สรุปสิ่งที่น่าสนใจวันนี้มีดังนี้ครับ นี่เป็นคอนโดพร้อมอยู่ในทำเลเอกมัยตอนต้นซึ่งคึกคักและรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก สามารถเดินไป BTS เอกมัยได้เพียง 450 ม. มีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้งานจัดเต็มหลายรูปแบบ บรรยากาศสงบมีความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตไม่มาก และที่สำคัญเป็นโครงการ Pet Friendly และในวันนี้จัดราคาพิเศษ 1 ห้องนอนเริ่มที่ 5 ล้านบาท อยู่ฟรี 2 ปี รับสิทธิได้ที่นี่ครับ https://bit.ly/3rJWZFr
ทำเลที่ตั้ง
โครงการมารุ เอกมัย 2 ตั้งอยู่ริมถนนเอกมัย ระหว่างซ.เอกมัย 2 และ ซ.เอกมัย 4 ความอุดมสมบูรณ์ของแถวนี้ไม่ต้องพูดถึงเพราะมีทั้งห้างสรรพสินค้า (Gateway Ekkamai, Big C, Major) ร้านอาหาร (ทั้ง Stand Alone และอยู่รวมกันแบบ Park Lane) คาเฟ่ ร้านนั่งชิลล์ ร้านยืนตึ้ด และด้วยความที่เป็นแหล่งอาศัยของชาวญี่ปุ่นก็จะมีห้างร้านที่ตอบโจทย์ออกมามากมาย และก็ถูกจริตคนไทยอย่างมากเช่นกัน อย่างผมช่วงที่ไปญี่ปุ่นไม่ได้นี่ก็จะไปเดินห้างดองกี้เก็บเอาบรรยากาศทดแทนไปก่อน
เมื่อเทียบกันทั้งเส้นแล้ว ถ้าดูในเชิงที่อยู่อาศัยผมก็ชอบเอกมัยตอนต้นที่สุด เพราะใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดินได้เป็นทางเลือกการเดินทางที่ดีมาก ให้เราหลีกหนีความสาหัสของการจราจรในบางช่วงเวลาไปได้ แถมก็ไม่ได้อยู่ติดกับโซนอึกทึกที่อยู่ช่วงกลางซอยให้เราพอได้สงบขึ้นมาหน่อย และเมื่อหันไปมองท้ายซอยก็ดูจะแห้งกว่าช่วงต้นถนนพอสมควร (ยกเว้นเวิ้งร้านมงก๊กสุดรักของผมที่อยู่ตรงข้ามบางจากนี่ฝากท้องได้ทุกร้านเลย ฮ่าๆ) ในระยะใกล้ๆ แถวนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบนะครับ ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียนนานาชาติ อาคารสำนักงาน สนามฟุตซอล โรงแรม แถมยังมีวัดอยู่ตรง BTS อีก เรียกได้ว่าสะดวกทั้งการทำผิดศีลและรักษาศีลมากๆ เลือกที่ชอบได้เลยครับ
ภาพรวมโครงการ
MARU EKKAMAI 2 มีเนื้อที่ราวไร่ครึ่ง ออกแบบเป็นอาคารสูง 32 ชั้น รวมจำนวนยูนิตกำลังดีที่ 333 ยูนิต อยู่กันแบบเป็นส่วนตัว ที่จอดรถมีทั้งรูปแบบ Convention (141 คัน) และ Auto Parking (24 คัน) พร้อมจุด EV Charger รองรับรถยนต์ไฟฟ้า สิ่งที่เป็นจุดเด่นที่เราได้พูดถึงไปตอนต้นก็คือเรื่องของการมีพื้นที่ส่วนกลางที่หลากหลาย กระจายให้ใช้งาน รองรับทั้งสิ่งมีชีวิตสองขาและสี่ขา กันไม่มีเบื่อเลยล่ะครับ
เริ่มจากชั้น 1 : มีพื้นที่สวนด้านหน้าที่ทำให้เมื่อเข้ามาในโครงการเรารู้สึกว่าบรรยากาศมันสงบต่างจากภายนอกมาก สวนตรงนี้มีทั้งจุดที่สามารถออกกำลังกายได้ จอดจักรยานได้ นั่งเล่นได้ทั้ง Outdoor ใต้ร่มไม้ และใต้หลังคาในรูปแบบ Pavilion บริเวณเหล่านี้แหละครับที่เราสามารถพาสัตว์เลี้ยงมา Enjoy ด้วยกันได้ และมีจุดอาบน้ำบรรดาตัวน้อยได้แบบสะดวกอีกด้วย
ขึ้นมาชั้น 28 มีสวน Relax Garden ซึ่งค่อนข้างเป็นอภิสิทธิสำหรับคนที่มีห้องอยู่ชั้นนี้ให้ใช้งานสะดวก
ไปที่ชั้น 31 นี่คือ Main Facilities Floor ประกอบด้วยสระว่ายน้ำแบบ Infinity-edge พร้อมบ่อน้ำอุ่น พื้นที่นั่งชิลล์รอบๆ สระ มีห้อง Sauna, Co-Creation Space, ห้อง Quiet Room ให้อ่านหนังสือสงบๆ ไปจนกระทั่งห้องซ้อมดนตรี ห้องคาราโอเกะ ซึ่งความน่าสนใจของการออกแบบก็คือ มีทั้งที่ตอบโจทย์คนชอบสังคม และชอบความเป็นส่วนตัวทั้งหมด อ้อ และด้วยการออกแบบของชั้นนี้ที่สูงกว่าชั้นพักอาศัยทั่วไป เราก็จะได้เห็นห้องคาราโอเกะที่สุดจะโปร่งสบายด้วยเพดานสูงมากแบบหาจากร้านคาราโอเกะไม่ได้เลยล่ะครับ
ขยับอีกนิดที่ชั้น 32 ก็จะมีฟิตเนส, Lounge และห้อง Fly Yoga ซึ่งที่ชั้น 31 และ 32 นี้ มีบางส่วนเป็นพื้นที่พักอาศัยด้วยนะครับ ถ้าคนชอบความสะดวกก็เลือกชั้นเหล่านี้ได้ ถ้าใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวก็เลือกชั้นอื่นแทน
ท้ายที่สุดยังมีที่ Rooftop อีก ซึ่งก็เป็นอีกจุดนึงที่น่าสนใจเพราะเค้าใช้พื้นที่ชั้นดาดฟ้า แปลงเป็นสวนหย่อมที่แบ่งสัดส่วนพื้นที่ให้ใช้งานตาม lifestyle อีกเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ BBQ, แปลงผักสวนครัว, มุมเล่นของเด็ก, มุมนั่งพักผ่อนที่มีให้เลือกหลายโซน และที่ผมชอบก็คือการมี Terrarium House เป็นห้องในร่มติดแอร์ให้ใช้งานด้วย ทำให้ Rooftop นี้มันใช้ได้ทุกเวลาตั้งแต่เช้าจรดค่ำได้เลย
รูปแบบห้องและราคา
ที่นี่มีห้องทั้ง หมด 5 Type ครับ เริ่มจาก
- 1 Bedroom Smart ขนาด 28.40 – 29.80 ตร.ม.
- 1 Bedroom ขนาด 32.87 – 35.46 ตร.ม.
- 2 Bedroom ขนาด 53.39 – 60.70 ตร.ม.
- Duplex 1 Bedroom (เพดานสูง 5.5 ม.) ขนาด 41.05 – 42.57 ตร.ม.
- Duplex 2 Bedroom ขนาด 44.73 – 76.71 ตร.ม.
ในตอนนี้โครงการก็มีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับห้อง 1Bedroom Smart เริ่มต้นที่ 5 ล้านบาท พร้อมโปรโมชั่นอยู่ฟรี 2 ปีแบบไม่ต้องผ่อนครับ บรรยากาศภายในโครงการ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เราเกริ่นมา และห้องตัวอย่างบนพื้นที่จริงจะเป็นยังไง ตามไปชมพร้อมๆ กับเราได้เลยครับ
แฟนเพจที่สนใจคลิกรับสิทธิพิเศษจากโครงการได้ที่นี่ >> https://bit.ly/3rJWZFr
#LivingSneakPeek #SneakReview #Majordevelopment #MaruEkkamai2
วันนี้อยากให้ทุกคนตามมาติดๆ เพราะเราจะพาไปทัวร์ “MARU EKKAMAI2” กันให้ทั่วทั้งโครงการ ไม่ว่าจะเป็นภายในห้องนอนหรือพื้นที่ส่วนกลาง ที่นี่เค้าให้ส่วนกลางมาเยอะจริงๆ รวมไปถึงห้องตัวอย่างที่เราจะพาชมมีให้เลือกทั้งแบบ 1 Bedroom และ 2 Bedroom แถมยังเป็นห้องราคาพิเศษ 5 ล้านบาทด้วย ใครที่สนใจตามเข้าไปดูกันได้เลยครับ
เริ่มต้นกันที่ชั้น 1 ซึ่งประกอบไปด้วย Facility เยอะแยะมากมายเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น
- BICYCLE PARKING RACK WITH TIRE INFLATOR
- CO-WORKING TERRACE
- BARK & BIKE WASH
- CO-LIVING SPACE
- TEAHOUSE PAVILION
- WELLNESS YARD
ชั้นนี้จะเน้นพื้นที่สีเขียว มีต้นไม้สูงใหญ่คอยให้ร่มเงา มีน้ำตกไหลเบาๆ เพิ่มบรรยากาศและความสดชื่น ที่นั่งด้านนอกหลากหลายมุมพักผ่อน มีที่จอดจักรยานและมีจุดสำหรับอาบน้ำสัตว์เลี้ยงด้วย เนื่องจากชั้นนี้เป็นพื้นที่หลักๆ ที่ลูกบ้านและลูกรักสี่ขาจะสามารถออกมาใช้งาน วิ่งเล่น พบปะเจ้าตูบห้องข้างๆ ได้อย่างสบายใจ ปลอดภัยไร้กังวล ส่วนเรื่องความสะอาด ลูกบ้านต้องเป็นคนดูแลรับผิดชอบสัตว์เลี้ยงให้ดี ทางโครงการเค้ามีจุดให้หยิบกระดาษและมีถังขยะเตรียมไว้ให้ทิ้งพร้อมครับ
พื้นที่สวนด้านหน้า เตรียมไว้ให้ลูกบ้านพาลูกรักสี่ขาออกมาวิ่งเล่น ปลดปล่อยพลังงานกันได้อย่างเต็มที่
จากนั้นถัดเข้ามาก็จะเห็นที่นั่งน่ารักๆ อีกจุดนึง เค้าทำที่นั่งให้ดูเข้าไปใกล้ชิดธรรมชาติได้มากขึ้น เป็นที่นั่งแบบ Sunken Set แบบส่วนตัว
อีกหนึ่งจุดพักผ่อน หลังจากวิ่งเล่นกับน้องหมาจนเหนื่อย หรืออุ้มน้องแมวให้มานอนหลับตาปุ๋ยที่ตัก พร้อมรับลมเย็นๆ กันได้ ซึ่งบอกเลยว่าตรงนี้ลมดีตลอดเวลาจริงๆ ครับ ยิ่งช่วงโควิดแบบนี้ด้วยแล้ว การได้ออกมานั่ง Outdoor บ้าง ก็จะช่วยเปลี่ยนบรรยากาศแถมยังอุ่นใจเมื่อได้อยู่ในที่อากาศถ่ายเทดีๆ แบบนี้ครับ
จุดอาบน้ำสำหรับน้องหมาน้องแมว เผื่อวันไหนไปเล่นซนมา อุ้งเท้า หรือหางน้อยๆ เลอะเทอะ ก็ล้างให้สะอาดก่อนพาขึ้นห้อง รวมไปถึงจักรยานที่สามารถเอามาทำความสะอาดตรงนี้ได้ด้วยครับ
เข้ามาด้านใน Lobby ดูสูงโปร่งเลยทีเดียวครับ บรรยากาศยังคงคอนเส็ปต์ให้ดูเป็นธรรมชาติและมีความอบอุ่น
และที่ดูโล่งสบายแบบนี้เพราะเค้าทำประตู และหน้าต่างเป็นกระจกทั้งหมดเลยครับ
มีห้องทำงาน ห้องอ่านหนังสือ หรือจะใช้ประชุมก็ได้แบบส่วนตัวๆ พร้อมวิวสวนเปิดโล่งให้เอาไว้พักสายตา
มี Co-Living Space กว้างๆ เอาไว้พบปะเพื่อนฝูง นั่งเล่นถ่ายรูปได้เต็มที่ เค้าทำเป็นกระจกเปิดโล่งไปทั้งแนว ทำให้สามารถมองเห็นวิวสวนด้านนอก ดูสบายตาไม่อึดอัดเลยครับ
Sunken Living Room มุมพักผ่อนด้านใน แอร์เย็นฉ่ำ พร้อมบรรยากาศรอบๆ ที่ระดับสายตาได้ใกล้ชิดมาก
หมดส่วนกลางด้านล่างเดี๋ยวเราจะไปต่อกันที่ชั้น 28 ระหว่างทางเข้าด้านในตัวอาคารจะต้องใช้ Key Card ในการเข้าออกทุกครั้ง ซึ่งบริเวณทางเข้านี้จะมี Smart Locker เอาไว้รับ-ส่ง พัสดุต่างๆ โดยสามารถใช้งานได้ผ่านแอพพลิเคชั่นง่ายๆ เพื่อลดการสัมผัส และมีตู้จดหมายอยู่บริเวณนี้ ให้แวะรับเอกสารก่อนขึ้นห้องครับ
พาแวะมาชมวิวชั้น 28 กันสักครู่ ใครที่อยู่ชั้นนี้ก็จะเสมือ
ที่ชั้น 31 ก็ยังมี Facility เตรียมมาให้อีกเยอะแยะมากมายไม่ว่าจะเป็น
- CO-CREATION SPACE
- INFINITY EDGE SWIMMING POOL
- WARM WATER POOL, KID’S POOL
- MUSIC REHEARSAL ROOM
- KARAOKE ROOM
- OUTDOOR CO-KITCHEN TERRACE
- SUNSET BALCONY
โดยชั้นนี้ก็เป็นอีกหนึ่งการพักผ่อนที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของใครหลายคนครับ เพราะไม่ว่าจะเป็นการได้ว่ายน้ำพร้อมชมวิวเมืองสวยๆ, สร้างเสียงหัวเราะไปกับการร้องคาราโอเกะหรือเล่นดนตรี รวมไปถึงพื้นที่ให้นั่งใช้ความคิด สร้างสรรค์อะไรดีๆ ต่อยอดการทำงานเราต่อไป
สระว่ายน้ำสวยๆ ที่เปิดโล่งรับวิวเมืองได้เต็มตา มีทั้งส่วนในร่มและกลางแจ้ง มาพร้อมสระเด็กและบ่อน้ำอุ่น ไม่ต้องลุ้นว่ากระโดดแล้วเย็นเชี้ยบ
ใครอยากได้แสงพระอาทิตย์ตกดิน มานั่งตรงนี้ได้เลย
ห้องครัวที่เป็นมากกว่าห้องครัว เพราะลูกบ้านสามารถเตรียมอาหารทำกินกับเพื่อนๆ ได้ในนี้ หรือจะมาจัด Private Party (หลังโควิด) ก็สามารถทำได้ ห้องค่อนข้างกว้าง ช่วงเย็นๆ ก็สามารถเปิดโล่งรับแสงและวิวได้เลยครับ อุปกรณ์ทำอาหารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเตาไฟฟ้า ฮูดดูดควัน ซิงค์ล้างจาน และตู้เก็บไวน์ เค้าก็มีไว้ให้แล้วพร้อม โต๊ะเก้าอี้เตรียมไว้ให้หลายที่นั่ง ขอแค่รักษาความสะอาดและช่วยกันดูแลให้เรียบร้อย เท่านี้ก็สามารถใช้พื้นที่ส่วนกลางได้อย่างเต็มที่แล้วครับ
เสียงเพลงทำให้โลกนี้น่าอยู่มากขึ้น ใครมีดนตรีในหัวใจ หรืออยากมาซ้อม มาโชว์สกิลก็ใช้ห้องซ้อมดนตรีที่นี่ได้เลย ไม่ต้องออกไปหาเช่าข้างนอกให้วุ่นวาย เล่นได้สบายๆ ในบ้านเราครับ
เผื่อว่านักดนตรีห้องเมื่อก
ยัง ยังไม่หมด ยังมีอีกห้องหนึ่งที่สงบเงียบบรรยากาศเหมาะกับการใช้สมาธิอีกด้วย
ห้องนี้ลูกบ้านสามารถมานั่งอ่านหนังสือ ทำงาน ร่วมกันได้ โดยออกแบบที่นั่งมุมต่างๆ ให้ดูเป็นส่วนตัวได้มากขึ้น จะนั่ง จะเอนตัวก็เลือกได้หมด
ทั้งมีปลั๊กไฟพร้อมให้ใช้งาน สามารถเปิดม่านเพื่อมองวิวจากชั้น 31 กันได้ด้วย ซึ่งห้องนี้ผมว่าน่าแวะมานั่งทำงานมากเลยแหละ
สุดท้าย…แต่ยังไม่ท้ายที่สุด เราพาทุกคนขึ้นมาดูที่ชั้น 32 กันต่อ ก่อนจะได้ดูส่วนกลางส่วนสุดท้ายบนชั้น Rooftop ครับ ซึ่งชั้นนี้ก็จะมีทั้ง
- FITNESS ROOM
- AERIAL YOGA ROOM
- LOUNGE
เริ่มกันที่ห้องเลาจน์สุดอลังกาล ห้องนี่ดูโอ่โถง สูงโปร่ง และน่านั่งมากๆ ครับ ห้องค่อนข้างกว้าง มีที่นั่งให้เลือกมากมายหลายมุม รวมไปถึงบาร์สำหรับเตรียมน้ำ เครื่องดื่ม เผื่อว่าวันไหนต้องการสถานที่จัดเลี้ยงก็สามารถใช้ห้องนี้ได้เลย สามารถเปิดม่านเพื่อรับวิวเมืองได้อย่างเต็มที่
ออกกำลังกายกลางอากาศกันได้ในห้องโยคะ ที่มีกระจกล้อมรอบ เปิดมุมมองกว้างๆ ให้ลูกบ้านได้บริหารทั้งกายและใจไปพร้อมๆ กันได้เลยครับ
และห้องฟิตเนส พร้อมกระจกโล่งเต็มตาอีกเช่
พามาดูส่วนสุดท้ายกันที่ชั้น Rooftop ซึ่งชั้นนี้เค้าก็ยกธรรมชาติขึ้นมาไว้บนสุดให้เลย ถือเป็นดาดฟ้าที่มีพื้นที่สวนและมุมน่านั่งมากมายครับ
- ROOFTOP RELAX GARDEN
- CHILDREN’S PLAY FOREST
- BBQ SUNKEN COURTYARD WITH SEATING BOX
- TERRARIUM HOUSE
- ROOF URBAN FARM AREA
- STAR GAZING DECK
- NAPPING HILL
หลบหนีความวุ่นวาย มาพักอ่านหนังสือได้ที่ห้องนี้ เมื่อพระอาทิตย์ตกดินค่อยออกไปเดินฟินๆ ชมสวน ดูวิวด้านนอกต่อ
พื้นที่สวนด้านบนมีหลายมุมให้เลือกนั่ง ทั้งแบบส่วนตัว หรืออยู่รวมกัน จะชวนเพื่อนมานั่งทานมื้อเย็นกัน หรือจะพาลูกๆ หลานๆ ขึ้นมาเล่นที่สนามเด็กเล่น ด้านบนนี้ก็มีครับ
นี่มุมสำหรับคุณหนูๆ ให้ได้มาเล่นสนุกออกกำลัง
มุมในร่มก็มีให้นั่งนะ
พื้นที่สำหรับปลูกผักสวนครัว วันไหนลูกบ้านอยากผัดกระเพราก็ไม่ต้องออกไปตลาด ขึ้นมาเด็ดใบกระเพราลงไปทำกินได้เลย
ช่วงเย็นๆ ได้แสง Sunset สวยๆ ฟินมากทีเดียวครับชั้นนี้
ชื่นชมส่วนกลางกันอย่างเต็มอิ่มจุใจแล้ว เราไปต่อกันที่ห้องตัวอย่างกันบ้างดีกว่าครับ
เริ่มกันที่ห้องตัวอย่างแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 59 ตารางเมตร ห้องนี้เป็น 2 ห้องนอนที่วาง Layout ได้เป็นสัดส่วน ค่อนข้างลงตัว แถมยังได้ครัวปิดอีกด้วยครับ
สิ่งที่โครงการให้มามีอะไรบ้าง?
เริ่มจากส่วนแรกคือ ประตูแบบ Digital Door Lock ☑️
ช่วยสร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยและความสะดวกสบาย ใช้ได้ทั้งระบบ Password, Key Card และกุญแจ เผื่อวันไหนต้องหิวถุงช้อปปิ้งหลายถุง แถมยังต้องอุ้มน้องหมาไว้ด้วย เอาการ์ดแตะเข้าห้องได้เลยไม่ต้องหากุญแจให้วุ่นวาย ซึ่งจะเห็นว่าบริเวณทางเข้าเค้าทำเป็นพื้นกระเบื้องช่วยให้ง่ายต่อการทำความสะอาด จะถอดรองเท้า จะวางของที่ซื้อมาจากข้างนอก ก็จะได้ไม่ต้องพาสิ่งสกปรกเข้าไปในห้องของเรานั่นเองครับ
ถัดมาคือตู้รองเท้าที่เป็นตู้เก็บของในตัว
โครงการบิวท์อินมาให้แล้วเรียบร้อยไม่ต้องไปหาซื้อตู้รองเท้าให้ยุ่งยาก ซึ่งที่เก็บของนี่ก็ถือเป็นตัวช่วยที่สำคัญสำหรับคนอยู่คอนโดเลยครับ ห้องจะได้เป็นระเบียบ และประหยัดพื้นที่ใช้งานส่วนอื่นๆ ได้อีกมาก
จะอยู่ส่วนหน้าสุด และถัดเข้าไปก็จะเป็นห้องครัวที่เป็นครัวปิด มีประตูบานสไลด์ไว้ให้เรียบร้อย ช่วยบรรเทาเรื่องกลิ่นในการเข้าครัวลงไปได้
ภายในครัวก็จะมีทุกอย่างไว้ให้ครบครัน ตั้งแต่เคาน์เตอร์ที่มาเป็นแนวยาว พร้อมฮูดดูดควันและเตาไฟฟ้าจาก FRANKE (แบบ 2 ห้องนอนจะได้เตา 4 หัวครับ) ตู้เก็บของด้านบนให้เต็มทั้งพื้นที่ เค้าใช้เป็นกระจกสีขุ่นตามแบบนี้เลยนะครับ หน้าบานเปิด-ปิดแบบ Soft Close ซ่อนไฟมาให้ อีกฝั่งนึงเป็นมุม Laundry ที่เตรียมไว้ให้วางเครื่องซักผ้าครับ
ติดตั้ง Backsplash พร้อมราวแขวนอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือสำหรับทำอาหาร
ตู้ค่อนข้างอเนกประสงค์ มีช่องเก็บน้ำยา และอุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆ
ด้านนอกจัดวางพื้นที่ทานอาหารสำหรับ 4 ที่นั่งได้อย่างลงตัว ซึ่งจะอยู่บริเวณหน้าห้องครัวเลย ทำให้เก็บล้างทำความสะอาดง่าย แถมกลิ่นก็ไม่เข้าไปรบกวนด้านในห้องนอนด้วยครับ
ภายในห้องจะให้เป็นวอลเปเปอร์โทนสีอ่อน พื้นเป็นลามิเนต และมีระยะความสูงเพดานจรดพื้นอยู่ที่ 2.7 เมตร
พื้นที่ตรงนี้ก็จะเป็นห้องนั่งเล่นที่แสนสบาย ให้เราได้นอนดูละคร ไปพร้อมๆ กับน้องหมาบนโซฟาตัวนุ่ม และอยู่ติดกับระเบียง สามารถเปิดระบายอากาศให้ลม Flow เข้ามาในห้องได้ครับ มีแอร์ในห้องนี้ให้แล้ว 1 เครื่อง
ถัดเข้ามาจะเป็นห้องน้ำที่อยู่ด้านนอก ซึ่งก็จะสะดวกกับคนที่อยู่ในห้องนอนที่ 2 ได้ใช้งาน หรือเวลาแขกมาเยี่ยมเยียนก็จะเข้าออกใช้ห้องนี้ได้เลยโดยไม่ต้องรบกวนพื้นที่ส่วนตัวของเจ้าของบ้านครับ
ก๊อกน้ำจาก KOHLER กระจกพร้อมที่วางอุปกรณ์ต่างๆ จาก HAFELE ส่วนไฟเค้าไม่ได้ติดมาให้นะครับ แต่ให้ดูเอาไว้เป็นไอเดีย ว่าสามารถติดเพิ่มให้บรรยากาศห้องน้ำดูสวยน่าใช้แบบนี้
ส่วน Shower แยกสัดส่วนด้วยกระจกนิรภัย ด้านในเจาะช่องสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำไว้ให้
ห้องที่อยู่ติดกันคือห้องนอนที่สองครับ หัวเตียงมีปลั๊กแบบ USB ไว้ให้ใช้งานด้วย เหมาะกับยุคโซเชีบล
ด้านข้างประตูสามารถบิวท์อินตู้เสื้อผ้าได้ขนาดและความจุพอสมควรเลย ได้แอร์ 1 เครื่องในห้องนี้เช่นเดียวกันครับ
กลับมาด้านนอกกันใหม่ เราจะพาไปดูฟังก์ชั่นที่เหลือของห้องนี้กัน ซึ่งก็คือ Master Bedroom ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั่นเองครับ
ห้องนี้ได้วิวได้รับแสงเต็มๆ อีกเช่นกันครับ กระจกเค้าให้มาใหญ่เต็มบานช่วยให้ห้องดูโปร่งขึ้น โครงการลองวางเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ชม ก็ยังมีพื้นที่เหลือด้านข้าง ให้เอาไว้วางเบาะน้องหมาน้องแมวสบายเลย
ห้องนี้ได้แอร์ 1 เครื่อง ติดตั้งเหนือประตูห้องน้ำครับ
เพื่อเป็นการใช้พื้นที่ในห้
ห้องน้ำในนี้ต้องเอาให้พิเศษสมกับเป็นห้อง Master หน่อย คือมี Bathtub สไตล์ญี่ปุ่นมาให้ด้วยครับ
เป็นแบบนั่งแช่ มีที่พักแขน และรองศีรษะให้ในตัว วันไหนกลับมาเหนื่อยๆ ก็มานั่งแช่น้ำอุ่นให้หายเมื่อยได้อย่างสบายใจ แยกส่วนกับ Shower ใครอยากใช้งานแบบไหนวันไหน ก็เหลือกเปลี่ยนบรรยากาศได้ตามชอบใจเลย
ใครวางแผนขยับขยายครอบครัว หรือแม้แต่มีลูกรักสี่ขาที่อยากเลี้ยงดูและใช้เวลาร่วมกันได้อย่างสบายใจ ห้องแบบ 2 Bedroom ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยครับ ทั้งได้ครัวปิดที่ช่วยให้คุณแม่บ้าน ดูแลทำความสะอาดง่าย การแบ่งสัดส่วนในแต่ละพื้นที่ชัดเจน ได้ความสะดวกสบายและเป็นส่วนตัว ทำให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตของตัวเองได้อย่างเต็มที่บนพื้นที่ๆ ที่เราต่างเรียกว่า “บ้าน” ร่วมกัน ราคาห้อง 2 Bedroom เริ่มต้นอยู่ที่ 9.9 ล้านบาท
ห้องสุดท้ายเป็น 1 Bedroom ขนาด 29 ตารางเมตร ห้องนี้ก็จะเหมาะกับผู้ที่เ
ในส่วนแรกเราจะพบกับพื้นที่
อุปกรณ์ครัวมาตรฐานมีให้มาครบ เช่นเดียวกับห้องแรกครับ แค่ลดขนาดเตาไฟฟ้าลงมาให้เหมาะสมกับพื้นที่ห้อง
ตู้รองเท้า ตู้เก็บของบิวท์อินมาให้เรียบร้อย อยู่ฝั่งตรงข้ามกับครัวนี่แหละ
มีช่อง มีชั้นให้ใส่ของได้เยอะเลย แถมยังสามารถเก็บร่มคันยาว หรือไม้กวาดเข้าไปได้ด้วย ออกแบบฟังก์ชั่นได้ดีครับ
ห้องตัวอย่างห้องนี้เค้าทำประตูกระจกกั้นก่อนเข้าห้องน้ำไว้ให้ดูเป็นแนวทางนะครับ ใครอยากปรับเป็นสไตล์ Walk-in Closet ก็ประยุกต์เอาได้
ในห้องน้ำก็มีอุปกรณ์มาตรฐานให้มาครบ เหมือนเดิม
พื้นที่ด้านนอกจัดวางเป็นมุ
ด้านในห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้เหลือๆ พร้อมยังมี Bay Window ให้วาง Daybed ได้ด้วย
ตรงนี้รับประกันว่าต้องเป็น
ในห้องนอนตำแหน่งวางแอร์อยู่ฝั่งปลายเท้าครับ
ห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 29 ตารางเมตร ถือเป็นขนาดเริ่มต้นของโครง
ด้วยจุดเด่นของการเป็นคอนโดพร้อมอยู่ในทำเลเอกมัยตอนต้นซึ่งคึกคักและรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก สามารถเดินไป BTS เอกมัยได้เพียง 450 ม. มีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้งานจัดเต็มหลายรูปแบบ บรรยากาศสงบมีความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตไม่มาก และที่สำคัญเป็นโครงการ Pet Friendly ทั้งหมดนี้ก็คือความน่าสนใจของโครงการมารุ เอกมัย 2 ที่เรานำมาให้ชมกันนะครับ ใครที่สนใจก็ลองเข้าไปดูโครงการจริงตามรอยพวกเราและน้องอูหนิกันได้ ว่าเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเรามั้ย บรรยากาศจริงเป็นยังไง และช่วงนี้ก็สามารถเป็นเจ้าของได้สบายด้วยโปรโมชั่นอยู่ฟรี 2 ปีครับ