วันนี้เราจะพาทุกคนไปชมคอนโดหรูพร้อมอยู่ที่น่าสนใจกัน ที่นี่อยู่ในใจกลางอโศก Prime Location ที่มาของคำว่า Central Business District อย่างแท้จริง เป็นโครงการที่มีความเป็นส่วนตัวเพียง 201 ยูนิต มีห้องหลากหลายรูปแบบทั้งห้อง Standard และห้อง The Collection ที่ตกแต่งเป็นพิเศษมาให้ครบ ทั้งแบบ Simplex, Duplex ไปจนถึง Triplex และที่สำคัญยังทำราคามาได้น่าจับจอง เริ่ม 5.65 ล้านบาท (ประมาณ 160,000 บาท/ตร.ม.) ครับ
ในปีนี้เรามีตัวเลือกที่อยู่อาศัย “พร้อมอยู่” ที่หลากหลายนะครับ แต่ถ้าใครใช้เวลาชีวิตอยู่ในใจกลางเมืองเป็นหลัก และมองหาตัวเลือกที่อยู่ใน CBD จริงๆ โครงการในวันนี้น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเข้าไปชมครับ
MUNIQ Sukhumvit 23 เป็นคอนโดระดับ Luxury ของ บริษัท เมเจอร์ เรสซิเด้นส์ จำกัด ในเครือของ Major Development ที่มีจุดเด่นในเรื่องของ “Pet Friendly” ใช่แล้วครับที่นี่ก็ให้เลี้ยงสัตว์ที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยได้ด้วย โครงการตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 23 ในระยะเดินไป MRT สุขุมวิทประมาณ 200 ม. ซึ่งเป็น Interchange Station คู่กับ BTS สายสีเขียวสถานี อโศกเช่นกัน
ทำเลตรงนี้คือตัวแทนของ City Vibe จริงๆ เพื่อนบ้านคืออาคารสูงน้อยใหญ่ที่มีความเคลื่อนไหวอย่างคึกคักเช้าจรดเย็นไม่ว่าจะเป็น Residential Building, Office Building (Interchange 21, Exchange Tower, Sino-Thai Tower), Hotel & Mixed Use (Jasmin City, The Continent, The Westin Grande, Sheraton Grande, Terminal 21) สถาบันการศึกษา ร้านค้า และคอมมูนิตี้ต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถเข้าถึงได้ง่ายภายในเวลาไม่กี่นาที ยังไม่นับความสะดวกจากการใช้รถไฟฟ้าสายหลัก 2 สายให้ไปไหนได้สะดวกในวันเร่งรีบอีกด้วย โดยเฉพาะ Em- District สุดยอดย่านช็อปปิ้งของไทยที่ห่างไปเพียงแค่สถานีเดียว
คนใช้รถใช้ถนนสุขุมวิท สามารถขับเข้าสู่โครงการได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นขาเข้าหรือขาออก และการอยู่ในซอยสุขุมวิทฝั่งเลขคี่ คืออีกหนึ่งความสะดวกของโครงการนี้ ที่สามารถลัดเลาะจากอโศกไปพร้อมพงษ์ ทองหล่อ เอกมัยโดยไม่ต้องวิ่งบนถนนสายหลัก แถมยังสามารถวิ่งไปขึ้นทางด่วนได้ 2 สาย ทั้งทางด่วนเฉลิมมหานคร ใกล้ๆ BTS เพลินจิต และทางด่วนศรีรัชบนถนนอโศกดินแดง แต่ก็อย่างว่านะครับ ถนนเส้นนี้ในช่วง Rush Hour อยู่ใกล้ก็จริง แต่ต้องเผื่อเวลาไว้ด้วยเหมือนกัน
กลับมาที่ตัวโครงการกันบ้าง MUNIQ Sukhumvit 23 ตั้งอยู่บนพื้นที่เกือบไร่ครึ่ง เป็นคอนโด High Rise สูง 36 ชั้น แต่มีจำนวนยูนิตเพียง 201 ยูนิต ซึ่งเมื่อกระจายลงเป็นจำนวนยูนิตต่อชั้นแล้วจะมีสูงสุดเพียง 10 ยูนิตเท่านั้น น้อยลงไปเรื่อยๆ ตามชั้นที่สูงขึ้น เป็นที่มาของความเป็นส่วนตัวที่นี่ครับ
ดีไซน์ของโครงการได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปะ Mondrian Art ใช้เส้นสายที่เรียบง่ายแต่เป็นเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมด้วยสีทอง สีขาว และดำ ตกแต่งคู่กันกับวัสดุธรรมชาติและผลงานศิลปะ ซึ่งก็จะเห็นได้จากทั้ง Façade อาคาร ล็อบบี้ และพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ เป็นแนวคิดหลักของโครงการที่เรียกว่า “Live As Art” ซึ่งบรรยากาศที่สงบและให้แรงบันดาลใจภายใน ก็ช่วยผ่อนคลายให้ผู้อยู่อาศัยที่ต้องการพักจากความวุ่นวายภายนอกได้เป็นอย่างดีครับ
Facilities ของที่นี่จัดวางไว้ที่กระจายหลายตำแหน่ง โดยนำสิ่งอำนวยความสะดวกหลักไว้ Top Floor เริ่มจาก
- Ground Floor ที่มีพื้นที่สวนด้านหน้าที่ทำหน้าที่เสมือน Green buffer จากถนนภายนอกให้ได้บรรยากาศการกลับมาถึงบ้าน, Lobby ขนาดใหญ่, Mailbox ที่มี Modern Crystal Chandelier ระยิบระยับประดับอยู่ด้านบน, Smart Locker, ที่จอดรถทั้งแบบ Conventional (พร้อม EV charger) และ Auto parking 2 Slot ครับ
- ชั้น 35 ที่ตั้งของ สระน้ำเกลือแบบ Infinity Edge, Jacuzzi, Kids Pool, Sauna, พร้อมมุมนั่งพักผ่อนข้างสระและ Sky Terrace ชั้นลอยแบบกระจกใส
- ชั้น 36 ที่ตั้งของ Fitness, Social Lounge, ห้องดูหนังส่วนตัวพร้อมโซฟานุ่มสบายและเครื่องเสียงอย่างดี
- ชั้น Rooftop เป็นที่ตั้งของ Panorama Lounge พื้นที่พักผ่อนกลางแจ้งใจกลางสุขุมวิท
นอกจากนี้มียังมี Terrace Garden เป็นสวนเล็กๆ ไล่ stack ไปตามชั้นต่างๆ ด้วยนะครับ ซึ่งนอกจากจะเป็นจุดให้สูดอากาศพักสายตาแล้ว ยังเป็นวิวพื้นที่สีเขียวส่วนตัวสำหรับห้องชั้นสูงด้วยเช่นกัน
อย่างที่จั่วหัวไว้ รูปแบบห้องที่นี่จะมี 2 สไตล์ครับ คือ
- ห้อง Standard พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานแบบ Fully-Fitted มีทั้งแบบ 1 Bedroom ขนาด 34.74 – 43.46 ตร.ม. และ 2 Bedroom ขนาด 54.68 – 99.27 ตร.ม.
- ห้อง The Collection พร้อมการตกแต่งแบบ Fully-Furnished ด้วยแบรนด์ระดับโลก ยกตัวอย่างเช่น อุปกรณ์ครัวจาก Gorenje by Starck ซึ่งสวยจนไม่กล้าใช้งาน, ครัว Built-in โดย Poggenpohl, โถสุขภัณฑ์ Duravit แบบ Wall hung automatic toilet, และการตกแต่ง Master Bedroom ด้วยหินอ่อน ซึ่งห้องแบบนี้มี 3 Type ครับ คือ Simplex, Duplex และ Triplex ขนาดตั้งแต่ 83.22 – 191.11 ตร.ม. โดยห้อง Duplex ที่เราเข้าไปดูในวันนี้แต่งออกมาสวยเหลือเกิน
ทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของ MUNIQ Sukhumvit 23 ที่เราเอามาให้ชมนะครับ ด้วยปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ทำให้ที่อยู่อาศัยในโซนนี้ราคาสูงเฉลี่ยเป็นลำดับต้นๆ ในขณะที่ Demand ก็ยังมีอยู่ เราจึงได้เห็นบริการแบบใหม่ของโรงแรมที่ได้รับผลกระทบจากโควิดในละแวกนี้ ที่พยายามหาทางเลือกในการให้เช่าระยะยาวแบบรายเดือน ที่ค่อนข้างราคา Competitive ขึ้น แต่ก็ยังเริ่มราว 900-1,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งถ้าสถานการณ์กลับมาดีขึ้นเราอาจไม่ได้เห็น Workcation ใจกลางเมืองในราคาแบบนี้อีกแล้ว และน่าจะทำให้คอนโดสามารถค่าเช่าราว 700-900 บาท/ตร.ม. ได้ แถมยังมีจุดแตกต่างคือที่นี่เลี้ยงสัตว์ได้ด้วย รวมไปถึงคาเริ่มต้นในตอนนี้ที่ 5.65 ล้านบาทนั้น เฉลี่ยต่อตารางเมตรประมาณแสนหกก็ดึงดูดใจมากเมื่อเทียบกับทำเลนี้จริงๆ
สำหรับใครที่สนใจสามารถคลิกรับสิทธิพิเศษโครงการได้ที่นี่ครับ : https://bit.ly/32hLopv
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Line official account: @mjd.th (https://bit.ly/MJDLine)
MJD Call Center : 1266
#livingsneakpeek #sneakreview #sneakroom #MajorDevelopment #MUNIQ #MuniqSukhumvit23 #ReadyToMoveIn #มิวนีค #มิวนีคสุขุมวิท23 #พร้อมอยู่ #MJDJourney
มาถึงโครงการกันแล้วครับ เริ่มจากด้านหน้าจะมีประตูให้ลูกบ้านเดินลัดเข้ามาทางนี้ได้ เผื่อวันไหนพาน้องหมาออกไปเดินเล่น หรือแวะไปทานร้านอาหารใกล้ๆ ก็สามารถเข้าประตูนี้ได้เลยครับ
ซึ่งจะมีสวนเล็กๆ ให้ทั้งความร่มรื่นและชุ่มฉ่ำรอต้อนรับเราทางด้านหน้า
เข้ามาด้านในจะเจอทางเข้าที่จอดรถแบบ Auto Parking 1 Slot อยู่ด้านหน้าเลย (อีก Slot อยู่ด้านข้างอาคาร) และเป็นแบบที่เราจอดรถไว้ตรงแป้นวงกลมนี้แหละเค้าจะสไลด์เข้าไปในช่องจอดให้เอง
ทำให้รู้สึกปลอดภัยกว่า และยังคำนึงถึง Supercar ที่รถส่วนมากจะต่ำ ที่แขนของหุ่นยนต์ที่ยกล้อรถจะมีความบาง จะกางออกและช้อนล้อขึ้นไม่ทำให้ หน้ายาง และ แม็ก ของล้อรถเสียหาย
จากประตูเข้าอาคาร ในส่วนแรกที่เราอยู่นี้คือโถงต้อนรับขนาดใหญ่แบบ Double Volume เพดานสูงถึง 5.7 เมตร มีโซฟาสบายๆ ให้นั่งพัก นั่งรอเพื่อน พูดคุยกันได้หลากหลายมุม
และมี Mailbox บริเวณด้านหน้าลิฟต์ ไว้รองรับจดหมายสำคัญสำหรับลูกบ้านทั้ง 201 ยูนิต เป็น mailbox ที่มี Modern Crystal Chandelier ขนาดใหญ่ประดับอย่างสวยงามมากครับ
ไม่รอช้าผมขอกดลิฟต์พาทุกคนขึ้นมาดูห้องตัวอย่างกันเลย วันนี้เรามาเริ่มต้นกันด้วยห้อง Standard แบบ 1 Bedroom ขนาด 43.46 ตร.ม. เป็น 1 ห้องนอนแบบตอนลึก ได้พื้นที่ครัวที่เยอะขึ้น ห้องนั่งเล่นอยู่ติดระเบียง พร้อมเปิดรับแสงและลมธรรมชาติให้ห้องมีลมโฟลวเข้ามาแบบสบายๆ
ส่วนแรกเป็นห้องครัวแบบครัวเปิดนะครับ เหมาะสำหรับการทำอาหารเบาๆ ไม่ส่งกลิ่นแรงจนเกินไป แต่ข้อดีคือมีพื้นที่ให้ใช้แบบจุใจ ให้เราได้ตื่นเช้ามาเตรียมมื้อเช้าอย่างสะดวกสบายครับ ได้ก๊อกน้ำจาก FRANKE เตาไฟฟ้าและตู้เย็นของ GORENJE ซึ่ง Built-in ซ่อนไว้ในตู้อย่างสวยงาม พร้อมไฟซ่อน
พื้นที่ห้องครัวคอนเนคกับห้องนั่งเล่น โดยมีมุมสำหรับวางชุดรับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่ง หรือจะขยับโต๊ะหน่อย เพิ่มเป็น 3-4 ก็ยังได้นะครับ
ห้องตัวอย่างวางโซฟารูปตัว L ขนาดใหญ่ แต่ก็ยังมีพื้นที่การใช้งานได้แบบไม่อึดอัด
จากนั้นด้านในที่เป็นห้องนอนกั้นด้วยกระจกบานเลื่อน ซึ่ง Layout ห้องนอนแบบนี้ผมว่าก็ยืดหยุ่นดีนะครับ เพราะเมื่อเราต้องการใช้พื้นที่ร่วมกันกับคนสำคัญ ก็เลื่อนประตูให้กลายเป็นห้องรวมขนาดใหญ่ วันไหนเพื่อนมาหา จัด Movie Night กัน ก็รวมตัวกันได้แบบฟินๆ คนนอนเตียงก็ดูทีวีด้วยได้ ติดตั้งทีวีจอใหญ่เครื่องเดียวก็เพียงพอใช้ได้ทั้ง 2 ที่
พื้นที่ในห้องนอนวางเตียง 5-6 ฟุตได้แบบสบายๆ ด้านข้างมีที่เหลือ ให้จัดเป็นมุมทำงาน หันหน้าไปยังหน้าต่าง ถือเป็นการจัดวางที่เหมาะสมต่อการทำงาน เพราะแสงธรรมชาติที่เพียงพอกระตุ้นให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยครับ
ห้องน้ำค่อนข้างดูดีเลย มีการทำชั้นวางของ ให้เราได้วางเครื่องประทินผิว ผ้าขนหนู และหยิบใช้ได้อย่างง่ายดายครับ
ได้กระจกเงาบานใหญ่ พร้อมส่วนอาบน้ำที่มาพร้อม Rain Shower ด้วยครับ
ห้อง 1 Bedroom ขนาด 43.46 ตร.ม. ห้องนอนกับห้องนั่งเล่นแบ่งกั้นเป็นสัดส่วน แต่เน้นความโปร่งด้วยบานเลื่อนใส ห้องน้ำกว้างขวาง พื้นที่ครัวใช้งานได้จริง มีมุมนั่งทำงาน ดูหนัง ฟังเพลง ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของใครที่กำลังต้องการพักผ่อนที่เรียบง่าย สะดวกสบายเมื่อต้องทำงานและต้องการพักผ่อนครับ
ถัดไปเป็นห้อง Standard แบบ 2 Bedroom ขนาด 63.42 ตร.ม. แบ่งพื้นที่การใช้งานเป็นสัดส่วนพร้อม Bathtub จะเป็นยังไงตามไปดูกันต่อได้เลยครับ
ครัวที่ได้จะเป็นครัวเปิดลักษณะรูปตัว U เหมาะกับคนชอบทำอาหาร จะกี่ขั้นตอนของการทำก็หยิบจับได้อย่างคล่องตัว ส่วนพื้นที่ห้องนั่งเล่น กับส่วนรับประทานอาหารอยู่ในบริเวณเดียวกันแบบ Open Plan คนในบ้านจึงสังสรรค์ และทานอาหารร่วมกันได้อย่างเป็นกันเอง ดูหนังเรื่องโปรดพร้อมทานเมนูแสนอร่อยไปได้พร้อมๆ กันเลยครับ
บิวท์อินตู้เย็นให้เรียบร้อยซ่อนอยู่หลังตู้เช่นเดียวกันกับห้องแรก มาพร้อมเตาไฟฟ้าแบบ 4 หัว พร้อม Hood ของ Gorenje ทั้งหมดครับ
พื้นที่ห้องนั่งเล่นอยู่ติดระเบียง สามารถติดทีวีขนาดใหญ่ได้แบบจุใจ ดูพร้อมกันได้ทั้งครอบครัว ซึ่งเค้าจัดวางโซฟาไว้ก่อนจะเป็นโซน Dining ซึ่งก็ลักษณะการใช้พื้นที่ร่วมกันแบบนี้เราก็เห็นมาจากแบบ 1Bedroom เช่นเดียวกัน
พื้นที่ระเบียงกว้างขวางน่าใช้งาน มีการทำประตูระแนงบังตาส่วนคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ให้ดูสวยงาม
ห้องน้ำแรกที่อยู่ด้านนอก แขกสามารถใช้ได้ตรงนี้ และยังมีส่วนอาบน้ำเตรียมไว้ให้ด้วยครับ
ห้องนอนที่สองใครไม่อยากทำเป็นห้องนอนเสียทีเดียว แบ่งพื้นที่สำหรับทำงานไว้มุมนึง หันหน้าออกหน้าต่างเพื่อรับแสงแล้วดูวิว ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจนะ
ถัดไปด้านในคือส่วนของ Master Bedroom ที่มาพร้อมกระจกสองด้านแบบพื้นจรดเพดาน มีพื้นที่เดินได้รอบเตียง ใครอยากขยับปรับขนาดเตียงให้เป็น King Size ก็สามารถทำได้ครับ
และความพิเศษคือห้องนี้มีอ่างอาบน้ำด้านใน ให้ได้เอนหลัง แช่น้ำอุ่น ผ่อนคลายหลังเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานกลับมา
2 Bedroom ห้องนี้ ใครชอบอยู่ห้องใหญ่ๆ ให้ความรู้สึกสบายๆ แต่การใช้งานกำลังพอดีไม่เกินความจำเป็น อย่างคู่รักที่เตรียมพร้อมสู่การเป็นครอบครัวขยาย หรือคนทำงาน ทำธุรกิจที่ต้องการพื้นที่ส่วนตัวสำหรับทำงาน ก็สามารถยกห้องนอนที่สองทำเป็นออฟฟิศส่วนตัวได้เลยครับ
ต่อจากนี้ผมจะขอพาชมตัวอย่างจากห้อง The Collection ที่เรียกได้ว่าเป็นยูนิตที่พิเศษกว่าห้องปกติ ที่ได้รับการตกแต่ง พร้อมเฟอร์นิเจอร์สวยๆ มาให้สมบูรณ์ สำหรับคนที่ต้องการห้องแบบพร้อมเข้าอยู่ไปเลยครับ ที่สำคัญเค้าทำการอัพเกรดห้อง ให้มากกว่าห้อง Standard ด้วย ไม่ว่าจะเป็น
- ชุดเครื่องครัวอัพเกรดเป็นรุ่น Gorenje By Starck (ออกแบบโดย Phillipe Stark ดีไซน์เนอร์ชื่อดังจากประเทศฝรั่งเศส) ซึ่งรุ่นนี้เป็นอุปกรณ์ครัวที่ทำหน้าที่ตกแต่งบ้านได้อย่างไม่มีที่ติ
- ให้อุปกรณ์เพิ่มเติมคือ Wine Cellar, Microwave และ Oven
- Built in ครัวอัพเกรดจาก RCD เป็น Poggenpohl จากเยอรมัน
- ห้อง Master Bedroom ได้พื้นและผนังเป็นหินอ่อนแท้
- โถสุขภัณฑ์ Duravit – Wall Hung Automatic Toilet ในห้อง Master Bedroom
ซึ่งเดี๋ยวเราลองมาดูกันว่าแต่ละห้องจะสวย น่าอยู่แค่ไหนครับ
ห้องแรกนี้มีขนาด 83.22 ตร.ม. ตกแต่งทุกอย่ามาให้แบบครบครัน จัดเต็ม สามารถเพิ่มพื้นที่ห้องทำงานได้
อย่างตู้เย็นอุปกรณ์ชิ้นแรกของ Gorenje By Starck นี่ได้แบบ Side by Side ที่ผนังตู้เป็นกระจกช่วยเพิ่มความกว้างให้ห้องได้เป็นอย่างดี โดยมีลูกเล่นคือสีส้มตัดอยู่บริเวณมือจับด้านในซ่อนอยู่ด้วย
อุปกรณ์ครัวเค้ายกมาเป็นซีรีย์เดียวกันก็เลยทำให้เข้ากันไปหมดครับ ช่วยขับให้พื้นที่ภายในโซนครัวนี้สวยงามน่าใช้งานและช่วยตกแต่งห้องให้มีสเน่ห์ไปด้วยในคราวเดียวกัน
Master Bedroom ตกแต่งด้วยโทนเข้มให้สุขุมขึ้น และใช้หินอ่อนเป็นวัสดุกรุผนังฝั่งทีวีครับ มีห้องน้ำในตัวและกระจกห้องน้ำเป็นแบบฟิล์ม sexy bath ที่เปิดปิดได้ด้วยรีโมท
ถัดไปอีกห้องในตระกูล The Collection ห้องนี้มีขนาด 130.07 ทำมาสวยหรูดูงามอีกเช่นกัน
ได้พื้นที่ห้องนั่งเล่นกว้างๆ รองรับหลายคนพร้อมวิวเมือง ได้เต็มตา
ห้องนอน Master Bedroom ขนาดใหญ่ หรูหรา ด้วยการตกแต่งที่เน้นบรรยากาศการพักผ่อน และห้องนี้ก็จะมีมุมชมสวนเล็กๆ จากภายในห้องด้วยครับ
ห้องนี้มีขนาด 83.22 ตร.ม.เป็นขนาดเล็กสุดของห้อง The Collection
ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ที่เน้นการจัดสรรฟังก์ชั่นด้วย Furniture บนพื้นที่ Open Plan ซึ่งก็ยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่การใช้สอยได้ตามต้องการ โดยมีพื้นที่ว่างปล่อยให้ห้องได้บรรยากาศโล่งสบายไว้ด้วย
รองรับมุมรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว
เค้าตกแต่งห้องนอนหนึ่งให้เป็นห้องสำหรับเจ้าตัวน้อย พร้อมมีหน้าต่างให้มองเห็นต้นไม้สีเขียว และวิวท้องฟ้าสวยๆ ได้ครับ
มองจากกระจกออกไปก็แบบนี้แหละ
เรามาทิ้งท้ายกันที่ห้องนี้ครับ นี่คือห้อง Duplex ขนาด 191.11 ตร.ม. ที่สวยงามและแสนน่าอยู่ในบรรยากาศเหมือนบ้าน ห้อง Collection ห้องสุดท้ายนี้ขอยกให้เป็นที่หนึ่งในใจของวันนี้เลย
เราเริ่มชมกันที่ชั้นบนก่อนเลย ภายในถูกตกแต่งให้มีความเรียบหรูและดูคลาสสิคด้วยการแต่งผนังเพิ่มคิ้วบัว และใช้โทนสีขาวช่วยขับให้ห้องดูโปร่งสบายตามากขึ้น โดยใช้เฟอร์นิเจอร์แบรนด์นำเข้าจากอเมริกาและอิตาลีทั้งหมด เช่น BOTTEGA VENETA HOME และ RALPH LAUREN HOME
Living Room ห้องนี้ทำเตาผิงตกแต่งขึ้นมาให้เข้าคู่กับทีวีด้านบน เพิ่มความ Homie ให้ห้องดูอบอุ่นขึ้น เหมาะกับการเป็นห้องนั่งเล่นที่สมาชิกในบ้านจะได้มารวมตัวกัน นั่งพัก พบปะพูดคุย และผ่อนคลายไปกับเสียงเพลง หรือหนังเรื่องโปรด โดยมีโคมไฟบอลลูน เพิ่มลูกเล่นให้ดูสนุกสนานและเป็นกันเอง
บริเวณนี้เชื่อมกับพื้นที่ครัวขนาดใหญ่ สามารถทำอาหารให้เสร็จพร้อมเสิร์ฟได้อย่างง่ายดาย ถึงช่วงเวลาสำคัญ วันเกิด วันครบรอบ หรือวันพิเศษไหนๆ พื้นที่ตรงนี้เองก็พร้อมจะรองรับงานเลี้ยงอันแสนสนุกของทุกคนในครอบครัว
ขอพาเข้าไปดูห้อง Bedroom 1 กันก่อนครับ
ห้องนี้เพิ่มสีสัน และมีลูกเล่นขึ้นมาหน่อยด้วยการใช้สีเขียวเป็นสีนำหลักของห้อง แต่ยังคงความคลาสสิคด้วยผนังคิ้วลายเดิมล้อกันกับห้องด้านนอก บริเวณหัวเตียงถ้าสังเกตดีๆ เค้าทำเป็นบานเลื่อนเปิดออกเพื่อให้มีช่องแสงเข้าห้องได้ ตอนกลางคืนพอเราปิดห้องก็จะมืดชวนหลับสบายไม่มีแสงจากในเมืองเข้ามารบกวน และยังมี Private Balcony ด้านข้างให้ออกไปรับลมส่วนตัวได้อีก
ผนังทีวีตกแต่งด้วยหินอ่อน พร้อมตู้เสื้อผ้าบิวท์อินแบบบานเลื่อนเพิ่มความสะดวกต่อการใช้งาน พร้อมตกแต่งด้วยพร็อพจาก Bottega veneta home ครับ
ห้องน้ำซ่อนไฟสวยงาม ได้กระจกเงาเต็มพื้นที่ และมีฉากกั้นเปียกแห้งให้บริเวณส่วน Shower
ส่วน Bedroom2 ก็ทำมาแบบเรียบง่ายโดยใช้โทนขาวครีม และเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยการตัดสีดำ หัวเตียงเพิ่มลูกเล่นด้วยระแนงไม้และแต่งหน้าด้วยท็อปหิน ได้กระจก Full Hight สูงเต็มบาน เปิดรับแสง รับวิว ธรรมชาติได้อย่างเต็มที่
จากนั้นลงบันไดไปสำรวจชั้นล่างกันบ้างครับ Feel like home จริงๆ เลยนะเนี่ย
ชั้นนี้เราจะเห็นว่าโถง Foyer ถูกปูด้วยพื้นกระเบื้องลายตารางขาวดำ ดูโดดเด่นสะดุดตา
มีตู้คอนโซลแบบคลาสสิควางต้อนรับอยู่ตรงประตูทางเข้า พร้อมชั้นรองเท้าและชั้นเก็บของ ช่วยเพิ่ม Space ให้ห้องได้มีพื้นที่เก็บของมากขึ้น โดยที่ยังดูสวยโดดเด่น และน่าใช้งานอยู่ตลอดเวลา
ห้องน้ำที่มาพร้อม Bathtub และกระจกฟิลม์พิเศษแบบ Sexy Bath สามารถปรับให้ขุ่นเพื่อความส่วนตัว หรือเปิดให้ใสหากต้องการเปลี่ยนบรรยากาศได้ด้วยรีโมท
Walk in closet ได้หน้าบานตู้เสื้อผ้าแบบเป็นกระจกสีชา ช่วยให้ดูโปร่งน่าใช้งาน เป็นแนวยาวลึกถึง 6 หน้าบาน ด้านในมีลิ้นชักใส่ของ ชั้นเก็บกระเป๋า สวยงามครับ
สำหรับห้อง Duplex ขนาด 191.11 ตร.ม.ห้องนี้ มีระยะความสูงเพดานอยู่ที่ 5.7 เมตร ให้อารมณ์เหมือนบ้านที่อยู่ในทำเลนี้เลย บรรยากาศที่ออกแบบมาจากพื้นที่นี้ก็อบอุ่น สวยงามทุกระดับประทับใจครับ ห้องนี้*ราคา: 72 ล้านบาท
เต็มอิ่มกับห้องตัวอย่างเรียบร้อยเรามาต่อกันที่ส่วนกลางชั้น 35 ชั้นนี้จะเป็นชั้นสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ บรรยากาศดี ลมพัดมาไม่ขาดสายเลยครับ และยังมีสระเด็ก จากุซซี่ และห้องซาวน์น่าให้พร้อมใช้งาน
มุมนี้เป็น Jacuzzi ส่วนตัว ให้เราได้ผ่อนคลายไปกับวิวเมือง
ส่วนตรงนี้ผมชอบมาก โครงการเค้าทำที่นั่งไว้ให้บนชั้นลอยแบบพื้นกระจกใส ทำให้ได้เปิดมุมมองใหม่ๆ มองเห็นสระน้ำและวิวสวยๆ ไปพร้อมๆ กัน และที่สำคัญลมเย็นสบายมากครับ
มาต่อกันที่ชั้น 36 เป็น Social Lounge ให้ลูกบ้านมาสังสรรค์ หรือทำงานกันสบายๆ ซึ่งไม่ได้เป็นห้องแบบปิดนะครับ ขึ้นมาก็เจอส่วนนี้เลย
และชั้นนี้ยังมี Fitness Center ห้องออกกำลังกายท่ามกลางวิวเมืองรอบด้าน อุปกรณ์ครบครัน เตรียมพร้อมให้ทุกคนได้มาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีและชีวิตที่มีความสุขครับ
เดินขึ้นมาชั้นลอยคือที่ตั้งของ Exclusive Theater Room
ห้องดูหนังสุดสบายสำหรับคอหนัง ที่สามารถจองแบบ private ได้ด้วย พวกเราไปเทสมาแล้วว่าสบายจริง โซฟาปรับเอนได้และนุ่มมาก ไม่มั่นใจเลยว่าจะได้ดูหนังหรือนอนก่อนกันครับ ฮ่าๆ
ปิดท้ายด้วยชั้น Rooftop เป็น Panorama Lounge พื้นที่พักผ่อน ชมวิวเมืองได้แบบสุดลูกหูลูกตา ทั้งกลางวันและกลางคืนในมุมมองที่เปลี่ยนไปตามช่วงเวลา วันไหนมีจัดงานปีใหม่ มีพลุสวยๆ ลูกบ้านที่นี่ก็เสมือนได้จับจองที่นั่งพิเศษก่อนใครเลยครับ ตกเย็นอยากเปลี่ยนบรรยากาศออกจากห้องมายืนแกว่งแขน ยืดเส้นยืดสายไปกับลมธรรมชาติ ชวนเพื่อน ชวนแฟนมานั่งคุยกันแบบชิลล์ๆ ชั้นนี้ก็ตอบโจทย์มากทีเดียวครับ
สำหรับโครงการ Muniq Sukhumvit 23 ขณะนี้ เสร็จเรียบร้อยพร้อมอยู่ครับ ใครใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตอยู่ในใจกลางเมือง กำลังมองหาที่พักอาศัยที่สบายทั้งการอยู่อาศัย และสะดวกต่อการเดินทาง ที่นี่ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจครับ ที่สำคัญเรายังสามารถอยู่กับสัตว์เลี้ยงแสนรักได้อีกด้วย
ตัวโครงการมีห้องให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ใครที่คิดว่าโครงการนี้อาจจะเป็นคำตอบสุดท้าย ก็ลองแวะเข้าไปเยี่ยมชมก่อนตัดสินใจกันนะครับ
เริ่ม 5.65 ล้านบาท
สามารถคลิกลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์พิเศษได้ที่ >> https://bit.ly/32hLopv
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Line official account: @mjd.th (https://bit.ly/MJDLine)
MJD Call Center : 1266
#MajorDevelopment #MUNIQ #MuniqSukhumvit23 #ReadyToMoveIn #มิวนีค #มิวนีคสุขุมวิท23 #พร้อมอยู่ #MJDJourney