DENIM Jatujak เลือกใช้ชีวิต แบบไม่ต้องคิดเยอะ

ในเมื่อ “ที่อยู่อาศัย” ถือเป็น 1 ในปัจจัย 4 ของมนุษย์ แล้วเราจะไม่ให้ความสำคัญได้ยังไง

กว่าจะเลือกได้ว่าจะอยู่ที่ไหนดี หลายคนคงคิดแล้วคิดอีก.. ความปลอดภัยต้องมี ความสะดวกสบายต้องมา ความคุ้มค่าคือสิ่งที่ฉันคู่ควร หรือกับบางคนที่ขอไม่คิดอะไรมากไปกว่าการได้อยู่กับใครสักคนที่เรารัก คนสำคัญมากพอที่ขอแค่ได้อยู่ด้วยก็มีความสุขแล้ว ซึ่งถ้าคนสองกลุ่มนี้ได้มีโอกาสมานั่งคุยกัน คงจะได้ข้อสรุปที่ว่า….ขอเลือกอยู่กับคนสำคัญ ในที่ๆ ให้ความสำคัญกับทุกๆ เหตุผลของการใช้ชีวิต… อุ๊ยพูดแล้วเขิน

วันนี้ไม่ได้มาเขียนนิยายรัก แต่ขอหยิบยกคอนโดใหม่เอี่ยมใส่เอี๊ยมผ้ายีนส์ที่กำลังจะเปิดจองอย่างเป็นทางการในวันที่ 2-3 พ.ย. นี้มาเล่าให้ฟัง นั่นก็คือ “DENIM Jatujak” โครงการใหม่บนพื้นที่กว่า 9 ไร่ ที่จะมาตอบโจทย์ก่อนที่เราจะเริ่มคิดคำถามเสียอีก เพราะคอนเซปต์ที่นี่คือคิดมาให้หมดแล้ว แถมยังมาในราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท อ่ะ ถ้าใครสนใจก็คลิกลงทะเบียนก่อนที่นี่ได้เลย  http://denim.jatujak.grandunity.co.th
หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 02 652 4000

โครงการนี้เค้าคิดแทนเรายังไง ลองมาฟังแนวคิดโครงการเค้าดูครับ…”PLAN TO LIVE UNPLANNED”… แนวคิดเท่ๆ ที่ชวนให้เราเดินเข้ามาแล้วพบว่าโครงการมันมีอะไรเตรียมไว้ให้เราแล้วจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดี-รังสิต ซ.3 ตรงเข้ามาในซอยประมาณ 400 ม. โครงการเข้าออกได้ 2 ทางทั้งจากวิภาวดี และไปทะลุพหลโยธิน ที่ซ.18/1 ซึ่งเส้นวิภาฯ นี่ก็อย่างที่ทราบกันดีว่าเป็นถนนใหญ่เชื่อมต่อได้อีกหลายเส้นทาง ทั้งเส้นลาดพร้าว รัชดา พหลโยธิน หรือตรงยาวๆ ไปออกดอนเมือง ไม่ต้องถอดส้นสูงวิ่งขึ้นเครื่องไปภูเก็ต ถ้าอยากเดินทางราคาประหยัดก็ไปขึ้นรถทัวร์ตรงขนส่งหมอชิตได้ หรือถ้าวันไหนต้องข้ามฝั่งไปดูรถถังฝั่งธนฯ ก็ใช้ทางด่วนศรีรัชข้ามออกไปนอกเมืองได้แบบชิลล์ๆ ถึงคราวเจ็บป่วยไม่ต้องไปไกลนิดเดียวก็ถึง รพ. เปาโล เมื่อถึงเวลามีครอบครัวก็สามารถส่งลูกคนเล็กที่รร.หอหวังแล้วเลยไปรับคนกลางที่ม.เกษตรฯด้วยเส้นวิภาฯ หรือพหลฯ ก็ได้ยาวๆ ไป น้ำมันขึ้นราคาเมื่อไหร่ก็จอดรถไว้แล้วเลือกใช้ BTS หรือ MRT เอาครับ เพราะตัวโครงการอยู่ห่างจากสถานีหมอชิตประมาณ 1.4 กม. มีรถ Shuttle Bus วิ่งรับส่งให้ถึงที่ และสุดท้ายถ้าวันว่างๆ ไม่อยากออกไปกินชาบูที่ยูเนียนมอลล์ หรือเซ็นทรัลลาดพร้าว ก็เปลี่ยนแผนเป็นตื่นเช้าไปวิ่งสวนรถไฟแทน ก็ดูจะน่าสนใจดีครับ แต่อย่ากระนั้นเลย ถ้าไม่ได้อยากออกไปไหนจริงๆ ก็วิ่งอยู่ในโครงการนั่นแหละ มีจ๊อกกิ้งแทรคสวยๆ ท่ามกลางร่มไม้เหมือนกัน… ภาพเหล่านี้ก็คือ Plan To Live Unplanned นี่แหละครับ 

Denim Jatujak

Denim Jatujak เป็นโครงการ High Rise มีอาคารพักอาศัย 3 อาคาร ความสูงลดหลั่นกันไป Tower A สูง 37 ชั้น, Tower B สูง 22 ชั้น และ Tower C สูง 33 ชั้น ส่วน Tower D เป็นอาคารจอดรถสูง 10 ชั้น (คิดเป็นที่จอดรถประมาณ 53%) รวมทั้งสิ้น 1,813 ยูนิต และร้านค้าอีก 4 ยูนิต โดยมี Sky Bridge เป็นตัวเชื่อมต่อให้เดินถึงกันได้ทุกอาคารอีกด้วยครับ อย่างอยู่ในห้องประชุมของอาคาร A แล้วเกิดอยากจะ Relax ก็สามารถเดินเชื่อมไปใช้สระว่ายน้ำอาคาร D แล้วเก็บของไว้ใน Smart Locker ได้เลยไม่ต้องกลัวหายครับ ฟังดูยูนิตจำนวนเยอะ แต่สิ่งที่เค้าให้มาด้วยคือพื้นที่ส่วนกลางหลากหลาย จัดใหญ่ ให้เยอะแบบไม่ต้องกลัวซ้ำครับ 

Facilities ที่เค้าออกแบบมา รองรับทุกไลฟ์สไตล์ กระจายเฉลี่ยไปทั้ง 4 Tower เริ่มจากบริเวณชั้น Ground มีพื้นที่สีเขียวกว่า 2 ไร่ รอบๆ โครงการ พร้อม Jogging Track ยาวกว่า 270 ม. และ Playground

  • Tower A มีส่วน Co-Living Space ที่เรียกว่า Brain Space และ Meeting Area ให้ใช้งาน
  • Tower B นี่เรียกว่ามีจัดหนักชดเชยที่ตัวอาคารอยู่ด้านในสุด มีทั้งสระว่ายน้ำเป็นของตัวเอง ทั้ง Kids’ Pool และ Relax Pool, Bike Simulator, Playroom, Theater Room, Lobby Lounge, Retreat Area และที่เด็ดมากคือ Rhythm Studio พี่เค้ามีห้องซ้อมดนตรีให้ด้วย ดีอ่ะ นึกถึงสมัยผมยังต้องเดินหาห้องซ้อม ต่อคิว นับชั่วโมง รีบเล่น รีบร้องกลัวไม่คุ้มกันอยู่เลย (ซึ่งก็ซ้อมไม่เคยคุ้มสักครั้ง ฮ่าๆ)
  • Tower C มี Co-Living Area, Co-Kitchen Space, Co-Dining Area และ E-Library – Tower D ซึ่งเป็นอาคารที่จอดรถด้านหน้า ก็เป็นศูนย์รวมคนฟิตแอนด์เฟิร์มนะ เพราะมีห้องออกกำลังกาย 2 ชั้น ที่มีทั้งโซน Weight Training & Machine และ Yoga & Pilates, Active Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือความยาวกว่า 45 ม., Green Roof ให้ออกมาเดินเล่น และเป็นที่นั่งสังสรรค์กับ Outdoor BBQ ด้วย

มาดูในส่วนที่ชวนตัดสินใจคือแบบห้อง แบบที่ให้เลือกมีตั้งแต่ Studio ขนาด 22.5 ตร.ม., 1 Bedroom ขนาด 27 ตร.ม., 1 Bedroom Plus ขนาด 33 ตร.ม., และ 2 Bedroom ขนาด 50.5 ตร.ม. โครงการขายแบบ Fully-Fitted มีตู้เสื้อผ้า ชุดครัว ห้องน้ำ แอร์ และระบบ Home Automation พร้อม Digital Door Lock เป็นมาตรฐานทุกห้อง ห้องน้ำที่นี่เป็นแบบสำเร็จรูปที่หลายคนจะคุ้นเคยกับคอนโดยุคปัจจุบันกันแล้ว ที่สำนักงานขายเค้าตกแต่งห้องหนึ่งเป็นกระจกเปลือยโชว์ระบบให้ดูด้วยว่า การใช้ห้องน้ำสำเร็จรูปเค้าวางท่อเพื่อลดปัญหาน้ำซึมน้ำรั่วได้ยังไงแบบที่เห็นแล้วร้องอ๋อเลยครับ และเราก็เก็บภาพมาให้ชมกันด้วยครับ

สำหรับราคา ที่นี่เคาะราคาเฉลี่ยทั้งโครงการอยู่ที่ 91,000 บาท/ตร.ม. น่าสนใจไม่น้อยเลยใช่มั้ยครับ แถมตอนชิมลางเปิดจองรอบพิเศษก็ Sold Out  ไปอย่างรวดเร็ว EIA ก็ผ่านเรียบร้อยคาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 3 ปีข้างหน้า ใครที่สนใจก็เตรียมตัวให้ดี เค้าเตรียมเปิดจองรอบ Pre-Sales 2-3 พ.ย. นี้ที่โครงการ เดนิม จตุจักร แล้วอย่าลืมคลิกรับส่วนลดพิเศษ 150,000 บาท* กันนะครับ >> http://denim.jatujak.grandunity.co.th

เอาหล่ะ ส่วนสุดท้ายของวันนี้ ในเมื่อ “DENIM Jatujak” วางแผนและเตรียมที่อยู่อาศัยไว้ให้หมดแล้ว ทีนี้ก็เป็นหน้าที่ของคนอยู่แล้วครับ ว่าจะวางแผนใช้ชีวิตกับสิ่งที่ตัดสินใจเลือกต่อไปยังไง และเพื่อให้เห็นภาพได้ชัดขึ้น ตามเข้าไปดูห้องตัวอย่างที่เราจะพาชมในวันนี้กันได้เลยครับ!

#DENIM #DENIMJatujak #PlanToLiveUnplanned
#SenseOfSmartbeginning
#GrandUnity #SimplyMakesSense
#LivingSneakPeek #แอบดูคอนโด

“เดนิม จตุจักร” คอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่จาก “แกรนด์ ยูนิตี้” ถูกพัฒนามาเพื่อมาตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ เพราะนอกจากราคาที่จับต้องได้แล้ว ขนาดห้อง และพื้นที่ใช้สอยก็จัดสรรมาให้อย่างคุ้มค่าครับ
 
 
โดยเรามาเริ่มแอบดูห้องตัวอย่างแบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 33 ตร.ม.กันครับ
 
 
โครงการขายแบบ Fully Fitted โดยจะเตรียมชุดครัวพร้อมเตาไฟฟ้า, ฮูทดูดควัน, อุปกรณ์มาตรฐานในห้องน้ำ, แอร์, แล้วก็ม่านมาให้ อ้อ ตู้เสื้อผ้าก็ได้ด้วยนะครับ เรียกได้ว่าของใหญ่ๆ หลักๆ เนี่ยเค้าเตรียมมาให้ครบแล้ว เหลือแค่เราไปเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์มาจัดวางให้ลงตัว
 
 
ผนังจะได้แบบฉาบเรียบทาสี ดังนั้นถ้าใครอยากเพิ่มลูกเล่น ก็ติดวอลเปเปอร์ให้ดูสวยสะดุดตา หรือติดกระจกเพิ่มก็จะช่วยให้ห้องดูกว้างขวางขึ้นครับ
สำหรับ Layout ห้องแรกแบบ 1Bed Plus 33 ตร.ม. หน้าตาเป็นแบบนี้ครับ ส่วน Living นี้จะเป็นพื้นที่แบบ Open Plan ที่รวมในส่วนของ Kitchen, Dining และ Living Area เข้าไว้ด้วยกัน มีห้องน้ำที่เข้าได้จากส่วนนี้ และห้องนอนก็จะมีพื้นที่ขนาดใหญ่ในส่วนของบริเวณแต่งตัว และยังเดินได้รอบเตียงสบายๆ โดยจะมีพื้นที่ห้องพลัสในส่วนที่อยู่ติดกับระเบียงห้องครับ
 
 
สำหรับห้องนี้ก็จะมาในธีมแมนๆ นิดนึง คือแต่งแบบคนเท่ๆ ที่เค้าชอบใส่ผ้าเดนิมกันอ่ะครับ ฮ่าๆ
 
 
ระยะความสูงเพดานอยู่ที่ 2.5 ม. จะได้ประตูระบบ Digital Door Lock ใช้ได้ 4 แบบ ทั้งคีย์การ์ด, กุญแจ, รหัสผ่าน และ Bluetooth และมีระบบ Home Automation มาให้ไว้สั่งการเปิด-ปิดไฟกับแบบง่ายๆ ผ่านมือถือด้วยครับ
 
 
ตรงเข้ามาผมขอพาดูห้องน้ำทางซ้ายมือก่อน โดยห้องน้ำที่นี่จะเป็นแบบสำเร็จรูปนะครับ ซึ่งก็จะลดปัญหาจุกจิกไปได้เยอะพอสมควร เพราะทำเป็นมาตรฐานมาจากโรงงานปัญหาการรั่วซึมลงไปชั้นล่างก็จะน้อยกว่า อย่างการวางแนวท่อและระบบต่างๆ ก็อยู่ด้านหลังเลย หมดกังวลว่าเพื่อนบ้านจะมาเคาะประตูขอเค้ามาซ่อมจากห้องเรา ส่วนสุขภัณฑ์จาก Hafele ทั้งหมดครับ
 
 
นี่แหละครับที่ผมบอกว่าเค้าทำเปลือยระบบท่อมาให้ดูเพื่อจะได้เห็นว่าการจัดการในห้องน้ำสำเร็จรูปเป็นยังไง ไม่ได้เดินท่อเหมือนแบบเก่าแล้วล่ะ
 
 
ต่อมาเป็นพื้นที่ครัว ซึ่งก็บิวท์เข้ามุมไว้ให้เรียบร้อย ถ้าอยากแบ่งโซนทำอาคารกับห้องนั่งเล่นให้ดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น จะทำโต๊ะอาหารแบบห้องตัวอย่างนี้ก็ดูน่าสนใจดีนะครับ เป็นการใช้เฟอร์นิเจอร์ในการจัดโซนพื้นที่
 
 
ครัวก็ขนาดกำลังใช้งานได้ครับ สามารถวางเครื่องซักผ้าไว้ด้านล่างและตู้เย็นไว้ด้านข้างได้แบบพอดี
 
 
Top ครัวเป็นหินสังเคราะห์ หน้าบานเป็นสีโทนสว่าง เปิด-ปิด แบบ Soft Close มั่นใจได้ว่าไม่มีการปิดปึงปังให้สะดุ้งโหยงเวลาทอดปลาทอดไข่ (เว้นแต่จะสะดุ้งเพราะน้ำมันกระเด็น) ส่วนเตาไฟฟ้าได้แบบ 2 หัวครับ
 
 
เข้ามาด้านในพื้นที่ห้องนั่งเล่น ก็กว้างๆ ใส่โต๊ะทานข้าวไปแล้วไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดนะครับ มีที่ให้เดิน ให้นั่งได้สบายๆ ด้านหลังโซฟาจะติดชั้นวางของไว้ด้วยก็ได้เลย เผื่อมีของอยากตั้งโชว์ หรือต้องการที่เก็บของกระจุกกระจิกเพิ่ม หรือไม่ก็ติดกระจกบานใหญ่เข้าไป ห้องนั่งเล่นก็จะดูกว้างอย่างไม่น่าเชื่อครับ
 
 
ตรงข้ามวาง TV ติดตู้เก็บของ ชั้นวางหนังสือเข้าไปให้ครบๆ แบบนี้ ก็ประหยัดเนื้อที่ และช่วยเก็บจุข้าวของได้ดีเชียวครับ ส่วนใครที่นั่งทานข้าวอยู่ก็ยังสามารถดูหมอเป้งที่รัก คึกคักคุกคิกไปด้วยได้อีก เพราะมุมการจัดวางค่อนข้างพอดีครับ ชมทีวีได้ทุกมุม
 
 
ห้องนี้มี 1 ห้องนอนพร้อมห้องอเนกประสงค์ ดังนั้นรังสรรค์กันได้ตามชอบใจเลยครับ ใครจะมีวิถีไบค์เกอร์ หรือขับฮาเล่ ก็ประดับตกแต่ง แขวนกุญแจ แขวนหมวกกันได้ตามสะดวก ส่วนผมน่ะเหรอ เป็นสายธรรมชาติครับ สายเมาเท่นท์ …. จักรยานเสือภูเขา ผ่ามม!
 
 
 
ปรับให้เป็น Walk-in Closet ก็ได้เต็มที่เลยนะครับสาวๆ จะ Live ขายเครื่องสำอาง ขายเสื้อผ้า Online ห้องนี้ก็ดูจะเหมาะเลย หรือจะทำเป็นห้องทำงาน คิดงานเขียนแบบก็จะได้ความเป็นส่วนตัว ส่วนใครอยากทำเป็นห้องนอนแล้วใส่เตียงเข้าไปอาจจะไม่ได้สะดวกมากนัก ลองใช้วิธีเตรียมเบาะนุ่มๆ พร้อมชุดเครื่องนอนไว้สักชุด แล้วค่อยมาเนรมิตห้องนี้เพิ่มเป็นอีกหนึ่งห้องนอนเวลามีเพื่อนมานอนด้วย
 
 
ห้องนอนก็อยู่สบายครับ เตียง 5 ฟุตวางแล้วมีพื้นที่เดินได้รอบทั้งซ้าย ทั้งขวา บริเวณปลายเตียงสามารถวางตู้ โต๊ะ ลิ้นชัก เอาไว้เก็บหนังสือ เครื่องประดับ หรือเครื่องสำอางได้อีก กระจกข้างได้บานใหญ่ 1 บาน พร้อมบานกระทุ้งให้ได้แง้มออกไปรับลมได้ ส่วนม่านนี่โครงการเค้าก็ให้นะครับ
 
 
ด้านข้างตั้งโต๊ะเครื่องแป้ง หรือโต๊ะทำงานเล็กๆ พร้อมเก้าอี้ขนาดพอเหมาะไว้ได้ด้วย
 
 
และถัดเข้าไปในสุดถึงจะเป็นส่วนของตู้เสื้อผ้า ซึ่งห้องที่นี่เค้าก็จะมีมุมมีช่องแบบนี้ให้ได้โซนแต่งองค์ทรงเครื่องแบบส่วนตัวขึ้นมาหน่อย ติดกระจกข้างกำแพงเข้าไปอีกสักบาน ก็เสมือนมี Walk-in Closet ในตัวเลยครับเนี่ย
 
1 Bedroom Type B นี้ปรับตำแหน่งบางส่วนนิดหน่อยครับ คือ เลื่อนครัวไปอยู่มุมหน้าห้องน้ำ ก็ทำให้ส่วน Living มีพื้นที่กว้างขึ้นครับ ส่วนในห้องนอนก็มีระยะช่วงติดหน้าต่างเหลือสำหรับวางโต๊ะทำงานได้ด้วย
 
 
สำรวจห้องแรกกันทั่วแล้วมาดูที่ห้อง 1 Bedroom ขนาด 27.5 ตร.ม. กันต่อ ห้องนี้ก็จะมีลักษณะเป็นตอนลึก เปิดเข้ามาแล้วไม่ได้เจอส่วนครัวเป็นส่วนแรก แต่จะได้พื้นที่โล่งๆ ไว้ Create มุมสำหรับใช้สอยต่างๆ อย่างด้านขวาก็สามารถวางตู้รองเท้าเข้าไปได้ ส่วนด้านซ้ายก็จัดทำเป็นชั้นหนังสือได้แบบจุๆ ครับ
 
 
ก้าวเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่ส่วน Living ซึ่งก็สามารถติดตั้งตู้เก็บของหรือชั้นวางทีวีไว้ด้านล่างได้อยู่ครับ แต่ถ้าอยากให้ประหยัดพื้นที่ก็เอาทีวีติดผนังไปเลย ส่วนโซฟาลดขนาดให้พอดีกับการใช้สอย เลือกแบบสำหรับ 2-3 ที่นั่ง ก็จะมีที่พอให้วางโต๊ะเล็กๆ เสริมเข้าไป เผื่ออยากใช้เป็นโต๊ะทานข้าวครับ
 
 
นี่แหละครับ อยู่ด้านหลังทีวี
 
 
หลายคนสงสัยเอ๊ะ เอาครัวไปไว้ตรงไหน … นี่เลยครับ ก่อนจะพาไปดูในห้องน้ำ ลองดูพั้นที่ครัวที่เค้าจัดวางมาให้ เข้ามุมแบบพอๆ แถมยังใส่เครื่องซักผ้าและตู้เย็นเข้าไปได้แบบพอดีเป๊ะ ซึ่งก็หมายความว่า เค้าสามารถใช้พื้นที่ทุกส่วนของห้องได้แบบคุ้มค่าจริงๆ ไม่ต้องเหลือที่ว่างๆ ไว้ให้ฝุ่นเกาะ เอามาทำประโยชน์ แล้วปล่อยให้ที่ว่างไปตอบโจทย์เรื่องของความอยู่สบายๆ ไม่อึดอัดจะดีกว่า ดังนั้นห้องนี้ก็จะเหมาะกับการทำครัวแบบเบาๆ อุ่นกับข้าว ต้มแกงจืด หรือทำเมนูง่ายๆ ครับ
 
 
เข้ามาแล้วร้องอู้ว ห้องน้ำกว้างไม่เบาครับ มีฉากกั้นที่ใช้กระจกเทมเปอร์ ช่วยเรื่องความปลอดภัยได้ขั้นนึง อ่างล้างมือมีช่องให้ใส่ผ้าขนหนู ผ้าเช็คหน้า และกระจกบานใหญ่ให้ได้ลองหมวกแนวๆ ใบใหม่ที่เพิ่งถอยมาจาก JJ ได้สบายๆ ครับ
 
 
ห้องนอนมีพื้นที่เหลือๆ อีกเช่นเคย เหมือนโครงการเค้ารู้ว่าคนอยู่ต้องการใช้พื้นที่ส่วนไหน และตรงจุดไหนที่มีความสำคัญกับการใช้ชีวิต อย่างห้องนอนเนี่ย ผมว่าเป็นห้องที่ต้องทำให้น่าอยู่ อยู่เสมอนะครับ (ถึงแม้ว่าห้องผมมันจะรกสุดๆ ก็ตาม) เพราะไม่ว่าเรากลับบ้านมาจะอารมณ์ไหน การได้อาบน้ำตัวหอมๆ แล้วเอนตัวลงบนเตียงนุ่มๆ นี่เหมือนเวลาหยุดเดินโดยแท้ ปลอดเปลื้องความเหนื่อยล้าไปแบบเต็มกำลังจริงๆ
 
 
ข้างๆ ก็ยังไม่ลืมที่จะให้พื้นที่สำหรับวางโต๊ะทำงาน เวลาคิดงานไม่ออกก็หันไปนอกหน้าต่าง มองสีเขียวของต้นไม้ มองฟ้าโล่งๆ ก็จะช่วยให้สมองโล่งขึ้น แต่ถ้าง่วงเมื่อไหร่ก็ค่อยทิ้งตัวใส่เตียง เหมาะเจาะเลยครับ
 
 
จะติดทีวีห้องนี้อีกสักตัวก็ยังได้อยู่ครับ ส่วนตู้เสื้อผ้าก็ค่อยเอาไปใส่ไว้ปลายเตียง เพราะมีพื้นที่เหลือ ไม่ต้องไปตั้งเบียดกับเตียงนอนหรือมุมอื่นๆ ให้ห้องดูแน่น ได้มุมแต่งตัวแบบส่วนตัวๆ อีกเช่นกัน
 
อีก Type หนึ่งที่จะพาไปดูคือห้องเเบบ Studio ครับ
ด้วยความเป็นห้องลักษณะที่ Compact มากขึ้น พื้นที่ส่วน Living และห้องนอนก็จะรวมกันอยู่ด้านใน ติดกับระเบียง และมีมุมนั่งพักผ่อนส่วนตัวติดกระจกด้วย ข้อดีคือเค้าแยกครัวและห้องน้ำไว้ด้านนอกครับ ทำให้ไม่รบกวนพื้นที่พักผ่อนที่อยู่ถัดออกไป 
 
 
อ่ะ แล้วก็มาถึงห้องสุดท้ายคือห้อง Studio ขนาด 22.5 ตร.ม. ซึ่งห้อง Studio ที่นี่ได้ครัวปิดนะคร้าบ พื้นที่ใช้สอยก็ให้มาแบบใช้งานได้จริง ทำครัวเสร็จอยากใช้ห้องน้ำก็ก้าวเข้าไปเลย กลิ่นหอมเกินไปก็ปิดประตูได้ อยากระบายอากาศก็เปิดออก แล้วอย่าลืมเดินไปเปิดประตูตรงระเบียงด้วยอีกที เพื่อให้ลม Flow มากขึ้นครับ
 
 
ในส่วนของระเบียงที่เห็นเป็นระแนงเรียงๆ กันนั้น คือเค้าทำให้เป็น Private Balcony ครับ หมายความว่าตรงนี้จะช่วยบดบังสายตาจากด้านนอกได้พอสมควร จะเดินมาตากผ้าเช็ดตัวสีแดงลายมิกกี้ ก็ไม่ต้องกลัวว่าคนจะเห็น แถมยังช่วยเรื่องความปลอดภัย ส่วนลมก็ยังพัดเข้ามาได้อยู่ครับ และเมื่อมองจากภายนอกก็จะเห็นว่าอาคารดูเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่เสมอ
 
 
ห้องน้ำเข้าได้จากฝั่งตรงข้ามครัวครับ พูดง่ายๆ ว่าส่วนที่มีอาจจะส่งกลิ่นอะไรต่างๆ นานา ห้องนี้เค้าจัดโซนแยกไว้ด้วยกันพร้อมกั้นปิดไม่ให้เข้ามารบกวนในห้องนอน
 
 
ลักษณะก็ Compact เข้ามานิดตามขนาดของห้อง แต่วัสดุอุปกรณ์ไม่แตกต่างกัน
 
 
ด้านในด้วยความที่เป็นฟังก์ชั่นของ Studio ก็จะมีพื้นที่ใช้สอยทั้ง Living และส่วนพักผ่อนรวมอยู่ด้วยกัน ลักษระการออกแบบของตัวอย่างที่น่าสนใจก็คือการ Built-in ชั้นทางขวามือให้เป็นแนวยาวไปจนสุดเป็นชิ้นประสานกัน ทำให้ได้ดีไซน์ที่มีความต่อเนื่อง และใช้ประโยชน์จากระยะลึกของห้องได้ดี เปลี่ยนฟังก์ชั่นไปตามตำแหน่งเอาครับ
 
 
ตู้เสื้อผ้าจัดวางในตำแหน่งด้านข้างของเตียง
 
 
มุมก่อนถึงกระจกห้องก็วาง Daybed ยาวๆ ได้หนึ่งตัวเลยนะครับ เป็นมุมพักผ่อน ให้เอนกาย โดยที่ไม่ใช่นอนจริงจังบ้าง ก็ชวนให้เกิดอารมณ์ศิลปินขึ้นมาได้เหมือนกัน และนี่ก็คือภาพของห้องตัวอย่างที่เราพาชมในวันนี้ทั้งหมดครับ
 
ส่วนห้องถัดไปเป็นเเบบ 1 Bedroom ขนาดประมาณ 27.5 ตร.ม. ครับ สิ่งที่เป็นจุดเด่นของห้องนี้คือจะได้พื้นที่ครัวแบบปิด เหมาะสำหรับคนชอบทำอาหารครั
 
Layout นี้คือ 1 Bedroom Plus Corner ครับ ลักษณะห้องจะเป็นหน้ากว้างมากขึ้น ทำให้ได้ส่วนของ Living Room ใหญ่มาก ห้องอื่นๆ ก็ขยายขนาดตามไซส์ของห้องนี้ไปด้วยครับ
 
สำหรับห้อง 2 Bedroom ที่นี่ มีการเเบ่งสัดส่วนเเต่ละห้องเเยกออกจากกันชัดเจน เหมาะกับ ครอบครัวขยายที่อยากได้ห้องนอนส่วนตัวไว้ให้ลูก หรือต้องการพื้นที่เพิ่มเติมในการรังสรรค์ให้เป็นห้องอเนกประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นห้องทำงาน ห้องเเต่งตัว หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ก็ได้ครับ

ซึ่งในส่วนที่ทุกคนในบ้านต้องใช้งานร่วมกันอย่าง มุมทานข้าวหรือห้องนั่งเล่น ถูกจัดวางให้เชื่อมต่อกันเป็นพื้นที่โล่งขนาดใหญ่ ส่วนพักผ่อนอย่างห้องนอนจัดวางเข้ามาอยู่ด้านในให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งห้องนอนมาสเตอร์นี่กว้างขวางสบายน่าดู แถมมีกระจกรับแสงได้ 2 ฝั่ง ส่วนห้องน้ำใช้งานร่วมกันตรงกลางครับ
 
 
จาก Plan ชั้นล่างสุดก็จะเห็นตัวอาคารที่จัดวางอยู่ใก้เคียงกัน รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ครับ
 
ทั้ง 4 อาคารมาเชื่อมกันบริเวณชั้น 8 ของอาคาร A, C, D และชั้น 7 ของอาคาร B ครับ ทำให้ทุกอาคารสามารถไปใช้ Facilities ร่วมกันได้ทั้งหมด
 
 
 
ก่อนจะจากกันไปขอทิ้งไว้ด้วยภาพพื้นที่ส่วนกลางบางส่วนของ Denim กันสักหน่อยครับ เริ่มกันที่สระว่ายน้ำหลักของโครงการที่เป็น Lap Pool ตั้งอยู่บริเวณ Top Floor ของอาคารจอดรถด้านหน้าโครงการ ยาวกว่า 45 ม. ครับ
 
 
มีพื้นที่ Co-Kitchen และ Co-Dining Space ที่ทำออกมาได้ดูเท่ สไตล์ Loft มาก มานั่ง Create เมนู ใหม่ ถ่ายรูปลง Social แล้วชวนเพื่อนมาชิมได้ที่นี่เลย
 
 
Fitness ก็จัดอุปกรณ์ให้หลากหลาย ไม่ว่าจะ Cardio หรือ Machine ครับ
 
 
และนี่ก็คือเรื่องราวของโครงการใหม่ “Denim จตุจักร” ที่เราพาชมกันในวันนี้ครับ โครงการขนาดใหญ่ และก็จัดเต็มสิ่งอำนวยความสะดวกมาให้ ในทำเลที่หลายคนคุ้นเคย เดินทางได้สะดวก และไม่ไกลจากแหล่งพักผ่อนหย่อนใจในพื้นที่สีเขียวหลักที่คน กทม. รัก อย่างสวนจตุจักรนี่เอง ใครที่สนใจก็ตรงเข้าไปชมที่โครงการกันได้เลย สำนักงานขายเปิดทุกวัน พร้อมเปิดจองอย่างเป็นทางการ Pre-Sales 2-3 พ.ย. ครับ