รีวิว Life พหลฯ-ลาดพร้าว คอนโดท่ามกลาง 2 เซ็นทรัลใหญ่ ใกล้ BTS ห้าแยกลาดพร้าว 200 ม. 1 ห้องนอนใหญ่เริ่ม 5.29 ล้าน

คอนโด Life พหลฯ-ลาดพร้าว

ด้วยความอยู่ในย่านเนิบๆ ของฝั่งธน ที่ต้องใช้เวลาให้หลายสิ่งทยอยเปลี่ยนแปลง ผมก็เลยรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับการเติบโตอย่างพุ่งทะยานของย่านห้าแยกลาดพร้าว แม้ว่าปัจจัยเร่งจะมาจากการบรรจบของรถไฟฟ้า 2 สายเส้นเลือดใหญ่ ทั้ง BTS สายสีเขียว และ MRT สายสีน้ำเงิน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าห้าแยกลาดพร้าว คือทำเลหัวหาดที่มีผู้คนพลุกพล่านมาช้านาน เพราะเป็นส่วนผสมของ Business – Lifestyle – Environment โดยมี Transportation ที่เชื่อมต่อกันได้สะดวก ผู้คนที่อยากเข้ามานำพาให้เกิดโครงการที่อยู่อาศัยที่น่าสนใจมาตลอด อย่าง AP เองก็มีโปรเจคขนาด 1000+ ยูนิตมาแล้ว 2 โครงการ จนกระทั่งคอนโดใหม่ล่าสุดในวันนี้ “Life พหลฯ – ลาดพร้าว” ที่นี่จะแตกต่างจากเดิมยังไง ผมจะเล่าให้ฟังครับ

ทำเลและการเดินทาง

โครงการนี้อยู่ติดถนนพหลโยธิน ใกล้ BTS ห้าแยกลาดพร้าวเพียง 200 ม. พูดถึงลาดพร้าว ก็นึกถึง “เซ็นลาด” และการหาที่จอดซึ่งหลายคนคงรู้ซึ้งกันดีถึงความคึกคักของผู้คน แต่ใครจะคิดว่าวันนึงเราจะได้เห็นอีกหนึ่งเมกะโปรเจค 2 หมื่นล้าน “เซ็นทรัล พหลโยธิน” ในระยะห่างกันแค่ 500 เมตร ทำให้ย่านนี้มี Lifestyle ที่ครบครันย่านนึงของ กทม. ไม่ว่าจะช้อปชิมแบรนด์ระดับแม่เหล็กใน 2 ห้างใหญ่ จะซื้อของกินของใช้ใน Lotus’s จะจัดเสื้อผ้าราคาเบาๆ ใน Union Mall จะหาความหลากหลายก็ไปต่อที่ตลาดจตุจักร กลางคืนไม่ต้องหยุดพักกับปราสาทเทพนิยาย “จ๊อดแฟร์แดนเนรมิต” นี่ยังไม่นับแยกรัชโยธินที่ห่างออกไปนิดเดียว และบรรดาร้านรวงต่างๆ ในซอยที่เป็นแหล่ง Hangout ยามค่ำคืน

Lifestyle คือสีสันที่ทำให้คนอยากเข้ามา แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนใช้ “ชีวิต” ในย่านนี้ได้จริง ก็เพราะมีทั้งแหล่งงานแหล่งธุรกิจ ทั้ง Head Office ของบริษัทใหญ่ทั้ง ปตท., SCB, ธนาคารทหารไทย, การบินไทย และอาคารสำนักงานรายล้อม นอกเวลางานก็ยังมีที่ให้พักผ่อนหย่อนใจใกล้ชิดธรรมชาติ โดยเฉพาะ 3 สวนสาธารณะใหญ่ในจตุจักร ปอดของกรุงเทพตอนเหนือ แถมยังเป็นวิวที่หาได้ยากของบรรดาคนอยู่คอนโด ส่วนผสมของ แหล่งงาน ​ ไลฟ์สไตล์ และพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจนี่แหละคือสเน่ห์ของลาดพร้าว ที่เมื่อมาบรรจบกับการเดินทางที่สะดวกขึ้นอย่างที่สุด ด้วยส่วนต่อขยาย BTS สายสีเขียว จะไปไหนก็ง่ายกว่าเดิมเยอะ จึงไม่แปลกใจที่โครงการใหม่เกิดขึ้นในย่านนี้เรื่อยมา และยังคงน่าดูต่อไปในอนาคตครับ

ภาพรวมโครงการ

ก่อนจะเข้าสู่เรื่องว่าโครงการนี้เป็นยังไง ผมเชื่อว่าหลายคนอยากได้คอนโดที่สวย มี Facilities ให้ใช้งานเยอะ แต่เป็นกันบ้างมั้ยครับว่า พอไปอยู่คอนโดจริงๆ แล้วกลับไม่ค่อยอยากไปใช้ส่วนกลาง เพราะรู้สึกว่าไม่เป็นส่วนตัว บางทีมันก็รู้สึกขัดแย้งกันนะ รู้แหละว่าต้องแชร์พื้นที่แต่ก็อยากให้เราได้อยู่ในเซฟโซนของตัวเองด้วย เป็นที่มาของการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางของคอนโดนี้ ที่ สวยดูดีมีสไตล์หลากหลายฟังก์ชันและที่สำคัญ “Privacy but Society” เป็นส่วนตัวในพื้นที่ส่วนกลางครับ

Life พหลฯ – ลาดพร้าว เป็นโครงการที่ 3 ของ AP ในย่านนี้ที่มีจำนวนยูนิตน้อยที่สุดเพียง 598 ยูนิต เกือบครึ่งนึงของโครงการก่อนหน้า เป็นอาคารสูง 40 ชั้น บนพื้นที่ 2 ไร่กว่า มีทั้งห้องมาตรฐาน Grand Simplex และห้องเพดานสูงแบบ New Vertiplex ที่มีพื้นที่ใช้สอย 2 ชั้น ซึ่งเป็นซีรีย์ที่เค้าปรับดีไซน์ Layout ใหม่ และเราพาชมในวันนี้ด้วย สวยถูกใจมาก แน่นอนเห็นยี่ห้อ “Life” มาพร้อมกับ Facilities งามๆ จัดเต็มไม่มีพลาด แต่สิ่งที่เน้นก็คือ การแบ่งสรรพื้นที่ส่วนตัวใช้งานใน Public Area หลายพื้นที่ครับ

ไล่ตั้งแต่ Lobby ที่แบ่งออกเป็น 3 โซนเพื่อให้แต่ละส่วนมีมุมของตัวเอง, The Cardio Club ห้องออกกำลัง 24 ชม. แบบเป็นส่วนตัวมี Treadmill เดี่ยว และคู่, โซน Sky Facilities ที่เป็นจุดชมวิวดีที่สุดก็แบ่งเป็นห้อง แบ่งเป็นปีกต่างๆ เพื่อให้แต่ละคนได้อยู่ในพื้นที่ที่เป็นของตัวเองไม่ว่าจะใน The Cloud Social Club (ชั้น 39) ที่มีห้อง Private Meeting เยอะ, ใน Exclusive Sky Club (ชั้น 38) มีส่วนนั่งพักผ่อนหลากหลาย พร้อมห้อง Entertainment Room, สระว่ายน้ำบนชั้น 40 มี Sky Jacuzzi แบ่งเป็นช่องส่วนตัวให้แช่น้ำเพลินๆ หรือแม้แต่ท่ามกลางสวนเขียวของโครงการก็มี Pavilion หลายโซนส่วนตัวซ่อนอยู่ สิ่งเหล่านี้ทำให้พื้นที่ส่วนกลางเป็นพื้นที่ของเราด้วยเช่นกัน รู้สึกน่ามาใช้มากขึ้นครับ

Facilities อื่นๆ ก็มีทั้ง The Parlour เหมือนคาเฟ่ในคอนโดมีทั้งส่วน Co-Kitchen และพื้นที่ให้นั่งกินอาหารได้, Smart Locker, Green Pavillion ให้นั่งพักผ่อนท่ามกลางสวน, สระว่ายน้ำ (มีโซนในร่ม) พร้อมสระเด็ก และ Sky Park Rooftop ที่เป็นพื้นที่สีเขียวบนชั้นดาดฟ้าตลอดแนว มีส่วนชมวิว ที่นั่งพักผ่อน โซน Sky Rooftop Bar และ Sky Private Seat นอกจากนี้เค้ายังนำหินธรรมชาตินำเข้าที่มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์มาใช้ตกแต่งร่วมกันกับ Pattern พิเศษที่ออกแบบเฉพาะโครงการ ฟังจากชื่อก็น่าจะพอจินตนาการสีสันได้ ไม่ว่าจะ “Nero Chanel Marble” “Van Gogh Onyx” “White Arabascato” เข้ากับคอนเซปต์ออกแบบ “Art & Craft” นั่นเองครับ

รูปแบบห้องและราคา

  1. ห้องในรูปแบบ Simplex ได้แก่ Studio ขนาด 28.5 ตร.ม., 1 Bedroom 35 ตร.ม., 2 Bedroom 42 – 65 ตร.ม.
  2. ห้องในรูปแบบ Vertiplex มีตั้งแต่ 1 Bedroom – 3 Bedroom ขนาดพื้นที่ชั้นล่างตั้งแต่ 28.5 ไปจนถึง 65 ตร.ม.

จุดเด่นของรูปแบบห้องที่นี่คือ การออกแบบที่เน้นการถ่ายเทอากาศที่ดี, มีห้องรูปแบบหลากหลายที่จัดฟังก์ชันชัดเจนให้เลือก ไม่ว่าจะให้ความสำคัญกับการทำครัวในรูปแบบครัวปิด หรือเน้นพื้นที่ Living Area ขนาดใหญ่, มีห้องที่ดีไซน์กระจกเข้ามุมมาเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มมุมมองการอยู่อาศัยให้กว้างขึ้น โดยห้องที่เค้าทำเป็น Show Unit คือห้อง Grand Simplex Type B1 ขนาด 35 ตร.ม. แบบครัวปิดและเข้าห้องน้ำได้สะดวกแบบ Double Access, กับอีกห้อง New Vertiplex Type D3 ขนาดพื้นที่ชั้นล่าง 42.5 ตร.ม. ที่ใช้งานได้ถึง 2 ห้องนอน และชั้นบนทำเป็นผนังกระจกสวยงาม

โครงการนี้ขายแบบ Fully Fitted ที่ตกแต่งมาให้บางส่วน ได้แก่ ครัวพร้อมเตาไฟฟ้าและฮู้ดดูดควัน, ห้องน้ำ, ตู้เสื้อผ้า ในราคาเริ่ม 5.29 ล้านบาท สำหรับห้อง 1 Bedroom 35 ตร.ม. นะครับ ใครที่สนใจลงชื่อทางออนไลน์เพื่อรับสิทธิพิเศษจากโครงการได้ที่นี่ครับ https://apth.ly/lv5i เสร็จแล้วไปดูภาพสวยๆ จากโครงการที่ผมนำมาฝากกันได้เลยครับ

#LivingSneakPeek #รีวิวคอนโด #Lifeพหลลาดพร้าว #APLivingseries ​ #APThai #คอนโดลาดพร้าว

คอนโด Life พหลฯ-ลาดพร้าว

เราจะพาไปรู้จัก “Life พหลฯ – ลาดพร้าว” คอนโดที่ขนาบด้วย 2 เซ็นทรัลใหญ่ ทั้งเซ็นทรัลลาดพร้าว และ New Central Mixed Use ห่างจาก BTS สถานีห้าแยกลาดพร้าวเพียง 200 ม. จะเป็นยังไง ไปชมกันครับ

เข้ามาที่ Sales Gallery เค้าตั้งอยู่ที่หน้าปากทางเข้าโครงการ Life Ladprao Valley ติดตีนกระไดรถไฟฟ้าสถานีห้าแยกลาดพร้าวเลยนะ เห็นจากด้านนอกก็ไม่ต้องเดาสีโครงการสีน้ำเงินเข้ม ใครอยากมาชมห้องตัวอย่าง เค้าเปิดทุกวัน 9.00-18.00 น. ครับ

ที่นี่จะมีทั้งห้องรูปแบบ Grand Simplex อยู่สบาย และ New Vertiplex 2 ชั้น ห้อง 2 แบบ 2 สไตล์ใหม่ที่ปรับให้มีสเปซกว้างขวาง และแต่งได้สวยขึ้นมาก

ผมขอพาไปชมห้องรูปแบบ New Vertiplex ที่เป็นห้อง 2 ชั้นกันก่อนครับ กับห้อง 1 Bedroom ขนาด 42.5 ตร.ม. เป็นห้องที่จัด Layout ได้สวยงาม ครบครันต่อการใช้งาน

จากทางเข้าจะมองเห็นโถงทางเดินกลางห้อง ฝั่งซ้ายมือด้านหน้าเป็นครัว ถัดไปด้านในเป็น Living Area ส่วนฝั่งขวามือเป็นห้องน้ำ และห้องอเนกประสงค์ถัดไปด้านในครับ

ที่นี่เค้าขายแบบ Fully Fitted ในครัวเราก็จะได้เคาน์เตอร์และตู้เก็บของบิวท์ให้เรียบร้อย พร้อม Hob & Hood ซึ่งที่ดูดควันที่นี่เป็นแบบปล่อยออกนอกตัวอาคารครับ ตำแหน่งวางเครื่องซักผ้าก็อยู่ในโซนนี้เลย เป็นครัวปิดกั้นด้วยบานเลื่อนแถมมีหน้าต่างบานกระทุ้งเปิดระบายอากาศได้ด้วย เหมาะกับการใช้งานเต็มที่

ฝั่งตรงข้ามกันเป็นห้องน้ำ ตกแต่งด้วยกระเบื้องสีอ่อน พร้อมกระจกแต่งหน้าบานใหญ่ กั้นแบ่งโซนเปียกแห้งไว้แล้ว เราก็จะได้ครบครันตามนี้เลยนะ สุขภัณฑ์ส่วนใหญ่เป็นของ Kohler ครับ ประตูเข้าออกได้ทั้ง 2 ทางเลยทั้งจากทางเดินและในห้องอเนกประสงค์ที่อยู่ติดกัน

ห้องที่ชั้นล่างตรงนี้เพดานสูง 2.1 ม. ขนาดกว้างพอจะวางโซฟา พร้อมโต๊ะสำหรับกิจกรรม Hobby ยังเหลือพื้นที่วางชั้นเก็บของเพิ่มได้อีก จริงๆห้องนี้จะทำเป็นห้องนอนอีกห้องก็ได้ครับ

มีทางออกระเบียงอยู่ที่โซนนี้ ซึ่งระยะเพดานสูงมากถึง 4.67 ม. ก็เลยแขวนคอมเพลสเซอร์แอร์ไว้ด้านบนได้ทั้งหมด พื้นที่ด้านล่างเลยยังใช้งานได้ ห้องนี้ได้แอร์ 3 ตัวตามคอมเพลสเซอร์เลย

ไปที่ไฮไลท์ของเรา คือโซน Living ที่มากับ Double Volume สูงโปร่งถึง 4.42 ม. พร้อมหน้าต่างกระจกบานสู๊งสูงให้ชมวิวได้เต็มตา

แต่แสงแดดที่แยงตาคงไม่เท่ากับสายตาเธอที่แยงใจ

ระยะตรงนี้วางโซฟาตัวยาว พร้อมกับพื้นที่ให้จัดวางโต๊ะกินข้าวสำหรับ 4 คนได้ด้วย

ขึ้นไปดูชั้นบนกันต่อเลยครับ มองจากมุมนี้สวยงามมาก เพราะเค้าให้ผนังห้องนอนเป็นกระจกนิรภัยใสแจ๋ว ชอบนะสวยเลย

ขึ้นบันไดมาถึงพื้นที่ก่อนเข้าห้องนอน ก็ยังสามารถทำเป็นโซนทำงานอ่านหนังสือได้อีกครับ เป็นสเปซส่วนตัวเพิ่มเติมสำหรับชั้นบนไม่ใช่ขึ้นมาแล้วเจอกับห้องนอนเลย นี่เค้าบิวท์ชั้นเก็บของเพิ่มให้ถึงความกว้าง

ก่อนจะเข้าห้องนอนมีบานเลื่อนกระจกกั้นอีกที ด้านในจะเจอกับโซนสำหรับทำ Walk-In Closet พร้อมโต๊ะเครื่องแป้งแบบนี้ก่อนครับในห้องมีพื้นที่เยอะครับ

เข้ามาที่ห้องนอน จะได้กระจกบานใหญ่เต็มพื้นที่เพิ่มความเป็นส่วนตัวของห้องนอนครับ กั้นห้องแบบนี้ไม่เปลืองแอร์ แต่ก็ไม่ลดทอนความโปร่งด้วย มีหน้าต่างบานกระทุ้งเปิดระบายอากาศอีกจุด

ภาพรวมของห้องนอนชั้นบนก็เป็นแบบนี้ครับ มีทั้งห้องนอน และพื้นที่ทำงานส่วนตัว พื้นที่ชั้นบนนี้กว้างราว 20 ตร.ม. ได้ครับ

มาดูอีกห้องถัดไปรูปแบบ Grand Simplex 1 Bedroom ขนาด 35 ตร.ม. กันต่อครับ ห้องนี้มาแบบ Grand space เน้นสเปซกว้างขวางมากขึ้นในแต่ละฟังก์ชันของห้องเพื่อความอยู่สบาย

จากหน้าประตูก็จะเข้ามาเจอกับโซนครัวซึ่งทำไว้เป็นครัวปิด แค่ครัวก็มีพื้นที่กว้างแล้วครับ สามารถเต้นเบรกแดนซ์หน้าเคาน์เตอร์ได้เลย ยืนได้ทั้งคนปรุง คนชิม และคนวิจารณ์พร้อมกันโดยไม่อึดอัด เครื่องซักผ้าอยู่ตรงนี้เหมือนเดิมนะ และยังเข้าห้องน้ำได้จากโซนนี้ได้ด้วย

ถัดมาด้านในเป็นโซน Living พอเลือกชิ้นเฟอร์นิเจอร์ดีๆ จัดวางโต๊ะกินข้าวสำหรับ 4 คนได้เลยครับ พร้อมโซฟา 2 ที่นั่งเรียงต่อกันไป

ห้องรูปแบบ Grand Simplex นี้ได้เพดานสูง 2.55 ม. ได้แอร์ 2 ตัวครับ ข้อดีคือได้ห้องนอนที่มีความเป็นส่วนตัวด้วยผนังทึบ

ระเบียงก็เข้าออกได้จากโซน Living นี้เอง

มาดูที่ห้องนอนกันต่อ มีพื้นที่ในการใช้งานกว้าง วางเตียง 6 ฟุตได้ ยังเหลือพื้นที่ให้วางโต๊ะทำงาน หรือโต๊ะเครื่องแป้งได้สบาย พร้อมกับวางตู้เสื้อผ้าเรียงต่อกัน

จากห้องนอนนี้สามารถเข้าห้องน้ำได้ด้วยอีกทาง เพิ่มความสะดวกสบายในเวลากลางคืนได้ เช่นเดียวกับเวลารับแขก ก็ไม่ต้องผ่านเข้ามาในห้องนอนเราครับ

ก็ครบแล้วสำหรับ Show Unit ที่นี่ทั้ง 2 ห้องนะครับ รายละเอียดอื่นๆ สามารถมาชมกันที่สำนักงานขายได้ เดี๋ยวผมจะพาไปดูภาพสวยๆ จากโครงการกันต่อครับ

ที่นี่ออกแบบด้วยคอนเซปต์ Art & Craft ภายในโครงการตกแต่งด้วย Pattern ที่ออกแบบมาเฉพาะ ผสมผสานด้วยหินธรรมชาตินำเข้า เพื่อเพิ่มความหรูหราสวยงาม

เริ่มที่ Exclusive Lobby โถงต้อนรับขนาดใหญ่ที่ตกแต่งด้วยสีที่แตกต่างกันไปในแต่ละโซนย่อย ซึ่งเค้าปรับมาให้แต่ละพื้นที่มี Privacy เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็น

The Privilege Lounge กับ Cozy Lounge นี้ก็จะเป็นพื้นที่พักผ่อนต่างสไตล์ทั้งแบบ Indoor และแบบ Semi-Outdoor เชื่อมต่อสวนสีเขียวขนาดใหญ่ของโครงการครับ

The Parlour พื้นที่ Co-Kitchen แบบ Multi-Function สามารถมานั่งกิน พบปะสังสรรค์ เหมือนคาเฟ่ส่วนตัวในโครงการครับ

ขึ้นมาที่ Exclusive Sky Club (ชั้น38) ก็เป็นอีกหนึ่งพื้นที่นั่งพักผ่อน ชมวิว เหมือนนั่งอยู่ใน Lounge ของโรงแรมหรูเลยครับ ตรงนี้เห็นวิวสวนสาธารณะโซนจตุจักร และวิวเมืองแบบพาโรนามาเลย (รูปในคอมเม้นต์)

The Cloud Social Club (ชั้น39) พื้นที่ทำงาน แบ่งเป็นห้องย่อยๆ หลายห้อง ที่รองรับทั้งคนที่มานั่งทำงานคนเดียว หรือจะมาเป็นกลุ่มครับ ได้วิวที่ดีที่สุดเช่นกันด้วยกระจกสูงโปร่งตลอดแนว

มาที่สระว่ายน้ำที่ชั้น 40 กันบ้าง มีสระว่ายน้ำทั้ง Indoor และ Outdoor ให้ว่ายออกกำลังกายได้ทุกวันไม่ต้องกลัวฝนและแดด มีมุม Jacuzzi สำหรับผ่อนคลายกันอย่างเป็นส่วนตัวด้วยครับ

ที่ฝั่งซ้ายก็จะเห็นโซน Active Club ที่มีทั้ง Fitness จะเวทหรือคาดิโอก็ได้ 24 ชม. พร้อม Private Gym แยกออกไปต่างหากด้านหลัง และชั้นบนสุดคือ The Park Rooftop สวนเล่นระดับขนาดใหญ่ ให้มานั่งพักผ่อนสูดอากาศจากมุมที่สูงที่สุดในโครงการไปพร้อมๆ กับชมวิวสวนกว่า 700 ไร่และ City Skylines สุดลูกหูลูกตาครับ

ยังไม่จบเท่านี้ครับ มาย่านนี้เราก็ต้องพาเดินชมสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบกันหน่อย จะเห็นว่า Sales Gallery อยู่ติดทางขึ้นของ BTS สถานีห้าแยกลาดพร้าวเลยครับ

ตรงหัวมุมถนนก็คือเซ็นทรัลลาดพร้าวที่มีรถรอเข้าจอดยาวเกรียงไกร ที่อยู่ข้างๆ กันก็โรงเรียนหอวัง สถานศึกษาที่นักเรียนต้องตั้งสติให้มั่นไม่หวั่นไหวเพราะอยู่ใกล้ห้างนั่นเองครับ

ผมลองพาเดินขึ้นไปทางพหลโยธินชมที่ตั้งจริงสักหน่อย นี่คือตึกของโครงการครับ ก่อสร้างเป็นรูปเป็นร่างเห็นชัดเจนแล้ว ในส่วนของที่ตั้งโครงการจะอยู่ห่างจากจุดขึ้นลงรถไฟฟ้า BTS ห้าแยกลากพร้าวราว 200 ม. และห่างจาก Lotus’s เพียง 50 ม. ครับ จะมาฝากท้องหรือซื้อของเข้าห้องก็สะดวกสบาย

ระหว่างทางเดินฝั่งตรงข้ามก็ยังมีชาบูยอดฮิตในราคาย่อมเยา อย่างสุกี้ตี๋น้อยให้อิ่มอร่อยได้อีกด้วย อยู่ในอาคารพหลโยธิน 19 ที่เดียวกับ Spaces Co-working space ในเครือ IWG เจ้าของเดียวกับ Regus นั่นเองครับ

จากโครงการ เดินต่อมาประมาณ 150 ม. ก็จะพบกับปราสาทเทพนิยายที่หนุ่มสาววัยกลางคนคุ้นเคยกันดีสมัยเด็ก ที่ได้รับการพลิกฟื้นคืนชีวิตกลายเป็นตลาดสุดฮิต

จ๊อดแฟร์ แดนเนรมิต นั่นเอง อีกหนึ่งศูนย์รวมของกิน ทั้งคาวหวาน ของแฟชั่น สินค้าต่างๆ ให้ช็อปชิมชิลล์ของคนในย่านนี้ครับ อยู่แถวนี้รับรองไม่มีคำว่าหิวครับ ฮ่าๆ เห็นคอนโดอยู่เคียงข้างกันเลยมุมนี้

ช่วงเวลากลางคืนนี่แหละคือช่วงที่ตลาดตื่นจากหลับไหล เต็มไปด้วยสีสันและผู้คนที่มาแวะเวียนหาของกินเล่น หรือถ่ายรูป

ของกินเพียบเลยครับ

ด้านหน้ายังมี Lords Bangkok คาเฟ่และเครื่องดื่มที่มาในธีมอลิซ ในดินแดนมหัศจรรย์ มานั่งกินขนมดื่มกาแฟ ถ่ายรูปสวยๆกันได้ครับ ตอนกลางคืนมีโซน Outdoor ให้นั่งดริ๊งก์กันในอีกบรรยากาศ

ทั้งหมดนี้ก็คือความน่าสนใจของโครงการ ‘LIFE พหลฯ-ลาดพร้าว’ ที่พวกเราพาชมกันในวันนี้ครับ นอกจากทำเลที่ใช้ชีวิตได้ทุกรูปแบบในย่านนี้แล้ว ยังมีห้องหลากหลาย Layout ที่สามารถเลือกให้ตรงกับ Lifestyle ของเราได้ด้วย ท่ามกลางส่วนกลางสวยๆ ที่ออกแบบมาอย่างดี ยังมีพื้นที่ส่วนตัวเพื่อให้เราใช้งานได้อย่างสบายใจ ใครที่กำลังมองหาคอนโดใหม่ในโซนนี้ที่จะพร้อมอยู่ภายในปีหน้า ขอชวนเข้ามาชมครับ