ภาพมายาของห้องตัวอย่าง?

ห้องตัวอย่าง สำหรับลูกค้าอย่างเราๆ เวลาไปเดินดูห้องตัวอย่างก่อนจะซื้อคอนโด มักจะหลงไหลได้ปลื้มไปกับความสวยงาม ของประดับประดา และบรรยากาศของห้องตัวอย่างที่ช่างงามงดหมดจดไปทุกมุมมอง แต่จริงๆแล้วภายใต้ความสวยงามนั้นมีความจริงบางสิ่งที่ห้องตัวอย่างไม่ได้บอกเรา และนี่คือภาพมายาของห้องตัวอย่างที่เรารวบรวมมาให้ และหลักคิดติดตัวเพื่อดูห้องตัวอย่างให้ทะลุ แทนที่จะมาเสียใจทีหลังครับ

1.ห้องตัวอย่างสว่างกว่าห้องจริง

ห้องตัวอย่างที่เราชมกันนั้นคือการติดไฟแบบอลังที่สุด เหมือนคอนเสิร์ตพี่เบิร์ดเปิดฟลอร์ เรียกได้ว่าจะเซลฟี่ตรงไหนหน้าก็ไม่ดรอป เพราะจัดเต็มด้วยการซ่อนไฟแล้วซ่อนไฟอีก บนฝ้า ใต้ตู้ ใต้ซิงค์ หลังกระจก ตามขอบตามมุม ตามชั้น เพราะเงาตามชั้นวางของจะทำให้ห้องนั้นดูมืดและแคบ แล้วทำไมเราถึงต้องสนใจเรื่องความสว่างในห้อง? แสงสว่างที่ไม่เพียงพอทำให้ตาทำงานหนัก ส่งผลกับสุขภาพในระยะยาว เพราะงั้นเวลาไปดูห้องตัวอย่าง ถามให้ดีว่าห้องจริงมีไฟกี่จุดมากน้อยแค่ไหนเพื่อให้เราเห็นภาพของจริงได้ดีขึ้น เพราะห้องจริงมักมีจุดติดตั้งไฟน้อยกว่า แล้วถ้าแถมหลอดไฟแบบวัตต์น้อยอีก สุดท้ายแสงก็จะไม่พอและเราก็ต้องเปลี่ยนหรือเพิ่มไฟเองอยู่ดี

2.ห้องตัวอย่างดูกว้างกว่าห้องจริง 

สิ่งที่ทำให้ห้องดูกว้าง นอกจากโทนสี ก็คือ ความสูงของเพดาน และวัสดุทึบต่างๆ หัองตัวอย่างจึงสร้างบรรยากาศให้ดูกว้างขึ้นด้วยการลดวัสดุพวกนี้ เช่น เอาประตูในจุดที่ควรจะมีออกไป (ประตูห้องทั้งในและนอก) เปลี่ยนบานตู้เสื้อผ้าเป็นกระจกใสหรือกระจกชา และการกรุผนังด้วยกระจกรัวๆๆไว้ทั่วทุกมุมอับของห้อง โดยเฉพาะผนังในห้องรับแขก ดังนั้นสิ่งที่เราต้องระลึกเสมอคือห้องจริงนั้นไม่ได้กรุผนังมาให้ และอย่าลืมถามให้ชัดเจนด้วยว่าระยะจากพื้นถึงเพดานสูงเท่าห้องจริงมั้ย?

3.พรอพที่ใช้ในห้องตัวอย่างแตกต่างกับชีวิตจริง

ไม่ว่าจะเป็นลูกสน รูปปั้น เขาสัตว์ ขนนก หรือประติมากรรม Abstract หรือการ Display เสื้อผ้าเพียงสามสี่ตัวในตู้เสื้อผ้า ถามว่าของจริงใครจะใส่แค่นี้ 555 ยังไม่รวมการจัดเรียงถ้วยแก้วและจานชามเป็นระเบียบเต็มโต๊ะ เหมือนเป็นโชว์รูมเครื่องแก้ว เพราะงั้นเวลาเดินดูห้องตัวอย่างก็นึกตามไปด้วยว่าของใช้จริงๆ ของเรามีอะไรบ้าง จะได้ไม่เตลิดมโนไปตามภาพที่เค้ากำหนดไว้ให้ โดยเฉพาะของจุกจิกของใช้ที่เราต้องเก็บมันมีมากกว่าห้องตัวอย่างเยอะ

4.ห้อง Fully Furnish ≠ ห้องตัวอย่าง

คำว่าแถมเฟอร์ให้ทั้งห้อง มันไม่ได้แถมการตกแต่งแบบห้องตัวอย่างมาด้วย มันก็คือการแถมเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวหรือบิ๊วอินตามลิสต์ของโครงการ เวลาไปดูก็ถามให้ดีว่าเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มีอะไรบ้าง สี และวัสดุเหมือนในห้องตัวอย่างมั้ย ความสุ่มเสี่ยงหนึ่งก็คือเฟอร์นิเจอร์ในห้องตัวอย่าง “เป็น Mood & Tone” ให้ดูเฉยๆ แต่ไม่เหมือนของที่ได้จริงๆถ้าได้ยินตามนี้ก็ต้องคอยทวงของจริงให้เค้าเอาให้เราดูด้วย

5.ของ Top Hit ที่ชวนเข้าใจผิด

• วอลเปเปอร์  ในห้องตัวอย่างมักใช้วอลเปเปอร์ตกแต่งไว้หลากสี บางทีก็แตกต่างกันตามห้อง ถามให้ชัดว่าห้องจริงเป็นวอลเปเปอร์หรือผนังฉาบเรียบทาสี แล้วสีที่แถมสีอะไร แม้การแถมวอลเปเปอร์จะทำให้ห้องดูสวย แต่อย่าดูถูกผนังฉาบเรียบไป เพราะจะปกปิดข้อบกพร่องของผนังได้ยากกว่าการติดวอลเปเปอร์มาให้เราเลย มันมีเส้นบางๆระหว่างการสมนาคุณลูกค้ากับการปกปิดงานหยาบ
• ของที่เราคิดว่าแถม เช่น กระจกกั้นห้องน้ำ ถึงติดมาให้ไม่ใช่ว่าแถม 100% แอร์ ก็เช่นกัน เตากะที่ดูดควันก็ด้วย
• คำว่า design by…. ที่มักติดตามเฟอร์นิเจอร์โดยอ้างถึงชื่อแบรนด์ใหญ่ นั้นไม่ได้หมายความว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่แบรนด์นั้นผลิตเองนะจ้ะ

6. บรรยากาศในห้องตัวอย่างคือสิ่งสมมติ

การเดินเข้าห้องตัวอย่างที่มีกลิ่นหอมหวาน มีแอร์ที่เปิดเย็นฉ่ำตลอดเวลา เคล้าเสียงดนตรีที่ละมุนละไม นี่คือการสร้าง Mood and Tone ให้เราเสียตังโดยง่าย ตั้งสติให้มั่นและมุ่งไปที่สเปกและเช็คสิ่งที่เราต้องการให้ครบถ้วน อย่าเพิ่งเคลิ้มแม้น้องเซลล์จะสวยหล่อขนาดไหนก็ตาม

คำตอบคือเค้าไม่ได้หลอก มันคือส่วนหนึ่งของการขายและการสื่อสารถึงประสบการณ์การใช้ชีวิตที่เราจะได้จากโครงการนั้นๆ แบบที่เราจับต้องได้ ไม่ใช่สิ่งที่เห็นจากกระดาษอย่างเดียว ห้องตัวอย่างเป็นการตกแต่งเพื่อเสริมจุดเด่นกลบจุดด้อยของแต่ละ layout รวมถึงขนาดของห้องให้ได้ดีที่สุด ทำให้เราเห็น Potential ว่าห้องจริงนั้นจะสวยงาม มีประโยชน์ใช้สอยได้ดีแค่ไหน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นกับความสามารถของ Developer ด้วย อีกสิ่งหนึ่งที่เราจะได้จากห้องตัวอย่างคือการได้สัมผัส Taste และมาตรฐานของเจ้าของโครงการว่าเป็นอย่างไร เอาง่ายๆว่า ถ้าห้องตัวอย่างซึ่งเป็นหน้าตาของโครงการยังพัง ก็อย่าไปคาดหวังกะส่วนอื่นเลย

ติดตามเราได้ที่ : facebook

ติดต่อสอบถาม : Contact