สถาพร เอสเตท (SATHAPORN ESTATE) มุ่งมั่นมอบคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ผ่านการพัฒนาโครงการที่ทันสมัย และใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมชูจุดแข็งการพัฒนานวัตกรรมในทุกด้านของการอยู่อาศัยเพื่อตอบสนอง Customers’ Unmet Needs ร่วมกับพันธมิตรคุณภาพ รองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่อย่างยั่งยืน เตรียมเดินหน้าเปิดตัว 3 โครงการใหม่ หลากหลายเซกเมนต์ ตลอดทั้งปี มูลค่ารวมกว่า 4,600 ล้านบาท
บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด (SATHAPORN ESTATE) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์คุณภาพ จัดงานแถลงข่าว “SATHAPORN ESTATE STEP UP 2020” การยกระดับแผนธุรกิจครั้งสำคัญของ SATHAPORN ESTATE พร้อมเผยทิศทางและนโยบายการดำเนินธุรกิจ ปี 2563 โดยมี นายสุนทร สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด ให้ข้อมูล พร้อมพันธมิตรร่วมยกระดับที่อยู่อาศัย ตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า ได้แก่ บริษัท แทนเดม อาร์คิเท็ค (2001) จำกัด, บริษัท สถาปนิกชุมชนและสิ่งแวดล้อมอาศรมศิลป์ จำกัด และพันธมิตรด้านนวัตกรรมที่อยู่อาศัยอย่าง บริษัท พานาโซนิค แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (PANASONIC)
นายสุนทร สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้ชื่อ สถาพร เอสเตท (SATHAPORN ESTATE) ที่มุ่งเน้นคุณภาพและบริการ รวมถึงการออกแบบและพัฒนาโครงการที่ทันสมัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับรูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ผ่านการพัฒนาโครงการเพื่อชีวิตอยู่คู่ธรรมชาติอย่างยั่งยืน บริษัทฯ ได้นำร่องเปิดตัวโครงการแรกอย่างเป็นทางการไปแล้วกับ “เดอะ เชดด์ สาทร 1” (The SHADE Sathon 1) คอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ 8 ชั้น บนทำเลศักยภาพใจกลางเมือง ย่านสาทร – พระราม 4 ที่ออกแบบเพื่อธรรมชาติของทุกชีวิต ซึ่งปัจจุบันสามารถทำยอดขายไปได้แล้วกว่า 65% ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการก่อสร้างตัวอาคาร โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณ Q1/2564
“สำหรับกลยุทธ์ในการรุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสถาพร เอสเตท (SATHAPORN ESTATE) ในปี 2563 นี้ เราได้ยกระดับแผนธุรกิจครั้งสำคัญให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยคุณภาพ การออกแบบ และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนอง Customer’s Unmet Needs และการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ไม่ว่าจะเป็น คอนโดมิเนียม ไฮไรซ์ ทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยว โดยแบ่งสัดส่วนสำหรับการทำธุรกิจออกเป็น แนวสูง 33% และแนวราบ 67% ซึ่งจะใช้กลยุทธ์ในการรุกตลาดที่แตกต่างกันออกไป แนวราบจะเน้นปัจจัยสำคัญในเรื่องศักยภาพของทำเลในอนาคต ติดถนนเส้นหลัก และใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วน ส่วนแนวสูงจะเน้นปัจจัยสำคัญในเรื่องของทำเล CBD ของกรุงเทพฯ ใกล้ BTS หรือ MRT และเพิ่มความสะดวกสบายของการอยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น
ในปี 2563 ทางบริษัทฯ เตรียมทำการเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4,600 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบ จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ อิเธอร์นิตี้ ทาวน์ พริมโรส วัชรพล (ETERNITY TOWN PRIMROSE Vacharaphol) ทาวน์โฮมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เพียง 86 ยูนิต ที่ออกแบบในสไตล์เรียบหรู สง่างาม แบบฉบับอังกฤษ สะท้อนความสำเร็จในทุกการอยู่อาศัย ในราคาเริ่มต้น 4.39 ล้านบาท ซึ่งมีกำหนดเปิดพรีเซลล์ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี้
และอีกหนึ่งโครงการอย่าง ดิ อิเธอร์นิตี้ กรีนวู้ด รังสิต – วงแหวน (THE ETERNITY Greenwood Rangsit – Wongwaen) โครงการประเภทบ้านเดี่ยว บนพื้นที่กว่า 75 ไร่ มูลค่าโครงการ 2,160 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพของศูนย์กลางแห่งความเจริญย่านรังสิต ติดถนนใหญ่รังสิต – นครนายก ใกล้ทางด่วนศรีรัช – วงแหวนตะวันออก และใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ – รังสิต) โดยกำหนดเปิดตัวช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้
รวมไปถึงโครงการแนวสูงอีก 1 โครงการ ได้แก่ The Crown Rama 4 (เดอะ คราวน์ พระราม 4) บนพื้นที่ศักยภาพ ติดถนนพระราม 4 มูลค่าโครงการ 1,920 ล้านบาท คอนโดมิเนียมไฮไรซ์ระดับ Luxury ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีลุมพินีเพียง 450 เมตร และสถานีคลองเตยเพียง 300 เมตร โดยกำหนดเปิดตัวช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้
“ในปี 2563 นี้ สถาพร เอสเตท ได้ตั้งเป้ายอด Pre-Sale อยู่ที่ 1,200 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 20% พร้อมทั้งบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นที่จะพัฒนาเพื่อตอบสนอง Customer’s Unmet Needs โดยได้พันธมิตรด้านสถาปัตกรรมในการยกระดับที่อยู่อาศัย เพื่อตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าอย่าง บริษัท แทนเดม อาร์คิเท็ค (2001) จำกัด และบริษัท สถาปนิกชุมชนและสิ่งแวดล้อมอาศรมศิลป์ จำกัด รวมถึง พันธมิตรด้านนวัตกรรมที่อยู่อาศัยอย่าง บริษัท พานาโซนิค แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด” นายสุนทร กล่าวในตอนท้าย