รีวิว “Aspire Vibha-Victory” คอนโดใกล้อนุสาวรีย์ชัยฯ ปรับ Layout ห้องใหม่หมดจด ปลดล็อคการใช้ชีวิตในแนวตั้ง 1 ห้องนอน เริ่ม 2.99 ล้าน

คอนโด Aspire Vibha-Victory

ปีนี้ถือเป็นปีที่เราได้ดู Product ของ AP Thai ที่น่าสนใจกันครบทุก Segment เลยครับ ไม่ว่าจะโครงการพร้อมอยู่สุดงามจาก The Address สยาม – ราชเทวี ตามมาด้วยขบวนโครงการใหม่ที่ถูกใจหลายคนทั้งจาก Life พหลฯ – ลาดพร้าว ที่ขนาบด้วย 2 เซ็นทรัล, RHYTHM rhythm Charoennakhon Iconic ที่พูดว่าอยู่ตรงข้ามไอคอนสยามก็เกินพอ และล่าสุดก็คือที่นี่ “Aspire Vibha – Victory” การเปิดตัวของแบรนด์ Aspire ที่มาอยู่ใจกลางเมือง นอกจากทำเลที่ทุกคนรู้จักกันดีแล้ว ขอบอกว่าใครที่ให้ความสำคัญกับ “พื้นที่” ในห้อง นี่คือคอนโดที่มาพร้อมกับ Layout ใหม่หมด โดยเฉพาะการพัฒนาห้องลอฟต์จนน่าอยู่ที่สุดที่แอสปายเคยทำมาครับ

​ทำเลและการเดินทาง

Aspire Vibha-Victory ตั้งอยู่บน ถ.ดินแดง บริเวณแยกดินแดงส่วนที่ตัดกับ ถ.วิภาวดีรังสิต อยู่ในฝั่งขาเข้าเชื่อมต่อเข้าสู่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โซนนี้รวมถนนหนทางมุ่งไปสู่พื้นที่สำคัญต่างๆ ของกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะ ราชปรารภ-เพลินจิต, ดินแดง-พระราม 9, เพชรบุรี – อโศก, พญาไท – ราชเทวี ซึ่งอยู่ใกล้ๆ อนุสาวรีย์ชัยฯทั้งหมดครับ มีทางด่วนใกล้เคียงทั้งทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษเฉลิมมหานคร และดอนเมืองโทลล์เวย์ ส่วนการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ สามารถไปขึ้น BTS สายสีเขียวได้ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ด้วย Shuttle Bus รับส่งจากโครงการเลย ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยัง Airport Rail Link ได้ในอีก 1 สถานีที่พญาไทครับ

​ถ้าอยากหาแหล่งไลฟ์สไตล์ใกล้ๆ ย่านนี้มาเดินหาของกินของช้อปปิ้งได้ในซอยรางน้ำที่มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านสะดวกซื้อ และสวนธารณะอย่างสวนสันติภาพ หรือไม่ก็ขยับไปอีกนิดในโซนอารีย์ที่มีร้านเก๋ๆ เพียบ ส่วนที่อยู่ใกล้โครงการจริงๆ จะมีตลาดศรีวนิช และร้านลุงใหญ่ไทย-อีสาน ที่ผมไปลองมาแล้วรสชาติใช้ได้เลย และจุดเด่นของโซนนี้คือมีโรงพยาบาลรายล้อมมากมาย ไม่ว่าจะ รพ.ราชวิถี, รพ.พระมงกุฎเกล้าฯ, รพ.พญาไท, รพ.รามาธิบดี, รพ.เวชศาสตร์เขตร้อน, สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติ ฯลฯ เรียกว่าเป็นเสมือน Medical Hub โซนหนึ่งของกรุงเทพฯ เลยทีเดียวครับ

​ภาพรวมโครงการ

Aspire Vibha – Victory คือการพัฒนาซีรีย์ Aspire ล่าสุดที่เห็นแล้วก็ได้เห็นถึงการยกระดับแบรนด์แอสปายไปอีกขั้น ไม่ว่าจะในเรื่องของงานดีไซน์ และการออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในห้องที่เห็นชัดเจน ผมขอเริ่มจากงานดีไซน์ก่อนก็แล้วกัน โครงการนี้สีสันหลักคือสีฟ้าเข้มที่ออกไปในโทนเข้มดูสุขุมมากขึ้น สีของตัวอาคารตัดกับกับพื้นที่สีเขียวซึ่งเป็นจุดที่เค้าให้ความสำคัญ เพื่อให้การใช้ชีวิตในคอนโดได้ Recharge ตัวเองด้วยการพักผ่อนแบบใกล้ชิดธรรมชาติอย่างเต็มที่ ผ่าน Facilities ถึง 3 ชั้น โดยเฉพาะสวนขนาดใหญ่ที่ชั้น G และ Top Floor ที่ให้ความร่มรื่นอย่างมาก ส่วนงาน Interior ก็ให้ความรู้สึกละมุนด้วยเส้นสายโค้งมนผสมผสานสีหลักเข้ากับโทนอ่อนดูพาสเทล

ที่นี่เป็นคอนโดสูง 29 ชั้น รวมห้องพักอาศัย 593 ยูนิต บนที่ดิน 2 ไร่กว่า พื้นที่ส่วนกลางทั้ง 3 ชั้นประกอบด้วย

  • ชั้น G ด้านนอกคือพื้นที่สวนรายล้อมตัวอาคารทั้งหน้าและหลัง สวนด้านหน้าออกแบบเพื่อความสวยงามมีจุดให้นั่งพักผ่อนหลากหลาย อยู่เคียงคู่กับ The Aspire Common ที่เป็นโซนสำหรับลูกบ้านให้มานั่งทำงาน พบปะสังสรรค์ ด้วยฟีเจอร์ทั้ง The Co-op Society, The Work Hub, The Chill Out และ The Green Terrace ส่วนด้านในอาคารมี The Parlour เป็นโซนพักผ่อนสไตล์คาเฟ่ให้ใช้งาน ส่วนสวนด้านหลังเป็นสไตล์ Active Garden สามารถมาออกกำลังเล่นกันได้หลากหลายส่วน ไม่ว่าจะ Strength / Endurance / Balance / Flexibility
  • ชั้น 8 เป็นพื้นที่สระว่ายน้ำพร้อมกับฟิตเนส ร่วมกับห้องพักอาศัยบางส่วนที่สามารถเดินมาใช้งานได้เลย
  • ชั้น 29 เป็นพื้นที่ที่ออกแบบเป็นสวนขนาดใหญ่ The Sky Park เกือบทั้งชั้น เป็นสวนชั้นบนของคอนโดแอสปายที่อลังการที่สุด มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา และจัดทำส่วนสำหรับนั่งเล่นอยู่โดยรอบ ส่วนในอาคารก็มี The Sky Lounge เป็นพื้นที่ชมวิวในจุดที่สูงที่สุดของคอนโดให้นั่งเย็นๆ สบายๆ ชมสวนสีเขียวได้อีกอารมณ์

รูปแบบห้องและราคา

จุดที่ผมคิดว่าน่าสนใจสำหรับโครงการนี้คือการปรับเรื่องการออกแบบ Space ภายในห้องใหม่ครับ ซึ่งสัมผัสได้จากห้องทั้ง 2 รูปแบบของที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ Simplex (พื้นที่ใช้สอยชั้นเดียว) มีทั้งแบบ

  • 1 Bedroom ขนาด 26.5 – 33 ตร.ม. ทุกห้องกั้นครัวปิดเป็นสัดส่วนหมดครับ โดยสามารถเลือกได้ว่าอยากได้พื้นที่รวมกันแบบ Open Plan, อยากได้ครัวตำแหน่งไหน อยู่ด้านหน้า หรืออยู่ติดระเบียง หรือแม้แต่กระทั่งสลับตำแหน่งห้องนอนกับห้องทำงาน โดยสิ่งที่เป็นจุดเด่นเหมือนกันคือพื้นที่ Living Area ขนาดใหญ่ให้อยู่สบายง่ายต่อการจัดวางเฟอร์นิเจอร์
  • 1 Bedroom Extra ขนาด 35 ตร.ม. นี่เป็นห้องรูปแบบใหม่ที่เค้าเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้ห้องในรูปแบบตอนลึกกว้างขวาง แถมยังได้ความยืดหยุ่นสามารถสลับพื้นที่ห้องนอน กับ Living Room ได้ ซึ่งเราจะพาไปชมห้อง Layout นี้ที่ห้องตัวอย่างด้วยครับ
  • 2 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 46 – 54 ตร.ม. ด้วยพื้นที่ 46 ตร.ม. สามารถจัดสรรให้เป็นห้องแบบ 2 ห้องนอนได้แล้ว และห้องขนาด 53 ตร.ม. ขึ้นไปจะได้ห้องแบบหน้ากว้างครับ
  • 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 55.5 – 60 ตร.ม. ห้องนี้ใหญ่ที่สุดในโครงการ ห้องขนาด 55.5 ตร.ม. จัดวางสเปซได้สวย ส่วนขนาด 60 ตร.ม. ก็จะได้ Master Bedroom ขนาดใหญ่อลังการครับ

​ส่วนห้องในรูปแบบ Vertiplex ที่มีพื้นที่ใช้สอย 2 ชั้น ในโครงการนี้มีให้จิ้มเลือกตั้งแต่ชั้น 22 ไปจนถึง ชั้น 28 แบ่งเป็น 7 Layout แตกต่างกันตามขนาดพื้นที่ใช้สอยชั้นล่าง พื้นที่ตั้งแต่ 26 – 46 ตร.ม. และเป็นห้องไฮไลต์ที่เค้าทำเป็นห้องตัวอย่างด้วย แบ่งสัดส่วนพื้นที่ภายในได้ดี และมีห้องน้ำแบบ Powder Room ให้ใช้ในชั้นบนด้วย สะดวกสำหรับคนที่ตื่นมาเข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัวง่ายๆ แถมเป็นขนาดที่ใช้งานได้จริงครับ จะเป็นยังไงคลิกเข้าไปชมด้านในกันนะ ห้องที่นี่ขายในรูปแบบ Fully Fitted ครับ เค้าตกแต่งห้องน้ำ และครัวมาให้ ในราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท สำหรับห้อง Simplex และ เริ่มต้น 3.99 ล้านบาท สำหรับห้อง Vertiplex ครับ

​และนี่ก็คือโครงการใหม่ในซีรีย์แอสปายทิ้งท้ายประจำปีนี้ “Aspire Vibha victory” ใครที่สนใจสามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษจากโครงการได้ที่นี่เลยครับ >> https://apth.ly/kx67

คอนโด Aspire Vibha-Victory

พามาชมโครงการ “Aspire Vibha-Victory” คอนโดที่มีพื้นที่สีเขียว เสมือนโอเอซิสขนาดใหญ่ใจกลางเมือง อยู่ในทำเลฮับของคนกรุงเทพอย่างอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เค้ามากับห้องรูปแบบใหม่ทั้ง Simplex และ Vertiplex 2 ชั้น ในราคาเริ่ม 2.99 ล้าน จะน่าสนใจแค่ไหน ไปชมกันครับ

อย่างที่ทุกคนรู้กันครับว่าอนุสาวรีย์ชัยฯ เป็นจุดที่เดินทางเชื่อมต่อได้หลากหลายเส้นทางจะเข้าจะออกเมืองด้วยรถส่วนตัวหรือรถสาธารณะก็สะดวก แล้วโครงการยังอยู่ในระยะ 1 กม. จาก BTS อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เลือกเดินทางได้หลายวิธี

มาดูห้องตัวอย่างกันก่อนเลยครับ เค้าพัฒนา Layout ห้องแบบ All New ที่ไม่ใช่รถยนต์แต่อย่างใด แต่เป็นห้อง Simplex & Vertiplex รูปแบบใหม่ล่าสุดที่น่าอยู่มาก

ผมขอเริ่มจากห้องไฮไลต์รูปแบบ Vertiplex กับ 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ชั้นล่าง 32.5 ตร.ม. เมื่อรวมกับชั้นบนอีก 15 ตร.ม. ห้องนี้ก็เลยมีพื้นที่ถึง 47.5 ตร.ม. ครับ มากับห้องอเนกประสงค์ที่ชั้นล่าง และห้องน้ำที่ชั้นบนให้ใช้งาน

เข้ามาเจอกับห้องครัวก่อนเลยครับ มีพื้นที่สำหรับจัดวางตู้รองเท้าพร้อมชั้นวาง กว้างแบบเดินเข้ามาสบายเลยนะ วางสัมภาระของชอปปิ้งทั้งหลายไว้ตรงนี้ แล้วไปพักก่อน มีแรงค่อยมาเก็บ

ที่นี่เค้าให้เคาน์เตอร์ครัวสีสะอาดตา ท็อปหินสังเคราะห์ และมีเตากับที่ดูดควันของ Teka ให้พร้อมเลยครับ เป็นครัวปิด ใครชอบทำอาหารหมดกังวลเลย

 

ตรงข้ามกันเป็นห้องน้ำตกแต่งกระเบื้องสีครีมอ่อน พร้อมหน้าบานไม้สีเข้มแบบนี้ให้ครับ สวยงามเลย กระจกเปิดเก็บของได้ด้วย กั้น Shower Screen แยกเปียกแห้งให้ครับ

ถัดเข้าไปด้านในคือโซน Living แต่ก่อนอื่นแวะเข้าไปดูห้องทางซ้ายกันสักหน่อย เอ๊ะ อะไรมาอยู่ตรงนี้

นี่เป็นห้องอเนกประสงค์ที่กั้นกระจกใสมาให้ครับ เป็นห้องใต้บันไดที่อยู่สบายกว่าแฮรี่ พอตเตอร์ สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้ตามชอบ อย่างที่นี่ทำเป็นห้องทำงาน แต่ถ้าผมอยู่เอง ห้องนี้จะเป็นห้องเล่นเกมแน่นอน ซื้อวันนี้ได้เล่น GTA VI พร้อมๆ กับโครงการเสร็จพอดี ฮ่าๆ

ตรงนี้มีห้องเก็บของใต้บันได ทำมาให้เป็นช่องใหญ่แบบนี้ด้วย น้องอายลองเข้าไปมาแล้ว นั่งได้สบายๆ วันไหนอยากทำเซอร์ไพรส์แฟนเข้าไปซ่อนในนี้ได้นะ แต่ไม่รับประกันความตกใจ

ด้านในสุดคือ Living Area เป็นห้องนั่งเล่นเพดานสูงโปร่งถึง 4.45 ม. ที่ทำให้ห้องดูกว้างใหญ่ขึ้นไปอีกครับ ความสูงแบบนี้นี่แหละที่เป็นสิ่งที่ทำให้เราอยู่สบาย ซึ่งเค้าก็นำมาใช้กับโซนพักผ่อนที่เราใช้เวลากันมากที่สุด จริงๆตรงนี้จะวางโซฟาขนาดใหญ่กว่านี้ยังได้นะ พื้นที่เหลือๆ เลยครับ

พื้นที่ส่วนที่ติดกับหน้าต่างบานสูงเค้าก็วางเป็นโต๊ะกินข้าว ที่จะปรับเป็นโต๊ะทำงานอ่านหนังสือก็ได้ครับ ตรงนี้แสงเข้าธรรมชาติเข้าเต็มที่ สายทำคอนเทนต์ Tiktok ต้องชอบครับ เหมาะจะถ่ายคลิปมากๆ ไฟ LED หลบไป ให้แสงอาทิตย์ทำหน้าที่เลย

ที่ระเบียงก็มากับความสูงเท่าๆ กับด้านในห้อง เค้ายกคอมเพรสเซอร์ขึ้นไว้ด้านบนเรียบร้อย สูงขนาดนี้ยังเหลือพื้นที่ให้ติดเครื่องอบผ้าบนเครื่องซักผ้าได้สบายๆ หรือจะทำราวแขวนผ้าก็ได้หลายระดับครับ นี่คือเป็นที่หนึ่งข้อดีของการมีพื้นที่ในแนวตั้งนะ

ขึ้นไปดูที่ชั้น 2 กันบ้างครับ

ที่ชั้นบนเป็นพื้นที่ของห้องนอนครับ วางเตียง King Size ก็ยังได้เลย แล้วแต่ว่าอยากได้สเปซสำหรับตู้มากน้อยแค่ไหนครับ

ห้องตัวอย่างจัดพื้นที่ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งครบครันไว้ที่ชั้นนี้ครับ เอ๊ะๆ เห็นอะไรแว๊บๆ ฝั่งขวาสุดกันแล้วใช่มั้ย

นี่คือจุดเด่นของห้องนี้ครับ เราได้ห้องน้ำบนชั้น 2 ด้วย ในแบบ Powder Room ไม่ต้องอดดื่มน้ำก่อนขึ้นนอนแล้วครับ ตอบโจทย์คนชอบเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน หรือแม้แต่วันไหนตื่นมาแล้วรู้สึกอยากนอนบนเตียงเฉยๆ ไม่อยากลงไปไหน ก็อยู่ชั้นบนทั้งวันได้สบายๆ แต่เป็นผม ผมทำไม่ได้นะ ผมหิว 555

เอาล่ะหมดห้องนี้แล้วจะพาไปดูห้องตัวอย่างห้องสุดท้ายกันครับ

นี่คือห้อง Simplex แบบ 1 Bedroom Extra ขนาด 35 ตร.ม. จริงๆ พื้นที่ขนาดนี้จะซอยเป็น 1 Bed Plus ก็ได้ แต่เค้าเลือกแบ่งสัดส่วนออกแบบ 2 ห้องด้านใน เพื่อให้พื้นที่แต่ละห้องใช้ได้แบบกว้างขวาง แถมยังปรับสลับฟังก์ชันระหว่างกันได้ด้วยครับ

เข้ามาโซนแรกก็จะพบกับครัวปิดก่อนเช่นเดียวกับห้องที่แล้วนะ

ถัดเข้าไป เอ๊ะ บางคนอาจจะแปลกใจทำไมเตียงมาอยู่ตรงนี้ คือเค้าสลับตำแหน่งห้องนอนให้มาอยู่ตรงกลางแทน แล้วเอาห้องนั่งเล่นไปอยู่ติดอากาศติดหน้าต่างครับ คือทั้ง 2 ห้องนี้พื้นที่เยอะทั้งคู่ ใครที่เป็นสายนกฮูกราตรี นอนดึกตื่นสาย ก็นอนได้เต็มอิ่มไม่มีแสงอาทิตย์มาทักทายยามเช้า

ด้านขวาของเตียงนอน ก็มีพื้นที่ของ Walk-In Closet ส่วนตัว ที่เค้ากั้นกระจกบานเลื่อนปิดให้ด้วยครับ มีพื้นที่วางโต๊ะเครื่องแป้ง พร้อมห้องน้ำที่จุดนี้ อาบน้ำแต่งตัวแต่งหน้าครบลูปในห้องนี้เลย

ส่วนอีกห้องหนึ่งที่กั้นด้วยบานเลื่อนกระจก เป็น Living Area ที่อยู่ติดกับกระจกบานใหญ่ ให้นั่งพักผ่อนชมวิวสวยๆ อีกฝั่งนึงของห้องก็ยังมีพื้นที่สำหรับทำโต๊ะทำงานได้ด้วย และถ้าใครอยากจะสลับเอาห้องนอนมาอยู่ตรงนี้ก็ยังสามารถทำได้ครับ เค้ามี 2 Layout ให้เลือก

ผมว่ารูปแบบนี้ ดีนะ เป็นตัวเลือกให้คนที่มีไลฟ์สไตล์ต่างกัน ปรับเอาตามที่เราต้องการได้เลย

พื้นที่ที่เชื่อมโยงกันมาก่อนออกไปสู่ระเบียงก็เป็นมุมพิเศษสำหรับเรา เท่ากับว่าห้องนี้มีส่วนที่อยู่ติดกระจกได้ถึง 2 ฟังก์ชันเลย

ก็จบไปแล้วครับกับห้องตัวอย่างทั้ง 2 รูปแบบใหม่ ที่เค้าปรับมาเพื่อการใช้ชีวิตภายในห้องอย่างน่าสนใจครับ ต่อไปผมจะพาทุกคนไปชมส่วนกลางของเค้าบ้าง

ที่นี่มี Facilities รวม 3 ชั้น ครับตั้งแต่ชั้น G, ชั้น 8 และชั้น 29 ซึ่งอย่างที่ว่าเค้าเป็นโอเอซิสใจกลางกรุง ก็จะมีพื้นที่สีเขียวรอบโครงการให้เราได้ชื่นชมธรรมชาติให้สดชื่นได้ทุกวันครับ

ซึ่งเค้ามากับสวนตอนลึกยาวกว่า 60 ม. รองรับการออกกำลังกาย, ปิกนิก หรือทำกิจกรรม Outdoor ได้

ในส่วนของ Interior เค้าก็เน้นตกแต่งด้วยสีน้ำเงิน แซมสีไม้อ่อนให้ความอบอุ่นครับ

ไม่ว่าที่ตรงไหนก็จะมากับกระจกบานใหญ่เต็มพื้นที่ให้ได้เห็นธรรมชาติ พื้นที่สีเขียวกันได้เต็มตา เหมือนได้ชาร์จพลังครับ

รองรับหลากหลายกิจกรรม จะทำงานคนเดียว กับเพื่อน หรือจะประชุมงานในห้องส่วนตัวก็ได้ครับ

มาที่ชั้น 8 สำหรับสาย Active เค้าก็มี The Healthy Space เป็นฟิตเนสขนาดใหญ่ จะมาเป็น Group หรือ Private ก็ได้ อุปกรณ์ครบ มีวิวของสระว่ายน้ำ พร้อมฟังก์ชัน Aqua Exercise และ Jacuzzi ให้ผ่อนคลายหรือออกกำลังกายกันตามชอบ

ที่ชั้น 29 มี The Sky Lounge ให้พักผ่อนชมวิวเมืองหรือวิวพระอาทิตย์ตกได้เต็มตาครับ ในช่วง Golden Hour ต้องสวยจับใจแน่ๆ

และสุดท้ายที่ชั้นนี้ ก็ยังมี The Sky Park เป็นสวนขนาดใหญ่บนยอดตึกที่จัดเต็มให้เดินชมพืชพันธุ์ไม้ หรือนั่งเล่นท่ามกลางร่มเงา และลมโชยได้อย่างดีครับ

มาถึงตรงนี้แล้วเริ่มหิวกันรึยังครับ ก่อนจากกันผมจะพาทุกคนไปแวะกินอะไรอร่อยๆก่อน ผมแวะมาย่านอารีย์ ในระยะไม่ถึง 4 กม. ใน มากันที่ Knock Knock Café & Bar ซ.อารีย์สัมพันธ์ 7

ที่นี่เป็นคาเฟ่ในตอนกลางวัน และบาร์ในตอนกลางคืน และมีอาหารขายด้วยครับ ตกแต่งในบรรยากาศโคซี่ด้วยไม้สีเข้มให้บรรยากาศเหมือนบ้านวินเทจ ซึ่งแน่นอนว่าช่วงนี้ก็ต้องมีธีมคริสต์มาสน่ารักถูกใจ

นอกจากได้บรรยากาศความอบอุ่นแล้ว ยังมีลูกเล่นแฝงอารมณ์ขันที่เป็นสไตล์เฉพาะตัว โดยเฉพาะในห้องน้ำ ผมไม่อยากสปอย ลองไปชมกัน

ที่นี่มีที่นั่งหลากหลายแบบให้เลือก มีมุมให้คุณน้องเค้าได้รูปสวยๆ เยอะเลย ฮ่าๆ

บาร์ในตอนกลางคืนเค้าก็มีดนตรีสดด้วยครับ

อาหารมาแล้วครับ เมนูวันนี้ของผมเป็นน้ำผลไม้เปรี้ยวๆสดชื่น พร้อมเพนเน่ซอสเพสโต้แซลม่อนใหญ่ๆ รสชาติอร่อยสมกับหน้าตา และก็อยากบอกว่าของจริงเหมือนรูปในเมนูเลย

ส่วนคุณน้องกินโกโก้มิ้นต์เหมาะกับเทศกาล แล้วก็สปาเกตตี้คาโบนาร่าที่ถ่ายไม่ทันครับ คงจะหิวมากจริงๆ

ทั้งหมดนี้คือความน่าสนใจของโครงการ ‘Aspire Vibha-Victory’ ที่เราพาชมกันในวันนี้ครับ จุดเด่นที่ผมชอบที่สุดก็คือการปรับสเปซภายในห้องที่ทำออกมาได้อย่างน่าสนใจ พื้นที่ส่วนกลางออกแบบให้เหมือนเราได้อยู่ในโอเอซิสได้ผ่อนคลายกับพื้นที่สีเขียวส่วนตัวในทุกวัน บนทำเลที่อยู่ในกลางกรุง และนี่คือแอสปายซีรีย์ใหม่ในราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท* สำหรับห้อง 1 ห้องนอนครับ ใครที่อยากเห็นห้องของจริงว่าเป็นยังไง ขอชวนไปชม