องนี้เค้าตกแต่งให้ดูเป็นห้องทำงานครับ ถ้าใครต้องการ Workspace ส่วนตัว หรือมี Passion กับการสร้างธุรกิจของตัวเอง การมีห้องทำงานที่บ้านก็ช่วยให้โฟกัสกับงานได้เต็มที่ ส่วนใครมีผู้สูงอายุอยู่ด้วย จะทำเป็นห้องนอนชั้นล่างแทนก็ได้นะ อยู่ใกล้กับห้องน้ำเลยครับ

ห้องน้ำข้างๆ ก็เป็น Full Function อาบน้ำได้ครบจบ ตกแต่งด้วยโทนสีขาวสะอาดตา จะติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มแบบนี้ก็ได้ขึ้นไปดูที่ชั้น 2 กันต่อเลย

ขึ้นมาจะเจอกับโถงอเนกประสงค์กว้างๆ แบบนี้ เฮ้ย ไอเดียดี เค้าจัดเป็นจุดออกกำลังกาย ฟิตเนส โยคะที่บ้านได้เลย ผมยืนแล้วก็นึกกันกับน้องว่า ถ้าเราเป็นเจ้าของบ้าน จะจัดโซนตรงนี้เพื่อทำกิจกรรมอะไรกันดี ห้องเล่นเกม หรือจะปิดห้องทำเป็น Mini Theater ไปเลย การมีพื้นที่ใช้งานเยอะ ก็สนุกกับการจัดฟังก์ชันเหมือนกันนะ แล้วเพื่อนๆ อยากจัดเป็นอะไรกันบ้าง

ด้านข้างมีระเบียงด้วยครับ สามารถปลูกต้นไม้ดอกไม้ที่เราชื่นชอบ เค้าดีไซน์ด้วยวางโต๊ะเก้าอี้สไตล์บาร์เพิ่มที่นั่งรับลมจิบชาเปลี่ยนบรรยากาศ ส่วนนี้แหละที่ติดกับระเบียงบ้านข้างๆ เป็นตัวคั่นไม่ให้ส่วนพักผ่อนในบ้านของเราชิดกับบ้านข้างๆ เกินไป ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านเดี่ยวนั่นเองครับ

ไปดูอีก 2 ห้องนอนที่อยู่บนชั้นนี้กันต่อ เริ่มที่ห้องฝั่งขวานี่ก่อนเลยครับ

ห้องนอนแรก ผมเปรียบว่าเป็นห้องนอนของลูกสาวคนโต ก็มีพื้นที่ในแนวสี่เหลี่ยมแบบนี้ครับ วางเตียง Queen Size หรือจะ King Size ก็ยังได้อยู่นะ

จัดวางโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าได้ครบฟังก์ชันครับ

มีห้องน้ำคั่นระหว่างห้องนอนทั้ง 2 ห้องครับ

ต่อมาอีกฝั่งนึงเป็นห้องลูกสาวคนเล็ก ที่มีห้องน้ำในตัวเลยครับ ห้องนี้จะออกไปทางยาว ซึ่งผมชอบการตกแต่งของเค้านะ ฝั่งนึงทำเป็น Day Bed ฝั่งตรงข้ามกันเป็นเตียง 2 ชั้นที่ด้านล่างเป็นตู้เสื้อผ้า เด็กๆ ชอบแน่นอน น่ารักจริงๆ

ขึ้นมาที่ชั้น 3 ชั้นบนสุดกันต่อ เป็นเหมือนชั้นสำหรับเจ้าของบ้านไปเลยฮะ สะดวกสบายในการใช้ชีวิต เพราะมีห้องนั่งเล่น และห้องนอนครบหมด ตรงโถงบันไดยังทำชั้นวางพระได้ด้วยนะ

มาดูฝั่งส่วนนั่งเล่นกันก่อน ตื่นเช้าเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการมาดริปกาแฟ เอนกายบนโซฟา พร้อมเปิดทีวีดูข่าวสารบ้านเมืองได้แบบไม่ต้องขึ้นลงบันไดเลยล่ะ เหมาะกับคนที่ชอบสะลึมสะลือในยามเช้าแล้วยังไม่พร้อมเจอใครอย่างมาก ฮ่าๆ

อีกฟากนึงอยู่ตรงข้ามกัน เค้ากั้นผนังห้องนอนไว้เป็นผนังทึบ เดินเข้าประตูมาก็เจอห้องนอนขนาดใหญ่ตะโกน วางเตียงคิงไซส์พร้อมโซฟาที่ปลายเตียงได้ ยังไม่หมดนะ

ตรงข้ามเตียงยังมีโต๊ะเครื่องแป้ง และมุมนั่งเอนกายชมนกชมไม้ได้อีกครับ

แน่นอนว่าพื้นที่ให้ทำ Walk-In Closet นี่เป็นสวรรค์ของสาวๆ ปกติฟังก์ชันแบบนี้ใส่ในบ้านแฝดหายาก อันนี้มีให้จัดวางได้สวยงาม เสื้อผ้าและเครื่องประดับมีเยอะก็ไม่ต้องแย่งกัน แบ่งกันใช้คนละฝั่งได้เลยล่ะ มีห้องน้ำในตัว อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ลงไปข้างล่างทีเดียว สะดวกสบาย

ห้องน้ำข้างในนี้ก็กว้างนะ ได้กระจกบานใหญ่ พร้อมกับช่องแสงเปิดระบายอากาศได้ด้วยก็ครบแล้วครับกับบ้านแบบแรก Topaz ที่ใหญ่ที่สุดของโครงการ

ถัดมาเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น อย่าง Jadess พื้นที่ใช้สอย 169 ตร.ม. มี 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ จอดรถได้ 2 คัน มีหน้ากว้าง 5.5 ม. เลยครับ

จุดเด่นของรูปแบบนี้นอกจากหน้ากว้าง เค้ายังเอาห้องนั่งเล่นและครัวขึ้นไปไว้ที่ชั้น 2 ของบ้าน ชั้นล่างก็จะสามารถใช้งานอย่างอื่นได้เต็มที่ ต่อเติมข้างหลังบ้านก็ยังทำได้ ส่วนชั้นบนสุดเป็นห้องนอนทั้งชั้นได้ความเป็นส่วนตัวครับ

เข้าประตูมาเจอกับจุดที่เค้าทำเป็นที่นั่งพักน่ารักๆ แบบนี้ ตรงนี้จะไว้นั่งถอด-ใส่รองเท้า หรือไว้เช็คความเรียบร้อยก่อนออกจากบ้านก็ได้นะ

ชั้นล่างทั้งชั้นนี่จะยืดหยุ่นมากครับ สามารถจัดวางฟังก์ชันได้ตามใจ ที่นี่เค้าทำเป็นห้องนอนไว้ให้ดู ซึ่งจะปรับเป็นห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น หรือห้องไว้ทำกิจกรรมพบปะสังสรรค์กับครอบครัวก็ได้ หรือจะทำเป็นห้องนอนคู่ไปเลยก็ไม่มีปัญหา เรียกว่ามิติใหม่ของทาวน์โฮมไปเลย

จากห้องนอนเมื่อกี้ เค้ากั้นผนังอิฐมวลเบาไว้ให้ ถ้าอยากได้ความกว้างชั้นล่าง สามารถทุบให้เป็น Open Plan ก็ยังได้ ส่วนจุดนี้เค้าก็จัดวางเคาน์เตอร์บาร์ไว้ให้ปาร์ตี้เล็กๆ ได้ โดยในบ้านมาตรฐาน ผนังจะสุดที่ตรงกระจกครับ เค้าต่อเติมด้านหลังให้ดูเป็นตัวอย่าง

ตรงนี้คือห้องที่เค้าต่อเติมเพิ่มมา เป็นห้องอเนกประสงค์สำหรับพักผ่อนครับ ซึ่งถ้าอยากจะต่อเติมแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเค้าลงเสาเข็มความสูงเท่าตัวบ้านไว้ให้เรียบร้อย

เห็นอย่างนี้ ห้องน้ำข้างล่างนี่ Full Function นะ อาบน้ำได้ด้วย บ้านแฝดบางที่ห้องน้ำชั้นล่างยังได้แค่ Powder Room เลย ติดฝักบัวไม่พอ

ขึ้นไปดูชั้น 2 กันต่อครับ

เดินขึ้นมาบันไดก่อนจะเข้าห้องเค้ามีระเบียงที่เราสามารถทำ Pocket Garden ได้ ทำให้แม้จะอยู่ชั้น 2 เราก็ยังได้เห็นสีเขียวของต้นไม้ช่วยเจริญหูเจริญตา

มาถึงโซน Grand Living ที่กว้างขวางโอ่อ่า ตรงนี้สามารถวางโซฟาตัว L ขนาดใหญ่ได้เลย มีหน้าต่างบานเลื่อนกระจกที่เปิดม่านชมพืชพันธุ์แสนรักใน Pocket Garden เมื่อกี้ได้ทุกวัน ส่วนหน้าต่างช่องแสงก็ขนาดกำลังเต็มพื้นที่

นี่เลยครับหันกลับไปอีกฝั่งเราจะได้เห็น โซนทานข้าวที่วางไว้ได้แบบ Long Table มีห้องครัว และห้องน้ำอยู่ด้านหลัง ครบจบบนชั้นนี้ นี่คือความพิเศษของบ้านหลังนี้ที่ให้อารมณ์ยกบ้านขึ้นมาเริ่มต้นจริงๆ ที่ชั้น 2 ส่วนพื้นที่ชั้น 1 จะทำอะไรก็ตามต้องการ นี่จัด Chef Table ในบ้านสบายเลยนะเนี่ย

ห้องครัวเค้าก็วางงานระบบไว้ให้เรียบร้อยตรงนี้นะ มีหน้าต่างเปิดระบายอากาศได้ แล้วเค้าบิวท์ซ่อนตู้เย็นไว้เนียนกริบ ทำแบบนี้ส่วนครัวก็คลีนสวยเลย

ห้องน้ำชั้นนี้สเกลลดลงมาหน่อยเป็น Powder Room นะครับ แต่ไซส์กระจกไม่ลดนะ แถมได้ช่องแสงเปิดระบายอากาศได้อีก ห้องน้ำนี้ไม่อับชื้นเลย

บนบันไดเนี่ยมีช่องแสงจากด้านหลังด้วยนะครับ เป็นจุดสำคัญของทาวน์โฮมที่ทำให้บ้านไม่ทึบไปชั้นพิเศษของเจ้าของบ้านกันต่อเลย

ขึ้นมาที่ชั้น 3 เป็นพื้นที่ของห้องนอนหลักครับ ชั้นนี้มีระเบียงด้านหน้าให้ทำสวน ผมกำลังนึกภาพว่าถ้าผมเป็นเจ้าของบ้าน จะปิดตรงนี้เป็นสวนตู้กระจก เน้นพืชพันธุ์ที่ความชื้นสูง มีเครื่องพ่นหมอก เวลานอนมองผ่านบานกระจกคงจะชุ่มชื่นหัวใจดีเลย ที่เห็นเหมือนระเบียงด้านหลังก็เอาไว้วางคอมเพรสเซอร์แอร์ครับ

มาดู Master Bedroom Floor สุดอลังการกันครับ มีเตียงขนาดใหญ่ และโซฟาตัวยาวเป็นโซนนั่งเล่นครบ ยังมีพื้นที่เหลือให้นอนกลิ้งได้ ผมว่าการที่พื้นที่กว้างมีหลายฟังก์ชันมันช่วยลดการเดินขึ้นลงภายในบ้านได้นะ อย่างบ้านนี้วันหยุดหิวก็ลงไปชั้นเดียว นั่งดูทีวีก็ลงไปชั้นเดียว หรือจะกลิ้งอยู่ในห้องก็ได้ ไม่ต้องเดิน 3 ชั้นให้เมื่อย

Walk-In Closet มาในแนวยาว บิ้วท์ตู้เก็บของแบบจัดเต็มได้เลย ใครสะสม Art Toy บรรดาลาบูบู้สีเขียว สีชมพูที่ของมันต้องมี ก็ทำตู้กระจกใส่ไว้ดูเล่นด้วยความภาคภูมิใจว่าเราต่อสู้และชนะกับการจองมาได้ ฮ่าๆ และมีห้องน้ำในตัวเช่นกันครับ

ห้องน้ำนี้กว้างเลย แถมมีช่องแสงขนาดใหญ่ทั้ง 2 ฝั่ง ห้องน้ำที่นี่ก็เป็นจุดเด่นที่เค้าไม่ได้บอกในโบรชัวร์แต่ผมชอบแฮะ

จบไปอีกหนึ่งรูปแบบ พร้อมกับภาพน้องนั่งเอนกายสำราญใจเสมือนเป็นบ้านตัวเอง

และรูปแบบสุดท้ายของที่นี่คือ Lapis ขนาด 143 ตร.ม. ประกอบด้วย 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และ 2 ที่จอดรถ เป็นรูปแบบเริ่มต้นที่จัดสรรมาได้ลงตัวกำลังพอดีครับ โครงการไม่ได้ทำบ้านตัวอย่างไว้ แต่ผมขอเอาแปลนมาให้ชมกัน

  • ชั้นล่างมีโซน Living โซนทานข้าว และครัว ซึ่งสามารถต่อเติมหลังบ้านได้เพราะเค้าลงเสาเข็มไว้เรียบร้อยเช่นกันนะ มีพื้นที่ให้ทำสวนเล็กๆ เพิ่มพื้นที่สีเขียวในบ้านได้ด้วย
  • ชั้น 2 มี 2 ห้องนอนและมีห้องอเนกประสงค์ ไว้ทำเป็นโซนพักผ่อน หรือจะทำเป็นห้องนอนอีกห้องก็ได้ครับ
  • ชั้น 3 บนสุด เป็น Master bedroom ขนาดใหญ่เต็ม Floor ได้ความเป็นส่วนตัว มีบันไดคั่น บ้านเราก็แทบจะไม่ติดบ้านข้างๆ แล้วครับ เลิศ

มาดู Facilities ในโครงการกันสักหน่อยก่อนกลับครับ อย่างที่บอกว่าบรรยากาศโครงการสำคัญต่อการตัดสินใจของผมมาก และสิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้เลยเมื่อเข้ามาคือความร่มรื่นและผ่อนคลายนี่แหละ จุดแรกเริ่มที่ Clubhouse ของเค้า มีสระว่ายน้ำสีฟ้าใสทั้งสระเด็กและผู้ใหญ่ พร้อมโต๊ะเก้าอี้ไม้หวาย สีฟ้ากับสีไม้อ่อนที่ตัดกัน แค่มองก็สบายใจแล้ว

เข้ามาที่ Co-Working Space มีจุดที่เป็น Double Volume สูงโปร่งด้วยนะ มานั่งพักผ่อน ทำงาน หรือนั่งรอพี่รอน้องว่ายน้ำ ตากแอร์ในนี้ก็ได้ครับ

ขึ้นมาชั้น 2 มี Kids Room และ Fitness 24 ชม. ผมว่าดีเลยนะครับ บางทีเลิกงานกว่าจะกลับถึงบ้านก็ค่ำแล้ว ที่นี่เปิดตลอด ว่างตอนไหนก็มาออกกำลังกายได้

จุดสังเกตนิดนึงก็คือ สระว่ายน้ำยกระดับขึ้นมาจากผิวถนน ตรงนี้ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการว่ายน้ำให้มากขึ้นด้วยครับ

เดินไปข้างโครงการผ่านสวนสีเขียวขนาดใหญ่ พร้อมศาลาให้นั่งผ่อนคลายรับลมฟังเสียงนกจิ๊บๆ และมีกิจกรรมสำหรับน้องๆ หนูๆ วัยกำลังเรียนรู้ ในโซน Outdoor ซึ่งจัดทำพื้นรองรับแรงกระแทกเอาไว้ด้วยครับ

ตรงนี้ร่มรื่นดีทีเดียว มีที่นั่งพักผ่อนกลางพาวิลเลี่ยนแบบ Semi-outdoor ด้วย

นอกจากส่วนกลางของคน เค้าก็ไม่ลืมที่จะนึกถึงพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง อย่าง Pet Park ตรงนี้ มีประตูมีรั้วรอบขอบชิด จะน้องหมาน้องแมวก็มาวิ่งเล่นได้ เค้าถึงกับใส่ตาข่ายไว้โดยรอบด้วยนะเพื่อความปลอดภัยไม่ให้หลุดออกมาง่ายๆ

แผนที่ของโครงการครับ อยู่ในซอยพหลโยธิน 71 ใกล้สนามบินดอนเมือง มีห้างทั้ง Big C, Makro และ Lotus’s ครบ เดินทางเข้าออกเมืองก็สะดวก ไปขึ้นทางด่วนที่ถนนวิภาวดีรังสิต หรือใช้เส้นพหลโยธินก็ได้ ซึ่งบนเส้นนี้มีรถไฟฟ้าสายสีเขียวสายหลักด้วย

และเท่านี้ครบจบจุใจแล้วล่ะครับสำหรับรีวิวในวันนี้ ผมชอบในบรรยากาศความน่าอยู่ และการออกแบบพื้นที่ภายในที่ยืดหยุ่นของบ้าน ที่ให้เจ้าของบ้านได้ออกแบบ เติมเต็มพื้นที่ความสุขของตัวเองได้ตามไลฟ์สไตล์และความชอบ ในบรรยากาศร่มรื่นปลอดภัย ถ้าดูรูปแล้วถูกใจอยากชวนให้ทุกคนไปชมของจริงกัน ที่นี่ “บ้านกลางเมือง พหลโยธิน-วิภาวดี” ครับ

ส่วนกลางเค้าร่มรื่นมากก มองไปเห็นต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวแล้วรู้สึกผ่อนคลายดีนะ

ห้อง Master Bedroom ชั้นบนสุดของบ้านแฝด Topaz ก็อลังการแบบนี้เลย

เป็นไอเดียสวยๆ ในการแต่ง Walk-In Closet ครับ จุของได้เยอะ แบ่งฝั่งซ้ายขวาของคุณผู้หญิงคุณผู้ชายได้

ชั้นแรกของทาวน์โฮม Jadess ที่ Flexible มากๆ จัดฟังก์ชั่นบ้านได้ตามใจ

ทาวน์โฮมแบบ Jadess ที่ยกโซน Living & ครัว ขึ้นมาไว้ชั้น 2 และ Master Bedroom ที่ชั้น 3 แบบเต็ม Floor เก๋มากก