THE LINE พหลโยธิน พาร์ค
ขอพาทุกคนเยี่ยมชมโครงการที่แสนจะร่มรื่นด้วยสวนขนาดใหญ่กว่า 8 ไร่ ซึ่งเป็นแกนหลักของแรงบันดาลใจในการออกแบบตัวอาคารในคอนเซปต์ “Magical Tree” ที่นำความรื่นรมย์นี้มาดีไซน์ตัวอาคารตั้งแต่ฐานรากไปจนถึงยอดไม้ ให้คนอยู่อาศัยได้ใกล้ชิดธรรมชาติ จนลืมไปว่า โครงการนี้อยู่ในทำเลที่อุดมสมบูรณ์ทั้งอาหารการกิน ช็อปปิ้ง การเดินทาง การทำงาน และด้วยราคาที่คุ้มค่ามากกว่าเดิม.. ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษคลิก >> http://siri.ly/EvzQpf2
“ห้าแยกลาดพร้าว” ถ้าได้ยินชื่อนี้ย้อนหลังไปไม่กี่ปีก่อน ก็รับประกันความสนุกสำหรับคนขับรถได้เลย ฮ่าๆ เพราะขึ้นชื่อลือชาว่าถ้าปวดท้องก็ไม่ต้องมองหาห้องน้ำ (พลันก็นึกถึงซีนปวดท้องในรถจากซีรีย์ไดอารีย์ตุ๊ดซี่อันโด่งดังขึ้นมา) แต่มาในวันนี้วันที่สถานีรถไฟฟ้าห้าแยกลาดพร้าว สถานีแรกของส่วนต่อขยาย “หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต” เปิดใช้บริการ ก็ทำให้การจราจรแถวนี้มีตัวเลือกที่คล่องตัวมากขึ้น เซ็นทรัลลาดพร้าวที่เคยมีคนเดินเยอะ และหาที่จอดยากอยู่แล้ว ก็สะดวกแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ใช่แล้วครับ ผมกำลังพาทุกคนเดินทางไปยังหนึ่งในพื้นที่ที่คึกคัก และมีองค์ประกอบพื้นฐานสำหรับการอยู่อาศัยครบครันแห่งหนึ่งในเมืองหลวงกันครับ
การเดินทางและสิ่งอำนวยความสะดวก
THE LINE พหลโยธิน พาร์ค ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน ถนนใหญ่สายสำคัญของกรุงเทพตอนเหนือ ซึ่งเราสามารถใช้เดินทางขึ้นเหนือไปทางบางเขน หลักสี่ และดอนเมือง วิ่งเข้าลาดพร้าว เชื่อมต่อรัชดาภิเษก หรือตรงเข้าอนุสาวรีย์ก็ได้ อีกด้านหนึ่งก็ยังสามารถขับไปออกประชาชื่น วงศ์สว่าง เข้าสู่พื้นที่นนทบุรี และใช้เวลาไม่กี่นาทีก็สามารถขึ้นดอนเมืองโทลล์เวย์ไปเชื่อมต่อกับทางยกระดับอื่นๆ ได้อีกครับ แต่สิ่งที่เป็นสุดยอดความสะดวกก็หนีไม่พ้นรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยโครงการห่างจากสถานีห้าแยกลาดพร้าวประมาณ 300 ม. หรือถ้าอยากจะใช้บริการ MRT สายสีน้ำเงินก็มีสถานีพหลโยธินอยู่ถัดออกไปครับ
สิ่งอำนวยความสะดวกในทำเลนี้ไม่ต้องพูดถึง เอาอย่างง่ายที่อยู่ใกล้บ้านหน้าโครงการเลยก็คือ Tesco Lotus ลาดพร้าว ซึ่งใช้ทางเข้าจากหน้าถนนเดียวกันกับคอนโดครับ ถัดออกมาเดินไม่กี่นาทีก็มี Union Mall, เซ็นทรัลลาดพร้าว, Big C อยากผ่อนคลายสบายในวันหยุดก็เดินเล่นสวนจตุจักร แต่ถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ตรงขึ้นไปตามถนนพหลโยธินก็คือโซนรัชโยธินที่มี เมเจอร์ และ Avenue ให้ใช้เวลาหมดไปได้ง่ายๆ ครับ นอกจากนี้แถวนี้ยังเหมาะสำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศด้วยเพราะมีสำนักงานใหญ่ๆ ให้เลือกฝากอนาคตได้ ไม่ว่าจะเป็น ปตท., SCB, การบินไทย เป็นต้น หรือถ้าอยากจะมองไกลสร้างครอบครัว ก็เล็งโรงเรียนหอวังไว้ได้เลยครับ แค่อาจจะต้องระวังลูกติดห้างมากกว่าติดโรงเรียนเท่านั้นเอง ฮ่าๆ
ภาพรวมโครงการ
โครงการ THE LINE พหลโยธิน พาร์ค เป็นโครงการที่อยู่ในพื้นที่เดิมที่ BTS Asset เคยพัฒนาไว้ครับ ในอาณาบริเวณนี้รองรับการก่อสร้างคอนโดได้ 3 อาคาร พร้อม 1 อาคารจอดรถแยกต่างหาก โดยคอนโดที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้เป็นการพัฒนาลำดับที่ 2 ในพื้นที่ ข้อดีคือโครงการจะได้ใช้ส่วนกลางไฮไลท์ร่วมกันนั่นก็คือ สวนขนาดใหญ่กว่า 8 ไร่ สุดร่มรื่น ได้ใกล้ชิดธรรมชาติจนไม่ต้องไปถึงสวนจตุจักรเลย และด้วยจุดเด่นตรงนี้ก็ทำให้การออกแบบ Lobby ที่นี่ซึ่งได้รับการดีไซน์ให้เสมือนโพรงถ้ำในส่วนรากของต้นไม้ใหญ่ เปิดรับวิวป่าด้านนอกได้อย่างชุ่มฉ่ำใจ
โครงการเป็นคอนโด High Rise สูง 32 ชั้น 1 อาคาร รวม 880 ยูนิต บนพื้นที่เฉพาะตัวอาคารประมาณ 2 ไร่ โดยอาคารจอดรถที่อยู่ถัดเข้าไปด้านในสุดมีทั้งหมด 16 ชั้น แบ่งเป็นที่จอดรถเฉพาะของโครงการประมาณ 60% ครับ ความน่าสนใจของโครงการคือ พื้นที่ส่วนกลางที่ดีไซน์ให้สอดรับกับจุดเด่นเรื่องของธรรมชาติ ไล่มาตั้งแต่ Lobby ที่ชั้น 1 ขึ้นมาที่ชั้น 22 ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่แบบ Double Space ที่ผสมผสานพื้นที่สวนเข้ามาในอาคารแบบ Semi-Outdoor รายล้อมอยู่ใกล้ๆ กับ Co-Cooking Studio, Co-Living Lounge และ Co-Playing Space สำหรับเด็ก และยังมีพื้นที่ที่เปิดกว้างสำหรับจินตนาการและงานอดิเรกอย่างโซนที่จัดไว้เป็น Photo Studio, Co-Working Space, ห้อง Workshop และ Meeting Room ครับ เรียกได้ว่าออกแบบให้อยู่ในบรรยากาศที่สนับสนุนให้จินตนาการโลดแล่นดีจริงๆ
ยังไม่จบเพียงเท่านี้ครับ เพราะที่ชั้น 32 ซึ่งเป็นชั้น Rooftop ยังเป็นส่วนที่รวม Facilities ไว้ครบครันอีก ทั้งสระว่ายน้ำแบบ Free Form ที่มีทั้งสระเด็ก และจากุซซี่ในตัว, ฟิตเนสขนาดใหญ่ มาพร้อมอุปกรณ์ครบครันทั้ง Weight Training – Cardio – และอุปกรณ์แบบ Smart Tech มีสวนบนดาดฟ้าที่จัดทำมุมพักผ่อนให้นอนอยู่ใต้ร่มไม้พร้อมชมวิวกรุงเทพฯ ไปได้พร้อมๆ กัน
Type ห้องและราคา
ที่นี่มีห้องทั้งหมด 3 Type ได้แก่
- แบบ 1 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 31.75 – 41.25 ตร.ม. จุดเด่นคือ ส่วน Living Room และห้องนอนมีขนาดใหญ่ และเค้ามีรูปแบบ Layout ให้เลือกหลากหลายนะครับ ทั้งแบบที่มีระเบียง กับแบบที่เอาพื้นที่ระเบียงกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของห้อง ทำให้มีพื้นที่ภายในห้องเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ซึ่งก็สามารถเลือกให้เหมาะกับการใช้ชีวิตของเราได้ และก็มีให้เลือกห้องที่มีการจัดวางฟังก์ชั่นแตกต่างกันไป เช่น เข้าไปเจอห้องนั่งเล่น หรือจะเลือกว่าเข้าไปเจอกับห้องนอนก่อนก็ได้ ส่วน 1Bed ขนาดใหญ่ ก็จะได้เป็นครัวปิดด้วยครับ
- แบบ 2 Bedroom ขนาด 58.75 – 66.75 ตร.ม. จุดเด่นคือ เป็นห้องหน้ากว้างที่จัดฟังก์ชั่นการใช้งานได้ลงตัว เป็นครัวปิด จัดวางโต๊ะทานข้าวได้ 4 ที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นแบบสบายๆ และด้วยความที่เป็นห้อง Corner ก็จะได้กระจกเข้ามุมในห้อง Master Bedroom ขนาดใหญ่ เปิดมุมมองได้กว้างขึ้น และมีห้องน้ำในตัวครับ
- แบบ 2 Bedroom (Duplex) ขนาด 79.50 – 82.25 ตร.ม. อันนี้ก็จะได้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน แยกพื้นที่ส่วน Common Area ที่มีการใช้เสียงหรือไว้ต้อนรับแขกและเพื่อนๆ อยู่ชั้นล่าง ส่วนพื้นที่พักผ่อนจะไปอยู่ชั้นบนทั้งหมด ซึ่งมี Bathtub ให้มาด้วย ทุกชั้นมีห้องน้ำในตัว แถมได้พื้นที่ครัวขนาดกว้างเลยทีเดียวครับ
ก่อนจะไปดูกันว่าในห้องเค้าจัดอะไรมาให้บ้าง และห้องตัวอย่างเค้าตกแต่งแบบไหน มาถึงตรงนี้ก็ขอสรุปถึงเรื่องราคาขายจากโครงการก่อนครับ โดยในปีนี้ The Line พหลโยธิน พาร์ค ทำราคาเริ่มต้นสำหรับยูนิตพิเศษอยู่ที่ 2.89 ล้านบาท (หรือเฉลี่ยเริ่มเพียง 90,000 บาท/ตร.ม.) ซึ่งก็ถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างจับต้องได้กว่าในละแวกใกล้เคียงพอสมควร ถ้าอ่านแล้วสนใจอยากจับจอง ก็ต้องเตรียมตัวครับ เพราะเค้าจะเปิด Online Booking เฉพาะวันที่ 3 มี.ค.นี้ ซึ่งก็เป็นการปล่อยยูนิตพิเศษที่ว่าออกมาในจำนวนจำกัด แต่สำหรับยูนิตอื่นๆ ในวันงานยังได้รับส่วนลดเพิ่มอีก 200,000 บาทและ Iphone 11 Pro อีก 1 เครื่องครับ
แฟนเพจ Living Sneak Peek ที่สนใจคลิกลงทะเบียนรับสิทธิได้ที่นี่ http://siri.ly/EvzQpf2 ที่เหลือก็รอ 3 มี.ค. เพื่อเตรียมจอง Online ผ่านช่องทางนี้ครับ >> http://siri.ly/mzpYRG2
#LivingSneakPeek
#THELINEPhahonyothinPark
และแล้วก็ได้เวลาเข้ามาชมห้องตัวอย่างสวยๆ กันแล้ว สำนักงานขายเค้าตั้งอยู่ใน ซ.พหลโยธิน 29 ซึ่งเป็นคนละที่กับตัวโครงการนะครับ ใครกลัวหาไม่เจอคลิกดูแผนที่ตรงนี้ได้เลย >> siri.ly/THELINE_Phaholyothinpark_Map
อ่ะ ถ้าพร้อมแล้วเรามาลองจินตนาการการใช้ชีวิตในโครงการ “THE LINE พหลโยธิน พาร์ค” ไปพร้อมๆ กันได้เลย
ห้องตัวอย่างห้องแรกเป็น Type : 2A ขนาด 58.75-60.75 SQ.M. ซึ่งเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ห้องนี้ก็จะได้ครัวปิดและห้องนั่งเล่นอยู่ติดระเบียงครับ สำหรับเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เค้ามีมาให้เป็นมาตรฐานก็คือ แอร์จาก Daikin, ประตู Digital Door Lock, เคาน์เตอร์ครัวพร้อมอุปกรณ์ครบชุด และห้องน้ำ
ในส่วนของห้องนอนเล็ก ก็ค่อนข้างยืดหยุ่น สามารถปรับให้เป็นห้องทำงาน ห้องแต่งตัว หรือใช้งานในรูปแบบอื่นๆ ได้ เพราะพื้นที่ห้องนี้ค่อนข้างกว้างอยู่ครับ คือจะทำเป็นห้องนอนลูกน้อยคล้ายห้องตัวอย่างก็สามารถทำได้เลย เอาตู้เสื้อผ้า เอาเตียงมาวาง ก็ยังมีพื้นที่เหลือพอให้ใช้งานได้สบายๆ ครับ
ทีนี้ลองมาไล่ดูกันทีละส่วน เริ่มจากพื้นที่แรกเมื่อเปิดเข้ามาเจอก็จะเป็นห้องครัว ซึ่งจะได้เป็นครัวปิดพร้อมบานสไลด์แบบ 3 ตอน ทำให้เมื่อถึงเวลาที่อยากจะเปิดประตูให้กว้าง ทำให้ห้องดูโล่งๆ โปร่งๆ ก็แค่ดันประตูออกไปจนสุด แต่เมื่อถึงเวลาโชว์เสน่ห์ปลายจวักแล้วละก็…ปิดประตูเพื่อกันกลิ่นลอยไปเตะจมูกคนในห้องได้เลยทันที แถมยังช่วยเรื่องความเป็นสัดส่วน เก็บล้าง ทำความสะอาดง่าย เป็นจุดๆ ไปอีกด้วยครับ
หลังเลิกงาน พอกลับเข้าบ้านมาด้วยความเหนื่อยล้า วางกล่อง KFC ชุดใหญ่ที่เพิ่งไปซื้อมาจากเมเจอร์ฯ และข้าวของเครื่องใช้ในบ้านที่เพิ่งไปเหมามาจากโลตัส วางไว้บนเคาน์เตอร์ครัวก่อน ครัวที่นี่หน้าตาสะอาดสะอ้านครับ ได้เตาไฟฟ้า พร้อมทั้งที่ดูดควันเรียบร้อย ด้านบนมีช่องไว้ให้เก็บอุปกรณ์ เครื่องปรุง แก้วน้ำต่างๆ ส่วนด้านล่าง เตรียมที่ไว้ให้วางเครื่องซักผ้ากับไมโครเวฟให้แล้วครับ
เตาไฟฟ้าจะได้เป็นของ MEX บริเวณ Top ครัวเป็นหินสังเคราะห์ พร้อมติดตั้ง Back Splash โทนสีขาวให้ดูเข้ากันกับสีของตัวเคาน์เตอร์
มีพื้นที่เพียงพอสำหรับจัดเตรียมอาหาร หั่นหมู หั่นผัก หรือเอาไว้เตรียมเมนูกล้วยอบเนยโรยเกลือด้วยครับ (อ่ะ ไหนลองพูดเมนูนี้เร็วๆ อีกทีซิ๊)
ซึ่งด้วยความที่ห้องครัวมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ก็ลองจินตนาการได้เลยว่า เมื่อกลับมาถึงห้อง เราอาจจะถือข้าวของกลับมามากมาย โต๊ะ หรือตู้ที่สามารถเก็บหรือวางของได้ก็เป็นด่านแรกที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าเครื่องดื่มเย็นๆ ในตู้เย็นจริงมั้ยครับ ดังนั้นเมื่อที่นี่เค้าให้พื้นที่ส่วนครัวมาค่อนข้างใหญ่ เราก็สามารถเอาชั้นรองเท้า ตู้ลิ้นชักสำหรับเก็บของมาจัดวางไว้เพิ่มเติมในบริเวณนี้ได้ เป็นการเพิ่มความสะดวกในการใช้งานให้กับเราในชีวิตประจำวันด้วย
ได้ครัวใหญ่แล้ว โต๊ะทานข้าวหล่ะ จะจัดไว้ตรงไหนดี … งั้นตามเข้ามาดูในส่วนต่อไปได้เลยครับ
ด้านในนอกจากเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่น หรือห้องรับแขกแล้วเนี่ย ยังสามารถจัดมีมุมดินเนอร์สวยๆ ได้อีกด้วยครับ คือเราสามารถเลือกโต๊ะทานข้าวขนาดสำหรับ 4 ที่นั่งมาวางได้ โดยไม่ทำให้รู้สึกว่าห้องดูอึดอัด ผนังห้องจะได้เป็นฉาบเรียบทาสีขาว ดังนั้นใครอยากเพิ่มลูกเล่นให้กับห้อง จะติดวอลเปเปอร์เอง แล้วเลือกโทนสีโต๊ะอาหารให้ดูเข้ากัน ติดชุดโคมไฟสวยๆ ตรงผนัง จัดวางดอกไม้หอมๆ ช่อโตใส่แจกันไว้ เปิดเพลง Jazz คลอไปเบาๆ เวลามื้อค่ำ ก็เป็นการสร้างมุมทานข้าวที่ดีๆ ในห้องได้อีกหนึ่งมุมนะครับ
อย่างที่บอกว่าห้องนี้ดูไม่อึดอัดเลยครับ พื้นที่ส่วน Living เค้าให้มาเต็มที่พอสมควร ระยะห่างในการดูซีรีย์เรื่องโปรดของคุณพ่อบ้านแม่บ้านทั้งหลายก็กำลังดี ห่างแบบนี้ทำให้อยากอัพไซส์ ซื้อสัก 60 นิ้วมาติด ต่อลำโพงรอบทิศ (เพื่อเสียงที่ Surround แต่ไม่ใช่เปิดให้ดังรบกวนห้องข้างๆ นะครับ แฮะๆ ) ดูหนังกันแบบอินๆ ทุกคืนได้เลยครับเนี่ย อ้อ และในส่วนของความสูงเพดานห้องนี้อยู่ที่ 2.55 เมตรนะครับ
ห้องนั่งเล่นอยู่ติดกับระเบียง ทำให้แสงจะเข้ามาในห้องนี้ได้ค่อนข้างเยอะ จะนั่งอ่านหนังสือยามว่าง หรือจะเปิดประตูออกไปให้กว้าง เพื่อความสดชื่นยามเช้า เดินออกไปชมวิวสวน วิวเมือง มองพื้นที่สีเขียวๆ ให้สบายตาก็ได้เสมอเลยครับ
พื้นเป็นลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร
ห้องนี้ก็จะได้แอร์ 1 ตัวของไดกิ้นครับ
ถ้าใครชอบใช้เวลาอยู่ร่วมกับคนรัก ชอบออกมานั่งพูดคุย กินขนม นั่งดูหนัง ใช้พื้นที่ส่วน Living Room อยู่บ่อยๆ ก็เลือกปรับโซฟาให้เป็นขนาดใหญ่ขึ้นสำหรับ 3-4 ที่ได้เลย พื้นที่ตรงนี้เค้ามีให้ใช้งานได้แบบเต็มๆ หรือจะชอบใช้เวลามานั่งคิดงาน อ่านหนังสือ ทำการบ้าน ก็เลือกจัดวางโต๊ะ เก้าอี้ขนาดกะทัดรัดเข้ามุมเพื่อทำเป็นมุมทำงานเล็กๆ ก็ได้นะครับ
สำหรับห้องน้ำจะได้ทั้งหมด 2 ห้องด้วยกัน ซึ่งห้องที่อยู่ด้านนอก ก็จะเป็นห้องสำหรับให้แขก หรือสำหรับเพื่อนที่มาหาเราสามารถใช้งานได้สะดวกๆ เลย ไม่ต้องเดินเข้าไปรบกวนเจ้าของบ้าน หรือต้องเดินผ่านเข้าห้องนอนใครครับ
ซึ่งก็สะดวกต่อเจ้าของห้องเช่นกัน เพราะคนที่ใช้งานอยู่ในห้องนอนเล็กสามารถเข้าห้องน้ำได้จากห้องของตัวเองเช่นกัน ก็เรียกได้ว่า เจ้าบ้านพอใจ เพื่อนที่มาใช้ก็สะดวกสบายไม่แพ้กัน
แถมห้องนี้ยังเป็นห้องอาบน้ำอีกด้วยนะครับ มีฉากกั้นมาให้พร้อมแล้ว สุขภัณฑ์ทั้งหมดเป็นของ COTTO
Knock Knock เข้ามาดูในส่วนของห้องนอน Master ที่จัดวาง Layout ได้เป็นสัดเป็นส่วนดีครับ โดยห้องนอนใหญ่นี้จะมีห้องน้ำในตัวเลย กลางค่ำกลางคืนลุกไปทำธุระส่วนตัวก็จะง่ายและสะดวกมากขึ้น โดยตู้เสื้อผ้าเหมาะที่จะจัดวางไว้บริเวณหน้าห้องน้ำพอดี เพื่อให้เป็นโซนเสริมสวย แต่งหล่อกันให้จบตรงนี้
ตื่นเช้ามาบิดซ้ายบิดขวา ลุกมาล้างหน้าล้างตา ส่องกระจก ลองเสื้อผ้า ฉีดน้ำหอม ก็สวยจบในจุดเดียว แถมไม่ต้องไปรบกวนการนอนหลับอย่างสบาย ของคนที่ยังฝันดีอยู่บนเตียงด้วยนะ
ไม่ว่าจะยามนอนหรือตอนตื่น ใครๆ ก็อยากได้ความรู้สึกโล่งสบาย ตัวเบาๆ แบบที่เอนลงเตียงแล้วพร้อมที่จะฝันถึงเรื่องราวดีๆ … แล้วจะรออะไรหล่ะครับ เนรมิตห้องนอนให้เป็นเหมือนที่พักกายพักใจกันไปเลย ด้วยพื้นที่กว้างๆ ที่ง่ายต่อการใช้ชีวิต ทั้งสองข้างเตียงสามารถเดินได้รอบ โดยจะจัดวางโต๊ะหัวเตียงเอาไว้สำหรับวางนิยายเล่มโปรด หรือชาร้อนๆ ก่อนนอน ก็สามารถทำได้
ตรงนี้มีหน้าต่างบานใหญ่ให้ร่างกายได้รับแสงธรรมชาติ พร้อมกับวิวสวนเขียวชอุ่ม ที่อยู่ใกล้ตัวเรา ซึ่งก็ถือเป็นภาพที่ควรค่าแก่การสัมผัสในยามตื่นและเป็นความรู้สึกดีๆ ที่ให้เราได้รับก่อนหลับตา
พื้นที่ปลายเตียงเหลือเฟือเช่นกันครับ สามารถจัดวางชั้นวางทีวีแล้วเพิ่มทีวีภาพเสียงคมชัดดีๆ อีกสักเครื่องก็ได้ หรือจะปรับให้เป็นโต๊ะทำงาน พร้อมจับเก้าอี้ตัวนุ่มๆ ใส่เข้าไป ก็ยังทำได้สบายๆ
ในเมื่อจินตนาการกำลังโลดแล่นไปกับการอยู่อาศัยที่นี่ ก็รีบไปต่อกันอีกห้องกับ Type 1AM-1 ขนาด 32.50-32.75 SQ.M ซึ่งเป็นห้อง 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ได้ครัวเปิด แต่มีพื้นที่ใช้สอยเหลือเฟือและการใช้งานในแต่ละส่วนชัดเจนและสะดวกสบายไม่แพ้กันครับ
ในส่วนของห้องครัวก็จะได้เคาน์เตอร์ครัวที่บิวท์อินมาให้ เตาไฟฟ้า และที่ดูดควันตามมาตรฐานเช่นเดียวกับห้องแรกเลยครับ
ส่วนอีกด้านนึงโครงการเค้าเว้นเป็นช่องไว้ให้ สำหรับบิวท์อินเป็นตู้รองเท้า จะเอาชั้นวางของ หรือตู้เก็บของมาจัดเก็บเข้าไปตรงนี้ก็ได้ เพิ่มความสะดวก และช่วยประหยัดพื้นที่อีกด้วยครับ
ครัวตามนี้ ขนาดกำลังดี เหมาะแก่การเตรียมเมนูเบาๆ ยามหิว
เมื่อเข้ามาเจอส่วนของห้องนั่งเล่น ยังคงเน้นความห่างของระยะการดูทีวีเช่นเคยครับ ซึ่งผมชอบนะ ห้องที่เผื่อพื้นที่ให้เดิน หรือมีระยะการดูทีวีที่เหมาะสม เพราะนอกจากเราจะสามารถเลือกขนาดความใหญ่ของจอทีวีที่เราต้องการเองได้แล้ว ยังเพิ่มความรู้สึกสบายๆ เดินเหินชิลล์ๆ นั่งเอนกายพักผ่อนได้แบบเต็มที่
ซึ่งมุมนี้โครงการเค้าก็ทำเป็นตัวอย่างให้ดูว่า จัดทำเป็นมุมทานข้าวได้เลย เหมาะกับมื้อง่ายๆ หรือรีบเร่งหน่อย แต่ถ้าอยากให้เป็นมื้อพิเศษ นั่งตรงข้ามให้ใจตรงกัน มองหน้ากันไป หั่นสเต็กไป ก็ค่อยขยับการจัดวาง หรือเลือกโต๊ะแบบที่พับเก็บได้ ก็จะสะดวกและช่วยประหยัดพื้นที่ได้มากขึ้น หรือถ้าเมื่อไหร่ไม่ได้ใช้โต๊ะทานข้าว ก็ปรับให้เป็นมุมทำงานแทนก็ได้เช่นเดียวกันครับ
ส่วนห้องน้ำจะอยู่ด้านนอก
ได้ตามนี้เช่นเดียวกับห้องแรกครับ
ที่บอกว่าห้องยังคงความเป็นสัดส่วนเพราะเค้ามีประตูกระจกกั้นไว้ให้ ซึ่งเป็นกระจกบานใหญ่แบบเต็มๆ บานเลยครับ ทำให้ห้องดูโล่ง ไม่อึดอัดเลย แถมเลื่อนเปิดปิดได้ตามการใช้งาน พอเปิดไปให้สุดก็ทำให้ห้องโปร่งโล่งมาก
ในส่วนของห้องนอนถ้าใครเลือก Layout แบบที่ไม่มีระเบียบง ก็จะได้พื้นที่การใช้งานในห้ห้องเพิ่มขึ้น สามารถจัดวาง Day Bed นุ่มๆ ไว้เป็นมุมพักผ่อน นอนเอนกายรับแอร์เย็นๆ นั่งเพลินไปกับแสงยามพระอาทิตย์กำลังตก พร้อมจิบกาแฟเบาๆ เคล้าคลอไปกับเสียงดนตรีบรรเลงที่ค่อยๆ เล่นอย่างช้าๆ ครับ
นี่แหละครับ มุมพักผ่อนเพิ่มเติมสำหรับ Layout ที่ไม่ต้องการใช้งานระเบียง ก็เอาพื้นที่นั้นกลับมาไว้ในห้องซะเลย
ซึ่งห้องนี้ก็ถือว่าเป็น 1 Bed ที่อยู่สบาย พื้นที่การใช้งานในแต่ละส่วนค่อนข้างครบถ้วน พื้นที่กว้างขวาง มีห้องนอนที่สามารถเลื่อนเปิดโล่งขึ้น หรือจะกั้นปิดเพื่อความเป็นส่วนตัวได้ตามใจต้องการ
เป็นยังไงกันบ้างครับกับ โครงการ “THE LINE พหลโยธิน พาร์ค” โครงการสุดร่มรื่น อยู่สบาย ที่พร้อมจะพาทุกคนหลบหนีความวุ่นวายในเมือง เข้ามาอยู่ในที่ๆ เปรียบเสมือนบ้าน และเป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย เพราะที่นี่ เค้ายกธรรมชาติมาไว้ในตัวเรามากขึ้น แถมยังรังสรรค์สิ่งอำนวยความสะดวกที่จะมาช่วยเติมเต็มการใช้ชีวิตในทุกๆ วันให้เป็นเรื่องง่าย และได้อยู่ได้อย่างสบายในพื้นที่ๆ เป็นของเราเองครับ
และทิ้งท้ายก่อนจากกันไปกับภาพส่วนกลางโครงการกันสักเล็กน้อย…
สวนเขียวสะใจ เหมือนมีคอนโดอยู่ใจกลางสวนจตุจักรเลยใช่มั้ยหล่ะครับ นี่ก็คือส่วน Lobby ที่เปิดกว้างให้ชมวิวด้านนอกกันอย่างจุใจ
Twinkle sky pool: สระว่ายน้ำชั้น 32 ถูกออกแบบให้เรียงเป็นชั้นหลดหลั่นกันลงมา เผื่อให้ดูมีลูกเล่น ให้การออกกำลังกายไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ ผ่อนคลายไปกับสายลม วิวเมือง และแสงของดวงดาว ให้คำว่า “ผ่อนคลาย” ได้เป็นความหมายที่แท้จริงเลยครับ
Floating Nest: อีกหนึ่งมุมฟินๆ บนชั้น 32 พื้นที่ๆ เอาธรรมชาติมาโอบล้อมเราไว้ พร้อมมี Solar Charger ให้นั่งเล่นโทรศัพท์หรือ Tablet เครื่องโปรดไป พร้อมกับนอนรับอากาศบริสุทธิ์ ให้ลูกบ้านได้เปลี่ยนบรรยากาศ ออกมารับลมสบายๆ ยามเย็น ดูพระอาทิตย์ตกไปพร้อมกับชมฝูงนก ที่กำลังพากันบินกลับรัง
และนี่ก็คือความน่าสนใจทั้งหมดของโครงการ The LINE พหลโยธิน พาร์ค ที่เราพาชมกันในวันนี้นะครับ โดยในปีนี้ The Line พหลโยธิน พาร์ค ทำราคาเริ่มต้นสำหรับยูนิตพิเศษอยู่ที่ 2.89 ล้านบาท จำนวนจำกัด (หรือเฉลี่ยเริ่มเพียง 90,000 บาท/ตร.ม.) ซึ่งก็ถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างจับต้องได้กว่าในละแวกใกล้เคียงพอสมควร และจะเปิดจองทาง Online Booking เฉพาะวันที่ 3 มี.ค.นี้ แต่สำหรับยูนิตอื่นๆ ในวันงานยังได้รับส่วนลดเพิ่มอีก 200,000 บาทและ Iphone 11 Pro อีก 1 เครื่องครับ แฟนเพจ Living Sneak Peek ที่สนใจคลิกลงทะเบียนรับสิทธิได้ที่นี่ http://siri.ly/EvzQpf2 ที่เหลือก็รอ 3 มี.ค. เพื่อเตรียมจอง Online ผ่านช่องทางนี้ครับ >> http://siri.ly/mzpYRG2
แล้วพบกันใหม่โครงการหน้านะครับ สวัสดีครับ