สรุปโมเดลธุรกิจ เซ็นทรัลพัฒนา
ฟังแผนเซ็นทรัลพัฒนาสุดยิ่งใหญ่แล้วอยากสรุปใจความสำคัญมาให้อ่านกันครับ ความแข็งแกร่งของเซ็นทรัลฯ ที่มีธุรกิจ Retail เป็นแกนกลาง จะพัฒนาให้ตอบโจทย์ชีวิตทั้ง Online & Offline แบบ 24/7 ไม่มีหยุดพัก เป็นพื้นที่ที่จะดูแลผู้คน รวมทั้งสิ่งแวดล้อมเพื่อก้าวสู่ NET Zero 2050 โดยต่อจากนี้ 5 ปี (2566-2570) จะลงทุนแบบต่อเนื่องไม่หยุด (จนกว่าจะร้องขอชีวิต) เฉลี่ยปีละ 25,000-35,000 ล้านบาท รวมกว่า 200 โครงการ 25 Mixed Use ครอบคลุม 30 เมืองในเทยและอาเซียน
Mega Project แบบที่เราเห็นอย่าง “Dusit Central Park” ที่จะเปิดให้บริการช่วงปี 67-68 จะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น จะมีอีก 4 ที่ ภายใน 5-10 ปี (ใหญ่เทียบเท่าเซ็นทรัลเวิร์ล) เพื่อยกระดับ กทม. ให้เทียบชั้นมหานครระดับโลก
- โครงการเปิดใหม่ปีนี้ (2566) ได้แก่ Central Westville (27 ต.ค. 66), Marché Thonglor (26 มี.ค. 66) ทั้งสองห้าง Pet Friendly ทั้งคู่
- โครงการใหม่เปิดปีหน้า (2567) ได้แก่ เซ็นทรัล นครสวรรค์, เซ็นทรัล นครปฐม, เซ็นทรัลกระบี่
โดยเซ็นทรัลฯ ยังใช้จุดแข็งของห้างพัฒนาพื้นที่แบบ Mixed Use ทำให้ได้ที่อยู่อาศัย ออฟฟิศ และ โรงแรม เสริมกันทั้งหมด ประกอบด้วย
- ที่อยู่อาศัย เปิดใหม่ 7 โครงการ ได้แก่ คอนโด ESCENT เพชบุรี, บุรีรัมย์ และนครศรีธรรมราช และบ้าน NIRATI นครศรีธรรมราช และแบรนด์ใหม่ บ้าน NIRADA พระราม 2, อุทยาน และเอกชัย
- อาคารสำนักงาน เปิดขายพื้นที่ Central Park Offices เพื่อเป็นออฟฟิศที่ดีที่สุดของ กทม. เปิด Flex Space แบรนด์ใหม่ “at wOrk”
- โรงแรม เปิดครบ 3 แบรนด์ คือ Centara Ubon, Centara Ayutthaya (ต.ค. 66), Centara One Rayong (ธ.ค. 66), GO! Hotel ที่โรบินสันบ้านฉาง (เม.ย.66), เซ็นทรัล ศรีราชา (มิ.ย. 66) และเซ็นทรัล ชลบุรี (มิ.ย. 66) ครับ
เห็นเลยว่าเทรนด์ Mixed Use จะได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และกระจายไปยังเมืองต่างๆ นอก กทม. ด้วย พร้อมๆ กับการที่ กทม. จะได้รับการยกระดับไปอีกขั้น ก็ได้แต่หวังว่าระหว่างนั้นโครงสร้างพื้นฐานและคุณภาพชีวิตของคนจะได้รับการพัฒนา และเติบโตไปใกล้เคียงกับการเติบโตของเมืองอย่างควบคู่กัน
#LivingSneakPeek #SneakNews #CentralPattana
