LAVIQ Sukhumvit 57 คือ โครงการที่ลงทุนกับเฟอร์นิเจอร์ส่วนกลางมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท ใช่แล้วครับ ตัวเลขที่ทุกคนได้เห็นนี้คือเฉพาะค่า “เฟอร์นิเจอร์” เท่านั้น สาเหตุสำคัญเพราะเกือบทั้งหมดมาจากแบรนด์ FENDI Casa เค้าจะลงทุนขนาดนั้นไปทำไม ลองมาหาคำตอบกันดูครับ
เชื่อเหลือเกินว่า ทุกคนเมื่อใช้ชีวิตไปจนถึงช่วงหนึ่ง ได้สั่งสมประสบการณ์ ได้ประสบความสำเร็จในการงานหรือธุรกิจ ก็จะเริ่มรู้สึกโหยหาในสิ่งที่จะมาเติมเต็มและตอบโจทย์ชีวิตในด้านอื่นบ้าง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ เครื่องประดับตกแต่ง หรือที่อยู่อาศัย ที่เริ่มจะไม่สามารถเลือกได้ง่ายๆ เหมือนเมื่อก่อน แต่ต้องผ่านกระบวนการคัดสรรมาเป็นอย่างดี และจะดีขึ้นไปอีกถ้าสิ่งนั้นสะท้อนตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ของเรา ก็เหมือนกับการได้ลองเป็นเจ้าของนาฬิกา หรือกระเป๋าสวยๆ สักแบรนด์ ถ้าถูกใจแล้วก็จะเจอโรคของงอกได้ ทั้งกระเป๋างอก แว่นตางอก จนสุดท้ายก็ต้องสร้างที่เก็บเป็นคอลเลคชั่นสวยงามไว้ให้ชื่นชมทุกคืนวัน
ที่อยู่อาศัยก็เหมือนกันครับ นอกจากวัสดุ และอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ที่เราพอจะเห็นกันทั่วไปว่าโครงการระดับ Luxury มักจะเลือกใช้สิ่งที่แสดงถึงคุณค่าของโครงการอยู่เสมอ แต่สิ่งที่จะสะท้อนตัวตนและเอกลักษณ์ของโครงการไปให้ถึงที่สุดก็คือ เฟอร์นิเจอร์และของประดับตกแต่งนี่แหละ เพราะต้องพิถีพิถันเลือกให้เข้ากัน ที่นี่เค้าก็เลยเลือกใช้คอนเซปต์ “GLAMOROUSLY INSPIRED BY FENDI CASA” เพื่อให้มาในอารมณ์เดียวกันทั้งหมด ซึ่ง FENDI Casa นี้คือแบรนด์เฟอร์นิเจอร์สุดหรูของ FENDI ที่เรารู้จักกันดีนี่เอง
เพราะเฟอร์นิเจอร์ก็ช่วยแต่งบ้านให้ดูดีเหมือนกับที่แฟชั่นช่วยในเรื่องการแต่งตัวนี่แหละ อิทธิพลในงานของ FENDI จึงสะท้อนออกการออกแบบในเฟอร์นิเจอร์ของเค้าทุกชิ้น ไม่ว่าจะเป็นความประณีต เส้นสายการเดินตะเข็บ หรือโลโก้อันเป็นเอกลักษณ์ และในเมื่อวางคอนเซปต์มาแบบนี้แล้วจะมีเฟอร์นิเจอร์เค้าเพียงไม่กี่ชิ้นก็คงจะไม่สามารถพูดได้เต็มปาก LAVIQ Sukhumvit 57 จึงจัดเต็มเฟอร์นิเจอร์หลากหลายรูปแบบมาไว้ในส่วนกลางเกือบทั้งหมด
เมื่อเราได้เดินเข้าไปชมในล็อบบี้จึงเปรียบเสมือนได้ชม Gallery โชว์เฟอร์นิเจอร์ของ FENDI Casa ที่ให้บรรยากาศดีเหลือเกิน ถ้ายังนึกไม่ออกก็อยากจะชวนไปสัมผัสความสบายของโซฟามูลค่ากว่า 3 ล้านบาทของเค้ากันครับ
สิ่งเหล่านี้ก็คือความมุ่งหมายของโครงการที่จะส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่พิเศษสุดสำหรับลูกบ้าน เพื่อให้สมกับทำเลสุขุมวิท 57 ที่เดินไปเพียง 100 ม. ก็ถึง Skywalk BTS ทองหล่อ ที่นี่เป็นคอนโดพร้อมเข้าอยู่สูง 33 ชั้น และก็ยังมีความเป็นส่วนตัวสูงด้วยจำนวนแค่ 235 ยูนิตเท่านั้นเองครับ โครงการมีรูปแบบห้องตั้งแต่ 1 ห้องนอน ขนาด 42 – 45 ตร.ม. / 2 ห้องนอน ขนาด 79 – 91 ตร.ม. / 3 ห้องนอน ขนาด 115 – 144 ตร.ม. / Duplex ขนาด 97 ตร.ม. และ Penthouse ขนาด 248 – 357 ตร.ม. มาพร้อมที่จอดรถ 100% (รวมจอดซ้อนคัน) และมีที่จอดรถสำหรับ Super Car ด้วยครับ
ทำเลทองหล่อนี้ไม่ใช่แค่เพียงเป็นแหล่งรวมร้านชื่อดัง สำหรับสายกิน ดื่ม หรือสายปาร์ตี้เอาไว้อย่างเดียว แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ให้ครบทุกด้านแล้วจริงๆ ตั้งแต่ถนนหนทาง รถไฟฟ้า และห้างมากมายไม่ว่าจะเป็นตระกูล Em อย่าง ห้าง Emporium หรือ Emquartier หรืออยากเปลี่ยนบรรยากาศสบายๆ ไปเดิน Terminal 21, Rain Hill,
Gateway, Major, Big C Ekamai ก็ใกล้นิดเดียว มีโรงพยาบาลอย่าง รพ.สมิติเวช, รพ.คามิลเลียน และโรงเรียนนานาชาติ รวมทั้งโรงแรมชั้นเลิศอีกด้วย
โครงการตั้งอยู่ใจกลางเมืองแบบนี้ แต่ก็ไม่ลืมที่จะคงไว้ซึ่งความอยู่สบายที่ต้องมาพร้อมกับความหรูหราและทันสมัย โดยเริ่มจากชั้น G จะมีพื้นที่สวนอยู่ด้านหน้าช่วยเพิ่มความเป็นธรรมชาติแก่โครงการ เข้ามาด้านในอาคารมีห้องสมุด และ Lobby เพดานสูงโปร่งที่จัดวางชุดเฟอร์นิเจอร์ และเซ็ตเปียโนบาร์สุดหรูจาก FENDI CASA ต้อนรับตั้งแต่ก้าวแรก ขึ้นไปชั้น 6 จะเป็นอีกหนึ่งจุดพักผ่อนในสวนไล่ระดับ และส่วนกลางชั้น 29 จะมีสระว่ายน้ำ จากุชชี่ และกำแพงปีนเขาจำลองสำหรับเด็ก จากนั้นเดินขึ้นบันไดวนเก๋ๆ ไปใช้ส่วนกลางบนชั้น 30 ได้อีก ที่มีทั้งห้อง Fitness, Yoga Room, Exclusive Lounge, Golf Simulator Room และอื่นๆ อีกมากครับ
นอกจากพื้นที่ส่วนกลางครบครัน ยังมีบริการทุกระดับประทับใจให้อีกเพียบตัวอย่างเช่น บริการหย่อนไปรษณีย์ถึงหน้าห้อง, Concierge Service ที่ช่วยเหลือดูแลเรื่องต่างๆ แบบเดียวกับโรงแรม เรียกว่าถ้า John Legend, Sam Smith หรือ Black Pink มาเมืองไทยอีกครั้ง ก็อยากจะให้คุณพี่เขาช่วยจองให้เหมือนกัน และยังมีบริการเสริมทั้งการทำความสะอาดห้องพัก, ซัก อบ รีด และทีมช่างซ่อมต่างๆ เตรียมพร้อมทุกช่วงเวลาให้เราอุ่นใจครับ
ถ้าใครยังเห็นภาพพวกนี้ไม่ชัด ก็อยากชวนให้ไปชมห้องตัวอย่างของเค้าสักครั้ง เพราะเค้าได้ Partner อย่าง DM Home และ Euro Creation มาช่วยเลือกสรรเฟอร์นิเจอร์นำเข้ามาจัดตกแต่งให้เราได้ชม อย่างห้องแบบ 2Bedroom ที่นี่เค้าจัดเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ Malerba มาลงไว้ ที่ผมชอบมากๆ ชิ้นหนึ่งคือโต๊ะกินข้าวที่เป็นงานไม้หายากแต่เคลือบผิวไว้อย่างดีจนเสมือนเป็นกระจกเลย แต่ละห้องก็ใช้เฟอร์นิเจอร์ต่างกัน ลองไปดูไอเดียการตกแต่งได้ โครงการขายแบบ Fully Fitted แต่ก็บิวท์อินเฟอร์นิเจอร์มาให้แล้วไม่น้อย ความสูงโปร่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของห้องที่นี่ เพราะเพดานสูงถึง 3 เมตร แถมยังให้กระจกแบบ Full Hight ทำให้มองวิว มองฟ้าได้แบบเต็มๆ ตาไม่มีอะไรมาบดบัง และใครที่ตัดสินใจช่วงนี้เค้าจะแถม Gift Voucher มูลค่าสูงสุด 2 ล้านบาท ให้ไปช้อปเฟอร์นิเจอร์จาก DM Home ตามใจชอบได้ด้วยครับ
ด้วยความที่ LAVIQ Sukhumvit 57 เป็นโครงการพร้อมเข้าอยู่ เราสนใจห้องไหนก็จะได้ชมห้องบนพื้นที่และวิวที่จะได้เห็นจริงๆ กันเลย ซึ่งเค้าจะจัดงาน Grand Open House ในวันที่ 9-10 พฤศจิกายนนี้ โดยราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 10.9 ล้านบาท หรือเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 260,000 บาท/ตร.ม. สำหรับใครที่สนใจก็คลิกที่นี่เพื่อเข้าไปลงทะเบียนรับสิทธิกันได้เลยครับ >>
ลงทะเบียนเสร็จแล้วก็ตามไปชมภาพจากโครงการไปพร้อมๆ กันเลยครับ
วันนี้ขอเริ่มต้นด้วยการพามาชมห้องตัวอย่างกันก่อนก็แล้วกัน กับห้องแรก 2Bedroom ขนาด 86 ตร.ม.
ห้องนี้บอกเลยว่าหน้ากว้างสุดๆ เกือบ 15 เมตรเชียวครับ
ทั้งห้องนั่งเล่นและห้องนอนได้กระจก Full Hight สูงโปร่งเต็มตาอีกด้วย
จริงๆ แล้วห้องจะขายแบบ Fully-Fitted นะครับ ได้เฟอร์นิเจอร์บางส่วน เช่น ส่วนครัว ส่วนห้องน้ำ Walk-in Closet ชั้นวางของและตู้เก็บรองเท้าบริเวณทางเข้า แต่สำหรับห้องตัวอย่างนี้ได้รับการตกแต่งครบชุดด้วยเฟอร์นิเจอร์จาก Malerba แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ชื่อดังจากอิตาลี ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เราสามารถเอา Voucher ที่ได้จากโปรโมชั่นไปชอปปิ้งกันได้ และเจ้าโต๊ะกินข้าวนี่แหละครับที่ผมบอกว่าเป็นงานไม้ แต่เค้าเคลือบผิวพิเศษมาจนมันสะท้อนแสงได้แวววาว เงาวับอย่างที่เห็นนี่แหละครับ ดีงามเหลือเกิน ถ้าผมจำไม่ผิดราคาเกือบๆ สามแสนบาทครับ
พื้นที่ส่วนนั่งเล่นจะเป็นส่วนแรกที่เราจะได้สัมผัสครับ ทั้งโทนสีของเฟอร์นิเจอร์และผ้าม่านให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน โซฟาตัวนี้เป็นหนังที่ให้ผิวสัมผัสนุ่มนวลนั่งสบาย เมื่อรวมกับสีสันและงาน interior อื่นๆ ก็ให้ความรู้สึกหรูหราควบคู่กับบรรยากาศ Homey ที่เราคุ้นเคย
โดยทั่วไปรู้สึกโปร่งสบายภายในห้องหลักๆ มาจาก 2 ส่วน คือความสูงของเพดานและความทึบของผนัง ที่นี่ได้ระยะเพดานสูง 3 ม. และกระจกสูงเต็มผนังครับ โดยเฉพาะในส่วน Living Area ที่รวมพื้นที่นั่งเล่นและทานอาหารจะได้กระจกยาวๆ แบบนี้เลย ได้วิวเมืองยามเช้า ออกมายืน ยืดแขนยืดขา จิบชา กาแฟไปด้วยได้แบบเพลินๆ เพราะกระจกเค้าให้มาแบบจัดเต็มและบานใหญ่มาก ลักษณะการวางโซฟาหันหน้าเข้า TV ส่วนด้านหลังเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร ซึ่งการวาง Layout แบบนี้ข้อดีก็คือ คนที่ทานข้าวอยู่ก็สามารถดูหนัง ดูข่าวไปกับเค้าได้ด้วย ครับ
ผนังจะได้เป็นแบบฉาบเรียบทาสี แต่ถ้าใครคิดว่าห้องฉันยังกว้างไม่พอก็ติดกระจกเข้าไปแบบนี้ เพื่อเพิ่มมิติให้ห้องดูลึกและกว้างขึ้นไปได้อีกครับ
ด้วยความที่พื้นที่ห้องนั่งเล่น ห้องทานข้าว ถูกเชื่อมโยงเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้การใช้งานบริเวณนี้ช่วยให้เรา คนในครอบครัว หรือแขกที่มาเยี่ยมเยียน ได้ใช้เวลาร่วมกันได้อย่างใกล้ชิด จะจัดปาร์ตี้เล็กๆ หรือเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสไหนก็ตาม ก็จะมีมุมให้ได้พบปะ พูดคุย
หรือถ่ายรูป Selfie ร่วมกันได้อย่างเต็มที่ครับ
ถึงจะไม่ได้ให้ม่านมาด้วย แต่โครงการเค้าทำรางม่านไว้ให้แบบนี้เรียบร้อยแล้ว
บริเวณใกล้ๆ โต๊ะทานข้าว เค้าทำ Island ขึ้นมาให้ตรงนี้ไว้ด้วย พร้อมได้ทั้งตู้เก็บไวน์ จาก TEKA และ Oven จาก Küppersbush โดยเคาน์เตอร์ผิวสัมผัสเรียบ สวยด้วยสีโทนอ่อนสบายตา ทีนี้เราก็จะได้บาร์ขนาดย่อมๆ สำหรับปาร์ตี้ Countdown ในวันสิ้นปีแล้วครับ
เจ้าตัวสีขาวๆ นี้คือ VDO Door Phone ซึ่งจะมาเป็นตัวช่วยให้การใช้ชีวิตของเราง่ายขึ้น และยังช่วยเรื่องความปลอดภัยครับ เพราะเราสามารถมองเห็นแขกที่มาเยี่ยมเราผ่านจอนี้ เพื่อยืนยันตัวตนว่าใช่คนที่เรานัดไว้จริงๆ, ทั้งยังเอาไว้กดเรียกบริการ Concierge หรือ Security ได้ทันทีเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน แถมเรายังดูได้ด้วยว่ามีพัสดุส่งมาถึงเราแล้วหรือยัง
เพราะเค้าจะขึ้นแจ้งเตือนบอกไว้ให้ด้วยครับ (กรณีเราสั่ง TV, เครื่องซักผ้า,ไม้เบสบอล, ไม้กอล์ฟ หรืออะไรที่มันกล่องใหญ่ๆ นะครับ)
ถัดเข้ามาก็เป็นพื้นที่ครัว ซึ่งชุดครัวเค้าก็ให้มาครบถ้วนกระบวนความสะดวกแล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นเตาไฟฟ้า 4 หัว และเครื่องดูดควันจาก Küppersbush ไมโครเวฟ ตู้เย็น เคาน์เตอร์ครัวใช้ Top แบบเดียวกับ Island เก็บไวน์เมื่อสักครู่ คือเป็นหินควอร์ซ ตู้ครัวหน้าบานเรียบลื่นแบบไฮกลอส และทำ Backsplash สวยๆ ไว้ให้เช็ดล้างทำความสะอาดกันง่ายๆ ด้วยครับ
พื้นไม้เป็น Engineering Wood แผ่นใหญ่ สี Dark Oak ให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านมากขึ้นนะครับ ส่วนทางเดินก่อนจะเข้าไปยังห้องนอนเราจะเจอกับตู้ Laundry อยู่ทางซ้ายมือซึ่งตรงนี้คือพื้นที่เก็บเครื่องซักผ้า พร้อมชั้นวางของที่ติดตั้งมาให้เรียบร้อย และเครื่องซักและอบผ้าของ TEKA ตัวนี้ เค้าก็ให้มาด้วยนะครับ เพิ่มความสะดวกมากๆ แถมยังถูกเก็บไว้ในตู้มิดชิด ไม่เกะกะพื้นที่ ทำให้ห้องดูเป็นระเบียบขึ้นด้วย
ห้องน้ำเป็นอีกหนึ่งพื้นที่สำคัญที่มองข้ามไม่ได้ ดังนั้นนอกจากการใช้งานที่สะดวกสบายแล้ว ความสบายตา ทำความสะอาดง่าย และน่าใช้งานก็เป็นอีกส่วนสำคัญ ซึ่งห้องน้ำที่นี่เค้าก็ทำมาได้สวยงาม หรูหรา ด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนสำหรับงานผนัง ส่วนอ่างล้างมือนี่เป็นหินอ่อนนำเข้า ก๊อกน้ำและฝักบัวจากคอลเลคชั่น Emporio Gessi สุขภัณฑ์จาก Villeroy & Boch ติดตั้งกระจกนิรภัยกั้นแบ่งส่วนการใช้งานเปียก-แห้งไว้ชัดเจน พร้อมได้ Rain
Shower ด้วยนะ
เราลองมาดูห้องนอนที่สองกันก่อน มีพื้นที่ให้จัดวางโต๊ะทำงานพร้อมเก้าอี้นั่งสบายๆ ได้บานกระจกก็ใหญ่เต็มตาเช่นเคย ห้องทุกห้องใน Layout นี้ก็จะได้รับแสงธรรมชาติจุใจแบบนี้แหละครับ
จัดวางตู้เสื้อผ้าเข้าไปแล้วก็ยังมีที่ให้วางโต๊ะหัวเตียงได้อีกนะครับ ซึ่งก็สามารถเลือกตู้เสื้อผ้าแบบประตูบานเลื่อนได้ จะได้หยิบจับเสื้อ กระเป๋า ผ้าพันคอได้สะดวก อ้อ เห็นลายไม้เงาวับนั่นไหม นี่แหละเอกลักษณ์ของ Malerba เค้าล่ะ
เข้ามาสู่ห้อง Master Bedroom กันบ้าง ซึ่งถ้ากว้างอีกนิดเดียวก็เท่าห้องนอนผมรวมกับห้องนั่งเล่นแล้ว ฮ่าๆ ห้องนี้กว้างมาก พื้นที่ข้างเตียงนี่เหลือเยอะ ถ้าเทียบกับห้องในโรงแรมก็คือเอาเตียงเสริมมาใส่แล้วนอน 3 คนได้เลยอ่ะครับ
ข้างเตียงไม่ใช่แค่วางโต๊ะหัวเตียงขนาดเล็กได้ แต่สามารถบิวท์อินเป็นชั้นหนังสือได้เลยนะ
ทางเดินในห้องนอนก่อนจะเข้าห้องน้ำ มี Walk in Closet มาให้เรียบร้อย ทั้งตู้ ลิ้นชักและช่องเก็บของต่างๆ ก็มีให้เก็บได้จุใจ และเพิ่มพื้นที่ส่วนตัวในการแต่งตัวของสาวๆ ได้ด้วยครับ
สำหรับห้องน้ำยังคงได้สวยงาม แบบนี้ตามเดิม เพิ่มเติมคืออ่างอาบน้ำ ซึ่งโครงการเค้าจะให้อ่างอาบน้ำแบบนี้ในทุกห้องแบบห้องเลยนะครับ แต่จะมีมาให้ในเฉพาะห้องนอน Master
เหนื่อยล้าจากการทำงานมาได้แช่น้ำร้อนๆ นอนเอนหลัง ฟังดนตรี ก็ผ่อนคลายได้มากทีเดียว
หน้าประตูทางเข้าของทุกห้องเค้ามีช่องใส่จดหมายไว้ให้ด้วย ดังนั้นเวลามีใบเสร็จหรือบิลอะไรส่งมาถึงเรา ทางนิติเค้าก็จะเอามาหย่อนไว้ให้ถึงหน้าห้อง หมดกังวลเวลากลับห้องมาแล้วนึกขึ้นได้ว่าลืมเปิดดู Mail Box
คราวนี้จะไปชมห้องตัวอย่างอีกห้อง ในแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 42 ตร.ม. กันบ้างครับ ห้องนี้ก็จะได้ครัวเปิดเช่นเดียวกัน แต่เป็นครัวที่ค่อนข้างมีสัดส่วนลงตัวเลยทีเดียว จะเป็นยังไงเข้าไปดูกันครับ
ประตูจะได้เป็นระบบดิจิตอลนะครับ สะดวกและปลอดภัยอย่างที่ทราบกันดี ส่วนพื้นที่แรกสุดเลยที่เปิดประตูเข้ามาเจอ จะเป็นตู้รองเท้าที่ทางโครงการคิดมาให้แล้วว่าลูกบ้านต้องการอย่างแน่นอน แถมด้านบนติดตั้งตะขอแขวนของเอาไว้ จะแขวนหมวก หรือของที่เราใช้งานบ่อยๆ ก็สะดวกดี
ทางเข้าด้านหน้าก็จะได้ตู้เก็บของเช่นเดียวกับห้องแรก ผิวเรียบเนียนกลมกลืนไปกับผนัง ไม่ต้องกังวลว่าอยู่ 1Bedroom แล้วจะไม่มีที่เก็บของแล้วล่ะ
สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในคือ ตู้ Laundry พร้อมจัดวางเครื่องซักผ้าไว้ให้ แถมยังมีตู้อเนกประสงค์ไว้เก็บกระเป๋าเดินทาง หรือรองเท้าคู่โปรด แบบเดียวกันสารพัดสีของคุณผู้หญิงได้เพิ่มอีกหลายคู่
ในส่วนของครัวอย่างที่ผมบอกว่าเป็นสัดส่วน คือเคาน์เตอร์เนี่ย เค้าจะให้มาเป็นทรงคล้ายๆ รูปตัว U คือมีทั้งพื้นที่ทำอาหารและเตรียมอาหารเหลือเฟือ เครื่องใช้ไฟฟ้าก็ให้มาครบ ทั้งเตาไฟฟ้า ฮูดดูดควัน ซ่อนไฟไว้ให้ใช้งานตอนกลางคืน หรือเอาไว้เพิ่มแสงสวยๆ ให้ถ่ายรูปอาหารชวนหิวกันได้ชัดๆ ตู้เก็บของด้านบนก็ทำไว้ให้เรียบร้อยครับ
โดยเราสามารถจัดทำโต๊ะทานข้าวให้เป็นลักษณะบาร์ เก๋ๆ แบบในรูปก็ได้ ช่วยประหยัดพื้นที่ไปได้พอสมควรด้วย แถมยังทำให้ตักเสิร์ฟง่าย เก็บล้างสะดวก
ห้องนั่งเล่นกว้างใหญ่ เอาเสื่อโยคะมาปู ยกไม้ยกมือได้สบาย จัดที่นั่งไว้ติดระเบียง จะนั่งอ่านหนังสือตรงนี้รับแสงธรรมชาติด้านนอกก็สว่างดี
ฝั่งตรงข้ามเป็นตำแหน่งสำหรับติดตั้งทีวี ด้านบนยังมีพื้นที่เหลือสำหรับบิวท์อินเฟอร์นิเจอร์ลงไปได้อีกนะ
ห้องนอนที่ห้องนี้ก็ยังได้บรรยากาศความโปร่งสบายเช่นกันครับ การตกแต่งก็ทำให้ดูเหมาะสำหรับวัยทำงานมากขึ้น
ห้องน้ำก็มาพร้อมกับ Bathtub เช่นเคย อุปกรณ์เหมือนกันกับห้องน้ำของแบบ 2Bedroom ครับ
ขอกลับออกมาชมพื้นที่ส่วนกลางให้ชุ่มชื่นหัวใจกันบ้าง เริ่มจาก Library Room บริเวณ Ground Floor ที่โปร่งและจัดวางที่นั่งไว้หลากหลายรูปแบบ อารมณ์เหมือนห้องสมุดต่างประเทศอยู่นะ
และพื้นที่ส่วนกลางสวยๆ ที่ขาดไม่ได้คือ ชั้น 29-30 เริ่มจากสระว่ายน้ำแบบ Infinity edge pool รูปตัว L ยาวอ้อมไปทางด้านหน้าเลย
เว็ป Yoga Room วิวดีแบบนี้ชวนให้มีกำลังใจออกกำลังกายได้ทุกวัน
เว็ปห้อง Golf Simulator ก็มีพร้อมสำหรับคนที่อยากซ้อมวงสวิงของตัวเอง
เว็ป มีส่วนของ Social Club สำหรับพักผ่อน พบปะสังสรรค์ ห้องโซนนี้ก็มีการเล่นสีสันมากกว่าห้องอื่นหน่อย
เว็ปมีห้องที่จัดแบบ Private Room ให้จองใช้งานกันด้วยครับ
บริเวณสระว่ายน้ำก็มีบันไดวนที่จัดแสงสีได้มีสไตล์แบบ Fendi casa
และมีส่วนที่ให้อารมณ์เสมือนคลับส่วนตัว ด้วยนะ จะมาจัดปาร์ตี้คอกเทล เล่นสนุกร่วมกันกับเพื่อนฝูงก็เหมาะมาก
อีกหนึ่งมุมถ่ายรูปที่เราค้นพบว่ามันสวยไม่น้อยครับ บริเวณนี้เป็นเหมือนทางเชื่อมจากด้านหน้าสระว่ายน้ำ ให้เดินเข้ามาด้านใน ตรงส่วนของพื้นที่ BBQ แบบ Outdoor ก่อนเดินเข้า Social Club ในระดับความสูงขนาดนี้ มองลงไปก็มีหวิวๆ กันบ้างเหมือนกันฮ่าๆ
ขอปิดท้ายด้วยโถง Lobby ที่เราเกริ่นกันไปในตอนเริ่มต้นบทความที่จะตอบโจทย์ Concept การตกแต่งของที่นี้ทั้งหมดที่ว่า “GLAMOROUSLY INSPIRED BY FENDI CASA” ที่เค้าใช้เฟอร์นิเจอร์เกือบทั้งหมดจากแบรนด์ Fendi Casa ในการตกแต่งครับ จริงๆ แล้วตัวเลขราคานี้เป็นเพียงแค่ส่วนผิวเผิน แต่สิ่งที่แสดงออกมานั้นคือเรื่องราว และสไตล์อันที่เป็นที่ยอมรับไปทั่วโลกจาก FENDI ซึ่งสะท้อนตัวตนและความสำเร็จของเจ้าของบ้านที่นี่
นั่นเอง ใครที่สนใจก็เข้าไปชมโครงการกันได้นะครับ แล้วพบกันใหม่โครงการหน้าที่นี่เช่นเคยกับ Living Sneak Peek – แอบดูคอนโด ครับ