The Collection เพราะสิ่งที่ดีที่สุด ถึงควรค่าการสะสม

พูดถึงการสะสม มันก็คือการเก็บของที่เรารู้สึกได้ถึงคุณค่า ลึกซึ้งในความหมาย มีความสุขใจ และอยากจะให้อยู่กับเราไปได้นานๆ บางอย่างก็เป็นของง่าย ๆ ที่หาได้ในชีวิตประจำวัน แต่มีคุณค่าทางจิตใจ บางอย่างก็เป็นของที่หาได้ยาก น้อยชิ้น ก็ควรค่าแก่การเก็บสะสมไว้ เพราะยิ่งเวลาผ่านไป ก็ยิ่งทวีคุณค่าในตัว แนวคิดนี้แหละฮะที่เป็นที่มาในการสร้างโครงการเรือธงของ Siamese Asset หลังจากได้พื้นที่ที่มีคุณค่าและหาได้ยากมาในย่านอโศก เค้าก็เลยตั้งใจจะสร้างโครงการที่ดีที่สุดเท่าที่เคยทำมา แต่ก็ไม่ลืมจุดแข็งที่เป็นลายเซ็นต์ของตัวเองที่ว่า ทุกโครงการที่ทำ ต้องมีราคาจับต้องได้สำหรับคนไทย ด้วยเหมือนกัน

The Collection อยู่บนซอยสุขุมวิท 16 ซึ่งขนานไปกับถนนรัชดาภิเษก แถวนั้นคือโซนอาคารสำนักงานเรียงรายกันไปจนถึงแยกอโศก โซนใจกลางเมืองที่เป็น Business District แบบนี้มาพร้อมกับความอุดมสมบูรณ์ด้วย แบบที่ไหนมีคนที่นั่นมีอาหารการกินรองรับ แต่สิ่งที่น่าสนใจของแถวนี้คือ “เสน่ห์ของความขัดแย้งในตัวเอง” เพราะแม้เป็นทำเลในเมือง เต็มไปด้วยตึกระฟ้า ความขวั่กไขว่ของฝูงชน และการจราจรหลากรูปแบบ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเงียบสงบของผืนน้ำในทะเลสาบท่ามกลางสวนสีเขียวขนาดใหญ่ใจกลางกรุงเทพอย่างสวนเบญจกิตติ เชื่อเถอะว่า แม้บางคนจะชอบการอยู่ในเมือง แต่ก็จะมีช่วงเวลาที่เราก็โหยหาความสดชื่นของธรรมชาติเหมือนกัน อย่างชาวออฟฟิศแถวนี้คนไหนได้ห้องทำงานฝั่งที่หันหน้าเข้าหาสวนสีเขียวอีกฝั่งของถนน ก็คงจะชุ่มชื่นหัวใจในวันทำงานได้ไม่มากก็น้อยจริงมั้ยครับ “The Collection” เนี่ยก็ได้ตำแหน่งที่ว่างอยู่ตรงกลางระหว่างอาคาร Lake รัชดา และ Ocean Tower นี่แหละฮะ

พูดถึงภาพรวมโครงการกันบ้าง The Collection มีทั้งหมด 2 อาคาร ในพื้นที่ 2 ไร่เศษ แบ่งเป็น Tower A รวม 40 ยูนิต ส่วน Tower B คืออาคารพักอาศัยหลักสูง 41 ชั้น รวม 443 ยูนิต (ยูนิตสูงสุด 13 ยูนิต/ชั้น) มีที่จอดรถรวม 271 คัน (แบบอัตโนมัติ 182 คัน, แบบช่องจอด 89 คัน) และมีรูปแบบห้อง 3 Type คือ แบบ 1 Bedroom ขนาด 35-37 ตร.ม., 2 Bedroom ขนาด 69-90 ตร.ม. และแบบ Penthouse ขนาด 141-146 ตร.ม. ครับ ตัวอาคารเป็นกระจกรอบด้าน แต่ได้สลับตำแหน่งระเบียงลดหลั่นกันไปทำให้ตัวอาคารดูมีมิติ ส่วนคนในห้องเองก็ได้กระจกบานขนาดใหญ่ทำให้ห้องรู้สึกโปร่งสบาย

จุดเด่นของที่นี่มาจากการเลือกใช้สเปควัสดุ และเทคโนโลยีที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตจริงๆ แว่นขอเริ่มจากวัสดุก่อน เค้าเฟ้นหาพาร์ทเนอร์ที่ได้รับการยอมรับระดับ World-Class ทำให้ได้แบรนด์เครื่องครัวและสุขภัณฑ์อาบน้ำที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และใช้กันทั่วไปในโครงการระดับ Flagship รวมไปถึงโรงแรมสุดหรู ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ในห้องน้ำทั้งก๊อก Hand shower และ Rain shower ที่ทำจากทองเหลืองทั้งหมด มาในสีโรสโกลด์พิเศษเฉพาะสำหรับโครงการจาก Hansgrohe, เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันแบรนด์ Küppersbusch จากเยอรมนี, เฟอร์นิเจอร์ชุดครัวพิเศษจากอิตาลีแบรนด์ Snaidero ซึ่งให้ผิวสัมผัสเนียนมือเพราะใช้เค้าการเคลือบสีหน้าบานแบบเดียวกับที่ใช้ในรถ Ferrari กันเลย

ส่วนเทคโนโลยีที่เค้าเรียกตัวเองว่า “Siamese Technology” นี้ มีพื้นฐานจากการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ในคอนโดนี่แหละฮะ เริ่มจากสิ่งที่ประทับใจที่สุดและเหมาะกับช่วงนี้มากๆ นั่นก็คือ ระบบกรองอากาศถึงระดับ PM2.5 คือถ้า กทม. เจอปัญหาฝุ่นเราก็วิ่งเข้าบ้านแล้วหายใจได้เต็มปอดโดยไม่ต้องกลัวเลย แหม้ อยากให้โครงการเสร็จวันนี้เลยซะนี่, ระบบป้องกันกลิ่นเหม็นจากท่อน้ำ คือ ถ้าใช้ท่อระบายน้ำรวมกันระหว่างโถส้วมกับอ่างล้างมือ ยังไงกลิ่นมันก็จะย้อนได้ อันนี้เค้าแยกท่อกันไปเลย กลิ่นไปแล้วก็ไปลับครับ, ระบบกระจก Low-E ลดความร้อน, ระบบผนังและประตูกันเสียง รวมไปถึงการใช้ Solar Panel และไฟ LED เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน ส่วนอื่นๆ ที่เราเคยเห็นกันจนคุ้นเคยก็ระบบ Smart home ที่เพิ่มเรื่อง Security เข้ามาด้วย คือ จะมีเซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวและ Monitor การเปิดปิดประตูหน้าต่าง ทำให้มั่นใจในความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นครับ

อีกจุดหนึ่งที่โครงการนี้ไม่เหมือนที่อื่น ก็คือ ความตั้งใจที่จะตอบโจทย์ทั้งผู้อยู่อาศัยจริง และคนสนใจลงทุน เพราะเค้าแบ่งโซนพักอาศัยเป็น 2 ส่วน คือ ส่วน Service Residence (ชั้น 21-40) ที่ได้รับบริการระดับโรงแรม กับส่วน Residence (ชั้น 3-20) ที่เป็นส่วนพักอาศัย ทั้ง 2 ส่วนนี้แยกล็อบบี้ แยกลิฟต์ออกจากกัน เริ่มจาก Low Zone สำหรับคนซื้ออยู่เอง มี Facilities อย่าง ฟิตเนส, Lounge และ Co-working Space ให้ใช้ และเสียค่าส่วนกลางน้อยกว่าคนซื้อ High Zone ซึ่งก็เป็นการนำห้องให้ Siamese บริหารจัดการในการปล่อยเช่า โดยมีส่วนกลางเพิ่มเติมขึ้นมา ก็คือ สระว่ายน้ำ แต่ลูกบ้านโซน Residence ก็ใช้ได้โดยการเสียค่าบริการเพิ่ม ส่วนใครไม่ใช้สระว่ายน้ำก็ไม่ต้องจ่ายรวมไปในส่วนกลาง ปิดท้ายที่ Sky Lounge สุดหรูที่ชั้น 41 ที่เปิดให้บริการร้านอาหารด้วยครับ

ทั้งหมดนี้ก็คือภาพรวมและความน่าสนใจของโครงการ The Collection นะฮะ สำหรับราคาเริ่มต้นที่นี่อยู่ที่ประมาณ 6.2 ล้านบาท (ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 250,000 บาท/ตร.ม.) แต่ในวันที่ 26-27 ม.ค.นี้เค้าจัดโปรโมชั่นพิเศษ กับ 19 ยูนิตพิเศษ ราคาเดียว 177,000 บาท/ตร.ม ให้ด้วย ใครที่สนใจก็ลงทะเบียนจองสิทธิได้ที่นี่เลยครับ >> http://bit.ly/2AqdnT3

สุดท้ายแล้ว อีกส่วนสำคัญของการอยู่อาศัยก็คือ ห้องนี่แหละครับ วันนี้แว่นจะพาไปชมห้องตัวอย่างให้จุใจ ตามไปดูพร้อมกันเลยคร้าบ

อย่างที่เล่าให้ฟังครับ โครงการ The Collection ตั้งอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 16 แต่มุมไฮไลท์ก็คือ ทิศตะวันตกที่หันเข้าหาทะเลสาบและสวนเบญจกิตตินี่แหละครับ ส่วนในซอยนี้สองข้างทางมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ ซุปเปอร์มาเก็ตอย่าง Foodland อุดมสมบูรณ์มากๆ ซอยนี้เชื่อมต่อกับสุขุมวิท22, 24 ไปโผล่พระราม 4 ได้ หรือถ้าจะเดินออกกำลังกายจากปากซอยแยกอโศกเข้ามาก็ประมาณ 10นาทีครับ

สระว่ายน้ำนี้อยู่ที่ชั้น 38 นะครับ ถ้าอยู่โซน Residence เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่ถ้าอยู่โซน Service Residence นี่ใช้ฟรีเพราะเค้ารวมค่าใช้จ่ายไปในค่าส่วนกลางซึ่งจะแพงกว่าอีกโซนไปแล้วครับ

สำหรับห้องตัวอย่างวันนี้ แว่นขอประเดิมด้วยน้องเล็กก่อน คือห้อง Type 1 Bedroom ขนาด 35 ตร.ม. ครับ

เมื่อเปิดเข้ามาในห้องนี้ ก็จะได้กลิ่นหอมของไก่อบบาบิคิวก่อนใครเพื่อนเลย เพราะห้องนี้เค้าจัดส่วนของครัวไว้ด้านหน้า และที่สำคัญเป็นครัวปิดนะครับ สามารถเลื่อนประตูบานสไลด์มากั้นห้องได้เลย เผื่อกลิ่นหอมๆ มันยั่วยวนคุณศรีภรรยาที่กำลังไดเอทอยู่ ก็รีบปิดให้ไวก่อนจะไม่ทันการเอานะครับ

ก่อนจะเข้าไปสำรวจด้านใน มีหนึ่งส่วนที่แว่นอยากให้ดู คือช่องแห่งความลับ บริเวณหน้าประตูทางเข้าตรงนี้ครับ คือโครงการเค้าทำเป็นช่องเล็กๆ มาให้ เผื่อได้เก็บของใช้ อย่างร่มคันใหญ่ๆ ก็ยัดเข้าไปได้ครับ จะได้ไม่ต้องไปวางเกะกะอยู่ด้านใน หรือใครจะเอาไว้ซ่อนเงิน เผื่อกลางค่ำกลางคืนอยากออกไปหาข้าวต้มรอบดึกกิน จะได้ไม่ต้องไปรบกวนคุณศรี ยังไงหล่ะครับ ฮ่าๆ (ไม่ต้องกลัวของหายด้วยนะ เค้ามีกุญแจให้เอาไว้ล็อคได้ครับ)

กลับเข้ามาดูในส่วนครัวกันต่อ สังเกตว่าเคาน์เตอร์ชุดครัว ดูเรียบ แต่หรูไม่เบาเลยใช่ไหมครับ เพราะชุดครัวที่นี่เป็นของ >> Snaidero << นำเข้าจากอิตาลีเชียวนะครับ แถมยังมีการนำเทคโนโลยีการเคลือบสีรถเฟอร์รารี่มาใช้ให้การเคลือบผิววัสดุครัวชุดนี้อีกด้วย ทำให้หน้าบานมีผิวสัมผัสที่เรียบเนียน ช่วยลดรอยนิ้วมือเเละรอยขีดข่วนได้ด้วย ให้ครัวสวยๆ อยู่คู่ห้องของเราไปนานๆ ส่วนตู้เย็นเป็นของ >> TEKA << ถูกบิวท์อินรวมเข้าไปกับชุดครัวเรียบร้อยครับ ทำให้ครัวที่นี่ดูกลมกลืนกันดีทีเดียว

Top ครัวเป็น Solid Surface ลายหินอ่อนส่วนอุปกรณ์เครื่องใช้ ก็จะเป็นของ >> Küppersbusch << แบรนด์ชื่อดังจากเยอรมัน เตาไฟฟ้าห้องนี้จะได้แบบ 2 หัว พร้อมฮูดดูดควัน และเตาอบ ที่มีระบบดูดควันที่เกิดจากการอบ เอาไปเปลี่ยนเป็นสตีมทำให้เนื้ออบเราฉ่ำนุ่ม ดูน่ารับประทาน แถมเปิดมายังไม่มีกลิ่นเหม็น ทำความสะอาดง่ายด้วยครับ

มีบานสไลด์เอาไว้กั้นห้องครัว ซึ่งราวจะอยู่ด้านบนครับ ด้านล่างพื้นก็เรียบ เดินไป เดินมา ได้สบายๆ ไม่ต้องเดินเหยียบ หรือเดินเตะราวให้ร้าวราน แถมยังไม่ต้องมาคอยนั่งทำความสะอาด ฝุ่นที่มักจะติดอยู่ตามซอกราวประตูด้วยครับ ส่วนสีก็จะได้แบบนี้เลยครับ

สำหรับพื้นห้องครัวจะเป็นกระเบื้องลายหินอ่อน นำเข้าจากอิตาลีเช่นเดียวกัน นอกนั้นพื้นห้องจะเป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ครับ

ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีที่เก็บรองเท้า เพราะโครงการเค้าบิวท์อินตู้ร้องเท้ามาให้เรียบร้อย ซ่อนอยู่ด้านข้างนี้นี่เองครับ จะใช้ง่ายก็ค่อยเลื่อนออกมา ใช้เสร็จก็ปิดเข้าไป แบบนี้ช่วยประหยัดพื้นที่ในห้องได้อีกเยอะเลย แถมยังได้หน้าบานเป็นกระจกแบบนี้ด้วยครับ

ถัดเข้ามาด้านซ้ายเป็นตู้เสื้อผ้า หน้าบานเป็นกระจกโปร่ง สีชา อยู่บริเวณหน้าห้องน้ำพอดี อาบน้ำ แต่งตัวกันให้เสร็จตรงนี้ได้เลย

ได้แอร์แบบฝังฝ้า 2 ตัวครับ

สำหรับสวิตช์ไฟ ก็จะได้หน้าตาดูกิ๊บเก๋ แบบนี้เลยครับ แค่สัมผัสเบาๆ ไฟก็จะเปิด ปุ่มก็จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน ดูดีไม่เบาเลยฮะ อันนี้จะเชื่อมต่อกับระบบ Smart Home ที่เค้าให้มาด้วย

ในส่วนของห้องน้ำ ที่สวย หรู แบบนี้ คงเป็นเพราะผนัง และพื้นกระเบื้อง ที่นำเข้าจากอีตาลี อีกแล้วครับท่าน แถมยังได้ห้องอาบน้ำ แบบ Sexy Bath ที่เป็นผนังกระจก ทำให้ห้องน้ำดูโปร่งขึ้นอีก อ่างอาบน้ำใช้วัสดุ Solid Surface ที่โครงการสั่งทำพิเศษ มีคุณสมบัติคงทน กันความชื้น กันแบคทีเรีย ทำความสะอาดง่าย

โถสุขภัณฑ์เป็นแบบ Washlet ของ >> TOTO << ส่วนก๊อกน้ำ ฝักบัว เป็นของ >> Hansgrohe << นำเข้าจากเยอรมัน พร้อมได้สีพิเศษ อย่างสี Rose Gold ครับ

ห้องนั่งเล่น จะอยู่บริเวณเดียวกับห้องนอน ซึ่งสามารถเลื่อนประตูสไลด์กั้นห้องได้ให้ดูเป็นสัดส่วนขึ้นได้ หรือถ้าจะเปิดออก ห้องก็จะดูกว้าง มีพื้นที่เพิ่มขึ้นครับ ส่วนพื้นที่ด้านข้างสามารถวางโต๊ะอาหารพร้อมจัดเก้าอี้ สำหรับ 2-3 ที่นั่งได้อยู่ครับ

ถ้าบิวท์อินชั้นวางทีวี หรือตู้เก็บของทั้งบนและล่างแบบห้องตัวอย่าง ก็จะทำให้มีพื้นที่ในการจัดระเบียบห้องได้ดีมากขึ้น ระยะดูทีวีก็กำลังโอเคครับ เผื่อใครอยากติดทีวีจอใหญ่กว่านี้ ก็จะได้นอนดูได้ทั้งบนโซฟา และจากห้องนอนเลย

สำหรับใครที่เลือกห้องแบบมีระเบียง ก็จะได้กระเบื้องระเบียงลายไม้แบบที่เห็นนี่เลยครับ

ห้องถัดไป คือ Type 1 Bedroom ขนาด 36 ตร.ม. ขนาดต่างกับห้องเมื่อกี้ไม่มาก แต่จะแตกต่างกันในเรื่องของโทนสีของชุดครัวที่เป็นสีอ่อน และ Layout เป็นแบบที่ไม่มีระเบียงครับ

ตู้เสื้อผ้านอกจากเป็นแบบโปร่งใสแล้วยังมีกระจกเงาติดไว้ให้แบบเต็มตัวด้วย (สีพิเศษ Rosegold)

ประตูห้องนอนจะเป็นบานสไลด์ 3 ตอน เลื่อนได้จากทั้งสองฝั่งมาชนกันครับ ถ้าวางเตียงขนาด 5 ฟุตแบบห้องตัวอย่าง ก็อาจจะต้องลงด้านซ้ายหรือขวา ปลายเตียงจะเหลือพื้นที่ไม่มากเท่าไหร่ เรียกง่ายๆ ว่า ห้องนอนเน้นไว้พักผ่อนอย่างเดียวแหละครับ แต่สามารถเปิดโล่งให้ห้องมีพื้นที่เพิ่มขึ้น และส่วนนั่งเล่นก็กว้างขึ้นด้วย

ส่วนห้องนั่งเล่นตรงนี้ก็ดูจะกว้างขึ้นมากว่าห้องแรก ใครกลัวว่าระยะใกล้ทีวีเกินไป ก็ยังสามารถขยับโซฟาถอยหลังมาหน่อยได้อีกครับ หรือจะจัดพื้นที่ที่เหลือด้านหลังให้เป็นมุมทำงาน มุมอ่านหนังสือก็ได้เลย ส่วนด้านในก็เอาไว้เป็นที่นั่งทานอาหาร ดูวิวสวยๆ ด้านนอกไป ด้วยกระจกที่เต็มบาน มาพร้อมบานกระทุ้งให้เปิดรับลมด้านนอก ช่วยระบายอากาศภายในห้องได้ครับ

สุดท้ายท้ายสุดกับห้องพี่ใหญ่ Type 2 Bedroom ขนาด 74 ตร.ม. ซึ่งห้องนี้มีการแบ่งพื้นที่การใช้งานแต่ละส่วนชัดเจน ได้ทั้งความเป็นส่วนตัว และได้พื้นที่ส่วนรวมครับ

เมื่อเปิดเข้ามาในห้อง ไม่ได้มองเห็นทะลุไปถึงคนที่นั่งดูทีวีอย่างสนุกสนานในห้องนั่งเล่นนะครับ ห้องนี้จะได้ความเป็นส่วนตัวตรงที่เปิดมาแล้วเจอกับพื้นที่โล่งๆ ที่โครงการทำตู้เก็บร้องเท้า ตู้เก็บของไว้ให้ด้านข้างเท่านั้น หิ้วของพะรุงพะรังมาแค่ไหน ก็ยังมีพื้นที่ส่วนนี้ให้วาง ให้เก็บของได้ตามสะดวก ไม่ต้องกลัวเกะกะขวางประตูเลยครับ ส่วนหน้าบานก็จะได้เป็นกระจกสวยหรูเเบบนี้

พร้อมช่องแห่งความลับ ที่มีมาให้ทุกยูนิตครับ

บริเวณประตู มีการติดตั้ง CUBE Door Sensor หรือเซนเซอร์สำหรับประตู ผนังห้อง ที่สามารถตรวจจับการเปิด/ปิดได้ซึ่งเมื่อมีการเปิด หรือ ปิดประตู จะมีการแจ้งเตือนเข้าไปที่มือถือของเราด้วย

ตรงนี้ยังมีตู้เก็บของ และที่วางเครื่องซักผ้าซ่อนไว้ให้เรียบร้อย ทำให้ห้องดูโล่ง เป็นระเบียบขึ้นอีกเยอะครับ

หันกลับมาดูในส่วนของครัวกันดีกว่า ครัวที่นี่จะเป็นครัวเปิด แต่ค่อนข้างใหญ่พอสมควรเลยครับ เคาน์เตอร์ถูกวางเป็นรูปตัว U สำหรับเซฟกระทะเหล็กอย่างเรา หันซ้าย หันขวา หยิบจับง่ายทีเดียวครับแบบนี้ ส่วนเตาไฟฟ้าก็ได้ทั้งหมด 4 หัวด้วยกัน ต้ม ผัด แกง ทอด หอมอร่อยในพริบตากันไปเลย

ถัดเข้ามาเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร สามารถจัดเก้าอี้ สำหรับ 4-5 ที่ได้สบายๆ ส่วนระยะเพดาน อยู่ที่ 2.85 เมตร ครับ

ห้องนั่งเล่นมีพื้นที่ให้เดินได้พอสมควร ใครอยากได้แบบเดินสบายๆ เลย ก็เอาโต๊ะกาแฟตรงกลางออกไปไว้ด้านข้างแทนได้ ติดทีวีขนาด 50 นิ้ว ก็ยังไหวครับ จะได้นอนดู Netflix กันให้ตาแฉะไปเลย

ห้องนี้ได้แอร์ 3 ตัวแบบฝังฝ้ามาให้เลยครับ ผนังเป็น Wallpaper นะครับ

มีพื้นที่เหลือๆ ริมหน้าต่าง ไว้จัดเป็นมุมทำงาน หรือมุมอ่านหนังสือก็ลงตัวดีครับ แถมบริเวณหน้าต่างนี่เค้าให้เป็นกระจกบานใหญ่แบบเต็มๆ บาน ช่วยให้แสงเข้าห้องได้มาก แถมยังทำให้ห้องดูโปร่งอีกด้วย

มีห้องน้ำด้านนอกเตรียมไว้ให้ 1 ห้อง เผื่อแขกไปใครมา ก็สามารถใช้ห้องนี้ เเถมยังอาบน้ำได้ด้วยครับ

เลี้ยวเข้าไปดูห้องนอนเล็กก่อน ห้องนี้โครงการเค้าลองใส่เตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ดู ซึ่งก็ยังพอมีพื้นที่เหลือด้านข้างและบริเวณปลายเตียงอยู่ครับ ตู้เสื้อผ้าจะได้เเบบบานสไลด์ บิวท์อินมาให้เรียบร้อย หรือใครอยากได้พื้นที่เพิ่มก็เปลี่ยนขนาดเตียงให้เล็กลงดูก็ได้ครับ

ส่วนห้องงนอน Master มีพื้นที่ให้เดินได้แบบสบายๆ พร้อมได้กระจกทั้งสองข้างเตียงครับ ทำให้ห้องรับเเสงเข้ามาได้มาก เเละดูโปร่งไม่อึดอัดจนเกินไปครับ

ระเบียงด้านนอก สามารถออกมาสูดอากาศ รับลม ชมวิวกันได้ พื้นที่ได้ก็จะเป็นลายไม้ มีราวกันตกที่ทำจากกระจกนิรภัยไว้ให้เพื่อความปลอดภัย เเละไม่บังทัศนวิสัยด้วยครับ ซึ่งเค้าใช้กระจก Low-E ที่จะช่วยลดความร้อนได้ดี พร้อมผนังกันเสียง

ห้องน้ำก็สวยๆ มีกระจกให้มองวิวกันไปเพลินๆ ครับ

ครับ และทั้งหมดนี้ก็คือภาพรวมโครงการ “The Collection” โครงการที่ดีที่สุดเท่าที่ Siamese Asset เคยทำมา ที่เหลือก็อยู่ที่คุณแล้วครับที่จะตัดสินใจว่า “The Collection” นี้ ควรค่าแก่การสะสมรึยัง แล้วพบกันใหม่โครงการหน้าคร้าบ

ติดตามเราได้ที่ : facebook

ติดต่อสอบถาม : Contact