เราได้มีโอกาสมาดูโครงการ The Tree หัวหมาก อินเตอร์เชนจ์กันอีกรอบนึงในวันที่โครงการสร้างมาเกือบเสร็จสมบูรณ์และจะพร้อมเข้าอยู่กันยายนนี้แล้วครับ สิ่งที่จะพาชมและพูดถึงในวันนี้ก็คือ ห้องหน้ากว้าง 8 เมตร จุดขายของโครงการบนอาคารจริงจะเป็นเช่นไร และ Layout อื่นๆ จะน่าสนใจแค่ไหน ตามมาดูพร้อมๆ กันเลยครับ
ทำเลและการเดินทาง
ตัวโครงการอยู่ติดถนนรามคำแหงฝั่งขาออกที่จะมุ่งหน้าแยกลำสาลีครับ การเดินทางด้วยรถยนต์สามารถเชื่อมเข้าสู่ถนนเส้นหลักๆ ได้หลายสายไม่ว่าจะเป็นลาดพร้าว, ศรีนครินทร์ หรือพระราม 9 แต่ที่น่าสนใจกว่าก็คือ โครงการอยู่ใกล้สถานี “ลำสาลี” ซึ่งเป็น Interchange ของรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี) และสีเหลือง (ลาดพร้าว – สำโรง) ซึ่งสายสีส้มนี้จะเป็นรถไฟฟ้าหลักของเส้นรามคำแหง คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 66 ครับ
นอกจากทางรถและราง ใครที่จะเดินทางเข้าออกเส้นรามฯ ก็อาจจะเคยลองเรือคลองแสนแสบกันมาบ้าง เพราะคล่องตัวไม่กลัวรถติด เค้าล่องไปได้ตั้งแต่อโศก ประตูน้ำ สยาม ไปจนถึงราชดำเนินได้เลย จากโครงการเดินไปท่าเรือ The Mall บางกะปิก็ราวๆ 250 เมตรได้
เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางสัญจรไปมาได้เช่นกันครับ
ความอุดมสมบูรณ์ของที่นี่บอกเลย ใกล้ห้าง ใกล้โรงพยาบาล มีมหาวิทยาลัย และไม่ไกลทางด่วนครับ ไม่ว่าจะบริเวณแยกลำสาลี แยกบางกะปิ ที่มีทั้ง Makro โลตัส พันธุ์ทิพย์ ตะวันนา แต่ที่สะดวกนักหนาก็คือมี The Mall บางกะปิอยู่หลังบ้าน เพียงแค่ 150 เมตรเท่านั้น ซึ่งสามารถเดินออกทางประตูด้านหลังโครงการได้เลย หรือขับรถไปแค่ราวๆ 3 นาทีก็ถึง เรียกว่าสมบูรณ์พูนสุขครับ
ภาพรวมโครงการ
ทีนี้มาดูที่นางเอกของเรากันบ้างครับ โครงการ “The Tree หัวหมาก อินเตอร์เชนจ์” เป็นคอนโดมิเนียมแบบ High Rise สูง 31 ชั้น รวม 590 ยูนิต ก็ถือว่าเป็นอาคารสูงที่มีจำนวนยูนิตไม่มาก ตัวอาคารจะจัดวางเรียงกันเข้าไปแบบตอนลึกทั้งหมด 5 อาคาร โดยจะมี Walk
Way ที่ชั้น 2 เชื่อมอาคารทั้ง 5 เข้าด้วยกันครับ
เริ่มจากอาคาร A บริเวณหน้าถนนรามคำแหง เป็นอาคารสูง 4 ชั้น ชั้นล่างสุดจะเป็นร้านค้า
และมีพื้นที่ส่วนกลางอย่าง Fitness และ Co-Working Space ให้ใช้ในอาคารนี้ด้วย เรียงถัดกันไปก็เป็นอาคาร B C และ D ซึ่งเป็นอาคารพักอาศัย สุดท้ายคืออาคาร E สำหรับจอดรถครับ
สิ่งอำนวยความสะดวก
นอกเหนือจากที่อาคาร A แล้ว อาคารพักอาศัยอื่นๆ จะมี Lobby เป็นของตัวเอง แม้จะมีทางเดินเชื่อมกันแต่การเข้าออกส่วนพักอาศัยต้องใช้ Key Card เท่านั้น เพื่อความเป็นส่วนตัว และบริเวณ Walk Way บนชั้น 2 นี้จะมีห้อง Private Meeting ที่จัดไว้ให้แต่ละอาคารด้วยครับ ส่วนกลางหลักๆ ไปรวมกันอยู่ชั้น 31 อย่าง Kids Room, Sky Lounge, Theatre Room หรือส่วนที่ชวนผ่อนคลายที่สุดอย่าง O2 Lounge และ O2 Creative Space
ซึ่งเป็น Facilities ไฮไลต์ที่จะรักษาระดับออกซิเจนในห้องให้อยู่ที่ 21.5% ออกซิเจนระดับนี้ เราไม่สามารถหาได้จากในเมืองจริงๆ ทำให้ร่างกายสดชื่นมากกว่าที่เคยครับ และขึ้นไปที่ชั้น Roof Top ก็จะมี Panoramic Pool พร้อม Jacuzzi, Kid’s Pool และระเบียงชมวิว
ส่วนที่อาคาร E ซึ่งเป็นอาคารจอดรถ ก็ยังเพิ่มพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนอย่าง Courtyard Garden , สนามฟุตซอล และพื้นที่สำหรับลูกๆ หลานๆ อย่าง Play Ground อีกด้วยนะครับ
รูปแบบห้องพักอาศัย
Type ห้องที่นี่เริ่มต้นที่ >> Studio ขนาด 23.02 ตร.ม. >> 1 Bedroom ขนาด 25.49-28.5
ตร.ม. >> 1 Bedroom Plus ขนาด 37 ตร.ม และ 2 Bedroom ขนาด 42.5-42.82 ตร.ม.
จุดเด่นก็คือ ห้อง 1Bed ที่นี่หน้ากว้างถึง 8 เมตร (กว้างเท่ากับห้อง 2 Bedroom เลย)
ระยะนี้ถือว่าหน้ากว้างกว่าห้อง 1Bed ทั่วไปพอสมควร การแบ่งสันปันส่วนฟังก์ชั่นใช้งานจึงทำได้ชัดเจน เมื่อรวมกับการจัดวางตำแหน่งกระจกอยู่ในทุกฟังก์ชั่น ทำให้บรรยากาศในห้องดูโล่งขึ้นครับ
อีกจุดที่เป็นจุดเด่นก็คือเรื่องของความเป็นส่วนตัว แต่ละชั้นของทุกอาคารมีจำนวนห้องสูงสุดแค่ 7 ยูนิตเท่านั้นครับ ยกเว้นชั้น 31 ของอาคาร B และ D ซึ่งเป็นชั้น Facilities จะมีห้องพักอาศัยอยู่เพียง 4 ห้องครับ โครงการเค้าเอาห้อง 1Bed ขนาด 26.23 ตร.ม. และ 2Bedroom ขนาด 42.57 ตร.ม. มาตกแต่งเป็นห้องตัวอย่างให้ดู ซึ่งเป็นห้องที่เราจะพาชมกันแบบละเอียดด้านในครับ
มีอีก Layout นึงที่เราชอบ และก็เป็นรูปแบบใหม่ที่มีเพียงแค่บางชั้น ชั้นละ 1 ห้อง ก็คือ 1Bed ขนาด 28.5 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้อง 1Bed ที่มีห้องนั่งเล่นติดระเบียงกระจกขนาดใหญ่ ได้ครัวรูปตัว L และได้กระจกเข้ามุมในห้องนอน ถ้าสนใจก็ลองขอไปชมห้องมาตรฐานที่เค้าส่งมอบกันได้นะครับ
ราคาและโปรโมชั่น
ในตอนนี้โครงการทำราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.19 ล้านบาท สำหรับห้อง Studio จองเริ่ม
5,900 บาท *ฟรีค่าทำสัญญา *ฟรีเงินดาวน์ *พร้อมโปรโมชั่นพิเศษหากกู้ไม่ผ่านโครงการยินดีคืนเงินจองครับ โครงการจะพร้อมให้เข้าอยู่ ประมาณเดือน ก.ย. 63 นี้แล้ว ใครที่สนใจก็ลองแวะเวียนเข้าไปชมห้องตัวอย่างบนอาคารกันได้ก่อนตัดสินใจ นะครับ
ส่วนใครอยากได้สิทธิพิเศษจากโครงการ ก็ลงทะเบียนได้ที่เช่นเคยครับ >>
https://bit.ly/3iouY2k
สำหรับห้องตัวอย่างวันนี้จะมีให้ดู 2 ห้องด้วยกัน ซึ่งตกแต่งมาแบบจัดเต็ม และใส่รายละเอียดไว้ให้สวยงามน่าดูเลย
ห้องตัวอย่างจะอยู่บนชั้น 25 ของอาคาร C ดังนั้นภาพที่ได้ก็จะเป็นภาพจากห้องจริง และวิวจริงไม่อิงอรฮะ
มาเริ่มกันที่ห้องแรกกับห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 26.23 ตารางเมตร ห้องนี้เป็นห้องหน้ากว้างและมีจำนวนยูนิตมากที่สุดในโครงการครับ
แน่นอนว่าความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ ของคนอยู่คอนโด ดังนั้นประตูแบบ Digital Door Lock ที่โครงการมีให้ ก็เป็นตัวช่วยเรื่องความปลอดภัยและความสะดวกสบายที่ดีเลยครับ ส่วนหนึ่งในสวิตช์ที่เห็นอยู่ตรงประตูทางเข้านั่นก็คือระบบ Home Automation ของโครงการ ซึ่งต้องทำการเชื่อมกับ Application ของทางพฤกษา เอาไว้ควบคุมไฟฟ้าภายในห้อง ให้ทำงานตามคำสั่งเราผ่านมือถือ สมาร์ทโฟน ได้อย่างง่ายดายครับ
เมื่อเข้ามาในห้อง ส่วนแรกจะเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งถูกจัดวางให้อยู่ติดกับกระจกบานใหญ่เพื่อให้แสงเข้ามาได้อย่างทั่วถึง ด้วยความที่เป็นห้องหน้ากว้าง จึงมีการแบ่งแต่ละโซนออกไปจากกันชัดเจน ดังนั้นตรงนี้ก็จะได้ที่นั่งดูหนัง พักผ่อน และทานข้าวไปแบบเต็มๆ ครับ
สิ่งที่จะได้รับเป็นมาตรฐานเลยก็คือ ชุดครัวและเครื่องปรับอากาศ อย่างห้อง 1 Bed นี้ก็จะได้แอร์สองเครื่อง คือในห้องนั่งเล่นกับห้องนอน พร้อมติด Wallpaper ให้เรียบร้อยแล้ว พื้นเป็นไม้ลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร และความสูงเพดานอยู่ที่ 2.7 เมตรครับ
ส่วนชมภาพยนตร์นี้ถูกจำกัดด้วยพื้นที่ทำให้เราอาจจะไม่สามารถถอย TV OLED ขนาด 65 นิ้วขึ้นผนังได้ ฮ่าๆ ค่อยไปอัพไซส์ในห้องนอนแทน ขนาดที่พอดีตรงนี้จะประมาณ 40 นิ้วครับ แต่ข้อดีคือเป็นส่วน Living ที่ได้รับแสงธรรมชาติเต็มๆ แถมยังเปิดหน้าต่างรับลมได้ด้วย ดังนั้นใครจะทำชั้นวางหนังสือเพิ่ม แล้วเลือกโซฟาเบาะนุ่มๆ ดูสักหน่อย ก็จะได้มุมอ่านหนังสือชวนเคลิ้มแล้วครับ
ถ้าเลือกใช้เตียงขนาด 5 ฟุตแบบห้องตัวอย่าง ก็จะพอนอนกลิ้งพลิกตัวได้สบายๆ พื้นที่ด้านข้างริมกระจกยังสามารถเดินได้อยู่ครับ ส่วนพื้นที่ฝั่งตู้เสื้อผ้าอันนี้ได้แบบเหลือๆ นะ
ถ้าใครเลือกบิวท์อินตู้เสื้อผ้าลองทำแบบมีฟังก์ชั่นโต๊ะเครื่องแป้งร่วมอยู่ด้วย ก็ดูจะช่วยประหยัดพื้นที่ได้นะครับ หรือจะวางเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นลอย ก็เลือกตู้เสื้อผ้าที่หน้าบานเป็นบานเลื่อนจะได้ใช้งานได้สะดวก ส่วนโต๊ะเครื่องแป้งก็วางได้เต็มพื้นที่ หรือจะปรับให้เป็นโต๊ะทำงานก็ลองเลือกแบบที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย ใครว่าอยู่ห้องเล็กแล้วต้องทำตัวเล็กตามห้องหล่ะครับ เพียงเราปรับและจัดสรรการใช้งานอย่างสร้างสรรค์ เท่านี้ก็อยู่สบายๆ
ในที่ของเราได้แล้ว
ถึงห้องนี้จะไม่สามารถทำผัดผักบุ้งไฟแดงลอยฟ้า ชาชักปักใต้ หรืออะไรที่ต้องใช้พื้นที่และลีลาเข้าช่วยมากๆ ได้ แต่ในพื้นที่ตรงนี้ แม้จะเป็นครัวเปิด แต่ก็ช่วยทำให้พื้นที่ครัวอยู่ห่างจากส่วนอื่นพอสมควร แถมระบายอากาศได้ง่ายเพราะติดระเบียง โดยจะได้เตาไฟฟ้า ฮูดดูดควัน และตู้เก็บของด้านบนแบบเต็มพื้นที่ครับ
Compressor แอร์ถูกยกขึ้นด้านบน โดยมีกริลอาคารพรางตาเอาไว้
มีก๊อกสำหรับซักล้างตรงระเบียงเรียบร้อย
หันเข้ามาในห้องน้ำ จะได้ฟังก์ชั่นไล่เรียงกันมาตามภาพ ยกเว้นแค่ฉากกั้นเปียกแห้งที่อาจจะต้องมาติดเพิ่มเองน้า
ไปต่อกันที่ห้อง 2 Bedroom ขนาด 42.57 ตารางเมตรกันดีกว่าครับ
Type แบบ 2 ห้องนอนก็จะได้แอร์ 3 เครื่อง มีพื้นที่ในห้องนั่งเล่นมากขึ้น เคาน์เตอร์ครัวกว้างขึ้น และห้องนอนทั้งสองห้องถูกแยกจากกันไปอยู่คนละฝั่งของห้องครับ
ห้องนี้อาจจะตอบโจทย์คุณแม่ครัวหัวป่ามากขึ้น เพราะมีพื้นที่ทั้งสองฝั่ง จะหยิบจับ หั่นอะไรก็จะสะดวกมีพื้นที่หน่อย อย่างว่าห้องนี้เหมาะกับครอบครัวขยาย โครงการก็เลยออกแบบครัวมาเผื่อคุณสามี คุณภรรยาได้มาใช้เวลาโชว์ฝีมือลุยมือค่ำด้วยกัน หยิบช้อนพร้อมกัน มือกระทบกันเบาๆ พอขวยเขิน อุ๊ย ว่าไป่!!
ห้องนี้ผนังหลังทีวีก็จะกว้างกว่าห้อง 1Bedroom สามารถเลือกใช้ทีวีได้ไซส์ใหญ่ขึ้น ถ้าจัดพื้นที่ดีๆ หน่อย เลือกโซฟาและเซ็ตโต๊ะกินข้าวที่ขนาดพอเหมาะ ก็จะลงตัว อยู่ด้วยกันได้หมดครับ
ห้องนอนที่ 2 นี้ถูกออกแบบมาให้วางตู้เสื้อผ้าบริเวณทางเข้าห้องครับ ถ้าทำหน้าบานกระจก หรือทำโล่งๆ แบบห้องตัวอย่างก็ช่วยให้ห้องนี้โปร่งขึ้น
ฝั่งปลายเตียงยังมีพื้นที่ให้เดินได้สบาย โครงการเดินสายสำหรับติดตั้งทีวีในห้องนอนนี้ไว้แล้ว
มุมข้างๆ หัวเตียงสามารถบิวท์อินโต๊ะเครื่องแป้งได้แบบสวยๆ ครับ
มาต่อกันที่ห้อง Master Bedroom ที่แต่งออกมาได้สุดงามของวันนี้
มีห้องน้ำในตัว เจ้าของห้องก็ใช้งาน เดินเข้าเดินออกได้สะดวกสบาย
และสิ่งที่ได้เพิ่มมานอกจากกระจกเข้ามุม ที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการชมวิว รับแสงอาทิตย์แสงจันทร์แล้ว ยังมีพื้นที่พอให้ได้ทำเป็นมุมทำงาน แบบที่เรียกบรรยากาศ ชวนขีดๆ เขียนๆ ใช้ความคิดได้ดีทีเดียวครับ
วิวจากชั้น 25 นี่ก็โล่งทั้ง 2 ฝั่งนะครับ แถวนี้ไม่ค่อยมีตึกสูงมาบดบัง สามารถชมวิวเมืองได้สุดลูกหูลูกตาครับ อ้อ แถมมีวิวสนามกีฬาให้ชมด้วย
และก็สิ้นสุดแล้วสำหรับภารกิจชมห้องตัวอย่างของจริงที่ The Tree หัวหมาก อินเตอร์เชนจ์ในวันนี้ครับ
โครงการนี้ใกล้จะพร้อมให้เข้าอยู่แล้วครับ ใครที่คุ้นเคยจากทำเล หรือมีที่อยู่ที่ทำงานในโซนนี้ The Tree หัวหมาก อินเตอร์เชนจ์ ก็เป็นอีกตัวเลือกที่ลองเข้าไปชมกันได้ ข้อดีคือเราจะได้เห็นห้อง และวิวที่จะได้จริงๆ ก่อนตัดสินใจ จุดเด่นของโครงการนี้ก็คือใกล้รถไฟฟ้า 3 สาย และใกล้สถานีอินเตอร์เชนจ์
ใครอยากใช้บริการรถไฟฟ้าก็อดใจอีกสักนิดครับ และอีกอย่างก็คือความเป็นส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นจำนวนยูนิตต่ออาคาร หรือต่อชั้น ที่โครงการนี้ก็ตอบโจทย์คนที่อยากมี Privacy ได้เช่นเดียวกันครับ
ก่อนจะจากกันไปผมมีรูปส่วนกลางมาฝากด้วย ยังไงลองเลื่อนดูกันได้เลยครับ