Siamese Rama 9
สวัสดีครับมิตรรัก Living Sneak Peek ทุกท่าน วันนี้แว่นจะพาไปส่องดาวรุ่งดวงใหม่ “Siamese Rama9” จากค่าย “Siamese Asset” ครั้งนี้มาในรูปแบบ Mixed-Use บนทำเลทองอย่างย่าน “พระราม 9” จั่วหัวมาเปิดว่าเป็น “มิกซ์ยูส” นั่นก็หมายความว่าในอาณาบริเวณโครงการกว่า 13 ไร่นี้ จะมีทั้งส่วนที่เป็นอาคารพักอาศัย ร้านค้าตระการตา และออฟฟิศที่ทำงานคลุกเคล้าอยู่ด้วยกันอย่างลงตัว รวมมูลค่าโครงการกว่าหมื่นล้านบาทแน่ะ ให้นึกภาพง่ายๆ ถ้าเป็นคอนโดทั่วไป ความคึกคักก็จะอยู่ในช่วงเช้าหรือช่วงเย็นอันเป็น Rush Hour แห่งการเดินทาง พอตกค่ำคนก็จะอยู่กันหนาแน่น ซึ่งก็เป็นลักษณะชีวิตที่เราใช้กันอย่างคุ้นตาทั่วไปนั่นแหละ
แต่ในปัจจุบันเวลาการทำงานมันก็อาจจะไม่ได้จำเจแบบนี้สิครับ Work life สมัยใหม่นี่บางคนก็เป็น Freelance บางคนก็เป็น Startup บ้างก็มีอาชีพเสริมนอกเวลา ถ้าจะทำงานต่างจากเวลาปรกติ แต่อยากอยู่คอนโด ก็ต้องเดินทางออกมาหาของกิน หาที่นั่ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันทำให้เสียเวลาที่ควรจะมีไป การที่มีโครงการแบบ Mixed Use เกิดขึ้นมานอกจากจะทำให้ดึงดูดธุรกิจและเม็ดเงินเข้ามา ทำให้มูลค่าโครงการที่เราเป็นเจ้าของสูงขึ้นแล้ว ก็จะทำให้ชีวิตของเรายืดหยุ่นขึ้น จะกินอยู่ทำงานทุกอย่างจบในตัวเลยครับ ถ้าเป็นคอนโดเดี่ยวๆ ภาพที่เราชินตาก็คือความเงียบเหงาในกลางวัน เหมือนมีชีวิตเฉพาะกลางคืน แต่ถ้าเป็น Mixed Use ก็จะเรียกว่ามีชีวิตชีวา 24 ชม. และนี่ก็เป็นคอนเซปต์ของโครงการที่ตอบโจทย์ความ Dynamic ของชีวิตแบบใหม่ ที่พร้อมเปิดรับโอกาส ได้พบเจอผู้คนที่หลากหลาย ได้แบ่งปัน และได้รับความสะดวกสบายจากการที่มีทุกอย่างพร้อมอยู่ใกล้ตัว ไม่ต้องออกไปไหนครับ
ในโครงการมีทั้งหมด 3 อาคารหลัก กับ 1 อาคารย่อย (สูง 2 ชั้น ไม่มีที่พักอาศัย) อาคารหลักได้แก่ อาคาร A สูง 18 ชั้น ในส่วนนี้บริหารจัดการ แบบ Hospitality Service โดย Siamese Asset เองไม่ได้เปิดขาย อาคาร B สูง 38 ชั้น รวมห้องพัก 1,143 ยูนิต เรียกว่า Siamese Tower ซึ่ง ณ ตอนนี้ถือว่าเป็นอาคารที่สูงสุดในย่านนั้นก็ว่าได้ และมีความพิเศษคือมีบริการแบบ Serviced Residence สุดท้ายคือ อาคาร C มีชื่อว่า Siamese Residence สูง 29 ชั้น รวมห้องพัก 561 ยูนิต ซึ่งเป็นอาคารพักอาศัยที่จะเป็นส่วนตัวกว่าอาคาร B แต่ภาพรวมคือทุกอาคาร จะมีทั้งห้องพักอาศัย ร้านค้า (60 ยูนิต) และ ออฟฟิศ (61 ยูนิต) ประกอบอยู่ด้วยกันกระจายกันไปทุกอาคารครับ .
Location: ทำเลที่ตั้งของโครงการนี้อยู่บนถนนพระราม 9 ซึ่งเรามักจะคุ้นเคยกันบริเวณแยกพระราม 9 ที่มีห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน และสารพันโครงการคอนโดอยู่ด้วยกัน แต่ตัวโครงการ Siamese Rama 9 จะขยับห่างออกมาจากแยกพระราม 9 สักเล็กน้อยประมาณ 2 กม. มาอยู่บริเวณทางขึ้นทางด่วนพระราม 9 – ศรีนครินทร์ ซึ่งตรงนี้ต้องวิ่งเลนนอกสุดนะ เพราะไม่งั้นอาจจะเผลอขึ้นทางด่วนไปเลยก็ได้ ฮ่าๆ แม้ระยะในปัจจุบันจะเดินไปรถไฟฟ้าไม่ได้ แต่ในอนาคตใกล้กับโครงการจะมีสถานี MRT สถานีรฟม. (สายสีส้ม) ซึ่งจะเชื่อมจาก MRT ศูนย์วัฒนธรรมไปจนถึงมีนบุรี กำหนดแล้วเสร็จปี 2566 ในระยะเดินได้ประมาณ 350 เมตรครับ จากตรงนี้ไปแยกพระราม 9 ก็ไม่กี่นาทีนะครับ ถือว่าเขยิบออกมาจากแยกที่หนาแน่น มาอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง ถึงแม้ตอนนี้จะหันซ้ายหันขวายังไม่ค่อยมีความอุดมสมบูรณ์เท่าไหร่ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะเมื่อโครงการแล้วเสร็จ เราอยู่ในนี้ได้สะดวกสบายเลยครับ อ้อ! ผมแอบได้ยินมาว่า Siamese Asset จะมีการปรับปรุงทางเดินฟุตบาทจากโครงการไปยังรถไฟฟ้า เพื่อให้ลูกบ้านมีความสะดวกสบายในการใช้ทางเท้าขึ้นด้วยนะครับ
Facilities: ส่วนกลางที่นี่มีเป็นของตัวเองหมดทุกอาคารนะครับ เริ่มจากอาคาร B มี Co-working Area, Meeting room, Sky Garden, Mini Theaters, Kids Club, Concierge Service, EV Charger และที่ชั้นบนสุดมีทั้ง Sky bar, Fitness และสระว่ายน้ำให้ชมวิวในมุมที่สูงที่สุดของทั้งโครงการ ส่วนอาคาร C จะมีพื้นที่ส่วนกลางอยู่ที่ชั้น 12A ได้แก่ สระว่ายน้ำพร้อมสระเด็ก, ฟิตเนส, Co-working Area, Meeting room, สตีม ซาวน่า และห้องสมุดให้ใช้งาน ยังไม่รวมถึงความพิเศษเสมือนมี Shopping Mall เป็นของตัวเองที่มีอยู่บริเวณชั้นล่างของทุกอาคารอีกด้วยครับ
Room Type: ห้องที่นี่มีการออกแบบตกแต่งให้มีความแตกต่าง มีการนำเอากลิ่นอายความเป็นเมืองใหญ่เข้ามาผสมผสานผ่านการตกแต่งห้องให้แตกต่างกันด้วย Mood & Tone ของ โตเกียว ปารีส กรุงเทพฯ และนิวยอร์ก ในแต่ละ Type อย่างลงตัวครับ นี่เป็นข้อดีอย่างนึงของคนซื้อโครงการนี้นะที่เราจะได้ห้องที่ไม่เหมือนกันหมดเป็น Pattern เดียวกัน โดยเค้ามี Type แบบนี้ครับ Tokyo Blizz – 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 37.5 ตร.ม. Paris Blizz – 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ เช่นเดียวกัน แต่พื้นที่ใช้สอยใหญ่ขึ้นอยู่ที่ 46 ตร.ม. Bangkok Blizz – 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ + Powder Room ในส่วนของชั้นลอย มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 72 ตร.ม. และแบบสุดท้ายคือ New York Blizz 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ + Powder Room มีพื้นที่ประมาณ 68.5 ตร.ม. ครับ ความพิเศษคือห้องที่นี่เป็นห้องเพดานสูง 4.5 ม. ทั้งหมดเลยครับ
และจุดเด่นที่เป็นจุดแข็งของโครงการระดับบนของ Siamese Asset อย่าง Siamese Technology ก็ได้รับการนำมาใช้ที่โครงการนี้ด้วยครับ เพื่อเป็นการย้ำให้เห็นว่าเค้าใส่ใจเรื่องการอยู่อาศัยของลูกบ้านจริงๆ เริ่มตั้งแต่ – AIR VENTILATION TECHNOLOGY คือระบบหมุนเวียนอากาศภายในห้องตลอด 24 ชั่วโมง ที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM 2.5 ได้ถึง 99% ช่วยให้เราหายใจได้โล่งมากขึ้นตลอดเวลาที่อยู่ในห้อง ดีสำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ หรือบ้านที่มีเด็กเล็ก และเมื่อเราได้รับอากาศบริสุทธิ์ตลอดการพักผ่อน ก็เหมือนได้เติมพลังให้เต็มอยู่เสมอเลยครับ – HEAT RESISTANT TECHNOLOGY การใช้กระจกแบบ Low E ที่จะช่วยป้องกันความร้อนจากภายนอกเข้ามาสู่ภายในห้อง ทำให้อุณหภูมิในห้องไม่สูงเกินไป เครื่องปรับอากาศก็ไม่ต้องทำงานหนัก ก็เท่ากับช่วยประหยัดค่าไฟได้ไปในตัวครับ – SMELL PROTECTION TECHNOLOGY อันนี้สรุปง่ายสุดคือ เค้าแยกท่อน้ำทิ้งของส้วมกับท่อน้ำทิ้งของอ่างล้างมือไปคนละท่อไปเลยตั้งแต่วางโครงการสร้างอาคาร เพราะงั้นไม่ต้องกลัวว่ากลิ่นเหม็นห้องน้ำมันจะย้อนกลับมาทางอ่างล้างมืออีกถาวร และ SOUNDPROOF TECHNOLOGY ระบบป้องกันเสียงรบกวน ซึ่งอันนี้สำหรับผมว่าสำคัญมากทั้งเสียงจากเรา และเสียงจากเพื่อนบ้านมีผลกระทบถึงกันหมด ที่นี่เค้าเลยใช้ประตูแบบกันเสียง (ACOUSTIC DOOR) และผนังก็เป็น Insulated Wall ซึ่งช่วยลดเสียงรบกวนได้ดีเช่นกันครับ
ตอนนี้โครงการก็เปิดให้เข้าชม พร้อมจับจองเป็นเจ้าของกันแล้วนะครับ ใครที่คิดจะลงทุน แน่นอนว่าแปะยี่ห้อ Siamese Asset ราคาจะ Competitive มากๆ ซึ่งเฉลี่ยทั้งโครงการเริ่มต้นอยู่ประมาณ 105,000 บาท/ตร.ม. หรือเริ่มต้นที่ 2.9X ล้านบาทครับ ส่วนใครมองหาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ชีวิตของตัวเองที่ต้องการความสะดวกที่เพรียบพร้อมแบบไม่ต้องไปไหนไกล ทั้งทำงาน และใช้ชีวิตได้ในคราวเดียวกันส่งตรงมาให้ถึงหน้าบ้าน ก็คลิกลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษที่นี่กันก่อน >>
http://wow.in.th/CondoSneakPeek ถ้าอยากรู้ว่าห้องหลายแบบหลายสไตล์จะน่าสนใจและอยู่สบายแค่ไหน ตามไปดูกันเลยครับ
Siamese Rama 9
ใครมีโอกาสได้แวะไปดูห้องตัวอย่างที่ Sale Gallery ก็จะเห็นว่าเค้าทำมาให้ได้ชมกันแบบชัดๆ ไปเลย ครบทุกแบบทุกสไตล์ทั้ง NEW YORK, TOKYO, PARIS และ BANGKOK เผื่อว่าใครถูกใจห้องแบบไหน มาเห็นภาพจริงด้วยตาตัวเอง ก็จะได้ตัดสินใจง่ายขึ้นครับSiamese Rama 9
ส่วนใครที่ยังไม่ได้แวะไป ก็ตามมาชมรีวิวห้องตัวอย่างที่ผมเอามาฝากทุกคนก่อนได้ วันนี้มีมาให้เลือกชมทั้งหมด 3 ห้อง ซึ่งเป็นตัวอย่างห้องจาก Siamese Rama 9 TOWER C ทั้งหมดครับ ก็จะมี TOKYO BLIZZ, PARIS BLIZZ และ NEW YORK BLIZZ … ถามว่าแต่ละห้องแตกต่างกันยังไง? เนื่องจากโครงการขายแบบ Fully Fitted สิ่งที่จะได้เหมือนกันในแต่ละห้องก็คือ ชุดครัว, ตู้เสื้อผ้า, ตู้รองเท้า, เตาไฟฟ้า (MEX), ที่ดูดควัน(MEX), ซิงค์ล้างจาน ส่วนความแตกต่างก็จะแบ่งตามขนาดห้อง อาคาร และการตกแต่งครับ คืออยากเข้าห้องมาแล้วมีกลิ่นอายแบบเมืองไหน ก็เลือกการตกแต่งแบบนั้นได้เลย โทนสี พื้น วอลเปเปอร์ ก็จะต่างกันไป ส่วนที่เพิ่มเติมมาก็จะเป็นพวก BATHTUB แอร์ เป็นต้นห้องแบบ NEW YORK BLIZZ ขนาด 72 ตารางเมตร
HELLO NEW YORK!! แง้มประตูเข้าไปดูห้องแบบ >> NEW YORK BLIZZ – 2 BEDROOM 1 BATHROOM+POWDER ROOM (ที่อยู่บนชั้นลอย) ห้องนี้มีขนาด 72 ตารางเมตร จะเป็นห้องของ TOWER C ครับ ภายในห้องจะทำเป็นทางเดินที่ทอดยาวไปเชื่อมกับส่วน Living ด้วย Synthetic floor ซึ่งพื้นประเภทนี้ข้อดีของเค้าคือไม่มีปัญหาเรื่องการยืดหด ทนน้ำและทนความร้อนได้ดี ส่วนผนังที่ได้จะเป็นวอลเปเปอร์สีตามนี้เลยครับ ใช้สีโทนเข้ม ให้ดูเรียบเท่ สมเป็นนิวยอร์ก พื้นที่ฝั่งซ้ายและฝั่งขวาถูกแบ่งออกไปตามการใช้งาน เดี๋ยวผมจะพาไปดูว่าเค้าแบ่งเป็นห้องอะไรบ้างห้องนอน King Size
เริ่มจากห้องด้านซ้ายจะเป็นห้องนอนเล็ก ที่สามารถวางเตียง King Size ได้ แล้วยังพอมีพื้นที่ด้านข้างให้เดิน หรือวางโต๊ะหัวเตียงได้แบบไม่อึดอัดจนเกินไปครับ ผนังติดกระจกพร้อมหน้าต่างบานกระทุ้งขนาดใหญ่ อยู่ระดับพอดีกับที่นอน ตื่นเช้ามาบิดตัวซ้าย ขวา มองฝนตกที่หน้าต่าง มองวิวท้องฟ้ายามเช้า… แล้วก็นอนต่อ คร่อก zZZห้องน้ำ
ฝั่งขวาจะเป็นห้องน้ำ มีกระจกเทมเปอร์ใสกิ๊งเอาไว้แบ่งส่วนเปียก – แห้ง พื้นและผนังใช้เป็นกระเบื้องเซรามิค โถสุขภัณฑ์ และก๊อกน้ำจาก American Standard อ่างอาบน้ำ Solid surface ทรงสี่เหลี่ยม ให้พอนั่งแช่น้ำอุ่น คลายปวดเมื่อยตามมือตามเท้าได้อยู่ครับ มีการเดินระบบท่อน้ำร้อน-เย็นไว้ให้แล้ว ส่วนเรื่องกลิ่นจากห้องน้ำก็หมดห่วงนะครับ อย่างที่บอกว่าเค้ามีระบบแยกต่อ VENT ไว้ให้แล้ว แค่เอาไม้หอมปรับอากาศมาวางสักก้านสองก้านก็สร้างบรรยากาศการใช้ห้องน้ำได้ดีทีเดียว ถัดมาจะเป็นห้องสำคัญอีกห้องหนึ่ง คือห้องใต้บันได ทางโครงการเค้าซ่อนห้องนี้ไว้ให้เก็บข้าวของ จะเป็นชิ้นใหญ่ หรือชิ้นเล็กที่ไม่ค่อยได้ใช้ ก็เอามาซ่อนไว้ในนี้ได้ ห้องจะได้ดูเป็นระเบียบไม่ต้องไปวางกระเป๋าเดินทาง ไม้กวาด ไม้ถูพื้นเกะกะขวางทางเดิน ส่วนสวิตช์ไฟอันนี้ก็น่าสนใจ เห็นว่าเค้ามีแบบไร้สายเตรียมไว้ให้ด้วย คือ วันไหนกำลังนั่งดูหนัง ซุกผ้าห่มแบบได้ที่พอดี อยากปิดไฟสร้างบรรยากาศสักหน่อย ก็ไม่ต้องลุกหรือขยับให้เสียม้า คว้ามากดเปิด-ปิดไฟเองได้ง่ายๆ (ติดตามดูการใช้งานของเจ้าสวิตซ์ไฟอัจฉริยะนี้ได้ในคลิปวีดีโอของเราครับ) สำหรับพื้นที่ด้านในส่วนนี้จะกว้างมาก สามารถรวมเอา 3 มุมใช้งานหลักๆ มาไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ของส่วนครัว พื้นที่ห้องนั่งเล่น และระเบียงที่อยู่ติดกับครัวคอยช่วยระบายอากาศภายในห้อง ด้านข้างทำเป็นกระจกช่วยให้ห้องดูโปร่งมากขึ้น รับวิว ทิวทัศน์ดีๆ ได้ทุกช่วงเวลาของวันเลยครับ พื้นที่ห้องนั่งเล่นทางโครงการจัดวางโซฟาชุดใหญ่ไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง เอาให้เห็นกันเลยว่าพื้นที่ใช้สอยเหลือเฟือแค่ไหน ทั้งนี้ด้วยความสูงจากพื้นถึงเพดานอยู่ที่ 4.5 เมตร และผนังติดกระจกขนาดใหญ่ให้ทั้งด้านบนและล่าง ยิ่งทำให้เราได้ความรู้สึกถึงความกว้างขวาง เหมาะกับเป็นพื้นที่สามัคคีชุมนุม สร้างความอบอุ่นของคนในครอบครัวได้มากขึ้น คุณพ่อ คุณแม่ คุณลูก มานั่งติวหนังสือด้วยกันตรงนี้ได้แบบสบายๆ หรือถ้าเป็นวันหยุด ในช่วงเวลากลางวันไม่อยากออกไปไหน แต่ก็ไม่อยากนอนร้อนๆ อับๆ อยู่ในห้อง ก็สบายใจได้เลยเรื่องความร้อน ในส่วนของ Facade จะเป็นกระจกลามิเนต กันความร้อนทุกทิศทาง ส่วนห้องที่อยู่ทิศตะวันตกและใต้โครงการจะเพิ่มเป็น กระจก Low-E ที่จะช่วยกันความร้อนได้ดีกว่าเดิมอีกครับห้องครัว
มาถึงส่วนครัว ตรงนี้ก็จะทำเป็นครัวเปิดมาให้ และเชื่อมต่อพื้นที่ทานข้าวได้เลย ผนังครัวติดกระจก พร้อมหน้าต่างบานกระทุ้งที่วางอยู่ตำแหน่งริมเคาน์เตอร์พอดี ทำให้ครัวดูโปร่งขึ้นมาก วันไหนที่คุณแม่บ้านเกิดอยากผัดกระเพรา คุณพ่อบ้านอย่างเราก็ลุกไปเปิดหน้าต่างให้เลยทันที อากาศจะได้ถ่ายเทครับชุดครัว STARMARK
ชุดครัวของ STARMARK ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานตอบโจทย์คนชอบเข้าครัว ตู้เป็นแบบ Soft Close และหน้าบานก็ได้สีตามนี้เลยครับ ระเบียงจะอยู่ติดกับส่วนครัว พร้อมที่กั้นราวเหล็กติดกระจกสวยงาม และพื้นที่ระเบียงยังสามารถใช้ซักล้างได้ด้วยครับ ขึ้นมาดูชั้นบนกันบ้าง ดูกว้างเลยทีเดียวนะครับ ชั้นนี้เค้ามีพื้นที่ 18 ตารางเมตร วางเตียง King Size ได้เหลือๆ จนสามารถวางโต๊ะทำงานสำหรับคุณผู้ชาย หรือตู้เครื่องแป้งสำหรับคุณผู้หญิงข้างๆ ได้เลย สำหรับความสูงพื้นถึงฝ้าของชั้นบนจะอยู่ที่ 1.9 เมตร กำลังดีสำหรับหนุ่มเอเชียอย่างเรา ฮ่าๆ แต่ถ้าใครยังคิดว่า เฮ้ย ความสูงชั้นบนแค่นี้ยังไงก็รู้สึกอึดอัด คิดใหม่ได้เลย เพราะตรงนี้เค้าติดกระจกด้านข้างมาให้ห้องดูโปร่งขึ้น แถมภายในห้องยังมีระบบฟอกอากาศ ให้นอนหลับได้สบาย หายใจโล่งขึ้น ใครได้ลองขึ้นไปดูชั้นบนแล้วน่าจะรู้สึกเหมือนผมนะครับ ว่ามันดูไม่อึดอัดจริงๆ ส่วนนี้ที่ผมบอกไปตอนต้น Powder room พร้อมตู้เสื้อผ้าที่โครงการบิวท์อินมาให้เรียบร้อย ใครที่ชอบลุกมาเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน ก็สะดวกกาย สบายใจแน่นอน ไม่ต้องลับตาสลึมสลือขึ้นลงบันไดไปเข้าห้องน้ำตอนดึกๆ เลยครับ มองจากชั้นลอยลงไปก็จะเห็นทั้งส่วนครัว ระเบียง และ ห้องนั่งเล่น สมมุติว่าสามีกำลังนั่งดูหนังอยู่ด้านล่าง ภรรยาก็ตะโกนไปดังๆ ได้เลย “ตัวเองมาทำการบ้าน!!” … หมายถึงกรณีสามีกำลังเรียน ป.โทอยู่ครับ โดยที่ไม่ต้องกลัวเสียงจะรบกวนห้องข้างๆ เพราะผนังที่นี่เค้าเป็นแบบ Insulated wall ให้ ข้อดีคือมันจะช่วยเก็บเสียงภายในห้อง รวมถึงประตูทางเข้าห้องเค้าก็มีซีลรอบๆ เพื่อกันเสียงและกันฝุ่นไม่ให้เข้ามาภายในตัวห้อง ทั้งยังทำให้ไม่ได้ยินเสียงจากคนที่เดินผ่านห้องเราอีก เรียกว่าเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้เราได้แบบแจ่มว้าวไปเลยห้องแบบ PARIS BLIZZ ขนาด 45.0 ตารางเมตร
Bonjour PARIS!! ห้องตัวอย่างห้องนี้เรียกว่า >> PARIS BLIZZ – 1 BEDROOM 1 BATHROOM ขนาด 45.0 ตาราง เมตร TOWER Cห้องนี้ได้เป็นครัวปิด เผื่อใครอยากทำเมนู ทูน่า ทาท่าร์ หรืออบ กราแตงโดฟีนัวส์ เอาไว้ทานในมือเย็นก็จัดไปเลยครับ… อย่าถามอีกรอบนะ จำชื่อเมนูไม่ได้แล้วครับ ฮ่าๆ สำหรับชุดครัวก็เช่นเคยครับ ได้มาแบบฟังก์ชั่นครบๆ แต่โทนสีและหน้าบานของตู้ก็จะมาแนวอุ่นๆ Soft ลงมาจากสไตล์ NEW YORK หน่อย ห้องน้ำและมุมการใช้งานต่างๆ ก็จะมีให้ครบเครื่องเรื่องห้องน้ำเลยครับ แบ่งส่วนเปียก-แห้งมาให้ พร้อมอ่างอาบน้ำเช่นกันครับ เข้ามาด้านในจะเป็นส่วน Living ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ไม่ใช่เพียงแค่ไว้นั่งจับเข่าคุย แต่ยังสามารถวางโต๊ะทานข้าวขนาดเล็กได้ด้วย และที่เราเห็นว่ามันดูโปร่งๆ แบบนี้ได้ ก็เพราะมาจากความสูงของเพดาน 4.5 เมตรเหมือนกัน ส่วนพื้นจะเป็นพื้น Synthetic floor ลายก้างปลาเก๋ๆ ครับ ประตูกั้นครัวโครงการติดตั้งไว้แบบกระจกบานสไลด์ 3 ตอน จะเปิดให้ห้องดูโล่งๆ หรือปิดไว้เมื่อใช้งานกันกลิ่นเข้ามารบกวนภายในห้อง Living ก็ได้ครับ ใกล้ๆ กันมีการเว้นพื้นที่ไว้ให้สำหรับใส่ตู้เย็นแล้ว ตรงข้ามกับช่องวางตู้เย็น โครงการก็มีห้องเก็บของใต้บันไดให้เช่นกันครับ ซ่อนไว้แบบแนบเนียน ใครไม่เปิดดูก็ไม่รู้ครับว่าเราซุกอะไรเอาไว้บ้าง สำหรับ Type นี้ จะได้ผนังที่ติดกระจกมาให้เต็มๆ แบบนี้เลย ห้องนี้ก็จะมีระเบียงเช่นกัน มาดูส่วนชั้นบนกันบ้าง สำหรับชั้นลอยนี้จะมีพื้นที่ขนาด 12 ตารางเมตร ซึ่งสามารถวางเตียง King Size ได้เช่นกันนะครับ จับวางโต๊ะทำงานเข้ามุม หรือบิวท์ติดผนังแบบนี้ก็ทำเป็นมุมอ่านหนังสือหรือนั่งทำงานได้ ตู้เสื้อผ้าเค้าก็บิวท์อินมาให้แล้ว หน้าบานก็ได้เป็นกระจกตามนี้เลยครับห้องสไตล์ญี่ปุ่น ขนาด 37.5 ตารางเมตร
KONNICHIWA!! มาถึงห้องตัวอย่างสุดท้ายสไตล์ญี่ปุ่น >> TOKYO BLIZZ- 1 BEDROON 1 BATHROOM ขนาด 37.5 ตารางเมตร ของ TOWER C เช่นกันครับ
สำหรับการวาง Layout ห้องนี้จะคล้ายกับห้องที่แล้ว แต่จะสลับตำแหน่งกันระหว่างครัวกับห้องน้ำ และการตกแต่งจะดูนุ่มละมุนเหมือนขนมโมจิไส้ถั่วแดง เข้ามาแล้วอยากจะเดินไปชงมัตฉะร้อนๆ มาจิบทันทีเลยครับ
ห้องน้ำก็จะได้ตามนี้เลยครับ
แต่เนื่องจากห้องนี้เป็นห้อง Type เล็กสุด ก็เลยจะไม่มีอ่างอาบน้ำนะครับ
ชุดครัว
ตู้ใส่รองเท้าโครงการมีให้แบบนี้ทุกห้องนะครับ ส่วนสีสัน ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบการตกแต่งของแต่ละห้อง อย่างห้องนี้สไตล์โตเกียว ชุดครัว ตู้รองเท้า พื้น ผนังส่วนใหญ่ก็จะมาในโทนสีอ่อน ซึ่งก็จะทำให้ห้องดูสว่างขึ้นด้วยครับ
มีประตูบานสไลด์กั้นระหว่างส่วนครัวและส่วน Living เช่นกันครับ
ห้องนี้น่ารักมากครับ ให้ฟิลลิ่งเหมือนอยู่บ้านจริงๆ ยิ่งใครเคยไปญี่ปุ่น หรือชอบญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ต้องชอบสไตล์การตกแต่งของห้องนี้แน่นอนเลย ลองเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นไม้ ปูพรมไว้บริเวณห้องนั่งเล่น ประดับต้นใม้เล็กๆ ไว้บนชั้น หรือข้างทีวี ก็น่าจะช่วยสร้างบรรยากาศดีๆ ในวันสบายๆ ของเราได้ครับ
ผนังด้านในจะได้เป็นกระจกบานใหญ่เลย เผื่อตอนเช้าลุกมาจิบช้าร้อนๆ มองวิว มองท้องฟ้า ช่วยสร้างความผ่อนคลายและสบายตาขึ้นด้วยครับ
ขนาดว่าเป็นห้องไซส์เล็กสุดของโครงการ แต่พอได้เพดานสูงโปร่งแบบนี้ ก็ดูไม่อึดอัดเลยนะครับ
ชั้นลอยพร้อมบิวท์อิน
มาถึงพื้นที่ชั้นลอย สำหรับพื้นที่ชั้นนี้จะมีขนาด 10 ตารางเมตร พร้อมบิวท์อินตู้เสื้อผ้าให้แล้วเช่นกัน
ตรงบริเวณหัวเตียงจะติดตั้งปลั๊กไฟ พร้อมปลั๊กเสียบ USB ให้ด้วย สะดวกมากกับการใช้ไฟ เหมาะสำหรับใครที่ก่อนนอนขอหยิบโทรศัพท์มากดเกม เข้าไปเก็บของ เก็บดาว เก็บหัวใจ สักนิดก่อนนอน แล้วชาร์จแบตเตอรี่ไว้ใกล้ๆ เตียง ตื่นเช้ามาจะได้หยิบมาเก็บของอีกรอบยังไงละครับ ฮ่าๆ
เอาภาพรวมโครงการทั้งหมดมาให้ชมกันสักหน่อยครับ ถ้าดูจากหน้าถนนพระราม 9 เข้าไป ตัวอาคารก็จะเรียงกันไปในตอนลึกจากอาคาร A, Siamese Tower (อาคาร B) และ Siamese Residence (อาคาร C) ประมาณนี้แหละครับ แต่ตัวอาคารได้รับการจัดวางแบบเฉียงๆ ทำให้มีระยะเหลื่อมกันไป ไม่ปะทะกันตรงๆ ระยะจากหน้าถนนไปยังอาคาร C ก็ประมาณ 200 เมตร ครับ
ด้านล่างอาคารก็จะคึกคักหน่อย เพราะเป็นเสมือนพื้นที่ Public Area ให้คนได้เข้ามาใช้งานส่วนที่เป็น Retail และอาคารสำนักงานต่างๆ แต่เรื่องของความปลอดภัยเค้าก็คิดไว้เรียบร้อย เพราะแยกลิฟต์ส่วนพักอาศัยออกไปต่างหากในพื้นที่ส่วนที่ต้องใช้ระบบ Access เฉพาะลูกบ้านเลยครับ
Top Floor Facilities
และในส่วน Top Floor ของอาคาร B เป็น Facilities ที่ได้วิวดีที่สุดของทั้ง 3 อาคาร มีทั้งสระว่ายน้ำ Gym และ Sky Bar ซึ่ง เปิดให้บริการอาหารเครื่องดื่มบนนี้ด้วยครับ และทั้งหมดนี้ก็คือโครงการมิกซ์ยูสใหม่ที่น่าจับตามองบนถนนพระราม 9 ถนนสายความเจริญที่ฮอตสุดๆ ทำเลนึงในปัจจุบัน แต่สิ่งที่แตกต่างของโครงการนี้คือ เลือกที่จะขยับออกมาจากจุดศูนย์กลางตรงนั้นสักหน่อย แต่มาสร้างอาณาจักรที่ที่เราใช้ชีวิตอยู่ได้ทั้งวันที่บ้านของเราเอง ซึ่งจะดึงดูดคนทำงาน และคนอยู่อาศัยเข้ามา เกิดเป็นโอกาสสำหรับคนที่คิดจะลงทุนหรือใช้ชีวิตอยู่เองในราคาที่คุ้มค่าครับ