ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าถ้ามาอยู่กลางสุขุมวิท แล้วจะเป็นยังไง ก็ต้องไปเยือนโรงแรมอินเตอร์คอนฯ แห่งใหม่ที่เดินไป BTS ทองหล่อได้สักหน่อย ได้ยินชื่ออินเตอร์คอน ก็จะได้เห็นงานดีไซน์ที่ผสมผสานความเป็นไทยในทุกที่ สำหรับที่นี่ได้รับเอาความอ่อนช้อยและน่าหลงใหลของผ้าทอ และสไบไทยที่เพิ่มความโดดเด่นด้วยวัสดุโลหะสีคอปเปอร์ มาเป็น Elementหลักในการตกแต่งส่วน Lobby ผสมผสานกับ Sculpture ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหยดน้ำบนใบบัวโดยดีไซเนอร์ชาวไทย นี่เป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศต้อนรับภายในโรงแรมที่ดูเรียบหรูด้วยคอนเซปต์ Thai Modern ของโรงแรมครับ
มาอยู่ย่านนี้ เค้าก็อยากให้บรรยากาศด้านในเป็นดั่ง Thonglor Living Room ด้วยบาร์ต้อนรับในชื่อ The Lobby มี Welcome Drink ในชื่อ Thonglor Secrest ที่หมักมาเป็นพิเศษให้ความสดชื่นอมเปรี้ยว ผมลองแล้วก็ติดใจ พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มที่คัดสรรมาโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟจาก Sarnies, ชา Thonglor Blend จาก Cha Flower รวมถึงช็อกโลแลต KanVeLa จากเชียงใหม่ และเมื่อยามอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าก็เป็นเวลาของ Rouge Bar ชั้น 2 บาร์สไตล์ Speak Easy พร้อมกับเพลงแจ๊สขับกล่อมท่ามกลางบรรยากาศความวินเทจสไตล์อเมริกันในยุค 80 – 90s ผสมผสานกับการตกแต่งแบบ Tropical ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดผนังรูปใบไม้ และโคมไฟต้นมะพร้าวเข้ากันได้เป็นอย่างดี จะมีเครื่องดื่มมากมายให้เลือก รวมทั้งเมนูอาหารที่มีเอกลักษณ์ อย่างปลากะพงที่ทอดกับน้ำหมึกสีดำ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่วที่ผสมน้ำสลัดครีมมาแบบลงตัว ไม่เหมือนใครดี
ที่ชั้น 4 มี ห้องอาหาร All Day Dining ชื่อ Ava (มาจาก aviation โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากสายการบิน Pan Am ในตำนาน) อาหารเช้ามีให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย มีทั้งแบบสั่ง และแบบบุฟเฟ่ต์ตักเอง มีเมนู Signature ที่แนะนำคือ Egg Journey ที่สะท้อน Destination ของแพนแอมที่ได้บินไปยังเมืองใหญ่ของโลก อย่างไข่ที่อบกับพาเมซานชีส และไข่ข้นเนยโปะบนขนมปังพร้อมเบคอน รสชาตินุ่มละมุนมากๆ
ส่วนใครที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวและสะดวกสบาย ที่นี่มี Club InterContinental ที่ชั้น 31 ให้บริการทั้งเช็คอิน, Breakfast, Afternoon Tea ไปจนถึง Evening Cocktail โดยใช้สิทธิได้ทั้งจากการสะสมผ่าน IHG Rewards Club หรือจ่ายเพิ่มสำหรับการพักครับ
สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่นี่อยู่ที่ชั้น 32 ได้แก่ Infinity-Edge Pool, Fitness และ The Spa by Harnn ที่ได้ผสมผสานความเป็นไทยและญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน ก็เลยจะมีนวดผสมไทยญี่ปุ่น พร้อมออยนวดกลิ่นพิเศษเฉพาะสาขานี้คือ Yuzu ให้ความสดชื่นครับ ส่วนที่ชั้น 33 และ 34 ในอนาคตจะมีร้านอาหารและบาร์เปิดใหม่ที่ Rooftop วิวสวยๆ สไตล์ Tropical พร้อมเปิดให้บริการช่วงเดือนเมษายน รอกันอีกนิดนะ
พูดถึงห้องพักกันบ้าง ผมได้เข้าพักในห้อง 1 King Premium ขนาด 42 ตร.ม. ห้องพักกว้างขวาง กระจกบานใหญ่เห็นวิวเมืองได้ชัดเจน สิ่งอำนวยความสะดวกครบไม่ว่าจะเป็น เครื่องชงกาแฟ, ไดร์เป่าผม, mini bar ที่ดื่ม Soft Drink และ Soda ได้ฟรี เตียงที่นี่ใหญ่นุ่มนอนสบาย มีหมอนหลายใบ พร้อม Day Bed และโซฟาที่ปลายเตียง ใครอยากพักผ่อนก็ไม่ต้องห่วง ห้องเงียบเก็บเสียงให้ความสงบ มีลำโพงบลูทูธพร้อมไฟเพิ่มบรรยากาศ ส่วนห้องน้ำโปร่งสบายมีประตูเปิดเชื่อมโซนห้องนอน สามารถนอนแช่น้ำในอ่างฟังเพลงคลอเบาๆ เพิ่มความรื่นรมย์ แต่ถ้าอาบไม่สะใจไปต่อใน Rain Shower น้ำแรงฟินมาก ส่วนสาวๆ แต่งหน้าสบายด้วยกระจกบานใหญ่ แถมด้วยกระจกแต่งหน้าพร้อมไฟล้อมรอบ ที่ขยายเห็นชัดยันรูขุมขนเลย ห้อง Type นี้ราคารวม Vat แล้วอยู่ราวๆ 8,000 ++ ครับ
ส่วนห้องที่แพงที่สุดคือ Presidential Suite ใหญ่อลังการถึง 200 ตร.ม. ไม่ว่าจะห้องนอน ห้องแต่งตัว ห้องนั่งเล่น ห้องอาหาร กว้างเหมือนบ้าน เป็นห้องเดียวที่มีระเบียงส่วนตัวพร้อม Jacuzzi สนนราคาต่อคืนประมาณ 60,000 บาท นี่คือห้องระดับสูงที่สุดที่มีเพียงห้องเดียวจากทั้งหมด 241 ห้อง ผมแอบเข้าไปเก็บภาพมาฝากกันด้วยครับ