เสนา ขานรับนโยบายพลังงานส ะอาด หนุนโซลาร์ทุกโครงการ
ช่วยลูกบ้านลดค่าไฟได้ อย่างมีประสิทธิภาพ
ตั้งเป้าเป็นผู้นำพลั งงานสะอาด 100%
เสนา หนุนแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีมุ่งลดการใช้พลังงานไฟฟ้า หันมาเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือกในชีวิตประจำวันมากขึ้น เดินหน้าติดตั้งโซลาร์เซลล์ในทุกโครงการ หวังช่วยลูกค้าบริหารค่าไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยนวัตกรรม “โซลาร์ สเกล อัพ” สามารถคำนวณค่าไฟได้ก่อน รองรับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลกและไลฟ์สไตล์คนไทย ที่เริ่มหันมาใส่ใจพลังงานสะอาด ลดภาวะโลกร้อน พร้อมตอกย้ำตั้งเป้าเป็นผู้นำพลังงานสะอาด 100%
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ผู้ดำเนินโครงการหมู่บ้านใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) เต็มรูปแบบรายแรกของไทย เปิดเผยว่า จากนโยบายที่รัฐบาลส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ และไลฟ์ไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามเทรนด์ การผลิตรถยนต์ในอนาคต ทำให้คาดการณ์ว่า ความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (EV) ในระยะ 5 ปีข้างหน้า จะมีแนวโน้มของการขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งตรงกับแผนดำเนินงานของเสนา ในเรื่องการหันมาให้ความสำคัญของการประหยัดพลังงาน เป็นนโยบายหลักที่จะทำให้“บ้านทุกหลัง” ของเสนา ใช้พลังงานสะอาดโดยใช้ “โซลาร์เซลล์” ซึ่งในปัจจุบัน เสนา ได้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ (Solar Cell) และ เครื่องชาร์จรถพลังงานไฟฟ้า (EV Charger ) ภายใต้ชื่อ EV ready รองรับยานยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าทั้งแบบไฮบริด และ ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) รวมถึงยานยนต์ไฟฟ้าชนิดแบตเตอรี่ (BEV) ให้กับลูกค้า โดยตั้งเป้าจะติดตั้งให้ได้ทุกโครงการ
ทั้งนี้ การส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนดังกล่าวเป็นไปตามทิศทางของโลกที่ให้ความสำคัญต่อพลังงานสีเขียว พึ่งพาพลังงานทดแทนมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่า เทรนด์การใช้ชีวิตที่จะเกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด ได้รับการตอบรับจากทุกภาคธุรกิจ ที่จะเข้ามานำเสนอนวัตกรรมรองรับรูปแบบการใช้พลังงานสะอาดที่เปลี่ยนแปลงไป สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจแนว Go Green ของเสนา นอกจากการติดตั้งแผง Solar Cell เพื่อผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนหลังคาบ้าน(โซลาร์รูฟท็อป) แล้ว ยังนำนวัตกรรม “โซลาร์ สเกล อัพ (Solar Scale Up)” ที่ช่วยให้ลูกบ้านสามารถปรับ-เพิ่มจำนวนแผง Solar Cell ได้ตามลักษณะการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อีกทั้งยังสามารถเลือกช่วงเวลาของการใช้ไฟฟ้า ได้ตามพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัยในบ้าน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยประหยัดค่าไฟ และตอบโจทย์พฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัย เพื่อให้ลูกบ้านสามารถบริหารค่าไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
จากแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของกระทรวงพลังงาน ระบุว่า ในปัจจุบันกระแสไฟฟ้ายังคงเป็นทางเลือกหลักที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้ โดยมีอัตราการใช้งานสูงถึง 42% และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเป็น 47% ในปี 2578 เนื่องจากปัจจัยการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม การเพิ่มขึ้นของประชากร การปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพที่ดีขึ้น ทำให้มีการใช้พลังงานไฟฟ้าในชีวิตประจำวันมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการด้านต่างๆของมนุษย์ นอกจากนี้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เริ่มหันมาสนใจใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า แทนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันแบบเดิม ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้สัดส่วนการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงขึ้น
“เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มหันมาสนใจการใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้น ทำให้เสนาโซลาร์ วางเป้าหมายการเติบโตในแต่ละปี เฉลี่ย 5-10 % โดยในปี 2561 บริษัทตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 480 ล้านบาท และในปี 2562 คาดว่าจะมีรายได้ 500 ล้านบาท และในปี 2563 คาดว่าจะมีรายได้ 520 ล้านบาท” ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
สำหรับโครงการที่ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ (Solar Cell) และสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charger Station) ภายในโครงการของเสนา ทั้งแนวราบ และคอนโดมิเนียม เพื่อบริการให้กับลูกบ้าน ได้แก่ เสนาพาร์คแกรนด์ รามอินทรา, เสนาพาร์ควิลล์ รามอินทรา – วงแหวน, เสนาวิลล์ ศาลายา, เสนาอเวนิว บางกะดี – ติวานนท์ ,เสนาช็อปเฮ้าส์ พหลโยธิน – คูคต, เสนาช็อปเฮ้าส์ลำลูกกา – คลองสอง, เสนาช็อปเฮ้าส์ บางแค – เทอดไท และคอนโดมิเนียม ได้แก่ นิช โมโน สุขุมวิท 50, นิช โมโน พีค บางนา,และมีเป้าหมายที่จะขยายให้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมการบริการมากขึ้น