รีวิว LIFE Sathorn Sierra คอนโดพร้อมอยู่ กับส่วนกลางจัดเต็มกว่า 5 ไร่ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแหล่งท่องเที่ยวทั่วโลก ใกล้ BTS ตลาดพลู เริ่ม 2.79 ล้าน

คอนโด พร้อมอยู่ LIFE Sathorn Sierra

ลงทะเบียนคลิก >> https://apth.ly/p25

วันนี้ผมจะพาไปดูคอนโดพร้อมอยู่สุดอลังการอย่าง ‘LIFE สาทร เซียร์ร่า’ ครับ นี่เป็นการกลับมาปักธงแบรนด์ LIFE ในฝั่งธนของ AP Thailand ในรอบหลายปีด้วยโครงการขนาดใหญ่ เค้าก็เลยสามารถทำพื้นที่ส่วนกลางได้มากและหลากหลายตามไปด้วย โดยใช้แนวคิด Bio Diversity เน้นความสมดุลย์กันระหว่างคน อาคาร และพื้นที่สีเขียว ให้คนอยู่อาศัยได้ใช้ชีวิตเมืองเชื่อมกับธรรมชาติได้อย่างลงตัวครับ

ทำเลและสิ่งอำนวยความสะดวก

LIFE สาทร เซียร์ร่า ตั้งอยู่บนถนนราชพฤกษ์ ตัดกับถนนรัชดาภิเษก ใกล้ๆกับอุโมงค์ทางลอดแยก รัชดา-ราชพฤกษ์ ที่เปิดใช้งานแล้ว บรรเทารถติดได้พอสมควรเลยครับ ที่นี่อยู่ใกล้กับ BTS ตลาดพลู ที่วิ่งต่อเดียวเข้าสู่สยาม และ BRT ราชพฤกษ์เพียง 150 ม. อยู่ใกล้กับ The Mall Lifestore ท่าพระที่ปรับปรุงใหม่ไฉไลกว่าเดิม รวมถึงตลาดเดินเล่นท่าพระ ที่มีของกินของขายมากมาย อยู่ในระยะที่เดินได้ไม่เหนื่อยเกินไปครับ จะเดินทางไป Landmark ฝั่งธนอย่าง Icon Siam หรือมุ่งตรงสู่ สาทร CBD ก็สะดวกครับ ใกล้กับโครงการยังมีที่ฝากท้องอย่างร้าน San Ke Bar คาเฟ่ขนมและเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่นที่ได้บรรยากาศดีจริงๆ (เสียดายผมไปวันจันทร์ร้านเค้าปิด) ในพื้นที่เดียวกันก็มี ฮก ลก ซิ่ว ภัตตาคารอาหารจีน ถือว่าทั้งคาวหวานจีนญี่ปุ่นครบจบครับ หรือถัดไปไม่ไกลก็มีตลาดพลู แหล่งรวมร้านอร่อยเจ้าเก่าเจ้าดัง ที่ก็ขึ้นชื่อเรื่องอาหารและของหวาน อย่างกุ๋ยช่ายอาม่า, บะหมี่ตงเล้ง, ขนมเบื้องญวณ รวมถึงไอติมไข่แข็ง พิมพ์ไปท้องร้องไปแล้วครับ

ภาพรวมโครงการ

LIFE สาทร เซียร์ร่า ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 8 ไร่กว่า เป็นอาคารสูง 40 ชั้น 1 อาคาร รวมห้องพักอาศัยทั้งหมดถึง 1,971 ยูนิต กับอีก 2 ร้านค้า แต่ข้อดีของคอนโดที่มียูนิตเยอะ คือมีคนช่วยหารค่าส่วนกลางเยอะตามไปด้วย (38 บาท/ตร.ม.) พร้อมที่จอดรถประมาณ 40% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ครับ

พื้นที่ส่วนกลาง

ที่นี่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายตั้งแต่เข้าไปที่ Lobby เลยครับ เค้ามีการตกแต่งด้วยรูปทรงของคลื่นน้ำ ปะการังและกลุ่มปลา ให้เป็นเหมือนจุดเชื่อมต่อระหว่างน้ำทะเลและทางเริ่มขึ้นเขา พื้นที่ส่วนกลางที่ไม่เหมือนใครของที่นี่ ได้รับแรงบรรดาลใจมาจาก 6 สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญของโลกครับ โดยจำลองความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ Kingdom of Terrarium จากเทือกเขา Sierra Nevada ประเทศสเปน มาถอดแบบดีไซน์ใหม่ ณ พื้นที่ส่วนกลางของโครงการ อย่าง ‘สวนไล่ระดับ 5 ชั้น’ ที่ได้แรงบรรดาลใจมาจาก Paiva Walkways ที่ประเทศโปรตุเกส เหมือนเป็น Hiking Trail เดินไปชมพืชพันธุ์ไม้นานาชนิดไป สามารถเดินออกกำลังกายจากชั้นแรกขึ้นมาถึงชั้น 5 แล้วจะมาพบกับ ‘Serene Pool & Passive Pool’ สระว่ายน้ำที่ยาวถึง 100 ม. ออกแบบเสมือนลำธารสีเขียวมรกตใน Valle Verzasca สวิตเซอร์แลนด์ และบรรยากาศผ่อนคลายจากบ่อน้ำธรรมชาติที่To Sua Ocean Trench ให้ได้ว่ายน้ำท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ ถัดมาที่ชั้น 40 ที่มี ‘Panoramic Sky Lounge’ พื้นที่ Co-Working & Living รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวดูก็มาจาก The Cafe By Aman กรุงโตเกียว และสุดท้ายคือ ‘Panoramic Sunken Lounge’ พื้นที่พักผ่อนนั่งรับลมธรรมชาติและสายน้ำ พร้อมวิวเมืองแบบ 360 องศา ที่ได้แรงบรรดาลใจจาก Pamukkale ตุรกี แต่ยังไม่หมดนะครับฟิตเนสที่นี่ใหญ่แบบเบ้อเร่อ แถมมี Private Gym ที่ใช้แบรนด์ Technogym ด้วย อย่างห้อง Virtual Bike Room มีแบบจอใหญ่และแบบจอส่วนตัวให้สนุกด้วยกันเป็นแก๊ง, มีห้องประชุมทั้งแบบกลุ่มและส่วนตัวอีกเช่นกัน, Steam & Sauna, แถมยังมี Half Football Field และ Half Basketball Court พิมพ์ไม่รู้จบเลยครับ เรียกได้ว่ามีมากกว่า 30 ฟังก์ชันครบครันให้ได้ใช้งานกันแบบไม่มีเบื่อแน่นอน

รูปแบบห้อง

ห้องมีให้เลือกทั้งหมด 4 รูปแบบ โดยห้องแต่ละรูปแบบก็มีหลาย Layout ให้เลือก จิ้มได้ตามไลฟ์สไตล์ตัวเองได้เลย

  • เริ่มที่ห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม. มีทั้งแบบที่เน้นโซน Living Area หรือจะเลือกพื้นที่สำหรับ Walk-in Closet หรือโซนทำงานส่วนตัวก็ได้ครับ เริ่มต้น 2.79 ล้าน
  • แบบ 1 Bedroom ใหญ่ขึ้นมาหน่อย มีขนาด 32 ตร.ม. ซึ่งแบ่งพื้นที่ห้องครัว ห้องนั่งเล่นและห้องนอนให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น มีให้เลือกทั้งครัวปิดและครัวเปิดครับ เริ่มต้น 3.39 ล้าน
  • ถัดมาที่ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตร.ม. จะเป็นห้องตอนลึก ซึ่งมีเลย์เอาท์ต่างกันที่ตำแหน่งห้องนอนและห้องอเนกประสงค์ครับ เริ่มต้น 3.79 ล้าน
  • และสุดท้าย ห้อง 2 Bedrooms ที่ได้ function แบบ 2 Bed 2 Bath ขนาด 57.50 ตร.ม. ห้องนี้อยู่กันแบบครอบครัวได้สบายเลยครับ เริ่มต้น 5.79 ล้าน

สรุปความน่าสนใจ

โครงการอยู่ในแหล่งที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกรายล้อมมากมาย ทั้งแหล่งไลฟ์สไตล์ ห้าง ร้านอาหาร และสะดวกด้านการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า หรือถนนที่เชื่อมได้หลายเส้นทาง และเข้าเมืองสะดวก เช่นถ้าทำงานย่านสาทร การจะหาคอนโดในโซนนั้นราคาเฉลี่ยอย่างน้อยๆ ก็มี 160K – 180K ต่อตร.ม. แต่ถ้าเลือกคอนโดที่ขยับออกมาสักนิด ที่นี่สามารถนั่ง BTS ไปจากตลาดพลูใช้เวลาราว 15 นาทีถึง ช่องนนทรี-ศาลาแดง ในราคาเฉลี่ยราว 100,000 บาท/ตร.ม. ทำให้เรามีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่หลวมๆ เหลือเอาไปใช้ชีวิตต่อ ห้องพักที่นี่ยังยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้ตามใจผู้อยู่ และมีส่วนกลางให้ใช้งานแบบหลากหลายจัดมาให้อย่างจุใจ ไม่ว่าจะซื้ออยู่เองหรือเพื่อปล่อยเช่ากลุ่มคนทำงานก็ดูเป็นทางเลือกที่ไม่เลวครับ

สำหรับคนที่สนใจ สามารถมาชมห้องตัวอย่าง และบรรยากาศ รวมถึงส่วนกลางสุดอลังการของเค้าได้ทุกวันครับ ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษจากโครงการได้ที่นี่เลย >> https://apth.ly/p25

#LivingSneakPeek #SneakReview #APThai #EmpowerLiving #ชีวิตดีๆที่เลือกเองได้ #APCondo #LifeCondo #PlatformOfSuccess #LifeSathornSierra #LiveInTheExtendedNature

LIFE Sathorn Sierra

ตามมาชมความสวยงามและความน่าสนใจของโครงการ “LIFE Sathorn Sierra” กันได้เลยครับ

มุมสวยๆ บนปกนี้แค่น้ำจิ้ม เราไปดูมุมอื่นๆ กันเลยครับ

เข้าประตูมาก็เจอกับ Lobby ที่ตกแต่งด้วยสีสันและรูปทรงของปะการัง หมู่ปลา และคลื่นน้ำ ให้ความรู้สึกเหมือนจุดเชื่อมต่อระหว่างน้ำทะเลและทางเริ่มขึ้นเขาครับ

ถัดมามี Waiting Lounge แบบส่วนตัวขึ้นมาหน่อย สีสันต่างๆเค้าทำออกมาได้สวยงาม ดูผ่อนคลายและน่านั่งมากเลยครับ

มาชมส่วนกลางกัน เริ่มที่สวนไล่ระดับ 5 ชั้น เหมือน Hiking Trail ที่ได้แรงบันดาลใจมากจาก Paiva Walkways ที่ประเทศโปรตุเกส ให้ความร่มรื่นมาก เดินออกกำลังกายไปชมพืชพันธุ์ไม้ไป เดินขึ้นไปถึงชั้น 5 ได้เลยนะ ได้เหงื่อจริงๆ เหมาะสำหรับคนชอบออกกำลังกายท่ามกลางธรรมชาติ

นอกจากนี้ส่วนกลางในโซน Outdoor ชั้น 1 ก็ยังมี Playground, Half Football Field & Half Basketball Court, Jogging Track แล้วก็ Outdoor Terrace ด้วยครับ

ขึ้นไปดูส่วนกลางแบบจุใจที่ชั้น 5 กันบ้างครับ ตรงนี้เป็นโถงทางเดินข้ามสระว่ายน้ำ ซึ่งเป็นที่ที่วิวสวย ใครมาต้อง snap เก็บภาพไว้แน่นอน

เข้ามาที่ Co-Working Space พื้นที่ให้มานั่งทำงาน อ่านหนังสือ มีโต๊ะเก้าอี้หลากหลายรูปแบบให้เลือกนั่งด้วยครับ

ในส่วนของ 2 ห้องที่ประกบข้างกับ Co-Working Space ก็จะมี Multi Leisure Room ห้องที่จะมาดูหนัง ฟังเพลง หรือหากิจกรรมเล่นกับเพื่อนๆได้ อีกฝั่งก็เป็นห้อง Private Meeting Room นัดกันมาประชุมคุยงานได้ครับ

ออกมาที่โซน Semi Outdoor จะเจอกับ Co-Living Space พร้อมที่นั่งให้กินลมชมวิว นั่งพักผ่อน ถ่ายรูปเล่น ชิลล์ๆ

บนชั้น 5 เองก็ยังมี Lobby Lounge อีกด้วยครับ ระหว่างรอเพื่อนหรือแฟนไปยิม เราก็มานั่งตากแอร์รอให้สบาย

จุดไฮไลท์คือสระว่ายน้ำยาว 100 ม. เรียกได้ว่ายาววววมากจริงๆครับ ตรงนี้ก็ประกอบด้วยสระเด็ก สระผู้ใหญ่ ที่อยู่ในรูปทรงแบบ Free Form สวยงาม สุดสระทางฝั่งนู้นก็มี Jacuzzi ให้นั่งแช่น้ำกันเพลินๆ ด้วย

ข้างสระว่ายน้ำก็มีเป็น Pool Pavilion และเก้าอี้ Sunbed ให้นั่งพักผ่อน หรือรอลูกๆว่ายน้ำครับ ขาดไม่ได้คือสวนสีเขียวพร้อมจุดพักผ่อนให้นั่งชมวิว

ในส่วนของฟิตเนส ที่นี่ก็ให้พื้นที่มาใหญ่อลังการเลยครับ เล่นจนเหนื่อยก็ยังเล่นไม่หมด

มีอุปกรณ์ออกกำลังกายและเครื่องเล่นหลากหลายมากๆ ถูกใจสายออกกำลังกายแน่นอนครับ

ถัดมาโซน Private Gym กันบ้าง เป็นห้องส่วนตัวที่อยู่ขนานกันไปกับสระว่ายน้ำ มีถึง 4 ห้อง พร้อมอุปกรณ์ออกกำลังกายครบครัน ออกแรงไปชมวิวสระว่ายน้ำไปก็สุนทรีย์ดีนะครับ

ข้างๆกันก็มีห้อง Group Training มาเล่นโยคะกันกับกลุ่มเพื่อนได้

2 ห้องสุดท้ายก็เป็นห้อง Personal Virtual Bike กับห้อง Group Virtual Bike สามารถจองเวลาเข้าใช้งานได้ที่เครื่องข้างหน้าห้องหรือผ่านแอพได้เลย

ขึ้นมาชมส่วนกลางบนชั้นสูงสุดอย่างชั้น 40 กันบ้าง

ตรงนี้ก็มี Panoramic Sunken Lounge ไว้ให้มานั่งพักผ่อนท่ามกลางสายน้ำ ชมวิวทิวทัศน์ของเมืองได้สุดลูกหูลูกตา วิวในแต่ละช่วงเวลาก็มีความสวยงามแตกต่างกันไปด้วยครับ

เข้ามาในตัวอาคารก็พบกับ Sky Co-Living Space เผื่อใครอยากขยับขึ้นมาชมบรรยากาศของวิวเมืองกันบ้าง ก็มีพื้นที่ให้มานั่งพักผ่อน หรือนั่งคุยนั่งเม้าท์กับเพื่อนๆได้ครับ ห้องนี้จะแตกต่างกับ Co-Living Space ที่อื่นเพราะตกแต่งมาได้เขียวขจีสบายตา

ใกล้ๆกันก็มีโซน Sky Lounge และก็ Sky Co-Working Space

และโซนสุดท้ายของชั้นนี้ก็คือ Sky Outdoor Garden และ Sky Courtyard ครับ เค้าก็ไม่ลืมที่จะเติมพื้นที่สีเขียวมาให้ด้วย เรียกได้ว่าให้ Facilities มาแบบจัดเต็มจริงๆ เบื่อๆอยู่ห้องรับรองว่ามีที่ให้มาเปลี่ยนบรรยากาศแบบไม่ต้องไปไหนไกลแน่นอน

กดลิฟท์พาทุกคนไปชมห้องตัวอย่างกันบ้าง พูดถึงโถงลิฟท์ รวมถึงพื้นที่สุดทางเดินแต่ละชั้น เค้าก็เติมหน้าต่างเพิ่มช่องแสงมาให้รู้สึกโปร่งและช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดีด้วยครับ

มาเริ่มกันที่ห้องแบบ 1 bedroom ขนาด 28 ตร.ม. ซึ่งนอกจากเลย์เอาท์แบบนี้ เค้าก็ทำแบบที่ภายในห้องมีพื้นที่สำหรับทำ Walk-in Closet ส่วนตัวมาให้เลือกด้วยครับ

เค้าให้ Digital Door Lock มาให้ด้วยนะ เข้ามาก็จะเจอกับห้องครัว ซึ่งเป็นครัวปิดกั้นด้วยประตูกระจก ครัวกว้างพอสมควร ได้เคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L ได้ มีพื้นที่ในการวางเครื่องซักผ้าจบในห้องนี้เลยครับ

ถัดเข้าไปจะเป็นพื้นที่ว่าง สำหรับวางตู้เสื้อผ้า หรือทำโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆก็ได้ครับ

ในส่วนของห้องน้ำที่นี่เค้าเป็นแบบสำเร็จรูป ลดความเสี่ยงรั่วซึม รอยต่อน้อย ทำความสะอาดง่ายขึ้นด้วยครับ

มาถึงโซนห้องนอน มีพื้นที่ข้างเตียงติดกับหน้าต่าง ก็ทำเป็นพื้นที่อเนกประสงค์วางโซฟาไว้นั่งพักผ่อน หรือนั่งดูทีวีก็ได้ครับ

มีพื้นที่ปลายเตียงว่างค่อนข้างกว้าง คอนเซปต์ห้องนี้สำหรับคน Healthy สามารถตกแต่งเป็นชั้นวางอุปกรณ์ออกกำลังกาย แล้วยังมีพื้นที่วางโต๊ะทีวี โต๊ะทำงานด้วยครับ

ถัดมาเป็นห้องแบบ 1 bedroom ขนาด 32 ตร.ม. ได้พื้นที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย มีทั้งแบบครัวปิดแบบนี้ แล้วก็แบบครัวเปิด แล้วเพิ่มพื้นที่ห้องนอน ในการใส่ Walk-in Closet ได้ด้วยครับ

เข้ามาภายในห้องจะเจอกับพื้นที่ Living Area ก่อน ด้วยห้องที่หน้ากว้างพอสมควร สามารถวางโซฟาขนาดใหญ่รูปตัว L พร้อมโต๊ะกลางขนาดใหญ่ได้ ห้องน้ำก็เข้าได้จากห้องนั่งเล่นครับ

ข้างๆกับโซน Living ก็จะเป็นครัวแบบครัวปิดครับ ผมชอบการตกแต่งห้องนี้มากเลย เหมือนสไตล์มูจิ ดูสวยงามสบายตา

มาต่อที่ครัวปิดติดระเบียง ซึ่งถือว่ากว้างใช้ได้ ข้อดีคือจะใช้พื้นที่ได้ทั้ง 2 ฝั่งเลยครับ อีกฝั่งวางเป็นเคาน์เตอร์ครัวและตู้เย็น ส่วนอีกฝั่งจะบิวท์เป็นตู้เก็บของหรือเก็บอุปกรณ์ไว้ด้านบน พร้อมทั้งโต๊ะกินข้าวแบบนี้ ก็ถือว่าใช้พื้นที่ได้คุ้มค่ามาก

ถัดมาเป็นห้องนอน วางเตียงใหญ่ๆได้เลย พร้อมมีพื้นที่หน้าต่างบานใหญ่เปิดรับแสงธรรมชาติ

ภายในห้องนอนก็กว้างพอที่จะยังเหลือพื้นที่สำหรับทำเป็น Walk-in Closet ขนาดเล็กในตัวได้ด้วยครับ หรือจะทำเป็นโซนทำงานแทนก็ได้

1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตร.ม. ห้องนี้มีพื้นที่ให้ปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้หลากหลายครับ อย่างโซนห้องนั่งเล่นก็วางโซฟา พร้อมกับโต๊ะกินข้าวก็ได้ ส่วนโซนห้องอเนกประสงค์ ก็เลือกได้ว่าอยากทำเป็นห้องอะไร อาจจะเป็นห้องทำงาน หรือ Studio ส่วนตัวก็ตามถนัดเลย เลย์เอาท์ห้องนี้ก็มีให้เลือกตำแหน่งห้องนอนและห้องอเนกประสงค์แตกต่างกันไปด้วยครับ

เข้าห้องมาเจอกับห้องครัวกว้างๆ ที่มีพื้นที่ใต้ซิงค์สำหรับวางเครื่องซักผ้าเช่นเคย อีกฝั่งจะมีพื้นที่ว่างข้างห้องน้ำ ตกแต่งเป็นตู้ใส่รองเท้าหรือชั้นวางของ วางกระเป๋า กุญแจรถต่างๆที่ต้องใช้ก่อนออกจากห้องก็ได้ครับ

ถัดมาจะเป็นโซน Living Area ที่สามารถวางโซฟาแบบยาวได้ ซึ่งประตูห้องนอนจะอยู่ในโซนนี้ครับ

ห้องนอนจะได้แบบผนังทึบมีประตูเปิดปิดให้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ขนาดค่อนข้างกว้างเลย มีพื้นที่สำหรับวางเตียงขนาด 6 ฟุต ได้สบายๆ และยังเหลือพื้นที่สำหรับตู้เสื้อผ้า หรือโต๊ะเครื่องแป้งด้วยครับ

โซนสุดท้ายข้างในสุด ติดกับหน้าต่างจะเป็นห้องอเนกประสงค์ ที่ตำแหน่งเหมาะเจาะสำหรับวางเป็นโต๊ะทำงาน Daybed ไว้พักผ่อนระหว่างวัน หรือจะวางเตียง 3 ฟุตก็ได้เป็นห้องนอนอีกห้องนึงเลยครับ

มาถึงห้องสุดท้าย เป็นห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 57.5 ตร.ม. เป็น 2 Bed 2 Bath รูปแบบนี้ผมชอบมาก เค้าแบ่งสัดส่วนมาได้น่าสนใจเลยครับ ซึ่งก็ยังมีเลย์เอาท์อีกหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบเข้าไปเจอโถงทางเดินก่อนถึงห้องรับแขก หรือแบบเข้ามาเจอโซนกินข้าวก่อนก็เลือกได้ตามชอบเลยครับ

เข้ามาเป็นโซน Living Area ขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่ติดกับระเบียง ที่ได้กระจกค่อนข้างใหญ่ ก็จะได้รับแสงธรรมชาติตลอดทั้งวัน ไม่ต้องเปิดไฟก็สว่างเพียงพอครับ จุดเด่นที่ผมชอบก็คือครัวใสแบบนี้ที่โครงการทำมาให้เลยนะครับ เพิ่มความโปร่งของห้องและดูสวยงามมาก

ทางฝั่งซ้ายของห้องนั่งเล่น ยังมีพื้นที่ให้วางโต๊ะกินข้าวได้ 4-6 ที่นั่งเลย หรือจะแต่งเป็นเคาน์เตอร์บาร์สวยๆไว้เก็บเครื่องดื่มก็ได้ครับ

ถัดจากพื้นที่โต๊ะกินข้าว เค้าจะมีประตูกระจกกั้นเป็นห้องซักล้างมาให้ สามารถวางเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าได้ทั้งคู่เลย สะดวกมากครับ

ข้างหลังโซนห้องนั่งเล่น จะเป็นห้องครัวแบบปิด ซึ่งเค้ากั้นเป็นกระจกบานใหญ่มา สามารถมองเห็นกันระหว่างพื้นที่ครัวและห้องนั่งเล่น รวมถึงโซนโต๊ะกินข้าวได้ครับ ข้างในสุดของห้องครัวสามารถเปิดระบายอากาศได้ 2 ฝั่งทั้งซ้ายและขวา ซึ่งฝั่งขวานี้เองจะไปเชื่อมกับระเบียงที่วางคอมเพลสเซอร์แอร์ครับ เรียกว่าเก็บซ่อนไว้เรียบร้อยเลย และห้องน้ำในห้องนี้จะอยู่ตรงข้ามกับประตูห้องครัวครับ

ด้านในสุดคือห้องนอนหลัก ห้องนี้จะมีห้องน้ำอยู่ในตัวอีก เค้าบิวท์ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่มาให้แล้ว จุดเด่นของห้องนี้คือความเป็นห้องมุม ได้ช่องแสงทั่วห้องรวมถึงกระจกเข้ามุมด้วย พื้นที่นั้นจึงเหมาะทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง แต่งหน้ากับแสงธรรมชาติถูกใจสาวๆ เลยนะครับ

มาที่ห้องนอนอีกห้องนึง ก็วางเตียง 5 ฟุตและตู้เสื้อผ้าได้แบบไม่อึดอัด แล้วยังเหลือพื้นที่ข้างเตียงไว้วางของได้อีกครับ

แล้วก็พากันดูทั่วโครงการแล้วครับ ทั้งหมดนี้คือความน่าสนใจของ “LIFE Sathorn Sierra” ที่ส่วนกลางสวยและจัดเต็มจริงๆ เดี๋ยวเราพาไปดูรอบๆ โครงการกันอีกนิดหน่อยครับ

ห่างจากโครงการเพียง 150 ม. ก็จะพบกับทางเดินไปรถไฟฟ้า BTS สถานีตลาดพลู เป็นสายสีเขียวเข้มต่อเดียวถึงสยามเลย และตรงนี้ก็ยังมีจุดขึ้นลงรถโดยสารด่วนพิเศษ BRT สถานีราชพฤกษ์ด้วย หรือจะข้ามไปห้างอย่าง The Mall Lifestore ท่าพระ ก็เดินประมาณ 450 ม. ก็ถึงแล้วครับ เรียกได้ว่าสะดวกหลากหลายทั้งด้านการเดินทางและการใช้ชีวิต

ข้างๆ โครงการนี่คืออุโมงค์ทางลอดแยกรัชดา-ราชพฤกษ์ที่เพิ่งเปิดให้ใช้งานได้ไม่นาน เสร็จเรียบร้อยซะที ช่วยเพิ่มความสะดวกให้คนใช้รถใช้ถนนได้ดีขึ้นครับ และก่อนจะจากกันไปผมจะพาไปดูความน่าสนใจรอบๆ อีกสักนิด

ที่แรก ข้ามสะพานลอยมาไม่ไกลจะเจอกับ SanKe Bar เป็นคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่น มีขนมและเครื่องดื่มให้บริการ พร้อมกับมีสะพานข้ามบ่อปลาคาร์ฟสวยๆให้แวะถ่ายรูปด้วย ข้างๆกันจะเป็นภัตตาคารอาหารจีนอย่าง ฮก ลก ซิ่ว เรียกได้ว่าที่เดียวครบจบทั้งคาวหวานจีนญี่ปุ่นครับ ที่นี่ร่มรื่นและบรรยากาศดีมาก

นั่งรถมาไม่ไกลจากโครงการ ห่างเพียง 1 กิโล ก็ยังมีตลาดพลู ที่ขึ้นชื่อเครื่องร้านอาหารเก่าแก่ บางร้านมีแค่สาขาตลาดพลูสาขาเดียวด้วยครับ โซนนี้มีทั้งร้านคาวหวานหลากหลายประเภทตั้งแต่บะหมี่, ข้าวหมูแดง, กุ๋ยช่าย, ไอติมไข่แข็ง, น้ำแข็งใส, ขนมเบื้องโบราณและอื่นๆ อีกมากมายครับ นอกจากมีหลากหลายแล้วก็ยังอร่อยด้วย กินไปชมรถไฟวิ่งผ่านไปก็ได้ฟีลไปอีกแบบนะ จะมานั่งกินเอาบรรยากาศ สั่งกลับบ้านหรือสั่งผ่านแอพเดลิเวอรี่ต่างๆก็สะดวกและใช้เวลาไม่นาน เพราะอยู่ไม่ไกลจากโครงการเลยครับ

ก็ถือว่าได้พอเห็นภาพสำหรับการใช้ชีวิตที่นี่นะครับ ใครที่สนใจก็เข้าไปเยี่ยมชมดูโครงการกันได้ทุกวัน สามารถลงทะเบียนรับสิทธิได้ที่นี่เลยครับ >> https://apth.ly/p25