จดหมายถึง “สามย่าน” ที่รัก.. ไม่เจอกันแปบเดียว เฟี้ยวฟ้าวมะพร้าวหอมมากนะ 💌

สวัสดีสามย่าน ยังจำเราได้หรือเปล่าจ้ะ นี่พี่แว่นคนดีคนเดิม เพิ่มเติมคือน้ำหนักและรอบเอวที่พัฒนาไปตามกาลเวลา จะถามว่ากี่ปีแล้วนะที่เราเคยได้คู่เคียงชิดใกล้ ฉันยังจำได้ดี ในช่วงนั้นฉันอยู่กับเธอทุกวันในมหาวิทยาลัยสีชมพู อยู่กันจนฉันเกือบจะได้นอนใต้ถุนคณะฯ แทนเตียงนุ่มๆ ที่บ้านบ่อยครั้ง มีวันหนึ่งฉันนั่งทำรายงานจนตกกะใจว่าเข็มนาฬิกาชี้เลข 3 แล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงก็คงได้ยินเสียงไก่ขัน เสียแต่ว่าใจกลางเมืองแบบนี้ไม่มีไก่เป็นๆ เห็นก็แต่ไก่ทอด พลันเวทนาในความถึกทุยของฉัน… คนวัยทำงานที่ตรากตรำเรียนหนังสือภาคค่ำ แล้วยังต้องรีบกลับไปนอนเพื่อออกไปทำงานให้ทันเช้าตรู่วันรุ่งขึ้นอีก 

จนมาทบทวนได้ว่า นี่ถ้าในมหาลัยมีที่นั่งทำงานอ่านหนังสือแบบ 24 ชั่วโมงได้ก็คงจะดี แต่ก็เข้าใจด้วยชาติตระกูลของเธอหรอกนะสามย่าน ปัจจุบันนี้ทุกพื้นที่หัวระแหง เป็นเงินเป็นทองไปเสียหมด ดีที่ยังพอมีเรื่องราวภูมิหลังเก่าๆ ที่เธอยังคงรักษาไว้ได้ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินที่เธอขึ้นชื่อลือชามาแต่อ้อนแต่ออก ไม่ว่าจะเป็นโจ๊กหรือสเต็ก ที่ต่างก็ใช้นามสกุลเดียวกับเธอ ร้านส้มตำเจ๊แดง เพ้งคั่วไก่ ข้าวขาหมู โอ๊ยสารพันร้านอาหารที่กินกันมานานตั้งแต่สมัยมือถือใหญ่เท่ากระเป๋า มาจนไซส์เท่าฝ่ามือแต่ถ่ายซูมไปตึกข้างๆ ได้ในปัจจุบัน และยังไม่ได้หยุดแต่ความดั้งเดิมนะ นี่เธอเหิมเกริมจนเป็นที่สิงสถิตของร้านสุดฮิตยุคนี้อีกหลายร้าน อย่าง “ร้านเจ๊โอว ข้าวต้มเป็ด” แต่ดังเรื่องมาม่าและยำแซลม่อนมากกว่า หรือร้าน Sweet Circle บัวลอยงาดำไส้ทะลักสุดอร่อย ซึ่งใครอ่านมาถึงตรงนี้ขอบอกว่า มีรูปที่ฉันจะพาไปกินด้วย เช็ดน้ำลายรอเลย ก่อนจะหยดลงบนหน้าจอ 

เอ้า พูดเรื่องทำงานอยู่ดีๆ ทำไมมาเรื่องการกินได้ ก็เพราะฉันเขียนจดหมายนี้ตอนเที่ยงคืนกว่า ตรงกับเวลาอาหารเที่ยง (คืน) ของฉันพอดี ว่าแล้วก็ขอกลับมาเรื่องที่นั่งทำงานหรือบรรดาร้านคาเฟ่ และ Co-working Space แถบนี้ซักหน่อย เธอคงไม่ แปลกใจสินะสามย่าน ว่าทำไมรอบมหาลัยสีชมพูของเรามี ร้าน 24 ชั่วโมงไว้รองรับหลายที่ ⏳ เพราะนี่คือวิถีชีวิตแถวนี้ ฉันเห็นมีตั้งแต่ Too Fast Too Sleep ซึ่งเป็น Co-working Space ต้นตำรับการเปิดแบบไม่พักผ่อน ร้านกาแฟอย่าง Holly’s Coffee หรือแม้กระทั่ง Naplab ที่ทำงานแบบไม่ได้งาน เพราะมีโต๊ะปิงปอง สไลเดอร์ และเครื่องเกมให้เล่น  และอื่นๆ อีกมากมายกระจายอยู่โดยรอบ และที่ต้องจั่วหัวว่าเฟี้ยวฟ้าวนี้ ก็เพราะเธอนำพาเอาอาคาร Mixed-use มาเปิดอีก อย่างสามย่านมิตรทาวน์ ที่นี่เรียกได้ว่ามีทั้งออฟฟิศสุดไฮเทค ที่นั่งทำงานและร้านอาหารที่เปิดแบบ 24 ชั่วโมงกันไปเลย เพิ่มสีสันของเธอให้คึกคัก ดึงคนเข้ามาทำงาน เข้ามาเรียนกับเธอให้พุ่งทะยานฟ้าไปอีก ร้ายนักนะ

เธอร้าย เพราะทุกวันนี้เธอได้ทุกอย่างมาไว้ในกำมือแล้ว ไม่ว่าจะเป็นออฟฟิศขนาดใหญ่ สถานศึกษาตั้งแต่อนุบาลจนจบปริญญาเอก ห้างสรรพสินค้าเกรดพรีเมี่ยม (Siam Paragon และตระกูล Siam นำหน้าทั้งหลาย) โรงแรม 5 ดาว  โรงพยาบาล สวนสาธารณะขนาดใหญ่ (สวนลุมพินี) มีวัดเป็นศูนย์รวมจิตใจให้ฉันได้ให้อาหารวัวอย่างใกล้ชิด แถมยังอยู่ใกล้ใจกลางแหล่งธุรกิจ ที่คนเค้าเรียกกันว่า CBD อย่างสีลมและสาทร แต่ที่ทำให้เธอน่าหมั่นไส้มากที่สุด ก็เพราะเธอมีรถไฟฟ้าให้ใช้เป็นชื่อของตัวอีก กับ “MRT สถานีสามย่าน”  แถมยังขึ้นทางด่วนได้ไม่ยาก ไม่แปลกที่ใครๆ ต่างก็พากันมาสร้างที่อยู่อาศัยแถบนี้ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันชอบไปแอบดูอยู่บ่อยๆ ด้วยปัจจัยต่างๆ นี่แหละก็เลยทำให้ฉันใจอ่อน ถึงปากฉันจะว่าเธอร้าย แต่ฉันก็รักเธออยู่ดีนะ สามย่าน 

และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่มีคอนโดโครงการใหม่มาขึ้นอยู่ใกล้ๆ เธอ คือ เดิน 400 เมตร จากสถานีสามย่าน และก็มาเอาใจวิถีคนไม่หลับไม่นอนด้วยการมีฟิตเนสที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง เธอจะไปกินข้าว ไปนั่งอ่านหนังสือที่ไหนก็ไม่ทราบได้ แต่เธอจะกลับมาฟิตเนสที่นี่ได้เสมอ และห้องที่นี่อยู่สบายด้วยเพดานสูง 2.7 เมตร เค้ามาในชื่อว่า “IDEO จุฬา-สามย่าน” ซึ่งก็ไม่รู้ว่าบริษัทนี้เค้าติดใจเธออะไรกันนัก ตั้งแต่มาสร้างแลนมาร์คยานแม่ ให้ฉันได้แหงนมองไปตกตะลึงอยู่บ่อยๆ กับ IDEO Q จุฬา-สามย่าน ถัดมาก็นำพาหนุ่มใหญ่รสนิยมสูงอย่าง Ashton จุฬา-สีลม มาอีก ล่าสุดก็เปิดน้องเล็กดูทันสมัยในราคาเริ่มต้น 3.59 ล้าน ที่ฉันจะรอดูนี่แหละ แต่ที่ฉันหมั่นไส้คือ เค้าแจก iPhone รุ่นใหม่ล่าสุดให้คนลงทะเบียนอีกด้วย ทำเอา iPhone รุ่นเก่าล้าหลังในมือฉันสั่นระริกเลยทีเดียว 

ว่าแล้วก็ขอตบท้ายด้วยภาพเรนเดอร์ของโครงการกันสักหน่อยเพื่ออรรถรส เริ่มจาก Rooftop facilities มาเต็มสูงถึง 3 ชั้น รวมพื้นที่ กว่า 1,400 ตร.ม. มีทั้งฟิตเนสที่เปิด 24 ชั่วโมง, Co-working Space และสระว่ายน้ำที่ได้วิวแบบพาโนรามารอบตัว จะใช้ชีวิต ติดเรียนรู้ คู่ความสนุก หรือบุกบั่นทำงานก็น่าจะเหมาะใช้ชีวิตกับเทอที่นี่ได้

จดหมายที่ฉันจะเขียนถึงเธอก็คงพอเท่านี้ก่อนนะสามย่าน คนอ่านน่าจะเสียเวลาไถโทรศัพท์มือถือกันมาพอสมควรแล้ว เอาเป็นว่าถ้าใครที่กำลังอ่านอยู่และสนใจโครงการนี้ ก็ไปลงทะเบียนรับสิทธิกันได้ตาม link ที่เขาให้มาคือ  https://anan.ly/2kkNwaq

ถ้าได้จองพร้อมรับโทรศัพท์รุ่นใหม่แล้วก็ส่งรูปมาให้ฉันชมบ้าง เผื่อจะได้เก็บภาพความประทับใจของพวกเธอและสามย่านมาแชร์ให้ทุกคนได้ดูกัน 

แล้วเจอกันใหม่นะสามย่าน … แว่นเอง 

สวัสดีสามย่าน ขอมาย้อนรำลึกความหวานชื่นของเรา สมัยรักกันปานจะกลืนสักหน่อยนะ

ตรงแยกนี้นี่แหละที่เป็นจุดศูนย์กลางของเธอ ที่ซึ่งถนนพญาไทมาบรรจบกับพระราม 4 โน่นที่เห็นหลังป้ายเธอก็คือ “ยานแม่” ที่เค้าเรียกกันสนุกๆ ส่วนฝั่งขวานี่ก็คือสามย่านมิตรทาวน์ มิตรใหม่ที่เพิ่งมาเปิดให้บริการ ก่อนจะมาพูดถึงฝั่งนี้ ฉันขอเดินเท้าไปอีกฝั่งนึงซึ่งเป็นแสงสีแหล่งบันเทิงเริงรมย์ที่ฉันใช้พึ่งพิงอิงแอบสักครามาตลอดเสียก่อน ใช่มันเดินเท้าไม่ได้หรอก แต่วันนั้นเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีรถมารับ เดินไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็คือ เดินอีกนิดเถอะ ไม่ต้องเรียกกันแล้ว!

เห็นไหม บรรยายด้วยภาพจะไว เวลาผ่านไปเหมือนโกหก เดินภาพเดียวมาถึงอีกฝั่งนึงที่เป็นแยกมาบุญครอง ที่ๆ บรรดาช่างภาพชอบใช้เป็นจุดถ่ายรูปสวยๆ เป็นหนึ่งในตัวแทนจุดกลางกรุงที่เราคุ้นเคยกันดี ฝั่งนี้เป็นเส้นหลักของ BTS ที่มีมาช้านาน และถึง 2 สถานีอยู่ใกล้ๆ แบบเดินถึงกันได้อีกด้วย เมื่อก่อนก็เดินบ่อยนะ MBK แต่ทุกวันนี้ฉันว่ามีแต่แขกกะต่างชาติมากกว่าคนไทยเดินซะแล้วล่ะ

ขยับมาอีกนิด ก็ SIAM CEATER อ้ะ SIAM CENTER นี่เอง นี่เขาก็เพิ่งปรับปรุงใหม่ปรับซะฟ้อนต์อ่านยากขึ้น เพิ่มความเก๋ไก๋ไปอีกแบบ แต่ Exterior แบบโปร่งๆ นี่ก็สะดุดตาน่าดูชมนะ เสียแต่ว่าห้องน้ำหายากซะเหลือเกิน ถ้าอ่านแต่ป้ายชี้ไปซ้ายชี้ไปขวา หารู้ไม่ว่ามันต้องไปที่ชั้นอื่น ไม่ได้มีห้องน้ำทุกชั้น

นี่ดีกว่าความภูมิใจของนักช้อป “สยามพารากอน” ที่มีทุกสิ่งให้เลือกสรร ทั้งสารพัดแบรนด์เนม มีปลาให้ดู มีปูให้ชม มีขนมให้ชิม มีไอติมเต็มไปหมด มีรถอยู่ในห้างด้วย และที่สำคัญเวลาเค้าลดราคางานอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้า Bangkok Electronica เนี่ย ที่นี่ถูกกว่าห้างชานเมืองอีกนะ อย่ามองแต่รูปลักษณ์ภายนอก เพราะมันซื้อได้จริงๆ และเวลาที่มีร้านอะไรใหม่ๆ เข้ามาในไทย ก็มักจะมาปักธงที่นี่แหละ ภาพที่คุ้นตาจึงเป็นบรรดาคิวยาวเหยียดที่มาลองอะไรให้เร็วกว่าชาวบ้านเป็นประจำ

ขยับข้ามฟากมาฝั่งตรงข้าม มีห้างที่ขึ้นชื่อเรื่องร้านอาหารแปลกๆ อีกเช่นเคย ก็คือ สยามสแควร์วัน ลองขึ้นไปชั้นบนๆ ดูก็จะรู้ว่าสิ่งนี้ไม่ได้เกินความจริงเลย เดินทางสะดวกเฉกเช่นพารากอนเพราะมีทางเดินเชื่อมเข้าห้าง ร้านไหนขายดีดูไม่ยาก เพราะสามารถขยายสาขาใหม่ภายในชั้นเดียวกันได้กับสาขาเดิม จะมีที่ไหนเลียนแบบได้อีก ซึ่งฉันก็ชอบไปกินเป็นประจำเหมือนกัน (ใครรู้มาตอบได้ในคอมเม้นต์)

เดินกลับลงมาบนดินกันบ้าง สยามซอยต่างๆ คือ เติบโต ผันเปลี่ยนแปรไปตามกาลเวลา เก่าไป ใหม่มา ทุกหัวระแหงคือตัวเลือกหลากหลายละลานตาให้เดิน แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือต้องมีแต้มบุญสูงพอถึงจะหาที่จอดรถได้ในนี้ นึกถึงสมัยก่อนช่วงน้ำท่วมใหม่ๆ เค้าเปิดให้ขายของขายเสื้อผ้ากันเป็นล่ำเป็นสัน ลามไปจนทางเดินถนนด้านหน้าเรียกว่า ลงมาจาก BTS ก็ปล่อยตัวลอยไปตามกระแสคนได้เลย แต่ทุกวันนี้จัดระเบียบหมดแล้วก็เรียบร้อยน่าเดินขึ้น ส่วนโอ้กะจู๋นี่ก็ขายดิบขายดีมีถึง 2 สาขา จากสโลแกนปลูกผักเพราะรักแม่ ทุกวันนี้แม่น่าจะกลายเป็นเศรษฐินีไปแล้ว

พวกทางเท้าเหล่านี้เปรียบเสมือนรันเวย์และแคทวอร์คสำหรับวัยรุ่นหน้าใส แต่งตัวจัดจ้าน พาตัวเองขึ้นปก Cheeze และ Hamburger มานักต่อนักแล้ว ไม่อยากจะบอกว่าพวกเธอน่ะมาทีหลัง ส่วนฉันน่ะมาตั้งแต่สมัยเค้ามี Photo me และ U Smile เลยนะขอบอก

ลิโด้นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างคลาสสิคที่เค้าเปลี่ยนแปลง ปรับไปตามยุคสมัย เมื่อโรงหนังอายุกว่า 50 ปี หมดสัญญาเช่าเดิมก็ได้รับการพัฒนาเป็น Lido Connect เป็นพื้นที่แห่งการสร้างสรรค์ และไอเดียใหม่ๆ โดยเฉพาะบรรดา Artist ให้ได้มีพื้นที่โชว์ของของตัวเอง เข้าไปข้างในก็ยังได้บรรยากาศเก่าๆ อยู่ เค้าเอาเก้าอี้โรงหนังเดิมมาเป็นที่นั่งพักผ่อนข้างในด้วย ใครยังไม่เคยเข้าไปก็ลองไปดูกันนะ

พูดถึงลิโด้ จะไม่พูดถึงสกาลาก็ไม่ได้ ลิโดลาจากไปแล้ว แต่สกาลายังได้รับการต่อสัญญาระยะสั้นออกไป ซึ่งก็จะหมดในช่วงกลางปีหน้า (ปี 63) นี่แล้ว เป็นโรงหนังที่อนุรักษ์สถาปัตยกรรมเดิมไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ใครคิดถึงก็ไปอุดหนุนเค้าซะหน่อย เพราะความคลาสสิคแบบนี้อาจหาไม่ได้อีกแล้วใน กทม. แม้พักหลังภาพจำคือกลายเป็นที่เลหลังรองเท้า Sneakers ไปก็ตาม

เดินเข้ามาสู่ถนนพญาไทกันอีกสักครั้ง มุ่งหน้ามหาลัยสีชมพู ระหว่างทางนี้ก็มีสถานศึกษายอดฮิตที่เด็กน้อยพยายามฝันฝ่าเพื่อเข้าเรียนแห่งหนึ่ง ฉันก็เคยผ่านจุดนั้นมาก่อน แต่ก็มิได้สมหวัง หันกลับไปนึกในวันนี้ก็รู้สึกว่าเราต้องลำบากลำบนขนาดนั้นเชียวหรือ

“น้ำใจน้องพี่สีชมพู ทุกคนไม่รู้ลืมบูชา พระคุณของแหล่งเรียนมา จุฬาลงกรณ์….” เพลงขึ้นเลย ใช่ครับ เราเดินเข้ามาถึงที่แห่งนี้แล้ว ในนี้ให้บรรยากาศร่มรื่นแตกต่างจากภายนอกมาก อะไรแบบนี้ใจกลางเมืองหาได้ยาก ต้องชื่นชมคนดูแลจัดการจริงๆ

ขาดไม่ได้ เจ้านี่ รถเล็กน่ารัก คึกคัก คุกคิก ทะลุมาเลย อิ๊อิ๊ วิ่งไปรอบมหาลัย คุกคิก คึกคัก CU Pop Bus หรือรถป๊อบจุฬา ที่จะพาวิ่งวนทั่วมหาลัยและรอบๆ นี่เอง

ใครที่เรียนที่นี่ถ้าบ้านอยู่ไกลก็เดินทางกันเหนื่อยหน่อย แต่เดี๋ยวนี้ทั้งคอนโดและที่พักรอบๆ ขึ้นเป็นดอกเห็ด มีตัวเลือกมากมาย ถ้าป๊ากับม๊ามีกำลังก็คงหาที่สบายๆ ได้ไม่ยาก หรือถ้าไม่อยากซื้อเอง ก็รวมกันหาที่เช่ากับเพื่อน ประหยัดไปได้อีกหน่อย

นอกจากในพื้นที่มหาลัยเค้ายังมีแหล่งพักผ่อนหย่อนใจแห่งใหม่ให้อีกที่ เป็นการปรับปรุงพื้นที่ข้างตลาดสามย่านเดิม ให้กลายเป็นอุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ช่วงเย็นๆ แดดคล้อยลง เราก็จะได้เห็นลูกเล็กเด็กแดง และสาวๆ หนุ่มๆ พากันมาออกกำลังกาย ไม่ว่าจะจ๊อกกิ้ง ตีแบด หรือเดินเล่นกันจนชินตา

เห็นภาพ Contrast ที่สวยงามระหว่างฉากหน้าและฉากหลัง นี่แหละชีวิตกรุงเทพฯ

บรรยากาศดีจริงๆ นะ ขอบอก ลองมาเดินกันดูรึยัง

ใกล้ๆ กันเป็นที่ตั้งของ I’m Park ที่มีร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ ให้ฉันได้พึ่งพายามยากบ่อยครั้ง ส่วนถ้าอยากหาของใช้เล็กๆ น้อยๆ ที่นี่ก็ยังมี Daiso ให้อุดหนุน

บรรยากาศการตกแต่งร้านแถวนี้ก็มีสไตล์ไม่หยอก

เดินออกมาจนสุดทางก็มาเจอกับอาคาร Mixed use เจ้าเก่าเจ้าเดิม นั่นก็คือ จามจุรีสแควร์ นี่ก็ที่สิงสถิตของบรรดาผู้ปกครองและเด็กตาดำๆ เพราะมีร้านอาหาร มีร้านหนังสือของศูนย์หนังสือจุฬาฯ แถมยังเป็นออฟฟิศขนาดใหญ่อีกด้วย

ข้ามทางลอดผ่านสถานีรถไฟฟ้า MRT ก็จะมาโผล่ฝั่งตรงข้ามนั่นก็คือวัดหัวลำโพงนี่เอง ที่นี่นอกจากจะได้ทำบุญแล้ว เธอยังจะได้ทำทานให้อาหารวัวและควายเผือกอย่างใกล้ชิดอีกด้วย ซึ่งหน้าตาน่าเอ็นดูเอามากจริงๆ ข้างๆ กันก็คือ พ่อหนุ่มใหญ่ Ashton จุฬา – สีลม โทนสีเข้มขรึมตามสไตล์ของถนัดเขา

ตรงนี้แหละที่ตั้ง MRT สถานีสามย่าน ที่เดินเชื่อมไปออกได้เกือบทุกหัวมุมของแยกนี้กันแล้ว และเป็นการเดินทางที่ขาดไม่ได้สำหรับคนแถบนี้ให้ใช้งานกันสะดวกรวดเร็ว แบบไม่ต้องง้อการจราจร เดี๋ยวนี้เชื่อมไปออกเยาวราชได้แล้ว ถ้าเบื่อโซนนี้นั่งไปแปบเดียวก็เปลี่ยนบรรยากาศสู่ China town ได้สบายบรื๋อ

และแล้วฉันก็วนกลับมายังที่เดิมที่เปิดต้นเรื่องไป ณ แยกสามย่านนี่เอง ถ้าตรงไปตามถนนซ้ายมือก็จะเข้าสู่ถนนสี่พระยา ที่ตั้งของโครงการคอนโดน้อยใหญ่ที่เกิดขึ้นใหม่ โดยเฉพาะ IDEO จุฬา – สามย่าน ที่ฉันจะรอดูนี่แหละ อยู่ในถนนี้เช่นเดียวกัน ระยะห่างไปประมาณ 400 ม.

ในถนนนี้ซ้ายขวาก็เป็นพวกอาคารพาณิชย์ดั้งเดิมนะ ถ้าตรงมาจากแยกสามย่านโครงการก็จะอยู่ซ้ายมือ แต่ตอนนี้ก็มีแต่ป้ายล้อมรั้วที่ Site นะ เพราะยังไม่มีสำนักงานขายให้ดู รู้ก็แต่ฟิตเนส 24 ชั่วโมง ราคาเริ่ม 3.59 ล้าน พร้อมแจก iPhone ใหม่นี่แหละ

เอาล่ะ ขอทิ้งทวนด้วยของกินอร่อยๆ ในโซนนี้ที่เราจะพาไปชมสัก 3-4 ร้าน ขอเริ่มต้นจากร้านเจ๊โอว ที่คิวยาวไปจนถึงหัวมุมถนน และมีเมนูเด็ดคือ มาม่าโอ้โห ที่ต้องร้องโอ้โหแรกคือ ก่อนห้าทุ่มเธอจะไม่ได้กิน เพราะเค้าขายแต่ดึกๆ เท่านั้น ส่วนขนาดชามก็ต้องร้องโอ้โห เพราะถ้าไปคนเดียวเสร็จแน่นอน กินไม่หมด ส่วนรสชาติจะโอ้โห หรือไม่ ขอให้ตัดสินกันเอาเอง เพราะลิ้นเราไม่เหมือนกัน ฮ่าๆ

แต่การใส่เครื่องเขียงและทำมาม่าชามยักษ์แบบนี้เป็นเอกลักษณ์ที่มนุษย์นอนดึกอย่างเราชอบนักแล

อีก 2 เมนูที่อร่อยไม่แพ้กันคือ หมูกรอบ ที่ต้องบอกว่ากรอบขิงๆ และยำปลาแซลม่อนรสชาติจัดจ้าน เคี้ยวคู่กับกระเทียมมันสะใจเหลือเกิน

อีกร้านนึงคือของหวานอร่อยๆ อย่างบัวลอยไส้งาดำ จาก Sweet Circle ใครเกลียดงาดำ หรือเฉยๆ จะต้องว้าวกับบัวลอยงาดำที่นี่ ส่วนใครชอบอยู่แล้วก็จะกินได้เป็นโหล เพราะมันอร่อยไส้เยิ้มได้ใจ

ยั่วๆ มั้ย กินคู่กับนมสดอร่อยลงตัวดี เพราะฉันกินน้ำขิงไม่เป็น

อีกอันที่สั่งนี่เพราะชอบนมสดเค้า เฉาก้วยนมสดเพิ่มฟรุตสลัดนี่เย็นชื่นใจได้อรรถรส

อีกร้านต่อมาอยู่ใกล้ๆ กันเลย ก็ยังต้องชิมกันอีก เพราะเพื่อนผู้หญิงฉันบอกว่า กระเพาะคนเรามันจะแยกกันระหว่างของคาวและของหวาน ฉันฟังแล้วก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เมื่อความอยากยังมีอยู่ก็จัดไป เป็นขนมไทยสไตล์คลาสสิค ความสนุกคือสามารถเลือกแต่งแต้มวัตถุดิบและน้ำราดได้ตามความถนัด รสชาติก็อร่อยตามมาตรฐาน แต่ได้ความสนุกสนานตอนเลือกนี่แหละ

ปิดท้ายด้วยร้าน Street Food ฝั่งตรงข้ามอุทยาน 100 ปีฯ อยากจะบอกว่าถนนเส้นนี้ มีร้านอร่อยๆ ให้ชิมอีกเยอะนะ ไม่ต้องห่วงว่าจะชื่อดังหรือไม่ อย่างร้านนี้เมื่อก่อนเค้าขายเป็นรถเข็นในซอยฝั่งตรงข้าม มีเฉพาะช่วงเย็นๆ เมนูเด็ดคือ ยำหนังปลา รสชาติหวานเปรี้ยวกรอบเคี้ยวกำลังเพลิน บะหมี่ทำเองรสชาติคลาสสิค ซดด้วยน้ำซุปหมูสับคล่องคอดีนักแล

ก่อนจะจากกันวันนี้ขอทิ้งทวนไว้ด้วยภาพ ภาพ Perspective จากโครงการ IDEO Chula Samyan กันสักนิด เริ่มจากภาพรวมของ Rooftop facilities 3 ชั้นที่นี่ อยู่กันได้หลากหลายฟังก์ชั่น และก็ไม่ขาดพื้นที่สีเขียวให้ได้พักสายตาจากความอ่อนล้าของการทำงาน มาพร้อมการวางตำแหน่งให้ได้ชมวิวแบบรอบทิศทาง

มีที่นั่งทำงานสไตล์ Co-working space หลากหลายมุม ให้นั่งเอนตัว นั่งหลังตรง นั่งเก้าอี้สูง หรือจะนั่งๆ นอนๆ มีหมด ไม่ต้องไปหาที่นั่งทำงาน ประชุมกลุ่มที่ไหนกันแล้วล่ะนะ

พื้นที่ Lounge ตรงนี้ก็มานัดหมายพูดคุย นั่งพักผ่อน ทอดสายตากับวิวสวยๆ ของสามย่านกันได้เช้าจรดค่ำกันเลย เอาเป็นว่ารูปทั้งหมดตอนนี้เอาไปเท่านี้ก่อน กับราคาเริ่มต้น 3.59 ล้าน

แฟนเพจที่สนใจก็ลงทะเบียนรับสิทธิก่อนใครได้ที่ https://anan.ly/2kkNwaq ถ้ามีรายละเอียดเพิ่มเติมจะเอามาให้ชมกันอีกครับ