หลังแว่นพาชมพื้นที่ส่วนกลางทีเด็ดอย่างสะพานพื้นกระจกใส และการตกแต่งไม่เหมือนใครใน Eclectic lobby ที่ผสมผสาน Material ต่างๆ มาใช้จนเป็นเอกลักษณ์ของโครงการสีสันจัดจ้าน “Life Asoke Hype” กันไปแล้ว วันนี้จะพาทุกคนกลับมาดูโครงการที่อยู่ในทำเลส่วนเชื่อมต่อของอโศกและพระราม 9 นี้กันอีกรอบ แต่มาอีกทีต้องพาไปแอบดูให้ถึงห้องตัวอย่างกันเลยฮะ เพราะแม้ส่วนกลางจะจัดเต็มขนาดไหน มีเทคโนโลยีให้ใช้ชีวิตได้สะดวกมากขึ้นเท่าไหร่ จุดที่สำคัญสำหรับการใช้ชีวิตตามประสาชาวคอนโดอย่างเราๆ ก็คือ “พื้นที่” หรือ Space ภายในห้องนี่แหละครับ
สำหรับอาคารขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในบริเวณที่ทุกคนเรียกกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า New CBD มีแหล่งงานมากมายที่ยังก่อสร้างเพิ่มเติมไม่หยุดยั้ง เป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้คนให้หลั่งไหลมาใช้ชีวิตกันแถวนี้ ย่อมหนีไม่พ้นบรรดาเพื่อนบ้านเรือนเคียงที่จับจองพื้นที่สร้างโครงการต่างๆ เพื่อรองรับการคนพักอาศัยเหมือนกัน เมื่อมีตัวเลือกให้เลือกมาก สิ่งสำคัญที่จะทำให้โครงการในแถบนี้เป็นที่น่าสนใจก็มีทั้งคุณภาพที่ได้มาตรฐาน ความแตกต่างไม่เหมือนคู่แข่ง พื้นที่ใช้สอยในห้องที่ใช้งานได้จริง และที่สำคัญคือ ราคาเหมาะสม ซึ่งเราได้เห็นเค้าเปิดราคาเฉลี่ยของที่นี่กันไปแล้วที่ 135,000 บาท/ตร.ม. หรือเริ่มต้นที่ 2.89 ล้านบาทสำหรับห้อง 25.5 ตร.ม. ได้เห็นแนวคิดการออกแบบที่พยายามสร้างความแตกต่างให้ชัดเจน และเดี๋ยวเราจะไปดูกันว่าห้องตัวอย่างของที่นี่เป็นยังไงบ้างครับ
ตัวอาคารที่นี่ไม่ได้เป็นแนวเรียบเสมอกัน มีบางส่วนที่ยื่นล้ำกว่าระนาบตึกออกมาบ้าง ทำให้ห้องในแนวนั้นมีลักษณะเป็นห้องดุ้ง ก็คือถ้าเรายืนอยู่ในห้อง บริเวณที่เป็นแนวยื่นออกไป ก็จะได้มุมมองใหม่เสมือนยื่นออกไปนอกอาคารมากกว่าห้องตำแหน่งอื่น ส่วนการจัดวางแปลนแต่ละชั้นเค้าก็ออกแบบให้ห้องมัน Interlock กัน เจ้า Interlock นี้ก็หมายความว่าแทนที่จะออกแบบห้องแต่ละห้องให้เป็นสี่เหลี่ยมเป๊ะวางต่อๆกันไป แต่ละห้องก็จะมีส่วนยื่นส่วนเว้าต่อกันพอดีเหมือนเลโก้ เพราะงั้นก็จะได้พื้นที่บางส่วนมากขึ้น เช่น ยืดออกไปเป็นครัวปิดบ้าง เป็นห้องนอนที่ใหญ่ขึ้นบ้างครับ
ส่วนภายในห้องเอง ก็มีการออกแบบพื้นที่ใช้สอยได้ดีเลย ห้องขนาดเล็กทั้ง Studio (25.5 ตร.ม.) และ 1Bedroom (30-32 ตร.ม.) เนี่ย ได้ครัวปิดหมดเลยนะครับ เพราะงั้นพ่อครัวแม่ครัวที่อยากทดลองเมนูใหม่ในห้องตัวเองไม่ต้องกลัว ผสมคนคลุกกันได้เต็มที่ พอขยับมาเป็นขนาด 1Bedroom Plus (35-40 ตร.ม.) เกือบทุก Layout ก็จะได้ห้องน้ำที่เป็น Double Access ที่เป็นเหมือนลายเซ็นของ AP คือ สามารถเปิดเข้าได้ทั้งสองด้าน จากห้องนอนก็ได้ ห้องนั่งเล่นก็ได้ นี่ก็เลยทำให้การใช้ห้องน้ำสะดวกขึ้นอีกเยอะ และยังคงมีความเป็นส่วนตัวของเจ้าของห้องได้เหมือนเดิม ส่วนห้องแบบ 2Bedroom ขนาดเริ่มต้นที่ 48.5 ตร.ม. ก็ได้แล้วครับ ส่วนใหญ่สุดอยู่ที่ 64 ตร.ม. Layout ส่วนใหญ่ก็จะคล้ายๆ กัน คือ ห้องนอนทั้งสองห้องจะมีส่วน Living คั่นอยู่ตรงกลาง ซึ่งทุกห้องที่ว่ามานี้จะได้มุมชมวิวของตัวเองกันหมดครับ
สำหรับแฟนเพจที่สนใจโครงการนี้ก็ลงทะเบียนรับส่วนลดสูงสุด 300,000 บาท ได้ที่นี่ครับ >> https://goo.gl/XDmZ7R
ย้ำอีกครั้งจองออนไลน์ วันที่ 2 ต.ค. นี้ ตั้งแต่ 1 ทุ่ม – 3 ทุ่มเท่านั้น เลยรอบนี้ไปรอพรีเซลล์ที่สำนักงานขายวันที่ 6-7 ต.ค. เลยครับ
เอาล่ะ เกริ่นกันมายาวแล้ว ไปดูของจริงกันว่าห้องตัวอย่างที่ตกแต่งโดยใช้คอนเซปต์เดียวกับโครงการในแบบ Eclectic Style จะเป็นยังไง ตามมาแอบดูพร้อมกันเล้ยยย
ก่อนที่จะเข้าไปดูห้องตัวอย่าง แว่นมีภาพสวยๆ บริเวณล็อบบี้มาฝาก ซึ่งตรงนี้ทางโครงการเค้าตกแต่งให้เข้าถึงอารมณ์จริงของ Scarlet Foyer ซึ่งเป็นโถงต้อนรับและล็อบบี้ที่ตกแต่งด้วยสีแดงเข้ม สีหลักของโครงการ
เก้าอี้ถูกออกแบบมาให้ดูเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยการยกให้สูงขึ้นแบบนี้ พร้อมมีที่วางของเล็กๆ อยู่ด้านข้างด้วย จะนั่งจดงาน กดโทรศัพท์ ก็สะดวก ไม่ต้องกลัวใครแอบมอง หรือต้องมานั่งสบตากันปิ๊งๆ เลยครับ
เนื่องจากล็อบบี้เป็นจุดที่คนมักจะเดินผ่านไปผ่านมามากที่สุด การออกแบบเก้าอี้ลักษณะนี้ก็จะยิ่งทำให้ลูกบ้าน มีพื้นที่ใช้งานใน Public Area ที่ยังคงความเป็นส่วนตัวอยู่
ต่อไปเราจะไปดูห้องตัวอย่างกันครับ >> เริ่มที่ Type 1 BEDROOM – 32 SQ.M
ห้องนี้แว่นชอบที่สุด ถือว่าเป็นห้อง 1 Bed ที่ดูกว้างพอสมควรเลยครับ เข้ามาด้านในพื้นที่ทางซ้ายมือสามารถจัดวางโต๊ะอาหารขนาดเล็ก พร้อมวางเก้าอี้ 2 ตัวได้ ส่วนทางขวาจะเป็นพื้นที่ครัว โดยระยะความสูงเพดานจะอยู่ที่ 2.6 เมตรครับ
สำหรับใครที่กลัวไม่มีที่เก็บรองเท้า ก็ขยับโต๊ะออกมาหน่อย แล้ววางตู้รองเท้า หรือบิวท์อินเข้ามุมซ้ายสุด ก็สามารถทำได้ครับ ติดชั้นลอยไว้ตรงผนังอีกสัก 2-3 ชั้น ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของวางของได้อีกครับ
ในส่วนของครัว ทางโครงการเค้าก็บิวท์อินมาให้แบบนี้เรียบร้อย มีทั้งเตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควัน จะได้ Top ครัวเป็นหินสังเคราะห์ ส่วนบานปิดด้านบนก็เป็นแบบ Soft Close ด้วย โดยมีการแบ่งสัดส่วนห้องให้ชัดเจนด้วยการกั้นประตูกระจกบานสไลด์ 3 ตอนแบบนี้ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่คุณแม่บ้านหรือคุณพ่อครัวอยากโชว์ฝีไม้ลายมือทำอาหารเมื่อไหร่ก็เต็มที่ได้เลยครับ
ส่วนห้องน้ำก็จะได้แบบที่เห็นเลยครับ ได้ทั้งกระจกบานใหญ่ และติดตั้งฉากกั้น เปียก-แห้ง มาให้แล้วเรียบร้อย
ฝักบัวก็ดูดีทีเดียวครับ เป็นของ KOHLER
ถัดเข้ามาเป็นห้องนั่งเล่น ซึ่งจะเห็นว่าพื้นที่ห้องนั่งเล่นดูกว้างมาก ระยะจากโซฟาถึงทีวีก็เป็นระยะที่พอเหมาะเลยครับ ไม่ต้องนั่งดูใกล้ๆ ให้ปวดหัวปวดตา หรือถ้าใครจะเดินผ่านไปผ่านมา ก็มีที่เหลือให้เดินสวนกันได้แบบสบายๆ เพราะโปร่งโล่งได้ใจ
ด้านข้างของโซฟาก็ยังมีที่เหลือพอให้จับตู้ จับโต๊ะเล็กๆ ใส่เข้ามุมไปได้อีกนะครับ หรือถ้าจะจัดให้เป็นมุมทำงาน ก็ลดขนาดโซฟาลงมาหน่อย ก็น่าจะพอให้ทำเป็นมุมสำหรับทำงาน อ่านหนังสือได้อยู่ ห้องนี้ได้แอร์ 2 ตัวนะครับ ทั้งในห้องนั่งเล่นและห้องนอน
ประตูกระจกตรงระเบียงก็เป็นบานเลื่อนขนาดใหญ่ ยิ่งทำให้ห้องดูโปร่ง และกว้างขึ้นมาก เป็นมุม Living และชมวิวสวยๆ ของห้อง
ในส่วนของชั้นวางทีวี โครงการลองตกแต่งมาให้ดูเป็นไอเดีย ซึ่งก็มีขนาดพอเหมาะ จะได้เอาไว้เก็บของ เก็บหนังสือ ช่วยประหยัดเนื้อที่ภายในห้องได้อีกครับ
เข้ามาดูในห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ ส่วนพื้นที่ปลายเตียงก็ยังพอมีพื้นที่เหลือให้เดินอยู่ครับ ถ้าจัดวางตู้เสื้อผ้าไว้ด้านข้างแล้ว ก็ยังสามารถวางโต๊ะหัวเตียงขนาดเล็กได้อยู่ ใช้ทีวีแบบติดผนัง ห้องนี้ก็ครบถ้วนกระบวนความแล้ว ส่วนผนังห้องที่ได้จะเป็นแบบฉาบเรียบทาสีครับ
พื้นที่ด้านข้างเตียง ก็ยังเหลือให้เดินได้ จะจัดวางโคมไฟ หรือจะเลื่อนเตียงเข้ามาชิดด้านในให้ใกล้หน้าต่างกว่านี้อีกนิดก็ยังได้
ถัดมาเป็นห้อง Type 1 BEDROOM PLUS – 35 SQ.M ครับ
ห้องนี้ดูแปลกตาดีครับ เข้ามาด้านในก็จะเป็นพื้นที่โล่งๆ โดยสามารถเลือกวางโต๊ะทานข้าวไว้บริเวณหน้าห้องครัวได้เลย แถมมีพื้นที่มากพอสำหรับ 4-6 ที่นั่งด้วย
ห้องครัวจะอยู่ด้านในและเป็นครัวปิด ซึ่งทำให้ห้องดูเป็นสัดส่วนชัดเจน ริมกำแพงทางขวาตรงนี้สามารถติดทีวีได้ จะได้ไม่ต้องเอี้ยวตัว หรือชะโงกเข้าไปดูในห้องนั่งเล่นอีกที หรือใครอยากจะบิวท์อินตู้เก็บของไว้ตรงนี้ก็ยังมีพื้นที่พอให้ทำได้อยู่ครับ สำหรับประตูห้องครัว เค้าทำมาให้แบบเปิดได้สองฝั่ง แต่ดูจากทิศทางการวางตู้เย็นในห้องครัวก็ต้องเปิดบานซ้ายนี่แหละ ยกเว้นจะยกตู้เย็นออกมาข้างนอกนะ
ถึงด้านในครัวจะขนาดกะทัดรัดหน่อย เนื่องจากเป็นครัวปิด แต่ก็ยังพอมีที่ให้ได้หั่นผัก ต้มแกง หรือล้างจานพร้อมกันได้อยู่นะ ยิ่งถ้าใครรักการทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ ครัวปิดแบบนี้ถนัดมือที่สุด ส่วนเรื่องทำความสะอาดก็จะเบาลงเยอะเลย เพราะทำห้องเดียวเลอะห้องเดียว
สำหรับห้องนี้สามารถทำเป็นห้องนั่งเล่น ห้องดูหนัง ห้องทำงาน ห้องอ่านหนังสือได้เลยแล้วแต่สะดวก ยิ่งถ้าทำเป็นห้องดูหนังได้แบบนี้แล้ว ปิดม่าน ปิดไฟ เปิดแอร์ เตรียมป๊อปคอร์นให้พร้อม ก็ฟินสิครับ จะ Scary Movie หรือ Romantic Comedy ก็สบ๊าย
มีประตูกระจกบานสไลด์เอาไว้กั้นห้องให้เรียบร้อย
ในส่วนของห้องน้ำจะเป็น Double Access เข้าได้ทั้งด้านนอกและในห้องนอน เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับคนที่อยู่ภายในห้องนอนได้ด้วยครับ
พื้นจะเป็นพื้นไม้ลามิเนต ทางเข้าห้องน้ำจะถูกยกขั้นสูงขึ้นหน่อยตามสไตล์ห้องน้ำสำเร็จรูป เวลารีบๆ ก็ระมัดระวังกันนิดนึง แลกกับความชื้นที่จะไม่เข้ามาในห้องอื่นได้ง่าย
ในห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้
ทางโครงการไม่ได้ให้ตู้เสื้อผ้านะครับ แต่ข้อดีคือเราสามารถเลือกแบบและขนาดตามที่ใช้งานจริงได้ด้วยตัวเอง ถ้าเลือกแบบไม่ใหญ่มาก ก็สามารถตั้งโต๊ะเครื่องแป้งไว้ด้านข้างได้เลย
ปลายเตียงยังพอมีที่เหลืออยู่เล็กน้อย ถ้าไม่อยากติดทีวีที่ผนังก็วางโต๊ะเล็กๆ ไว้แบบนี้ได้ครับ ส่วนแอร์ห้องนี้จะได้ทั้งหมด 2 ตัว หากเป็น 1 Bed Plus ขนาด 40 sq.m. จะได้แอร์ 3 ตัวครับ
ห้องสุดท้ายเป็นห้อง Type 2 BEDROOM – 48.5 SQ.M
ห้องนี้ก็จะมีพื้นที่ใช้สอยในแต่ละส่วนชัดเจนมากขึ้น เริ่มจากเข้ามาด้านในจะเจอกับห้องนั่งเล่น ซึ่งโต๊ะทานข้าวถูกจัดวางให้อยู่ใกล้กับห้องครัว เพื่อให้สะดวกเวลาเดินเข้าเดินออก เตรียมกับข้าวกับปลากันครับ
ซึ่งครัวก็จะได้ครัวปิดแบบนี้และมีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มเข้ามาอีกด้วย
จุดนี้น่าจะเป็นพื้นที่ๆ รวมคนในห้องมาไว้ด้วยกัน ทั้งที่จะดูหนัง ทานอาหาร หรือแม้แต่ทำกับข้าวอยู่ในครัว ก็ยังพูดคุยกันได้สบายๆ
สำหรับพื้นที่ห้องนั่งเล่นตรงนี้ ถ้าวางโต๊ะกาแฟไว้ด้านหน้าอาจจะเดินไม่สะดวกหน่อย ก็เปลี่ยนมาเป็นวางไว้ด้านข้างโซฟาแทน
จะติดชั้นวางทีวี หรือจะบิวท์อินตู้วางทีวี ไว้เก็บของ วางของไว้ด้านล่างก็สามารถทำได้ แต่ถ้าระยะนั่งไม่ได้ห่างมาก การทำตู้ทึบก็จะทำให้อึดอัดกว่าการทำเป็นชั้นลอยแบบนี้
สำหรับห้อง Type นี้จะได้ห้องน้ำเป็นแบบ Double Access เช่นกันครับ
ห้อง Master Bedroom นั้น จะได้กระจกเข้ามุมบริเวณหัวเตียง แต่ทีนี้นอนบนเตียงก็ไม่เห็น เค้าก็เลยไปจัดเป็นมุมนั่งทำงานมองวิวให้หัวแล่นกันสวยๆทางด้านข้าง
มุมนี้เลยครับ นอกจากจะได้กระจกเข้ามุม ทำให้มองวิวได้กว้างมากขึ้นแล้ว พื้นที่ตรงนี้ก็ไม่จำเป็นต้องทิ้งไว้ให้ว่างเปล่า เพราะโต๊ะทำงานเล็กวางเข้ามุมได้แบบพอดีๆ แม้กะทัดรัด แต่ก็เป็นมุมส่วนตัวที่เปิดกว้างให้ทอดสายตาออกไปได้
และอีกหนึ่งห้องนอนนั้น ก็วางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ด้วย
แต่พื้นที่บริเวณปลายเตียงอาจจะไม่มากเท่าไหร่ ถ้าอยากติดทีวีก็ต้องติดผนังอย่างเดียวครับ
ถ้าอยากได้พื้นที่เพิ่มก็ต้องกะตำแหน่งวางเตียงดีๆ ยังพอขยับเข้าหาบานหน้าต่างได้อยู่ เหลือที่ไว้แค่พอให้เปลี่ยนผ้าปูที่นอนได้ก็พอฮะ
แต่ที่ยืดหยุ่นก็คือพื้นที่ด้านข้างอีกฝั่งที่ยังมีเหลือเฟือเลยครับ สามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งไว้ด้านข้างได้เต็มๆ หรือใครอยากเปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงาน ก็ลองเปลี่ยนมุมเสริมสวยไปจุดอื่นแทน อาจจะทำเป็นตู้กระจกแทน เก็บของไว้ด้านในก็จะช่วยประหยัดเนื้อที่ได้อีกมากครับ
และทั้งหมดนี้ก็คือห้องตัวอย่างทั้ง 3 แบบ ของโครงการ Life Asoke Hype ครับ จริงๆ แล้วก็ครอบคลุมทุกความต้องการได้แล้วล่ะ ส่วนตัวแว่นชอบพื้นที่ห้อง 1 ห้องนอนนะ มันดูกว้าง ถ้าคนโสดหรือเพิ่งจะเริ่มสร้างครอบครัวมันอยู่ได้สบายๆเลยฮะ ส่วนห้องที่ใหญ่ขึ้นก็ทำให้เรามีพื้นที่สำหรับการจัดวางตามความต้องการได้เพิ่มเติม เอาเป็นว่าใครชอบแบบไหนก็เตรียมตัวไปจอง AP i-booking กันได้ 2 ต.ค. นี้ 1 ทุ่ม – 3 ทุ่ม คร้าบ
ติดตามเราได้ที่ : facebook
ติดต่อสอบถาม : Contact