ในปีที่ผ่านมาสิงห์ เอสเตทก็พัฒนาพอร์ตธุรกิจทั้งกลุ่มที่พักอาศัย โรงแรม กลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งก็ทำมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 67 นี้ เค้าตั้งเป้ารายได้รวมสูงขึ้น 20% หรือมูลค่าอยู่ที่ 18,000 ล้านบาท โดยเค้ามีแนวคิด Go Beyond Dream ที่จะใช้ 3 แนวทางสำคัญอย่าง ทั้งการทำงานร่วมกันให้เกิดความชำนาญของทีม 4 กลุ่มธุรกิจหลัก, ร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจและการลงทุน และพัฒนาด้านความยั่งยืน สู่การเป็น Carbon Neutrality ในปี 2573
โดยแนวทางทั้งหมดนี้จะเอามาใช้กับ 4 ธุรกิจหลักที่สิงห์ เอสเตทเค้าพัฒนาอยู่ ซึ่งก็มีดังนี้
- กลุ่มธุรกิจที่พักอาศัย บ้านและคอนโด จากที่ได้เห็นความสำเร็จในโครงการระดับ Masterpiece อย่าง Santiburi The Residences บ้านหรูดีไซน์สวย, LA SOIE de S บ้าน 2 ยูนิต หลังละ 550 ล้าน และ Siraninn Residences บ้านเดี่ยว Super Luxury ในพัฒนาการ ก็ทำให้เกิดโครงการใหม่ๆ อย่าง Smyth‘s , S’Rin และ Shawn ที่จะได้เห็นในปีนี้
- กลุ่มธุรกิจโรงแรม ภายใต้การบริหารของ S Hotel & Resort ซึ่งก็เริ่มแผนปรังปรุงยกระดับโรงแรมในพอร์ตทั้ง 5 แบรนด์ ในเครือทั้งที่ไทยและอีก 5 ประเทศ เช่น So/Maldives โรงแรมไลฟ์สไตล์ 5 ดาว, Crossroads Maldives, Outrigger Fuji Beach หรือ SAii โรงแรมริมทะเลสวยๆ หลากหลายทำเล
- กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า หรือการเช่าพื้นที่ของอาคารสำนักงานทั้ง 4 อาคารในเครืออย่างเช่น Singha Complex หรือ S Oasis ครับ เค้ายังคงใช้โมเดลธุรกิจที่มีความยืดหยุ่น คู่กับการชูจุดเด่นด้านที่ตั้งของแต่ละอาคาร
- กลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน สร้างกลยุทธ์เพื่อยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง โดยชูความโดดเด่นของทำเลที่อยู่ใจกลางประเทศ ที่นี่เลยเป็นจุดศูนย์กลางระหว่างแหล่งวัตถุดิบและเส้นทางการขนส่ง รวมถึงความพร้อมด้านการผลิตกระแสไฟฟ้า และปริมาณหรือแหล่งน้ำจืดที่สะอาดครับ
และในปีนี้ เราจะได้พบ 4 โครงการใหม่ เป็นคอนโด 2 โครงการในทำเล พระราม 3 อยู่ริมแม่น้ำ ห้องใหญ่ เริ่ม 12 ล้าน และทำเลศรีราชา ในราคาจับต้องได้ ส่วนบ้าน จะได้เห็นแบรนด์ S‘Rin ทำเลพรานนก ในราคา 30-60 ล้าน และแบรนด์ Smyth’s ทำเลเกษตรนวมินทร์ เป็น Cluster Home เพียง 10 หลัง ในราคาประมาณ 100 ล้านบาทครับ