กรุงเทพฯ (17 ตุลาคม 2562) – เมื่อเร็วๆนี้ เดอะฮ่องกงแอนด์เซี่ยงไฮ้โฮเทล จำกัด (The Hongkong and Shanghai Hotels Ltd.) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัทที่เป็นเจ้าของและรับบริหารจัดการโรงแรมเพนนินซูล่าทั่วโลก รวมถึงโรงแรมเพนนินซูล่า กรุงเทพ (“กลุ่มเพ็นนินซูล่าฯ”) ได้ออกแถลงการณ์ต่อสื่อมวลชนผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทว่า เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2562 บริษัทลูกของกลุ่มเพ็นนินซูล่าฯ ได้ดำเนินการยื่นอุทธรณ์ต่อศาล ภายหลังจากศาลแพ่งธนบุรีได้มีคำพิพากษากรณีที่นายประพันธ์ ภัทรประสิทธิ์ และ นายประสงค์ ภัทรประสิทธิ์ ในฐานะผู้ถือหุ้นของโรงแรมเพนนินซูล่า กรุงเทพฯ ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทับซ้อนของ กลุ่มเพ็นนินซูล่าฯ อันเกี่ยวกับการยกเลิกข้อตกลง การจ้างกลุ่มเพ็นนินซูล่าฯ บริหารจัดการโรงแรมเพนนินซูล่า กรุงเทพฯ เนื่องจากไม่สามารถทำกำไรให้กับผู้ถือหุ้นได้เลยเป็นเวลากว่า 20 ปี
โดยศาลแพ่งธนบุรีได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2562 ซึ่งมีเนื้อหาสำคัญบางตอนว่าการที่บริษัทลูกของกลุ่มเพ็นนินซูล่าฯ เป็นผู้ถือหุ้นของทั้งบริษัทที่เป็นเจ้าของโรงแรมเพนนินซูล่า กรุงเทพฯ และบริษัทรับบริหารจัดการโรงแรม ทำให้กรรมการในบริษัททั้งสองนี้มีอำนาจจัดการบริหารไปในทิศทางที่ให้ธุรกิจของบริษัททั้งสองสามารถแสวงหาประโยชน์ในทางทรัพย์สินและกำไรให้ตกอยู่ในกลุ่มของตนฝ่ายเดียว
นอกจากนี้ศาลยังได้วินิจฉัยอย่างชัดเจนว่าบริษัทลูกของกลุ่มเพ็นนินซูล่าฯ และบริษัทซึ่งรับบริหารจัดการโรงแรมเพนนินซูล่า กรุงเทพฯ มีผลประโยชน์ทับซ้อนกันในลักษณะของนอมินีหรือตัวแทนค้าต่าง อันเป็นการสนับสนุนให้เชื่อว่ามีผลประโยชน์ร่วมกันชัดเจนมากยิ่งขึ้น และการที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนตามสัญญาที่ทำไว้กับบริษัทบริหารจัดการโรงแรมย่อมก่อให้เกิดการสูญเสียผลประโยชน์ต่อโจทก์ทั้งสองหรือกลุ่มภัทรประสิทธิ์
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ผู้นำของครอบครัวภัทรประสิทธิ์ กล่าวว่า “ปัญหาที่ผ่านมาคือตลอดเวลากว่า 20 ปีที่กลุ่มเพ็นนินซูล่าฯ ได้บริหารจัดการโรงแรมเพนนินซูล่า กรุงเทพฯ ผู้ถือหุ้นของโรงแรมไม่เคยได้รับเงินปันผลเลยแม้แต่บาทเดียว แต่กลุ่มเพ็นนินซูล่าฯ กลับได้รับค่าจ้างบริหารแต่ฝ่ายเดียวรวมแล้วเป็นร้อยๆ ล้านบาท ซึ่งเราก็ไม่สามารถเปลี่ยนบริษัทบริหารจัดการโรงแรมได้ เพราะกลุ่มเพ็นนินซูล่าฯ ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทบริหารโรงแรม เป็นผู้ถือหุ้นของโรงแรม และยังมีเสียงข้างมากในคณะกรรมการอีกด้วย ซึ่งเมื่อเราพยายามที่จะขอเปลี่ยนบริษัทบริหารโรงแรม เขาก็จะปกป้องให้กันตลอด และไม่ยอมให้เราเปลี่ยน พร้อมอ้างเหตุผลต่างๆ นานามาโดยตลอด”
“ผมคิดว่าครอบครัวภัทรประสิทธิ์ของเราอดทนมานาน และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการขอความเป็นธรรมจากศาล ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลก็มีความชัดเจนอยู่แล้วว่ากลุ่มเพ็นนินซูล่าฯ และบริษัทบริหารจัดการโรงแรมมีผลประโยชน์ทับซ้อนกันเป็นพิเศษในลักษณะของนอมินี เพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางทรัพย์สินและกำไรให้กับกลุ่มของตนเอง ผมจึงขอเรียกร้องให้กลุ่มเพ็นนินซูล่าฯ เคารพคำวินิจฉัยของศาล และเคารพกฎหมายของประเทศไทยด้วย”
“เมื่อกลุ่มเพ็นนินซูล่าฯ ไม่สามารถทำกำไรให้กับผู้ถือหุ้นได้นานถึง 20 ปี ก็ควรจะถอยออกไป และ เปิดโอกาสให้บริษัทบริหารมืออาชีพรายอื่นได้เข้ามาบริหารโรงแรมของเราแทน ซึ่งก็จะทำให้ปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนหมดไปด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงบริษัทบริหารจัดการ จะไม่มีผลต่อการเป็นผู้ถือหุ้นของโรงแรมแต่อย่างใด” นายประดิษฐ์ กล่าว
โรงแรมเพนนินซูล่า กรุงเทพฯ เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2541 ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล โรงแรมมีความสูง 37 ชั้น ให้บริการห้องพักและห้องสวีทจำนวน 370 ห้อง และมีภัตตาคาร 4 แห่ง
นายประดิษฐ์ กล่าวว่า “โรงแรมเพนนินซูล่า ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา บนพื้นที่ที่แพงที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เมื่อเรามีโรงแรมที่ตั้งอยู่บนทำเลที่ดี ทำไมบริษัทบริหารจัดการโรงแรมจึงไม่สามารถทำกำไรให้กับผู้ถือหุ้นได้เลย ในขณะที่โรงแรมดีๆ ที่อยู่ริมแม่น้ำเหมือนเรากลับมีกำไรต่อเนื่อง นี่เป็นเรื่องที่ผมสงสัยอย่างมาก”
“การร่วมทุนระหว่างครอบครัวภัทรประสิทธิ์ กับกลุ่มเพ็นนินซูล่าฯ ได้สร้างความผิดหวังอย่างมากต่อครอบครัวของผม และผมเองก็เสียใจเพราะเพื่อนๆ ก็เคยเตือนเราไว้ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นร่วมทุน ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่กลุ่มเพ็นนินซูล่าฯ ต้องถอนตัวจากการร่วมทุนที่ดูไม่ค่อยเป็นมิตรกับหุ้นส่วนคนไทยที่ร่วมกันทำโรงแรมเพนนินซูล่าแห่งแรกบนถนนราชดำริ” นายประดิษฐ์ กล่าว