ใครที่ติดตามข่าวสารอัพเดทตลาดบ้านเดี่ยวในเพจคงพอทราบกันว่า AP เค้าเอาจริงเอาจังมาก ตลอด 4 ปีกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยวเป็นกลุ่มธุรกิจของ AP ที่เติบโตทุกปี ทบรวม 4 ปีโตกว่า 120% นี่คือเอาเรื่อง จนกลายเป็นผู้นำในตลาด เข้าสู่ปีนี้จึงได้โอกาสต่อยอดขยายพอร์ตในตลาดบ้านหรู (ช่วงราคา 25-50 ล้านบาท) ให้มากขึ้น โดยมี THE CITY แบรนด์เดิมที่ Success นำมาปรับโฉมใหม่ทั้งหมด โดยเน้นเรื่องของ “พื้นที่ที่ตอบทุกคนในบ้าน” ประโยคที่ว่านี้จะเป็นจริงได้ก็ต้องมีทั้ง Space, ฟังก์ชัน และความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ ผนวกกับสิ่งที่จะสร้างความแตกต่างก็คือความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่บ้านในตระกูล THE CITY แต่ละโลเคชันจะมีดีไซน์ที่แตกต่างกัน เป็นบ้าน 2 ชั้น โมเดลใหม่บนพื้นที่ 100 ตร.ว. ขึ้นไป ซึ่งจะเริ่มจากการเปิดตัว “THE CITY จรัญฯ – ปิ่นเกล้า” ในราคา 30 – 45 ล้านบาทเป็นที่แรกครับ
THE CITY จรัญฯ – ปิ่นเกล้า
ภาพรวมจุดเด่นของบ้าน THE CITY ซีรีส์ใหม่
- พลิกโฉมทั้งดีไซน์และฟังก์ชัน เพราะตัวบ้านได้รับการพัฒนาองค์ประกอบงานสถาปัตยกรรม และการบริหารพื้นที่ใช้สอยภายในใหม่ทั้งหมด ซึ่งมีที่มาจากไลฟ์สไตล์ และรสนิยมของลูกค้าระดับบนในแต่ละโลเคชัน
- Customized Design ออกแบบบ้านใหม่ยกเซ็ตรวม 14 โมเดล ซึ่งจะทำให้บ้านแต่ละทำเลมีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกัน
- พื้นที่ใช้สอยพร้อมสำหรับทุกคนในครอบครัว บ้านทุกหลังมีขนาดที่ดินเริ่มต้น 100 ตร.ว. ในรูปแบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้น รวมพื้นที่ใช้สอย 386 – 580 ตร.ม. พื้นที่ชั้นหนึ่ง เน้นการใช้งานร่วมกันของทุกคนในครอบครัวพร้อม Double Volume Living พื้นที่ชั้นสองมีทั้งส่วนที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ชั้นล่าง พื้นที่อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ และห้องนอน Master กว้างสะใจพร้อม Bathtub ที่มีให้เลือกทั้งแบบส่วนตัวและรับวิวด้านนอกได้
- ความเป็นส่วนตัว แต่ละโครงการจะมีจำนวนบ้านเพียง 60 – 90 หลังเท่านั้น
โดยโครงการ THE CITY จรัญฯ – ปิ่นเกล้า เป็นโครงการที่เน้นดีไซน์สไตล์อังกฤษ (NEW ENGLISH LUXURY CLASSIC) พร้อมห้องใต้หลังคา ตั้งอยู่บนถนนแก้วเงินทอง เชื่อมต่อถนนสายสำคัญของฝั่งธนฯ ทั้ง ถ.บรมราชชนนี, ถ.ราชพฤกษ์, ถ.จรัญสนิทวงศ์และถนนตัดใหม่อย่าง ถ.พรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 จะเข้าเมืองหรือจะออกฝั่งตะวันตก ตรงนี้ค่อนข้างสะดวกครับ ตลาดเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นตลาดบางขุนศรี, ตลาดไชยทิศ, ตลาดเทพเจริญ 9, ตลาดน้ำตลิ่งชัน วันเสาร์-อาทิตย์อยากเปลี่ยนบรรยากาศชิลล์ๆ ก็ไปช่วงถนนราชพฤกษ์ที่มีทั้งฟู้ดวิลล่า, The Circle, J Arena หรือร้านอาหารต่างๆ นานาบนถนนตัดใหม่ รายล้อมด้วยของกินจริงๆ เจ็บไข้ได้ป่วยก็ฝากตัวได้ที่ศิริราชแค่ 10 นาที หรือวันไหนอยากเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็มี MRT สถานีไฟฉายที่ใกล้ที่สุดครับ
แบบบ้านมีให้เลือก 4 โมเดล ได้แก่
- แบบ ELTHAM พื้นที่ใช้สอย 390 ตร.ม. แบบ 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องพระ 1 Dining 1 ห้องครัว 1 ห้อง Maid จอดรถได้ 3 คัน
- แบบ CAMPTON พื้นที่ใช้สอย 430 ตร.ม. แบบ 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องพระ 1 Dining 1 ห้องครัว 1 ห้อง Maid พร้อมพื้นที่เฉลียง จอดรถได้ 3 คัน
- แบบ WALENTON พื้นที่ใช้สอย 500 ตร.ม. แบบ 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 3 ห้องนั่งเล่น 1 Dining 1 ห้องครัว 1 ห้อง Maid จอดรถได้ 4 คัน
- แบบ OXBURGH พื้นที่ใช้สอย 580 ตร.ม. แบบ 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 3 ห้องนั่งเล่น 1 Dining 1 เฉลียง 1 Loft Space 1 ห้อง Maid 1 Laundry จอดรถได้ 4 คัน
บ้านที่เราพาชมในวันนี้เป็นบ้านขนาดใหญ่ที่สุดแบบ OXBURGH และเป็นวันพิเศษที่โครงการเค้าจำลองการใช้ชีวิตอย่างอบอุ่นของทุกคนในครอบครัวที่อยู่ในบ้านให้เราได้เก็บบรรยากาศมาฝากด้วย จุดเด่นของบ้านหลังนี้นอกเหนือจากงานดีไซน์ที่เห็นจากภายนอกแล้วก็คือ พื้นที่ภายในนี่แหละครับ ที่กว้างขวางและดูแกรนด์สมกับเป็น THE CITY ซีรีส์ใหม่จริงๆ
พื้นที่ชั้นล่างนี้มีฟังก์ชันแบบ Double Family Living ประกอบด้วยส่วนพักผ่อนถึง 2 โซนต่อกัน เปิดต้อนรับเราด้วยพื้นที่โปร่งโล่งแบบ Double Volume สูงกว่า 6.5 ม. พื้นที่กว้างๆ สบายๆ แบบนี้เหมาะเจาะสำหรับทุกคนในครอบครัว โดยชั้น 1 จะเน้นการตอบโจทย์ทั้งผู้สูงวัยและเด็กเล็กเป็นพิเศษด้วยการออกแบบทางลาดรองรับการใช้งานวีลแชร์จากหน้าบ้านเข้าไปจนถึงในห้องนอนและห้องน้ำที่อยู่ในตัวแบบ Universal Design มีส่วน Dining Area ขนาดใหญ่แบบ 10 ที่นั่งขึ้นไป เชื่อมต่อกับส่วน Pantry และห้องครัว มีห้อง Maid พร้อมห้องน้ำรองรับ
พื้นที่ชั้น 2 มีมุม Loft Space โซนพักผ่อนที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ชั้นล่างให้มองดูคุณตาคุณยายเล่นกับหลาน มีพื้นที่สำหรับจัดฟังก์ชันเป็น Living Area อีก 1 โซน และในส่วน Master Bedroom ของบ้านทั่วๆ ไป ที่นี่ต้องเรียกว่า Master Suite เพราะพื้นที่อลังการเหลือเกิน น่าจะตอบโจทย์คนอยากได้พื้นที่ส่วนตัวแบบครบฟังก์ชัน มีทั้งห้องนอน โซน Walk-in Closet และ Living Room ในตัว พร้อมห้องนอนอีก 3 ห้องที่มีห้องน้ำในตัวทั้งหมด อ้อ แบบบ้านนี้ได้ Bathtub ถึง 2 ห้อง และพิเศษสุดคือมีห้องใต้หลังคาที่น่าใช้งานเพิ่มมาให้ด้วยครับ
นี่ถือเป็นการตีกลองรบเปิดศักราชใหม่ในตลาดบ้านเดี่ยวของ AP ที่นำด้วยแบรนด์ THE CITY ที่เริ่มแล้วใน 3 ทำเล ได้แก่ THE CITY จรัญ-ปิ่นเกล้าที่นี่ เพียง 58 ยูนิต ราคา 30 – 45 ล้านบาท, THE CITY ปิ่นเกล้า – บรมฯ 3 ดีไซน์ NEW MODERN CLASSIC พร้อมบ้าน 3 รูปแบบ เพียง 68 ยูนิต ราคา 30 -45 ล้านบาท และ THE CITY สุขุมวิท – อ่อนนุช 2 เพียง 64 ยูนิต พร้อมบ้าน 7 รูปแบบ ดีไซน์ NEW MODERN LUXURY ราคา 28-35 ล้านบาท ครับ
ใครที่ชื่นชอบบ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง ในช่วงระดับราคา 25 – 40 ล้านบาท ลองแวะเข้าไปดูโครงการ THE CITY ซีรีส์ใหม่ทั้ง 3 ทำเลดูน่าจะถูกใจไม่มากก็น้อย ส่วนใครสนใจโครงการที่เราพาชมวันนี้ THE CITY จรัญฯ – ปิ่นเกล้า ก็ลองเข้าไปชมโครงการกันได้นะครับ สามารถลงทะเบียนเยี่ยมชมพร้อมรับสิทธิพิเศษ ได้ที่นี่เลยครับ https://apth.ly/TheCityCharunPinklao
อัพเดทข่าวสารของทุกโครงการใหม่จากเอพี กับ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโด ตลอดปี 2023 นี้ คลิก https://apth.ly/APNewHome2023
#LivingSneakPeek #บ้านเดี่ยว #THECITYจรัญปิ่นเกล้า #THECITY #APTHAI
วันนี้จะพามาเดินดูโครงการ “THE CITY Charan-Pinklao” บ้านหรูโมเดลใหม่ 100 ตร.ว. จาก AP เป็นบ้านที่ถูกปรับโฉม และออกแบบจากแนวคิดใหม่ ให้บ้านอยู่กันได้ทุกเจเนเรชั่นครับ
จะน่าสนใจแค่ไหน ไปชมกัน
ที่นี่เป็นบ้านสไตล์ New English Luxury Classic การออกแบบ Façade ด้านนอกโดดเด่น มีสีเข้มตัดกับสีอ่อน ดูแข็งแกร่งแล้วยังคงสวยงามเหนือกาลเวลาครับ รูปแบบบ้านแต่ละรูปแบบมีจุดเด่นต่างกัน ซึ่งหลังที่ผมจะพาชมเป็นรูปแบบใหญ่สุดคือ OXBURGH พื้นที่ใช้สอย 580 ตร.ม. มี 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 3 ห้องนั่งเล่น และมีไฮไลต์ที่ห้องใต้หลังคาครับ
เข้าประตูหลักมาจะเจอกับโถงห้อง Living ที่โปร่งสบายมากๆ เพดาน Double Volume จุดนี้สูงถึง 6.5 ม. ผมชอบบ้านที่ตกแต่งด้วยโทนสีขาวครีมสว่างแบบนี้มาก ความลึกของช่วง Living Zone นี้ยังมากพอที่จะทำให้โซนนี้ดูแกรนด์ด้วย สามารถวางชุดโซฟาครบเซ็ต 3 มุมสบายๆ ครับ
โซนนี้เหมาะกับคุณย่าคุณยายนั่งเล่นอยู่กับหลานตัวน้อย ไม่ต้องขึ้นลงให้เมื่อย คุณภาพชีวิตที่ดีเริ่มต้นได้จาก Quality Time ที่บ้านจริงๆ ดูไปก็ยิ้มตาม พร้อมกับความคิดอยากลักพาตัวน้องหมากลับบ้าน
พื้นในบ้านตัวอย่างเค้าตกแต่งให้ดูเรียบหรู มีการวางลายเป็นพิเศษเพื่อนำสายตาตามโถงทางเดิน ซึ่งบ้านจริงจะได้กระเบื้องแกรนิโตขนาดใหญ่พิเศษ 80×80 cm. ส่วนอื่นๆ เพดานสูง 2.8 ม. ยังคงให้ความโปร่งสบายอยู่ครับ มองจากตรงนี้สุดทางจะเห็นห้องน้ำสำหรับชั้นล่าง
ถัดเข้าไปด้านหลังยังมี Living Area ที่สอง ซึ่งรายล้อมไปด้วยกระจกรับแสงธรรมชาติเชื่อมต่อกันมาจากโซนแรกเลย ซึ่งบ้านของจริงเค้ากั้นตรงนี้ไว้อีกหนึ่งห้องเพื่อความเป็นส่วนตัวนะครับ เค้าติด Magnetic Sensor มาให้ทั้งประตูและหน้าต่างทุกบานที่เปิดได้ครับ ปลอดภัยหายห่วง
นั่งจิบกาแฟยามเช้า รับแขกพร้อมกันได้ 2 ห้องเพลินๆ
ข้างกันเป็นโซนทานอาหารครับ สามารถจัดวางโต๊ะทานข้าวแบบ Long Table ได้ถึง 10 ที่นั่งขึ้นไป ตรงนี้ก็จะเป็นพื้นที่ให้ทุกคนในครอบครัวได้มาพบปะสังสรรค์กันได้ทุกวัน นึกภาพอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วอบอุ่นน่าดู
ใกล้ๆกันเป็นส่วน Pantry มีทั้ง island และส่วนเคาน์เตอร์พร้อมสำหรับเสิร์ฟและจัดเตรียมอาหารว่างง่ายๆ เข้าเซ็ตกับเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อนด้านหลัง
ข้างในเป็นครัวไทยขนาดใหญ่กว้างขวางน่าใช้งาน รองรับการต้มยำทำครัวได้เต็มเหนี่ยว พร้อมหน้าต่างเพิ่มแสงธรรมชาติและช่วยระบายอากาศ ประตูที่เห็นเชื่อมต่อไปสู่ห้อง Laundry และ ห้อง Maid ที่อยู่ด้านหลังครับ
อีกฝั่งนึงของครัว มีอีกประตูที่เข้ามาจากโรงจอดรถหน้าบ้านได้ครับ มี Foyer เล็กๆ ให้นั่งถอดหรือใส่รองเท้าตรงนี้
ข้างๆกันเป็นห้องนอนชั้นล่างสำหรับผู้สูงอายุครับ มีช่องแสงสาดส่องเช่นกัน ประตูห้องนี้จะกว้างเป็นพิเศษ และเป็นทางลาดเรียบตลอดจากหน้าบ้านเข้ามาสู่ห้องนี้เลย พื้นในห้องนี้จะเป็นพื้นพิเศษที่ซับแรงกระแทกด้วย ช่วยลดอาการบาดเจ็บจากการหกล้มภายในบ้าน
ห้องน้ำในตัวเป็นแบบ Universal Design ออกแบบมาให้ใช้งานกันได้ทุกคน และไม่ลืมที่จะใส่หน้าต่างระบายอากาศเข้ามาด้วย
พาไปดูชั้นบนกันต่อครับ ต้องบอกเลยว่าพื้นในส่วนของบันได และชั้น 2 เป็นพื้นไม้สักแท้ทั้งหมดเลยครับ นอกจากแข็งแรงทนทานยังดูสวยงามเป็นเอกลักษณ์
ขึ้นมาด้านบนจะเจอกับโซนที่เรียกว่า Loft Space ซึ่งจะเชื่อมต่อกับพื้นที่ชั้นล่างที่เป็น Double Volume จะปรับเป็นโซนอ่านหนังสือ หรือโซน Hobby ก็ได้ ผมนึกภาพคุณพ่อนั่งเอนหลังอ่านหนังสือ รอภรรยาคนสวยที่พาลูกออกไปเดินเล่นกลับเข้าบ้าน พร้อมตะโกนออกไปว่า หิวแล้วจ้ะที่รัก
มองลงไปจะได้บรรยากาศของความโปร่งบ้านเต็มตา มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อเลย
ผมขอพาทุกคนเข้าไปชมห้อง Master Bedroom สุดทางฝั่งนู้นก่อน แล้วค่อยไล่กลับมาแต่ละห้องแล้วกันครับ ซึ่งในโถงหน้าห้องตรงนี้ก็สามารถตกแต่งวางโต๊ะและโซฟา เป็น Living Area อีกโซนนึงได้เลยนะ เอาไว้ใช้ร่วมกันสำหรับห้องนอนรองอีก 3 ห้องได้ บ้านนี้มีระบบ Home Automation ติดตั้งไว้ ให้ตรวจเช็คความเรียบร้อย และควบคุมระบบเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้ด้วย
ที่นี่เป็น Master Bedroom ที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่มากแบบตะลึง จนเค้าเรียกว่า Master Suite เพราะมันมีครบทุกฟังก์ชันเลยครับ ที่เห็นกว้างๆ ทางขวามือพร้อมโซฟานั่นคือ Living Area ส่วนตัว เอาไว้กระหนุงกระหนิงกันอยู่สองคนหรือจะเรียกลูกๆ เข้ามาเอนจอยด้วยก็ได้ กว้างจนวางโต๊ะทำงานเพิ่มได้อีกนะเนี่ย
ซ้ายมือคือโซน Walk-In Closet ตกแต่งแบบกระจก 2 บาน แต่งตัวได้พร้อมกันในช่วงเวลาเร่งรีบ ชั้นเก็บของ เก็บเสื้อผ้ากระเป๋าจุใจ
ด้านในมีห้องน้ำที่ตกแต่งได้สวยหรู ด้วยกระเบื้องลายหินธรรมชาติสีเข้มขับสีห้อง มีอ่างแบบ Free stand ตรงกลาง ดูช่องแสงเรียงรายกันให้ความสว่างภายในห้อง
มีกระจกกั้นแยกส่วน Shower ที่มี Rain Shower ติดตั้งมาให้ กับส่วนโถสุขภัณฑ์ออกจากกัน อีกฝั่งมีอ่างล้างมือแบบ His & Her ใช้งานพร้อมกันได้ ห้องน้ำของบ้านมาตรฐานก็ตกแต่งแบบนี้ให้เลยครับ
ฝั่งตรงข้ามกันก็เป็นพื้นที่ของห้องนอน Master นั่นเอง ดูระยะดูทีวีในโซน Living ส่วนตัวนี่สิ สามารถยืนเล่นเกมเต้นได้ 5 คนพร้อมกันสบายๆ
ห้องนอนนี้รองรับการจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ และยังเหลือพื้นที่รอบๆ สบายๆ นะ
มากับกระจกขนาดใหญ่ชมวิวได้เต็มตา พร้อมระเบียงที่ห้องนี้ด้วย สามารถติดตั้งทีวีได้ที่ปลายเตียงก็ยังเดินได้โดยรอบสะดวกๆ ถ้ารวมพื้นที่ทั้งหมดทุกโซนสำหรับเจ้าของบ้าน พื้นที่ฝั่งนี้ก็เหมาะสมสำหรับคำว่า Master Suite จริงๆ
มาที่ห้องนอนอื่นๆ ที่เหลือครับ เค้าตกแต่งเป็นห้องสำหรับลูกๆ ห้องนี้ก็เป็นห้องของเด็กหนุ่มที่รัก Activities ทั้งกีฬาและดนตรี มีหน้าต่างช่องแสงที่หัวนอนทั้ง 2 ฝั่งเลย
ห้องน้ำในห้องนี้ก็จะตกแต่งด้วยกระเบื้องสีเข้มเหมือนกัน มาพร้อมกับที่นั่งในส่วนอาบน้ำให้ทุกห้อง
ถัดกันเป็นห้องนอนของลูกสาวคนเล็ก ซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับห้องที่แล้ว มีห้องน้ำในตัวเช่นกัน แต่จะตกแต่งด้วยกระเบื้องสีอ่อนครับ
ใกล้กันก็เป็นห้องนอนที่ใหญ่รองลงมาจากห้องนอน Master ครับ ได้หน้าต่างบานใหญ่ไม่แพ้กัน นอกจากวางเตียง King Size ได้แล้ว ยังมีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมส่วนตัวในห้องได้เลย บรรเลงเพลงกันอย่างสนุกสนานไม่รบกวนใคร
ห้องน้ำในห้องนี้ก็จะมีอ่างอาบน้ำมาให้อีกหนึ่งห้อง แต่คนละสไตล์กับห้องนอน Master นะ มีกระจกกั้น พร้อมตกแต่งด้วยกระเบื้องสีอ่อนแบบนี้เลยครับ แยกส่วนเปียกแห้งไว้ โดยให้นอนแช่น้ำติดกับกระจกบานใหญ่
เท่านี้ก็ครบสำหรับห้องนอนทุกห้องแล้ว แต่ยังไม่จบสำหรับบ้านหลังนี้ครับ
และแล้วก็มาถึงจุดสุดท้ายของเราที่อยู่หลังม่านเหนือบันไดนี้นี่เอง เดาได้มั้ยครับว่าคือห้องอะไร
ที่นี่เค้าตกแต่งเป็นห้องดูหนังนั่นเองครับ มีน้องน้อยตัวเล็กแอบมานอนดูหนังเรื่องโปรดได้แบบเพลิดเพลิน บรรยากาศน่ารักมาก เป็นห้องใต้หลังคาที่ใช้งานได้จริง มีพื้นที่เพียงพอให้ใช้งานแบบไม่อึดอัดเลย
อยากจะทิ้งตัวลงนอนดูหนังด้วยกันในห้องนี้ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าต้องกลับบ้านแล้ว
ขอช็อตฟีลทุกคนจากห้องน่านอน ออกมาสู่ด้านนอกกันครับ หลังนี้จอดรถได้รวมทั้งหมด 4 คันในที่ร่ม คงพอได้เห็นภาพความน่าอยู่ของบ้านโมเดลใหม่ของ THE CITY ที่นี่กันนะครับ
มาดูส่วนกลางภายในโครงการกันบ้างครับ ที่เค้าเรียกสั้นๆ ว่า ‘THE CLUB’
ด้านนอกมีสระว่ายน้ำ แยกสระเด็กกับสระผู้ใหญ่เรียบร้อย พร้อมพื้นที่นั่งพักผ่อนรอบข้างสระ ให้ชมสวนสีเขียว พร้อมๆ กับฟังเสียงสายน้ำครับ
พื้นที่ชั้นล่างด้านในอาคารคลับเฮ้าส์เป็นส่วน Living Lounge รับรองแขกของลูกบ้าน โปร่งโล่งสบาย พร้อมห้องประชุมแบบส่วนตัวครับ ตลอดทางบันไดที่เดินขึ้นไปชั้น 2 และเชื่อมโยงกับโซนต่างๆ เค้าปูพรมหมดเลยครับ
ที่ชั้นบนมี Fitness ขนาดใหญ่ทีเดียว ตกแต่งพื้นด้วยลายแบบ Herringbone มาพร้อมกระจกบานใหญ่ชมวิวโครงการกับสระว่ายน้ำด้านล่าง
อยู่ถัดกันมามีห้องดูหนังส่วนตัว ที่ชวนสมาชิกในบ้านมาดูหนังด้วยกันในวันสบายๆได้เลย
และยังมีพื้นที่ Co-Working Space ขนาดใหญ่น่าใช้งาน จริงๆ แล้วเค้าจะแบ่งเป็นมุมต่างๆ กัน แต่ในวันนี้ใช้จัดงานแถลงข่าวก็จะได้เห็นภาพความยืดหยุ่นของพื้นที่ที่เอาไว้จัดกิจกรรมต่างๆ ได้หลากหลายครับ
เป็นยังไงกันบ้างครับ กับความน่าสนใจของโครงการ “THE CITY Charan-Pinklao” เรียกว่าเป็นการปรับโฉมแบรนด์เดิมใหม่หมด เพื่อตีตลาดบ้านหรูในปีนี้ของทาง AP จากแนวคิดสั้นๆ ที่ได้ใจความว่า “บ้านที่เข้าใจชีวิต” ด้วยพื้นที่ที่ตอบทุกคนในบ้าน ทำให้เราได้เห็น Space และฟังก์ชันต่างๆ ที่เค้าคิดมาให้กับทุกสมาชิกในครอบครัวได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขครับ