รีวิวคอนโด “KHUN By YOO” ให้คุณได้อยู่ ณ หัวใจของทองหล่อ กับสุดยอดดีไซน์คอนโดระดับโลกจากแสนสิริ ห้อง 2 Bedroom ราคา 25.99 ล้านบาท*

ทุกคนเคยติดใจเสน่ห์ของสถานที่ไหน จนเราอยากจะไปซ้ำมั้ยครับ อาจจะเป็นร้านอาหารดีๆ สวนสาธารณะที่ร่มรื่น ที่ไปทีไรก็ได้ความทรงจำดีๆ กลับมา ผมเองมาเยือนคอนโดแห่งนี้ “KHUN By YOO inspired by Starck” (ชื่อเต็มๆ ที่ผมขอเรียกสั้นๆ ว่าคุณบายยู) เป็นครั้งที่ 3 แล้วครับ จำได้ว่ามารอบแรกตื่นเต้นกับทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของงานดีไซน์ที่ไม่มีคอนโดไหนเหมือนที่นี่เลย รู้สึกว่ามันฉูดฉาด แฝงความสนุกสนาน และเมื่อมาซ้ำรอบ 2 รอบที่ 3 เข้า ก็ทำให้เรารู้สึกได้ลุ่มลึกไปกับมันมากขึ้น แปลกที่แม้จะเด่นเอามากๆ แต่ก็ไม่น่าเบื่อ อาจจะเป็นเพราะรูปโฉมภายนอกของอาคาร และการดีไซน์ในพื้นที่ส่วนกลางที่โดดเด่น ได้รับการ Blend ให้กลมกล่อมมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ภายในห้อง โดยเฉพาะรอบนี้ที่ผมไปเพื่อไปชมห้อง 2 Bedroom ตกแต่งใหม่ด้วยลายเซ็นของ Chanintr

ก่อนจะพาเข้าไปสู่ห้องตกแต่งใหม่ มาถึงนี่แล้วก็ขอโอกาสพาทุกคนชมพื้นที่ส่วนกลางที่นี่กันก่อน ด้วยความที่เป็นโครงการ “Design Branded Residence” แห่งแรกของไทย แสนสิริทำแล้วก็เลยทำให้สุด ด้วยการเลือกสตูดิโอออกแบบระดับโลก อย่าง YOO Studio มารังสรรค์โครงการนี้ด้วยฝีมือของดีไซน์เนอร์ระดับตำนาน “Philip Starck” ที่มีจุดเด่นในการชูความงามของวัสดุตามธรรมชาติแบบ “Raw Beauty” มาผสมผสานด้วยอารมณ์ขันกับการเลือกใช้วัสดุตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ที่ใหญ่โตกว่าปกติที่เราพบเจอในชีวิตประจำวัน เราจึงได้เห็นการตกแต่งอาคารด้วยวัสดุอย่างหินธรรมชาติ ทองแดง และปูนเปลือยผสมผสานกัน ได้เห็นแชนเดอเลียร์ทำมือ โคมไฟ เก้าอี้ขนาดมหึมา ได้เห็นโซ่เหล็กเรียงร้อยกลายเป็นม่านที่ดูนุ่มนวล สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของงานดีไซน์ที่หาดูได้ยาก ที่นี่จึงเปรียบเสมือนศูนย์รวม Art Pieces เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งจากแบรนด์หรูที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานจากทั่วโลก

โครงการที่รวบรวมความพิเศษเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าที่นี่ไม่ใช่ “ทองหล่อ” และเมื่อพูดถึงทำเลทองหล่อที่ตั้งโครงการนี้ไม่ใช่หมายถึงตรงไหนก็ได้ แต่อยู่ในจุดที่คึกคัก หลากหลาย อยู่ในทองหล่อตอนกลางที่เป็นตัวแทนคาแรกเตอร์ของย่านนี้ได้ดีที่สุด ที่ตั้งของคุณบายยูอยู่บริเวณปากซอยทองหล่อ 12 ถ้าจะพูดให้เห็นภาพง่ายๆ ก็คือ ในระยะเดินรอบโครงการเพียงแค่ 5 นาที มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ผับ บาร์ที่จะไปใช้ได้ทั้งเดือนแบบไม่ซ้ำทั้งวันทั้งคืน ไล่ตั้งแต่เกาเหลาเลือดหมูอร่อยๆ ข้าง 7-11 ซอย 7, อาหารเปรูรสเด็ดที่ Buenazo, ย่างเนื้อชิ้นโตที่ LAVA Asian Fire Grill, กินหวานเบาหวิวที่ Ba Hao Tian Mi, ดื่มชาเขียวแบบ Specialty ที่ Seven Suns, สวรรค์ของคนรักอาหารญี่ปุ่น เช่น ร้าน Teppen และ Sushi Yorokobu, กินเม็กซิกันให้อ้วนจุที่ The Missing Burro, แล้วอยู่โยง Rabbit Hole จนเช้าไปตลอดคืน

นี่แค่ตัวอย่างนะครับ ยังไม่นับห้างและคอมมูนิตี้มอลล์ต่างๆ ที่อยู่ใกล้เคียง ไม่ว่าจะ Marche Thonglor, Seen Space, J Avenue, The Commons, 72 Courtyard, Donki อยู่ตรงนี้หลากหลาย เป็นแสงสีที่ไม่มีวันหลับใหลของทองหล่อจริงๆ

กลับเข้ามาสู่โครงการกันบ้าง ที่นี่เป็นคอนโด High Rise สูง 27 ชั้น บนพื้นที่ราว 1 ไร่ กับห้องพักอาศัยเพียง 148 ยูนิตพร้อมที่จอดรถ 102% ครับ (เกือบทั้งหมดเป็น Auto Parking มีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก) มี Facilities ครบดีไซน์งามงดทั้ง The Greeting Hall ส่วนต้อนรับที่ให้บรรยากาศเหมือนอยู่กลางพิพิธภัณฑ์ มี Concierge ตลอด 24 ชม. ที่ผมได้เห็นเค้าพูดคุยทักทายลูกบ้านด้วยบรรยากาศที่อบอุ่น จำลูกบ้านได้ อยากทำอะไร อยากได้อะไรเค้าก็จัดให้, Sky Scape ส่วนสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool – Jacuzzi – สระเด็ก ที่ให้ความรู้สึกเสมือนว่ายท่ามกลางหมู่ดาว พร้อมที่นั่งพักผ่อน, The Gymnasium ฟิตเนสพร้อมอุปกรณ์สุดพิเศษจาก Technogym, The Eight Ball ห้องเกมรูมสุดวิจิตร, The Screening Room มินิเธียเตอร์อารมณ์บ้านสไตล์ยุโรป, The Reading Lounge สำหรับนั่งพักผ่อน ทำงาน มีชาและกาแฟ Nitro บริการ, The Sky Lawn สนามหญ้าบนชั้น Rooftop รองรับกิจกรรมความบันเทิงทั้งทีวี 85 นิ้วกลางแจ้ง, บาร์, โต๊ะโกลล์, ตารางหมากรุกแบบโอเวอร์ไซส์ และจุดชมวิวสวยๆ จากใจกลางทองหล่อ แต่เอาจริงๆ นะ ผมมีความรู้สึกว่าส่วนพื้นที่ต่างๆ ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อฟังก์ชันในการใช้งานเป็นหลัก แต่มันให้ความสุนทรีย์ในการได้ใช้เวลาอยู่ในพื้นที่เหล่านั้นซะมากกว่า

KHUN By YOO

ห้องที่นี่มีทั้งหมด 5 แบบ จาก 1 Bedroom ไปจนถึง Penthouse ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 41.50 ตร.ม. ไปจนใหญ่ที่สุดถึง 302.75 ตร.ม. ครับ แต่ ณ ตอนนี้โครงการเหลือขายแต่ห้อง 2 Bedroom ในราคา 25.99 ล้านบาท ผมก็เลยพาทุกคนไปแบบเน้นๆ กันนี้ขนาด 82 ตร.ม. ที่ตกแต่งดีไซน์แบบครบชุดให้ทุกชิ้นจาก Chanintr ในสไตล์ Mid-Century Modern ถ้าใครเคยเห็นห้องตัวอย่างของ KHUN By YOO มาก่อน ห้องนี้จะเป็นดีไซน์ใหม่ที่ให้อารมณ์แตกต่างออกไป เป็นอีกตัวเลือกสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นมีครอบครัว หรือหาห้องขนาดกำลังพอเหมาะพอดีในย่านนี้ครับ

ถ้ามาดูห้องนี้คนเดียวก็อาจจะไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าพาคนรู้ใจมาด้วย ก็คงได้แต่รำพึงว่า “เห็นแล้วอยากอยู่กับคุณที่ KHUN By YOO” ถ้าอยากมาดูก็คลิก Reserved ได้ที่นี่ครับ >> http://siri.ly/yYjfcv6

#LivingSneakPeek #รีวิวคอนโด#Sansiri #KHUNByYOOinspiredbyStarck #คุณบายยู #คอนโดทองหล่อ

CONDO KHUN By YOO

วันนี้พามาชมความสวยงามเจริญหูเจริญตาของ ‘KHUN By YOO inspired by Starck’ สุดยอดดีไซน์คอนโดจากแสนสิริบนใจกลางทองหล่อ ที่ร่วมมือกับ YOO Studio แบรนด์สตูดิโอระดับโลก โดย Phillipe Starck ดีไซเนอร์ชื่อก้อง มาร่วมรังสรรค์ความเป็นเอกลักษณ์ให้โครงการนี้ พร้อมกับห้องตัวอย่างตกแต่งใหม่จาก Chanintr จะเป็นยังไง ตามผมมาเลย

ที่นี่เค้าตกแต่งแบบ Raw Beauty เน้นให้เห็นความสวยงามของวัสดุตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นหินอ่อนนำเข้า, ปูนเปลือย รวมไปถึงทองแดงที่เป็นสีเอกลักษณ์ของโครงการครับ

เข้ามาที่ล็อบบี้จะเจอกับ The Greeting Hall ที่อลังการด้วยความใหญ่ของแชนเดอเลียร์ Center Piece ชิ้นนี้ ที่นำพาความคลาสสิคมาต้อนรับทุกครั้งที่จะเข้าออก มาจากแบรนด์ Barovier & Toso แบรนด์เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่เชี่ยวชาญงานแก้วเป่า ทั้งแชนเดอเลียร์และกรอบรูปที่อยู่ด้านหลังนั้นเป็นลายเซ็นต์ของ Philip Starck เลยที่จะใช้ของตกแต่งแบบ Oversized เดี๋ยวเราจะได้เห็นอีกเยอะครับ

โซฟาตรงนี้ก็เห็นได้อีก ชิ้นใหญ่แบบนี้โดดเด่น และดึงดูดสายตามาก ผมชอบรายละเอียดของงานตกแต่งที่เค้าใช้นะ ที่เห็นเสมือนเป็นผ้าม่านโปร่งด้านหลังโซฟานั้นร้อยเรียงมาจากห่วงโลหะชิ้นเล็กๆ ที่ทำออกมาได้ประณีตมาก วัสดุที่แข็งแกร่งตามธรรมชาติกลับแสดงความอ่อนช้อยออกมาได้อย่างสร้างสรรค์

ขึ้นมากันที่ 24 โซน Skyscape มีสระว่ายน้ำในร่ม Infinity Edge Pool ที่ว่ายชมวิวได้แบบ 180 องศา ถ้ามาเวลากลางคืน ไฟจากก้นสระที่ออกแบบจัดวางไว้อย่างตั้งใจจะสะท้อนกับโลหะด้านบนเสมือนได้ว่ายอยู่ท่ามกลางดวงดาวแม้จะอยู่ในร่ม มี Jacuzzi และสระเด็ก ให้ใช้ด้วย

ผนังด้านบนประดับประดาด้วยโคมไฟหลายชิ้น เคยเห็นสระว่ายน้ำที่คอนโดไหนตกแต่งได้มีเอกลักษณ์แบบนี้กันมั้ยครับ

ที่ฝั่งขวาของสระว่ายน้ำ มีส่วนนั่งพักผ่อนชมวิวเมืองกับลมเย็นๆได้ครับ

ชั้นนี้มี Steam Room แยกชายหญิงด้วย ในส่วนของโถงลิฟท์ ไปจนถึงห้องน้ำก็ตกแต่งด้วยหินอ่อน Arabescato Classico ที่ให้เส้นสายเด่นชัดแบบนี้ สวยงามน่าใช้จริงๆ

ก๊อกน้ำนี้คือซีรีย์ Axor One ผลงานเลื่องชื่อของ Philip Starck อีกชิ้นนึงครับ

ขึ้นไปที่ชั้นบนกันต่อเลย

มาที่ชั้น 25 เป็นส่วนของ The Reading Lounge พื้นที่นี้สามารถมาทำงาน อ่านหนังสือ หรือจะมานั่งพักผ่อนชมวิวก็ได้ครับ มีกระจกที่มองเห็นสระว่ายน้ำ และชมวิวเมืองได้โดยรอบ แต่ไม่ร้อนนะเพราะเค้าใช้ Aluminate Insulated Glass ป้องกันทั้งความร้อน UV และเสียง เงียบสงบ

มีโต๊ะเก้าอี้ รวมถึงโซฟาหลายแบบ หลายที่นั่งให้เลือกตามสบาย ตรงทางเข้ามีเคาน์เตอร์พร้อม ชาและกาแฟ แบบ Nitro ให้บริการ รสชาติดี ไปทุกทีต้องได้ชิม

แล้วยังมีห้องประชุมอยู่ข้างในด้วย เห็นงานศิลปะบนผนังก็พอจะนึกออกถึงที่มากันใช่มั้ยครับ บรรยากาศห้องประชุมให้ทั้งความคลาสสิคและผ่อนคลาย

ชั้นนี้ยังมี The Gymnasium ฟิตเนสมากับอุปกรณ์ออกกำลังกายของ Technogym ทั้งหมดครับ บางตัวเป็นรุ่นพิเศษที่ดีไซน์โดย Antonio Cittario

และยังมีห้อง Private Training ที่จะมาเล่นโยคะ ซ้อมบัลเล่ต์ พร้อมๆ กับทอดสายตาชมวิวใจกลางเมือง

ไปดูส่วนกลางที่ชั้นบนสุดกัน ลิฟต์ที่นี่ดีไซน์กลมกลืนกับโครงการ แอร์เย็นฉ่ำตลอดเวลา ส่วนกลางที่นี่จะมีเพลงคลอเป็น Ambience ผ่านลำโพงของ Bose นี่ขนาดลำโพงโถงลิฟต์นะเนี่ย ฮ่าๆ

มาดูส่วนกลางที่ชั้น 27 มีกิจกรรมแบบเต็ม Floor ทั้ง Indoor และ Outdoor ครับ เริ่มที่ The Screening Yard โซนดูหนังกลางแจ้ง ตรงนี้จะจัดให้ลูกบ้านสามารถมาดูหนังกันเต็มตากลางแจ้ง ซึ่งเค้าจะมีจัดกิจกรรมให้ลูกบ้านด้วย ถ้าเป็นตอนกลางคืนบรรยากาศคงดีมากเลยครับ

ข้างๆมีพื้นที่ให้นั่งพักผ่อน ชมวิวเมืองสุดลูกหูลูกตา โซน Outdoor ยังมีเคาน์เตอร์หินอ่อนสีขาวที่เรียกว่า KHUN Bar เป็นพื้นที่รองรับการจัดกิจกรรมพบปะสังสรรค์

มาที่ The Fun Roof โซนที่มีเกมให้เล่น ทั้งตารางหมากรุกไซส์ใหญ่ หรือโต๊ะบอลมือหมุนแบบนี้ครับ เป็นสนามหมากรุกที่เท่มากกกก แต่ผมเห็นแล้วท่าจะปวดเอว คิดว่าตั้งโชว์ไว้น่าจะดีกว่า

นี่เป็นมุมถ่ายรูปแบบที่เพื่อนๆ ต้องถามว่า แกไปถ่ายมาจากที่ไหน

กลับเข้ามาด้านในที่ห้อง The Eight Ball ตั้งชื่อตามลูกพูลสีดำหมายเลข 8 นั่นเองครับ มีโต๊ะพูลสั่งทำพิเศษแบบ Bespoke จากไม้วอลนัท โดย Jonathan Franc โดดเด่นด้วยขาโต๊ะทรง Queen Anne เพิ่มความคลาสสิคสอดรับกับกระดานโต๊ะที่ทำมาจากหินธรรมชาติ แชนเดอร์เลียที่เห็นด้านบนมาจากแบรนด์ Andromeda เป็นงานแก้วทำมือจากเมือง Murano ประเทศอิตาลี

ถัดมาที่ The Screening Room เป็นโรงหนังในร่มบ้างครับ จองเข้ามาดูแบบไพรเวทได้ มีโซฟาสีเหลืองอร่าม พร้อมไฟระย้า 3 ตัว กับจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ เพดานสูงโปร่งสบาย ให้ความรู้สึกเหมือนวาร์ปไปอยู่ในบ้านคลาสสิคของยุโรป เครื่องเสียงข้างนอกยัง Bose เครื่องเสียงในห้องนี้ก็ต้อง Bang & Olufsen ถึงจะคู่ควร

มาที่โถงลิฟท์โซนพักอาศัยบ้างครับ ทุกชั้นก็จะมี Mailbox ดีไซน์กระจกแบบนี้ ก่อนเข้าห้องแวะเอาจดหมายได้เลยครับ พร้อมภาพตกแต่งขนาดใหญ่ที่จะไม่ได้เหมือนกันทั้งหมดในแต่ละชั้นพักอาศัย

โถงทางเดินเองก็ตกแต่งโทนสีเข้ม กับแสงไฟสลัวๆ ให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในโรงแรมหรู ค่อยๆ เพิ่มความสงบและความเป็นส่วนตัวไปจนกระทั่งถึงห้องของเรา

ไปดูห้องตัวอย่างห้องพิเศษนี้กันได้เลยครับ

นี่เป็นห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 82.19 ตร.ม. ความพิเศษคือเค้าได้ Chanintr มาออกแบบงาน Interior ให้ทั้งหมด เจ้าของห้องนี้ก็จะได้เฟอร์นิเจอร์และของประดับตกแต่งทุกชิ้นตามที่เห็นในห้องไปเลย เรียกว่าเป็นห้อง Exclusive เฉพาะคุณ

ใน Layout เนี่ย เข้ามาจะได้ไม่ได้มองทะลุเข้าไปในห้องตรงๆ นะครับ ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ในมุมนี้เค้าเลยเติมกระจกบานใหญ่ให้เป็นจุดไว้เช็คความพร้อม ในดีไซน์คลาสสิค

ฝั่งขวามือ บิวท์เป็น Cabinet ขนาดใหญ่ เอาไว้เก็บรองเท้า กระเป๋า หรืออุปกรณ์ที่พกไปข้างนอกบ่อยๆได้ครับ มากับหน้าบานสีครีมดูนุ่มนวล

 

ทางฝั่งซ้ายเป็นโซนห้องครัว เป็นงานบิวท์อินซ่อนฟังก์ชันไว้ทั้งหมดเลยครับ เผยไว้ให้เห็นเพียงเคาน์เตอร์ครัวเข้ามุม ดูเรียบหรู

ฝั่งขวารองรับในส่วนงาน Laundry

ฝั่งซ้ายมือเป็นชั้นไว้เก็บอุปกรณ์เครื่องปรุงต่างๆ และตู้เย็นบิวท์อินแบบ Side by Side

ส่วนตรงกลางนี้ก็จะเป็นพื้นที่ใช้งานหลักของเรา ตกแต่งด้วยหินอ่อน Arabescato Chiaro ได้เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวจาก Smeg ครบชุด

เข้ามาในส่วนของ Living Room กันบ้าง ห้องนี้ตกแต่งด้วยดีไซน์แบบ Mid-Century Modern ครับ ใครที่เบื่อความ Monotone ก็น่าจะชอบกับห้องนี้ ที่ใช้สีสันทั้งโทนน้ำตาล ส้ม และคัสตาร์ด ผนวกเข้ากับเส้นสายความโค้งมน นำเอาวัสดุธรรมชาติมาใช้ควบคู่กับวัสดุอื่นๆ โดยในส่วนของเฟอร์นิเจอร์ก็มาจากทั่วทุกมุมโลกเลย อย่างเก้าอี้โค้งมนนุ่มนวลจากวัสดุธรรมชาตินี้คือ Solaria Chair จากแบรนด์ BERNHARDT เห็นหน้าตาแบบนี้มีล้อเลื่อนเคลื่อนที่สะดวกด้วยนะ พื้นที่เห็นในห้องนี้เป็นไม้เอนจิเนียร์หน้าไม้เนื้อแข็ง Merbau ซึ่งปกติใช้ทำเสากระโดงเรือด้วยคุณสมบัติการทนความชื้น ให้สีสันโดดเด่นไม่เหมือนใคร

เคาน์เตอร์ข้างๆ คือ TRIANON BUFFET จากแบรนด์เดียวกัน เราจึงได้เห็นความต่อเนื่องของดีไซน์ที่เน้นเส้นโค้ง มีอุปกรณ์ครบครันทั้งที่เก็บอุปกรณ์ช้อนส้อม และลิ้นชักใส่สิ่งของปรับระดับได้ ด้านบนตกแต่งด้วยโคมไฟ YASUKE LAMP จาก D C W ให้แสงลอดผ่านเส้นสายกราฟฟิคสร้างอารมณ์และบรรยากาศที่แตกต่างกันไปตามวัตถุที่ได้รับแสงตกกระทบ

Mood & Tone ได้ความรู้สึกโฮมมี่มากๆครับ มีโซฟาโทนสีน้ำตาลอมส้มเป็นจุดเด่นเข้าคู่กับ V leg arm Chair ที่เป็นงานคราฟต์จากหวายขึ้นรูปแบบตัวต่อตัว จัดวางเข้ากับ Mo Bridge Stool, Dalmo Swivel Chair โดยมี Returning Table เป็นโต๊ะกลาง ด้วยทุกอย่างที่มารวมกันกลับเข้ากันได้ดี เมื่อมีโคมไฟห้อยโค้งมน Nelson Ball Buble จากด้านบน แต่ละชิ้นผ่านการเลือกมาอย่างประณีตจริงๆ

ระเบียงด้านนอกกว้างตลอดแนวตั้งแต่ห้องนั่งเล่น ไปจนถึงห้องนอนหลักครับ

มาที่ Master Bedroom กันก่อนครับ กว้างขวางสบายทีเดียว มากับหน้าต่างบานใหญ่แบบ Full Height ที่ความสูงห้อง 3 ม. อุปกรณ์ตกแต่งสำคัญที่ดึงจุดเด่นของ Mid-Century ดีไซน์ในห้องนอนก็คือโคมไฟแบรนด์ LOUSE POULSEN เป็น Danish Brand เก่าแก่ตั้งแต่ปี 1925 เน้นความเรียบง่าย และโค้งมน ที่ได้รับความนิยมนำมาตกแต่งในสไตล์นี้ ก็เลยได้มาอยู่ประดับภายในห้องนอนด้วย

มีโต๊ะทำงาน ในมุมสงบ ยังคงความเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม เพิ่มลูกเล่นด้วยเก้าอี้สีน้ำเงิน

ตู้เสื้อผ้าสีโทนขาวสว่างในสไตล์เรียบง่ายกลมกลืนไปกับห้อง จัดวางอยู่ในส่วนทางเข้าห้องน้ำครับ

เข้ามาที่ห้องน้ำส่วนตัวในห้อง Master Bedroom ละมุนละไมด้วยหินอ่อน Arabescato Chiaro ที่ตกแต่งทั้งห้อง ตัดกับวัสดุไม้สีดำเข้ม พร้อมกับมุมชมวิวเพื่อความผ่อนคลายที่แท้ทรู สุขภัณฑ์ที่เค้าใช้มีทั้งแบรนด์ Axor และ Duravit ครับ

ตรงข้ามอ่างอาบน้ำ ก็เป็นโซน Shower สำหรับวันเร่งรีบ ติดตั้ง Rain Shower มาให้พร้อม มองทางไหนก็หินอ่อนไปหมดเลย

ถัดมาที่ห้องนอนอีกห้อง ตกแต่งด้วยไม้สีอ่อน ดูอ่อนโยน สบายตา

แต่ยังไม่ทิ้งโคมไฟทรงโค้งมน Penthella Portable Lamp เพื่อให้เข้ากับดีไซน์หลักของห้อง และ Pendant Lamp ยึดจากเพดานจาก LAMPE GRAS เป็นลูกเล่นที่น่ารักเลย

ห้องน้ำอีกห้องที่เข้าได้จากห้องนั่งเล่น ตกแต่งเหมือนกันเพียงแต่จะไม่มีอ่างอาบน้ำครับ แต่มีให้ครบฟังก์ชันสามารถอาบน้ำในห้องนี้ได้ด้วย

ห้องนี้ก็เป็นห้องที่มีขนาดกำลังพอดี จุดเด่นคือภายในโปร่งสบาย ทุกห้องได้ช่องแสงขนาดใหญ่ พื้นที่ Common Area ตรงกลางนั้นกว้างขวางสามารถจัดสรรเฟอร์นิเจอร์ลงได้แบบสบายๆ เมื่อรวมกับดีไซน์จาก Chanintr แล้วก็ออกมาสวยงาม อบอุ่น แบบที่เราพาชมในวันนี้เลยครับ

ถึงเวลาก็ต้องกลับบ้านกันแล้ว มาทางไหน เราจะกลับไปทางนั้น กลับไปจุดเริ่มต้นก็คือการมารอรถที่จอดแบบ Auto Parking ก่อนกลับก็มาแตะการ์ด ซึ่งตรงจอสีแดงที่อยู่แนบเนียนไปกับกรอบภาพตกแต่งบริเวณล๊อบบี้นี้ ก็คือหน้าจอที่จะบอกเวลาและตำแหน่งรถที่เราเรียกไปนั่นเองครับ

หน้าตาของลิฟท์จอดรถก็เป็นแบบนี้ครับ ประตูเปิดออกแล้วก็ขึ้นรถขับออกไปได้เลย มีทั้งหมด 4 ช่องจอดครับ

ก่อนกลับปิดท้ายด้วยความงามของตัวอาคารโครงการ ‘KHUN By YOO’ ที่เรามาเยือนกันครับ เรียกได้ว่าทุกอย่างสะท้อนเอกลักษณ์ที่ไม่มีที่ไหนเหมือน ให้สมกับความเป็น The 1st Design Branded Residence ของไทย จาก YOO Studio จนเป็นหนึ่งใน Sansiri Luxury Collection ที่ไม่ใช่เพียงแค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นผลงานชิ้นเอกที่สร้างความเปรมปรีดิ์ให้กับผู้ที่ได้ครอบครอง ก่อนจะปิดโครงการนี้ไป ยังมีห้อง 2 Bedroom ที่ design by Chanintr นี่แหละครับเป็นโอกาสสุดท้าย