ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญที่ภาครัฐให้การสนับสนุน โดยโรดแมปของโครงการรวบรวมทั้งการพัฒนาด้านการคมนาคม โลจิสติกส์ ไปจนถึงการสร้างเมืองอัจฉริยะหรือ Smart City โดยเฉพาะพื้นที่แหลมฉบังที่เริ่มเห็นทิศทางการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม และเริ่มได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง
บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI หนึ่งในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย จึงได้จัดเสวนาหัวข้อ “แหลมฉบังในอนาคต กับการพัฒนาแบบก้าวกระโดดจากนโยบาย EEC” เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน โดยมีผู้บริหารจากหลากหลายหน่วยงานที่รับผิดชอบการพัฒนาพื้นที่ EEC ร่วมให้ความรู้
อรุช ช่างทอง กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจ EEC บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ฉายภาพว่า การพัฒนาพื้นที่ EEC ประกอบด้วยการพัฒนาเมกะโปรเจ็คท์หลากหลายโครงการ เช่น รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ท่าเรือน้ำลึกระดับท็อปเท็นของโลก สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ซึ่งจะเป็นทั้งสนามบินและศูนย์ซ่อมเครื่องบินในอนาคต ภาพรวมการพัฒนาพื้นที่ยังคงเดินไปตามโรดแมป มีการเจรจาและสรรหาภาคเอกชนเข้ามาพัฒนาในโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โครงการด้านดิจิทัลซึ่งถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์หลักของพื้นที่ ก็จะมารวมกันอยู่ที่ EEC เช่น สนามทดสอบ 5G แห่งแรกของไทย
“การเดินหน้าอย่างต่อเนื่องของภาครัฐในพื้นที่ EEC ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติที่สนใจเข้ามาลงทุนโครงการต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนในพื้นที่” อรุช ระบุ
สำหรับ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในพื้นที่ EEC เพื่อรองรับความต้องการอยู่อาศัยที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เริ่มต้นจากการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสในพื้นที่แหลมฉบังภายใต้ชื่อ “Origin District” เป็นโครงการที่รวบรวมทั้งคอนโดมิเนียมแบรนด์นอตติ้ง ฮิลล์ เคนซิงตัน และคอมมูนิตี้มอลล์ภายใต้ชื่อ Porto Bello เข้ามาไว้ในพื้นที่เดียวกัน ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่แหลมฉบังเดิม และผู้ที่กำลังจะเข้ามาเพราะสนใจลงทุนใน EEC และภายในปีนี้ ออริจิ้นยังมีแผนจะเปิดตัวโครงการมิกซ์ยูส Origin Smart District Rayong รวมมูลค่าโครงการทุกประเภทกว่า 10,000 ล้านบาทใน จ.ระยอง เพื่อรองรับการเติบโตของเมืองด้วย
ด้าน ดร.วงกต วิจักขณ์สังข์สิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เล่าว่า หนึ่งในโครงการสำคัญของ EEC คือ Digital Park Thailand ที่กำลังจะพัฒนาขึ้นในพื้นที่แหลมฉบัง เป็นเขตส่งเสริมการลงทุนด้านดิจิทัลโดยเฉพาะ การลงทุนในพื้นที่จะไม่ได้มีหน้าตาเป็นโรงงานเหมือนนิคมอุตสาหกรรม เน้นการลงทุนด้านดิจิทัล ทำให้บรรยากาศคล้าย “แคมปัส” หรือมหาวิทยาลัย มีออฟฟิศ ห้องแลป Data Center ศูนย์เก็บเซิฟเวอร์ เข้ามาอยู่รวมกัน กลุ่มคนที่เข้ามาทำงานก็จะมีตั้งแต่บริษัทขนาดใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับด้านเทคโนโลยี ไปจนถึงเหล่าสตาร์ทอัพ มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ตัวพื้นที่โครงการยังถูกออกแบบให้เชื่อมโยงกับชุมชนรอบข้าง ทำให้ที่นี่จะเป็นเสมือนโชว์เคสของเมืองอัจฉริยะ หรือ Smart City
“ภายใน Digital Park Thailand นั้น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ให้สิทธิพิเศษ ยกเว้นภาษีนิติบุคคลแก่ผู้เข้ามาลงทุนนาน 8-13 ปี สูงกว่าผู้ที่มาลงทุนด้านดิจิทัลในบริเวณอื่นซึ่งได้สิทธิ 5-8 ปี สิทธิประโยชน์นี้จะเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ดึงดูดให้คนเข้ามาลงทุนในพื้นที่ EEC อย่าง Digital Park Thailand” วงกต ระบุ
ด้าน สันติ ศิริตันหยง รองนายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง กล่าวว่า ศรีราชาเป็นเมืองที่โดดเด่นจากบอก 5 อ. ได้แก่ 1.อากาศดี 2.อาหารดี มีอาหารทะเลที่ครบสมบูรณ์ 3.อุตสาหกรรมดี 4.อนามัยดี มีสถานพยาบาลเยอะ 5.อาชีพดี รายได้ต่อหัวค่อนข้างสูง จากการศึกษาโดยบริษัทที่ปรึกษา พบว่า ในอีก 20 ปีข้างหน้า อำเภอศรีราชา จะมีประชากรอาศัยอยู่อาศัยถึง 20 ล้านคน โดยปัจจุบันก็เริ่มเห็นการขยายของตัวเมืองและการเจริญเติบโตเข้ามาในแหลมฉบัง ซึ่งเป็นอำเภอหนึ่งในศรีราชาบ้างแล้ว
“แหลมฉบังเป็นพื้นที่เป้าหมายที่จะมีการพัฒนาให้เป็น Smart City เพราะผังเมืองแถวนี้ดีอยู่แล้ว หลังจากนี้จะมีการของบประมาณมาเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ให้ เช่น ระบบน้ำ โรงบำบัดน้ำเสีย อีกสัก 2 ปีข้างหน้า จะเห็นตรงถนนเมืองใหม่ แหลมฉบังเหนือ กลาง ใต้ แหล่งอุตสาหกรรมฝั่งเคหะก็จะเดินทางสะดวกมากขึ้น” สันติ ระบุ
ดร.มนต์ศักดิ์ โซ่เจริญธรรม ผู้อำนวยการสถาบันไอโอทีและนวัตกรรมดิจิทัล สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) มองว่า อุตสาหกรรมดิจิทัล เป็นอุตสาหกรรมที่ลงทุนน้อยแต่ได้รับผลตอบแทนสูง จึงเป็นสาเหตุให้รัฐมาส่งเสริมด้านดิจิทัล เพราะใช้สมองเป็นหลัก ดังนั้นคนต้องมีความสารถ จึงเป็นเหตุผล
ติดตามเราได้ที่ : facebook
ติดต่อสอบถาม : Contact