การเป็นเจ้าของคอนโดสุดรักสักที่ เมื่อถึงคราวโยกย้าย ก็คงทำได้แค่โบกมือลาแล้วเดินหน้าต่อ แต่ในมุมของคนที่จะเข้ามาอยู่ใหม่นั้น จะแค่ชี้ห้องที่ถูกใจแล้วหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่เลยก็คงไม่ได้…..วันนี้ผมเลยอยากจะมาแชร์วิธีการและขั้นตอนต่างๆ สำหรับคนที่กำลังมองหาที่อยู่ใหม่อย่างคอนโดมือสอง ให้เข้าใจกันง่ายๆ ว่าต้องเตรียมตัวยังไง เพื่อให้ได้ห้องที่ถูกใจ อยู่ได้อย่างไร้กังวลครับ
ขั้นตอนแรกคงหนีไม่พ้นการวางเป้าหมาย ตั้งคำถามแล้วค่อยๆ ไล่หาคำตอบว่าอะไรที่ตอบโจทย์ความต้องการของเราบ้าง เช่น ทำเลคอนโด, ขนาดห้อง, งบประมาณ ฯลฯ โดยสามารถหาห้องมือสองได้ตามเว็ปไซต์ หรือ facebook กลุ่มซื้อขายต่างๆ ซึ่งก็จะมีเจ้าของห้องมาโพสต์ขายกันเยอะมากครับ
ห้องที่ดูไว้ใจได้ก็จะต้องลงรายละเอียดไว้ครบถ้วน ทั้งรูปแบบห้อง รูปภาพจริง สิ่งอำนวยความสะดวก ราคาขายและช่องทางติดต่อ หากเราเจอห้องไหนถูกใจ ก็เริ่มโทรคุยเบื้องต้นก่อนได้เลย ซึ่งก็มีทั้งที่เป็นเจ้าของห้องโดยตรงเลย หรือบางคนก็จะใช้นายหน้าอสังหาฯ หรือเอเจนท์นั่นเองครับ (สำหรับเจ้าของห้องก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากค่านายหน้าที่ต้องจ่ายไป ทำให้ราคาห้องที่ไม่รวมค่าเอเจนท์อาจถูกกว่านี้ แต่เอเจนท์ที่ดีก็จะช่วยอำนวยความสะดวกให้เราได้ห้องที่ถูกใจเร็วขึ้น และช่วยจัดการเรื่องเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ทั้งหมดครับ)
เมื่อเลือกห้องที่ใช่ (สภาพห้องและผู้ขายเป็นที่น่าพอใจ) ได้แล้วเราก็มาเริ่มดำเนินการในขั้นตอนสำคัญต่อไปกันเลย
1. ร่างสัญญาจะซื้อจะขาย ในกรณีที่ตกลงซื้อขายกันผ่านเอเจนท์กระบวนการนี้ก็จะสะดวกหน่อยเพราะเค้าจะทำให้เราหมดครับ โดยรายละเอียดด้านในควรระบุเอาไว้ชัดเจนเกี่ยวกับระยะเวลาในการซื้อขาย, เงินค่ามัดจำ, สิ่งที่ผู้ขายให้ภายในห้อง, ราคาซื้อขาย, กำหนดวันโอน (โดยส่วนใหญ่จะประมาณ 1 เดือนหลังวันทำสัญญา อันนี้ช่วยไม่ให้ผู้ขายเสียโอกาสนานเกินไปด้วยครับ) และข้อตกลงอื่นๆ ที่ทำร่วมกัน พร้อมทั้งมีการลงนามสองฝ่ายและพยาน ผู้ซื้อและผู้ขายเก็บสัญญากันไว้คนละชุด ควรแนบสำเนาบัตรประชาชนของทั้งคู่ และหน้าโฉนดห้องเอาไว้ด้วย
*ในส่วนของผู้ขายเองหากได้รับมัดจำแล้ว ไม่ควรนำห้องไปขายให้คนอื่น
(ตัวอย่างสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด >> https://bit.ly/32nU7Hm)
2. กรณีผู้ซื้อต้องกู้แบงค์ และผู้ขายยังคงผ่อนแบงค์อยู่ ผู้ซื้อจะต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการยื่นขอสินเชื่อ โดยเบื้องต้นก็จะมี สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านของทั้งสองฝ่าย, สำเนาโฉนดห้อง, หนังสือรับรองเงินเดือนผู้ซื้อ 3 เดือนย้อนหลัง และสัญญาจะซื้อจะขายในข้อ 1 ส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณไม่เกิน 1 เดือนในการรอผลอนุมัติ และเมื่อกู้ผ่านเรียบร้อย ก็จะเป็นขั้นตอนของการเตรียมโอนกรรมสิทธิ์ครับ
(ตรวจสอบราคาประเมิณที่ดินเบื้องต้นได้ที่ลิงค์นี้ >> https://bit.ly/3Ezk836)
3. ทั้งสองฝ่ายเดินทางไปกรมที่ดิน โดยจะมีเจ้าหน้าที่ธนาคารนำเอกสารมาให้ลงนามด้วย จากนั้นผู้ซื้อจะนำโฉนดห้องตัวจริงยื่นให้เจ้าหน้าที่เผื่อทำการเปลี่ยนใบใหม่ให้เป็นซื้อผู้ซื้อครับ
4. สำหรับผู้ขายจำเป็นห้องชำระค่าภาษีต่างๆ ด้วย (ซึ่งส่วนใหญ่ ผู้ขายก็จะคำนวนค่าภาษีเหล่านี้ไว้ในราคาห้องแล้ว) โดยหลักๆ จะต้องเสีย ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย, ภาษีธุรกิจเฉพาะ, ค่าอากรแสตมป์, ค่าจดจำนอง และค่าธรรมเนียมการโอน (จะออกคนละครึ่งหรือผู้ซื้อออกฝ่ายเดียว ขึ้นอยู่กับข้อตกลง คิดเป็น 2% ของราคาประเมิน)
*ภาษีธุรกิจเฉพาะจะได้รับการยกเว้นก็ต่อเมื่อ เป็นเจ้าของคอนโดเกิน 5 ปี หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเกิน 1 ปี ดังนั้นใครยังไม่เคยย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านที่คอนโดตัวเอง แล้วต้องการขายก็จำเป็นต้องสียภาษีตรงนี้ 3.3% ของราคาประเมินเลยทีเดียวครับ
5. ลงนามโอนกรรมสิทธิ์กันแล้ว เจ้าหน้าที่ธนาคารฝั่งผู้ซื้อจะนำเช็คที่ผู้ซื้อกู้ผ่านไปให้กับทางธนาคารฝั่งผู้ขาย ถือเป็นการจ่ายตังค์ซื้อขายห้องชุดกันเรียบร้อย จากนั้นผู้ซื้อจะได้รับเอกสารสำคัญอย่าง สัญญาซื้อขาย, โฉนดห้อง และกุญแจต่างๆ กลับมาครับ
อ้อ แล้วอย่าลืมว่าก่อนจะไปโอนควรตรวจสอบให้ดีว่าผู้ขายได้ทำการปลดหนี้ต่างๆ ที่มีไว้กับทางคอนโดเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่าส่วนกลางต่างๆ โดยจะต้องมีใบปลดหนี้ที่มีลายเซ็นต์ผู้จัดการนิติฯ และนำใบปลดหนี้นั้นไปในวันโอนด้วยครับ (ใบปลดหนี้มีอายุ 7 วันเท่านั้น) และผู้ขายยังต้องทำการโอนมิเตอร์ไฟฟ้า, โทรศัพท์ ให้เรียบร้อยด้วย ส่วนถ้าผู้ขายมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านอยู่แล้วก็แค่ทำเรื่องออกจากสำนักงานเขตครับ
อันที่จริงเอกสารและขั้นตอนต่างๆ มีรายละเอียดค่อนข้างมาก สำหรับมือใหม่การเลือกซื้อขายผ่านนายหน้าก็ดูจะช่วยลดปัญหาและประหยัดเวลาได้ครับ ส่วนการเลือกห้อง และการตัดสินใจต่างๆ ตัวเราเองนี่แหละ ที่ต้องดูให้ดีก่อน เพราะต่อให้เป็นคอนโดมือสองที่มีราคาถูกกว่าซื้อใหม่ แต่ก็ยังคงเป็นเงินก้อนใหญ่ ที่สำคัญที่แห่งนี้กำลังจะเป็นกลายมาเป็นบ้านหลังใหม่ที่เราต้องใช้ชีวิตในทุกๆ วัน ดังนั้นเลือกที่ๆ ใช่ ใช้เวลาในการหาข้อมูลให้เพียงพอ เตรียมตัวเลือกให้มากกว่าหนึ่ง ตรวจสอบสภาพห้อง เหตุผลของการขาย ตรวจสอบเอกสารให้ถี่ถ้วน เพื่อให้เรามั่นใจได้ว่าจะสามารถอยู่อาศัยได้อย่างมีความสุขทั้งยามนอนและตอนตื่นนั่นเองครับ
ผมหวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์สำหรับใครกำลังวางแผนปรับเปลี่ยน ขยับขยายย้ายที่อยู่ หรือกำลังจะซื้อคอนโดมือสองพอได้เห็นภาพรวมและการเตรียมตัวต่างๆ ไว้บ้างนะครับ ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยอาจจะมีเพิ่มเติมจากนี้อีกนะครับ ท่านใดมีข้อเสนอเเนะก็สามารถคอมเมนต์ บอกต่อกันมาได้เลย เพราะเราไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่จะได้เจอห้องที่ชอบในเวลาที่ใช่ ดังนั้นเตรียมพร้อมไว้ อุ่นใจแน่นอนครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก: ddproperty, Plus+
#livingsneakpeek #sneaklife #SneakTips #คอนโดมือสอง #คู่มือซื้อคอนโดฉบับมือใหม่