สำหรับวัยทำงาน จะเลือกหาคอนโดอยู่สักที่ มันมีเหตุผล และสิ่งที่ต้องคิดมากมายเลยเนอะ ทั้งคนที่เคยอยู่บ้านมาก่อน ต้องเปลี่ยนแปลงที่อยู่ให้สะดวกกับชีวิตทำงานมากขึ้น เหมือนหาบ้านหลังที่สอง หรือคนที่อยากขยับขยาย ย้ายออกมาสร้างครอบครัวและที่ทางของตัวเอง แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ทุกคนอยากได้คือ มันต้องสะดวกกว่าบ้าน “ทำเล” จึงเป็นเหตุผลที่สำคัญอันดับแรกๆ ที่ทุกคนนึกถึง แต่นอกจากทำเลแล้ว จะทำยังไงให้การใช้ชีวิตในพื้นที่จำกัดแบบคอนโด มันไม่ดูอึดอัด จำเจ และน่าเบื่อ วันนี้แอบดูคอนโดก็เลยจะพาไปดูคอนโดที่อยู่ในทำเลพรีเมี่ยม และทำให้วิธีการใช้ชีวิตแบบเดิมๆ เปลี่ยนไปที่ Noble State 39 ครับ
เมื่อพูดถึงทำเล มันก็มีความยืดหยุ่นตามชีวิตแต่ละคนอยู่แหละ ถ้าอยากได้รถไฟฟ้า อย่างเดียว สำโรงก็ติดรถไฟฟ้าเหมือนกัน แต่สิ่งที่ยากจะเหมือนก็คือ Signature ของการอยู่อาศัยที่แต่ละย่านในกรุงเทพฯ มีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ถ้าพูดถึงพร้อมพงษ์ ก็จะนึกถึงย่านไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้ง ที่เพียบพร้อมด้วยโซนศูนย์การค้าที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของบ้านเรา นึกถึงชาวญี่ปุ่นที่เดินกันขวักไขว่ เห็นภาพร้านอาหาร โรงแรม 5 ดาว โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาลชั้นนำ และเมื่อเข้ามาซอยสุขุมวิท 39 ซึ่งที่ตั้งของโครงการ ก็จะเห็นทั้งคอนโดระดับไฮเอนด์เรียงเป็นทิวแถวสลับกับบ้านที่อยู่มาแต่ดั้งเดิม
ตัวโครงการนอกจากจะสามารถเดินไปรถไฟฟ้าด้วยระยะประมาณ 450 เมตรแล้ว การใช้รถก็ยังเชื่อมต่อได้ทั้งอโศกและทองหล่อได้อีก จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมตั้งแต่ต้นซอยเข้ามาถึงมีแต่คอนโดระดับ Super Luxury ที่มีขนาดห้องใหญ่ตั้งแต่ประมาณ 50 ตร.ม. ขึ้นไป ทำให้ ราคาทะลุหลักสิบไปจนถึงหลายสิบล้าน เพราะเป็นจุดใจกลางไลฟ์สไตล์ที่หาได้ยาก ก็ต้องผลักดันให้ Product มีความพรีเมียมให้มากที่สุด ห้องส่วนใหญ่จึงเป็นตัวเลือกของชาวต่างชาติ และคนที่มีงบประมาณสูงมากจนวัยทำงานจับต้องได้ยาก นี่จึงเป็นที่มาของการที่ Noble State 39 ทำห้องที่มีขนาด Compact ลงมา ในราคาเริ่มต้นประมาณ 7 ล้านกว่า หรือผ่อนเริ่มต้นที่ 15,000 บาท/เดือน* ให้คนกลุ่มใหญ่วัยทำงานสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น โดยเพิ่มเติมความสะดวกสบายในการอยู่อาศัยด้วย Smart Living Design เพื่อให้เราไม่ต้องใช้ชีวิตแบบเดิมๆ นั่นเอง
เค้าโปรยกับเราว่า “Life Pattern Reconstructed – รื้อชีวิตแพทเทิร์นเดิม เริ่มใหม่ที่สุขุมวิท 39” เราได้เห็นแนวคิดนี้ที่จับต้องได้ อย่างแรกก็คือการเลือกใช้สีสันและแพทเทิร์นของที่นี่ ที่ทำให้พื้นที่ส่วนกลางแต่ละส่วนมีเอกลักษณ์ให้อารมณ์ไม่ซ้ำกัน ไม่ว่าจะเป็นสีทองร่วมกับเขียวมะกอกในพื้นที่พักผ่อนที่ชื่อ “Olivia Lounge” ห้องสีเหลืองสดใสสำหรับห้องเกม “Mellow Space” และลวดลายแพทเทิร์นทรงกลมสลับสีขาวดำที่เอามาใช้ในห้อง Fitness แต่สิ่งที่จะมาขับสีทองด้านนอกอาคารได้ดีที่สุดก็คือ การตัดด้วยสีเขียวของต้นไม้ กว่า 1,370 ตร.ม. ทั้งบนชั้น Ground ชั้น 9 และ Rooftop floor ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Chef Table and Farm สำหรับปลูกพืช Organic ทั้งหมดนี้ดูจากรูปก็จะเห็นว่าเค้าวางไว้อย่างร่มรื่นจริงๆ แถมด้วยสระว่ายน้ำ ใต้ชั้น Rooftop ที่มีช่องแสงทรงกลมด้านบนให้เราตีกรรเชียงชมความร่มรื่นของต้นไม้ที่อยู่อีกชั้นไปด้วยได้ เอาแค่พื้นที่ส่วนกลางที่มีลักษณะเฉพาะตัวก็ทำให้ไม่น่าเบื่อแล้วครับ
นอกจากการออกแบบแล้ว อย่างที่สองที่จะเปลี่ยนแพทเทิร์นการใช้ชีวิตเราและเป็นสิ่งที่โนเบิลไม่เคยทำให้เห็นชัดเจนมาก่อนเช่นกันนั่นก็คือ Smart Home Design ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ใช้ตัวเรานี่แหละเป็นเสมือนบัตรผ่านแบบ Exclusive ตั้งแต่การขับรถเข้าโครงการโดยใช้ Plate Recognition แสกนทะเบียนรถอัตโนมัติ จะเดินเข้าเดินออก ก็ใช้การแสกนหน้า และลายนิ้วมือ แทนการใช้ Key card ได้ เข้ามาถึงในห้องก็สั่งการฟังก์ชั่นต่างๆ ภายในบ้านไม่ว่าจะเปิดปิดไฟ ผ้าม่าน ทีวี แอร์ หรือเปลี่ยนสีสันภายในห้องให้เข้ากับกิจกรรมของเราไม่ว่าจะเป็นดูหนัง เล่นโยคะ หรือจัดปาร์ตี้ (ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่เราเอามาใช้) ด้วยเสียงใสๆ ของเรา ผ่านคุณสาดิจิทัลอย่าง “Google Home mini” ซึ่งโครงการจัดมาให้พร้อมกับตัว IR ควบคุมอุปกรณ์เป็นมาตรฐานกับทุกห้อง รวมไปถึงบริการ Car Sharing และ EV Charger สำหรับรถยุคใหม่อีกด้วย
นอกจากความสะดวกจากระบบต่างๆ แล้ว การออกแบบพื้นที่ภายในห้องยังสร้างความรู้สึกอยู่สบาย นอกจากความโปร่งของความสูงเพดานถึง 3 เมตร พร้อมบานเลื่อนกระจกสูงเต็มตา (สูงกว่าเพดานห้องอีก) ให้ชมวิว ได้ทั้งห้องนอนและห้องนั่งเล่นแล้ว ประตูที่กั้นทั้งสองห้องนี้ยังเป็นบานเลื่อนทั้งหมด ทำให้พื้นที่ต่างๆ เชื่อมต่อเข้าด้วยกันง่ายขึ้น Flow มากขึ้น ซึ่งเค้านำมาใช้กับห้องทุก Type ตั้งแต่ 1Bed ขนาด 29.95-42.90 ตร.ม. 2Bed ขนาด 73.40-105.90 ตร.ม. รวมไปถึงแบบเพนต์เฮ้าส์ที่มีไม่กี่ยูนิตในโครงการครับ
ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งที่ Noble State 39 ตั้งใจทำมาเพื่อรองรับการใช้ชีวิตในคอนโดให้สะดวกสบาย ในแพ็คเกจราคาที่จับต้องได้โดยผสมผสานความ Luxury กับ Smart Living เข้าด้วยกัน ทั้งโครงการนี่ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 1 ไร่กว่าและมีเพียง 352 ยูนิตเท่านั้นครับ แบ่งเป็น 2 อาคาร อาคาร Y เป็นอาคารพักอาศัยสูง 36 ชั้น มีที่จอดรถบนอาคาร 8 ชั้น และใต้ดิน 2 ชั้น ส่วนอาคาร X สูง 2 ชั้นเป็นพื้นที่ Commercial รองรับร้านค้าระดับพรีเมียมในอนาคต ส่วน ราคาเริ่มต้นที่นี่อยู่ที่ประมาณ 255,000 บาท/ตร.ม. เป็นราคาในวันนี้ แต่เมื่อโครงการแล้วเสร็จในอีก 4 ปีข้างหน้า แพ็คเกจกับห้องขนาดนี้น่าจะเป็น Rare Item ที่แทบจะหาไม่ได้แถวนี้แล้วครับ
ใครที่สนใจก็ลงทะเบียนรับส่วนลดออนไลน์อีก 50,000 บาทที่นี่ >>https://goo.gl/vhxDgC ก่อนจะไปจองรอบพิเศษในวันที่ 18 พ.ย. 61 ที่โรงแรม ดิโอกุระ เพรจทีจ ติด BTS เพลินจิตเหมือนเดิมคร้าบ
อ่ะ ถามใจตัวเองดู พร้อมรึยังที่จะมาอยู่พร้อมพงษ์
ขอเปิดด้วยภาพส่วนกลางที่นี
พื้นที่ Olivia Lounge ที่ให้เราเดินผ่านซุ้มหินอ่
ฟิตเนสนี่เครื่องเล่นหรูอย่
สีเหลืองกับความ Active สนุกสนานเป็นของคู่กัน ซึ่งเค้าเอามาใช้กับเกมรูมท
ห้องตัวอย่างห้องแรกในวันนี
ห้องนี้ดูไม่แน่น หรืออึดอัดเลยใช่ไหมละครับ เพราะเค้ามีตัวช่วยอย่าง “เพดาน” ที่สูงถึง “3 เมตร” หรือ “ประตูห้อง” ที่ใช้เป็นแบบ “บานสไลด์” “กระจกระเบียง” บานใหญ่ที่สูงถึง “3.2 เมตร” เลยความสูงเพดานไปอีก นี่คือพระเอกที่ทำให้ห้องนี
ในส่วนของประตูก็อุ่นใจได้ก
หันกลับมาดูพื้นที่ส่วนแรกท
แต่ถึงอย่างไร ครัวก็ต้องเป็นครัวอยู่วันย
ส่วนตู้เย็นก็ใช่ครับ เดาถูกแล้ว ซ่อนอยู่ด้านข้างนั่นเอง ตู้เย็นเค้าบิวท์อินมาให้แบ
ที่เก็บของเต็มไปหมดเลยดูซิ
ส่วนอีกฝั่งก็เป็น “ตู้รองเท้า” “สูงจรดเพดาน” เช่นกัน แบบนี้ใครที่มีร้องเท้าเยอะ
ถัดมาในส่วนของ “ห้องนั่งเล่น” ตรงนี้เหลือพื้นที่พอให้จัด
ส่วนพื้นจะเป็นพรีเมียมลามิ
โครงการเน้นพื้นที่การใช้งา
เช่นเดียวกับ “ห้องน้ำ” ที่สามารถเข้าได้ทั้งจากห้อ
เข้ามาดูใน “ห้องนอน” กับเตียงขนาด 5 ฟุตที่วางไว้ ถึงแม้ว่าจะเหลือพื้นที่ปลา
เผื่อใครที่ชอบอ่านหนังสือ เคลียร์งานผ่าน ipad หรือนอนดูคลิป VATANIKA ก่อนนอน ก็วางโคมไฟไว้ข้างๆ ได้เลย จะได้ช่วยถนอมสายตาด้วยครับ
สำหรับ “ตู้เสื้อผ้า” โครงการก็บิวท์อินมาให้เรีย
แอร์ที่นี่ฝังฝ้ามาให้ทุกห้
“ห้องน้ำ” ที่กั้นฉากเปียกแห้งให้แบบน
โถสุขภัณฑ์เป็นแบบ Washlet ฝังไปกับผนังแบบนี้เลย อารมณ์เหมือนห้องน้ำที่ The Emquatier
กระจกห้องน้ำก็ได้บานใหญ่สะ
ถัดมาเป็นห้องตัวอย่างขนาด 41.5 ตารางเมตร เป็นห้อง 1Bedroom ขนาดใหญ่ ห้องนี้ก็ยิ่งมีพื้นที่ใช้ส
ผนังด้านข้างสามารถบิวท์อิน
ถึงจะไม่ใช่ครัวปิด แต่เราก็จะได้ส่วน Living ทั้งส่วนพักผ่อน ทานข้าว และครัวเชื่อมต่อกันเป็นพื้
ประตูเป็นบานสไลด์ เวลาเปิด-ปิดไม่กินพื้นที่ส
ห้องนอนจะใช้เป็นทีวีติดผนั
ในห้องนอนทำเป็น Walk in closet ให้ด้วย บิวท์อินตู้เสื้อผ้ามาให้ทั
พร้อมจัดมุมโต๊ะเครื่องแป้ง
และสุดท้ายท้ายสุดกับระบบ Smart Home ผ่าน “Google Home Mini” (หรือเทียบเท่า) เห็นจิ๋วๆ แบบนี้ไม่ใช่ลำโพงนะ แต่เป็นผู้ช่วยสุดชาญฉลาดที
และทั้งหมดนี้ก็คือภาพรวมโค
ติดตามเราได้ที่ : facebook
ติดต่อสอบถาม : Contact