ผมเริ่มขีดๆ เขียนๆ บทความนี้หลังจากซื้อและโอนคอนโดที่เอาไว้อยู่เองเสร็จเรียบร้อยไปเมื่อวันก่อนครับ เรียกว่าฉิวเฉียด พรก.ฉุกเฉินไปนิดเดียว ฮ่าๆ ก่อนอื่นต้องบอกว่ามุมมองและความคิดเห็นนี้ ไม่ได้มากจากนักลงทุน ไม่ใช่เป็นผู้ประกอบการด้านอสังหาฯ แต่มาจากคนหาที่อยู่อาศัยเพื่ออยู่เองคนหนึ่งครับ ซึ่งก็เป็นเรื่องราวที่เราสะท้อนผ่านเพจ Living Sneak Peek ที่ทำเพื่อคนกำลังหาและรักที่จะดูเรื่องราวเกี่ยวกับที่อยู่และการอาศัยเหมือนกันตลอดมา
“ทำไมตอนนี้ถึงเป็นเวลาทองของการหาที่อยู่อาศัย?” จริงๆ ถ้าย้อนไปหลายปีก่อน เราก็จะได้เห็นทั้งช่วงขาขึ้นและขาลงของแวดวงอสังหาฯ อยู่เรื่อยนะครับ เป็นเสมือน Cycle ของธุรกิจทั่วไปที่มีทั้งขึ้นและลงเช่นกัน หลายครั้งก็เกิดจากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ สังคม หรือการเมืองที่มีผลต่อการตัดสินใจของทั้งคนซื้อและคนขาย ในช่วงที่บูมมากๆ เราได้เห็นการต่อคิว การซื้อขายใบจอง แม้กระทั่งรับจ้างต่อคิวกันจนชินตา แต่สำหรับในมุมมองคนซื้อแล้ว การจะซื้อของในช่วงที่คนขายรู้ว่ายังไงก็ขายได้ นั้นดูเหมือนเราจะไม่ค่อยมีอำนาจต่อรองเท่าไหร่นะครับ
แต่ในช่วงที่ผ่านมาไทยพบเจอกับสถานการณ์ที่ส่งผลลบต่อเศรษฐกิจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ปี 2019, สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ, การแข็งตัวของค่าเงินบาท ฯลฯ แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนอย่าง COVID-19 นั้นส่งผลกระทบต่อทั้งโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ธุรกิจหลากหลายได้รับผลทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ซึ่งอสังหาริมทรัพย์ ก็เป็นอีกหนึ่ง Sector ที่ชะลอตัวลงเช่นกันครับ แต่ในช่วงวิกฤติมันก็มีโอกาสอยู่ ไม่ใช่โอกาสในการทำกำไรนะครับ แต่เป็นโอกาสทองของคนที่มีแผนหาที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว ที่จะได้ซื้อของที่ราคาเหมาะสม ได้โปรโมชั่น และได้รับดอกเบี้ยคุ้มค่าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในรอบหลายปี ซึ่งผมก็พบสิ่งที่น่าสนใจในช่วงเวลานี้ที่อยากมาแชร์กันครับ
1. ดอกเบี้ยนโยบายของไทย ต่ำสุดในรอบ 20 ปี การตัดสินใจของหน่วยงานรัฐนี้ก็เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และถ้าใครอยากจะกู้ซื้อบ้านนี่ก็เป็นนาทีทองของแท้ที่จะได้รับดอกเบี้ยเงินกู้ที่ถูกมาก อย่างผมเองได้รับเงินกู้ลอยตัวที่อิงกับ MRR สัปดาห์ก่อนยังได้ดอกเบี้ย 2.6 อยู่เลย เพียงแค่สัปดาห์เดียวดอกเบี้ยลดลงเหลือ 2.48 เพราะแบงค์ใหญ่หลายแบงค์ลดเรต MRR มาอีก และคาดว่าคงอยู่ในระดับต่ำไปอีกสักพักใหญ่ๆ เลยทีเดียวครับ
2. ราคาโครงการใหม่สมเหตุสมผลมากขึ้น ข้อนี้ก็เป็นเพราะผู้พัฒนาโครงการต่างๆ รู้ว่าในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ไม่ได้ขายได้ง่ายๆ ครับ การจะตั้งราคาสินค้าก็จะต้องสะท้อนวิธีคิดของคนซื้อในช่วงเวลานี้เช่นกัน เราจึงได้เห็นโครงการที่เปิดตัวใหม่นั้นจับกลุ่มตลาดคนอยู่จริงมากขึ้น ประกอบกับเทคโนโลยี และสภาพการแข่งขันในตลาด ก็ทำให้ผู้ประกอบการเน้นพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพเหมาะสม มีดีไซน์ใหม่ๆ และเติมสเปคต่างๆ ที่ดีขึ้น เพื่อดึงดูดใจคนซื้อมากกว่าในราคาที่จับต้องได้เหมือนเดิม
3. มีโครงการพร้อมเข้าอยู่ให้เลือกช้อปหลายหลาย ซึ่งเป็นผลพวงจากเศรษฐกิจชะลอตัวที่ผ่านมา ในตลาดตอนนี้จึงยังมีโครงการแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่เหลืออยู่พอสมควร หรือที่เค้ามักเรียกในข่าวว่า สินค้า Inventory จึงเป็นโอกาสของคนที่อยากเห็นโครงการจริง สภาพแวดล้อมจริงได้ไปเลือกดูและช้อปจนกว่าจะได้ที่ที่เราพอใจ แถมไม่ต้องลุ้นวัดดวงว่าโครงการจะไม่ตรงปกหรือไม่ ที่สำคัญสามารถตรวจห้องและรับโอนได้แบบเป็นส่วนตัวด้วย เพราะตอนนี้ไม่ต้องไปวุ่นวายกับใครเขาครับ ฮ่าๆ
4. โปรโมชั่นจัดเต็มปูพรมเพื่อรองรับคนโอน ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว เรื่องนี้ผมสัมผัสได้จากการไปดูโครงการต่างๆ ก่อนตัดสินใจ เพราะในช่วงเวลานี้เค้าก็อยากได้ลูกค้าที่พร้อมโอนกันทั้งนั้นครับ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เราเคยต้องเสียในช่วงเวลาปรกติ อย่าง ค่าใช้จ่ายวันโอน ค่าจดจำนอง, ค่าส่วนกลาง, ค่ากองทุน หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องก่อน Move-in นี่แทบจะไม่ต้องเสียเลย ยังไม่นับพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า, Cash Back, ทองคำ และสารพัดโปรอื่นๆ ที่ทุกโครงการต่างประเคนเพื่อให้เราตัดสินใจเลือกได้ง่ายมากขึ้น
5. เทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารที่ทำให้การหาข้อมูลง่ายขึ้นโดยไม่ต้องออกจากบ้าน สิ่งนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับหลายคนที่เคยใช้ Social Media หรือเวปไซต์ (รวมถึงเพจเราด้วยฮ่าๆ) ในการหาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการที่น่าสนใจมาก่อนนะครับ แต่ถ้าใครที่ยังไม่เคยใช้ก็สามารถปรับตัวได้ไม่ยาก มันก็เหมือนกับที่เราเคยไปนั่งกินข้าวที่ร้านอาหาร เปลี่ยนมาสั่งแบบ Delivery สำหรับการหาบ้าน หรือคอนโด ก็มีตัวช่วยเกี่ยวกับการหาข้อมูล มีทั้งแบบรูปภาพ VDO บางที่ก็มี Live จนสามารถลงทะเบียนแล้วให้โครงการติดต่อหาเราได้เลย ก็ทำให้ลดการไปติดต่อด้วยตัวเองตามโครงการต่างๆ ลงไปได้อีก ปลอดภัยด้วยครับ
ผมอยากจะบอกว่าช่วงเวลานี้อาจจะไม่ใช่ช่วงเวลาทองของทุกคน โดยเฉพาะคนที่เป็นนักลงทุน หรือคนที่จะตัดสินใจซื้อโดยไม่ได้มี Back Up Plan แต่สำหรับคนที่วางแผนมาก่อนแล้ว มีการแบ่งสรรปันส่วนรายได้ค่าใช้จ่ายไว้พร้อม แต่ชะงักว่าควรจะไปต่อหรือไม่ ผมคิดว่าเราสามารถทำได้ และทำได้อย่างคุ้มค่าที่สุดในช่วงเวลานี้ครับ หรือถ้ายังอยู่ในช่วงหาข้อมูลอยู่ ก็ทำต่อไปเถอะครับ ไม่ต้องหยุดความฝันเพียงเพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ช่วงนี้เราอาจจะเครียด วิตกกังวลต่างๆ นานากับสถานการณ์โรคระบาดในปัจจุบัน แต่อย่าลืมว่าชีวิตหลังโควิดจบไปก็ยังมีอยู่ ถ้าเราดูแลตัวเองดี ไม่ประมาท วางแผนอย่างรอบคอบ เราก็จะผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ด้วยดี โดยที่ไม่ต้องทิ้งความสุข และความหวังที่เป็นแรงผลักดันสำคัญในชีวิตเรา
