Supalai Icon
การจะพัฒนาโครงการคอนโดสักที่หนึ่ง ก็อาจเริ่มจากการหาทำเล ไม่ก็สำรวจจากความต้องการของตลาดกันก่อน แต่โครงการที่ผมเอามาเล่าให้ฟังวันนี้ เค้าเริ่มจากชื่อ ซึ่งปิ๊งไอเดียคำว่า “ Supalai Icon ” ขึ้นมา ชื่อนี้สื่อความหมายว่าต้องเป็นโครงการที่ดีที่สุด มีความโดดเด่น และตั้งอยู่บนทำเลที่ดีเท่าที่จะหาได้ ทั้งหมดนี้เพื่อให้ “Iconic” สมชื่อ แต่กว่าจะตามหาความลงตัวที่สมบูรณ์แบบได้ขนาดนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่าย โครงการนี้ก็เลยยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน…..
จนกระทั่งปี 2560 ที่ผ่านมา การรอคอยได้สิ้นสุดลง เมื่อศุภาลัยสามารถประมูลที่ดินผืนงามใจกลางสาทรมาได้ ก็กลายเป็น Perfect Match ในแง่ของทำเลที่จะทำโครงการที่เคยคิดไว้ให้เป็นจริงได้ซักที จนได้กลายมาเป็น “ศุภาลัย ไอคอน สาทร” ให้เราได้ชมกันในวันนี้ครับ
ศุภาลัย ไอคอน สาทร เป็นโครงการ Mixed Use ที่รวมที่อยู่อาศัย สำนักงาน และร้านค้า เข้าไว้ด้วยกัน รวมมูลค่าโครงการกว่า 20,000 ล้านบาท นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของศุภาลัยเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะได้ที่ดินที่เคยเป็นสถานทูตออสเตรเลียเดิม (ปัจจุบันย้ายไปอยู่บนถนนวิทยุ) มาอย่างถูกจังหวะแล้ว โครงการนี้ยังเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ศุภาลัยก่อตั้งบริษัทฯ มาเกือบ 30 ปี จึงบอกได้เลยว่านี่เป็น Flagship Project ของจริง
Design concept สะท้อนการให้เกียรติคุณค่าหรือ Heritage ของพื้นที่ดั้งเดิม เริ่มตั้งแต่การอนุรักษ์ไม้นานาพันธุ์ที่มีอยู่แล้ว พร้อมกับเพิ่มพื้นที่สีเขียวเข้าไปอีกรวมกว่า 2 ไร่ มีทั้ง Vertical Garden, Roof Garden รวมไปถึง Green Wall ที่ล้อมรอบตัวอาคารทั้ง 3 ด้าน แถมนำเอา element ต่างๆ ของออสเตรเลียมาเป็นแกนในการออกแบบ เช่น การรังสรรสวนด้านหลังให้เป็น Rain Forest มีธารน้ำ น้ำพุ ศาลา และรูปปั้นสัตว์พื้นเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหมีโคล่า ตุ่นปากเป็ด นกอีมู เพื่อสะท้อนสภาพป่าธรรมชาติของออสเตรเลีย ให้ความรู้สึกเหมือนยกป่ามาไว้ใจกลางเมือง แถมสีหลักของอาคารก็ดึงมาจากสี Landscape ที่โดดเด่นของผืนทะเลทรายในประเทศออสเตรเลีย นั่นก็คือ สีทองแดงควบคู่ไปกับสีเทา
สำหรับส่วนโค้งบนยอดอาคารที่หลายคนสงสัย ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเสน่ห์ของความโค้งที่ดูไร้ขอบเขตของจักรวาล เส้นโค้งของสายรุ้ง รวมไปถึงส่วนโค้งของสะพาน Sydney Opera House ที่ให้ความรู้สึกโรแมนติก และดูมีเอกลักษณ์ ส่วนในเวลากลางคืนบนยอดอาคารนี้เองก็จะมีแสงไฟกระพริบวิ่งระยิบระยับ เหมือนแสงของดวงดาวช่วยให้โครงการดูโดดเด่นมากขึ้นด้วยครับ
อย่างที่ทราบกันดีว่าสาทรและสีลมคือหัวใจของย่านธุรกิจ เป็นศูนย์รวมออฟฟิศขนาดใหญ่ เช่น Empire Tower, Q House, สาทรซิตี้ ทาวเวอร์ ปริมาณคนทำงานหมึมานี้มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่รองรับอยู่รายล้อม ทั้งโรงแรม 5 ดาว อย่าง So Sofitel, W Bangkok และ Banyan Tree ที่มี Rooftop Bar ชื่อดังอย่าง Vertigo, โรงพยาบาล BNH และโรงพยาบาลเซ็นต์หลุยส์, สถานศึกษาชั้นนำ เช่น รร.เซนต์โยฯ รร.กรุงเทพคริสเตียน รร.อัสสัมชัญศึกษา และอัสสัมชัญคอนแวนต์, สถานทูต รวมไปถึงร้านอาหารและที่พักอาศัยระดับพรีเมี่ยม แต่สิ่งที่ทำให้โครงการนี้น่าสนใจก็ เพราะโครงการที่เปิดใหม่ในย่านนี้นั้นหาได้ยากมาก ด้วยเพราะที่ดินมูลค่า สูงลิบและถูกจับจองใช้สอยเป็นอาคารสำนักงานซะส่วนใหญ่ นี่จึงเป็นโอกาสสำหรับคนที่อยากอยู่อาศัยในเมือง ใกล้กับที่ทำงาน เพื่อประหยัดเวลาชีวิตและเป็นโครงการที่มีห้องขนาดใหญ่แบบอยู่ได้ทั้งครอบครัวจริงๆ
อีกหนึ่งความอุดมสมบูรณ์ คือ ความยืดหยุ่นเรื่องการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าให้เลือกใช้ 2 สาย ทั้ง BTS สถานีช่องนนทรี (1.2 กม.) และ MRT สถานีลุมพินี (900 ม.) แม้สถานีปัจจุบันอาจจะไม่ได้อยู่ใกล้ตัวโครงการ แต่สามารถขับรถไปส่งคนในครอบครัวได้ในเวลา 5-10 นาที และในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีเทา (สถานีสวนพลู) อยู่ในระยะไม่เกิน 100 เมตรหน้าโครงการ ส่วนการใช้รถนั้น โครงการตั้งอยู่บนถนนสาทรฝั่งสาทรใต้ เกือบจะตรงกลางระหว่างถนนพระราม 4 และถนนนราธิวาสฯ ถ้าจะเข้าเมืองก็วิ่งตรงไปถนนพระราม 4 เพื่อใช้เส้นทางต่างๆ ที่ตัดเชื่อมกับถนนสุขุมวิท ทั้งวิทยุ ราชดำริ และอังรีดูนังต์ หรือถ้าจะไปสีลมก็ใช้เส้นนราธิวาสเนี่ยแหละครับ อย่างที่ทราบกันดีว่าสาทรรถติดมาก แต่ความโชคดีคือที่ตั้งโครงการเหมือนเป็นใจกลางพายุ ที่สงบและรถเคลื่อนตัวได้ดี ด้านหน้าโครงการมีจุดกลับรถ 2 จุด ทำให้การเข้าออกค่อนข้างสะดวก ด้านหลังสามารถทะลุไปยังซอยสวนพลูเพื่อเลี่ยงรถติดในชั่วโมงเร่งด่วนเชื่อมไปนางลิ้นจี่ พระราม3 หรือทางด่วนก็ได้เลยครับ
สำหรับอาคารพักอาศัยมีจำนวน 1 อาคาร สูง 56 ชั้น หรือประมาณ 190 เมตร เป็นอาคารที่สูงที่สุดในย่านนั้น และสูงสุดเท่าที่ศุภาลัยเคยทำมาอีกด้วยครับ ตัวอาคารถูกสร้างให้หลบเลี่ยงกับอาคารรอบข้าง พูดง่ายๆ ก็คือเมื่อสร้างใหม่ก็คำนึงถึงเพื่อนบ้านไม่ได้สร้างให้ประชิดกันจนอึดอัด มีมุมมีเหลื่อมให้ Take วิวได้โดยไม่บังวิวซึ่งกันและกัน รวมห้องพักอาศัยทั้งหมด 787 ยูนิต แบ่งเป็น 1 ห้องนอน ขนาด 42 – 61 ตร.ม./ 2 ห้องนอน ขนาด 65 – 98 ตร.ม./ 3 ห้องนอน ขนาด 100.5 – 343 ตร.ม. / 4 ห้องนอน ขนาด 206 – 350 ตร.ม. และ Skyline Penthouse 5 ห้องนอนขนาด 970 ตร.ม. ซึ่งมีแค่ยูนิตเดียวเท่านั้น ห้องนี้ก็จะพิเศษกว่าเพื่อนหน่อย เพราะได้สระว่ายน้ำ สวน และมีลิฟต์ส่วนตัว อยู่บนชั้นสูงสุดกันไปเลยครับ จะสังเกตว่าที่นี่เน้นห้องขนาดใหญ่ทั้งนั้น เพื่อพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางอยู่สบาย สร้างครอบครัวได้ในระยะยาว
ส่วนกลางทั้งหมดอยู่บนชั้น 11 มีทั้งสระว่ายน้ำระบบเกลือที่ทำออกมาหลายรูปแบบ มีเกาะ มีหาดทรายจำลอง ต้นมะพร้าว เข้ามาสร้างบรรยากาศเหมือนยกทะเลมาไว้ที่นี่ มี Jacuzzi, Steam & Sauna, Kids’ Club, ฟิตเนสแบบ Double space, Group Cycling, Flying Yoga, Boxing, Library & Co-living Space, Table Tennis Room, ห้องดูหนังและคาราโอเกะ, Sky Lounge, หน้าผาจำลองสำหรับเด็ก และที่สำคัญคือ Aqua Hydrotherapy หรือสระบำบัด ที่จะมีระบบนวดผ่อนคลายในส่วนต่างๆ ได้ให้ด้วย
อีกหนึ่งความละเมียดละไมคือการตกแต่งด้วยวัสดุที่คัดมาแล้วว่าดีจริงๆ พื้นห้องนั่งเล่นที่นี่ใช้เป็นกระเบื้องหินอ่อนจาก Cotto Italia เชื่อมต่อกับพื้นครัว ส่วนห้องนอนจะเป็นไม้เอนจิเนียร์ กระจกห้องนอนเป็นแบบ Double Glazing ที่มีความแข็งแรง ปลอดภัย ลดเรื่องเสียงและความร้อนที่เข้ามาในห้องได้ เครื่องปรับอากาศแบบ Cassette Type ระบบ VRV ช่วยประหยัดพลังงาน สุขภัณฑ์อัตโนมัติตัว Top สุดจาก Kohler แต่ที่ทำมาถูกใจผมจริงๆ คือบริเวณครัวที่จัดมาให้ครบแบบไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม ตกแต่งไว้สวยงามและเก็บทุกพื้นที่ใช้สอยมาให้หมด ทั้งตู้เก็บของ ชั้นวางอุปกรณ์ต่างๆ ก็ทำมาให้หยิบจับง่าย สะดวกต่อการใช้งาน ติดตั้งมาให้พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าจาก Küppersbusch ทั้งฮูดดูดควัน เตาไฟฟ้า และไมโครเวฟที่สามารถเป็นเครื่องอบได้ มาพร้อมระบบ Pop-up Plug และเครื่องบดเศษอาหาร รวมถึงตู้เย็น Built-In ที่เก็บซ่อนอยู่ในบานตู้ครัวสี Copper แถมยังจัดระบบ Home Automation รุ่นใหม่ของ Schneider ที่นำมาใช้ที่นี่เป็นโครงการแรกมาให้อีกด้วย
เป็นยังไงกันบ้างครับกับ “ศุภาลัย ไอคอน สาทร” ผมอยากจะชวนดูว่าฟังแบบนี้แล้วต้องไปดูห้องตัวอย่างที่ Sale Gallery กันด้วยตาตัวเอง เป็นสำนักงานขายที่สวยที่สุดของเค้าและเป็นห้องตัวอย่างที่ตกแต่งไว้อย่างงามโดยเฉพาะครัวของห้องแบบ 3 ห้องนอน ที่ทำมาเหมือนเป็น Kitchen Showcase เปิดโชว์ต้อนรับแขกได้เลย เป็นอีกหนึ่งความแปลกใหม่ที่เราไม่ค่อยเห็นจากศุภาลัยได้บ่อยๆ โครงการนี้จึงถือว่าเป็น Iconic สมชื่อ เอาล่ะ Presale ใกล้เข้ามาแล้ว 25-26 พ.ค.นี้ ใครสนใจคอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury บนทำเล Freehold ผืนท้ายๆ ใจกลางสาทรก็เตรียมตัวกันให้ดี ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 8.99 – 280 ลบ. กับห้องพักขนาด 1-4 ห้องนอน และ Super Penthouse 5 ห้องนอน (42-970 ตร.ม.) มีส่วนลด 10% ทันทีในวันเปิดตัวด้วยนะฮะ แฟนเพจแอบดูคอนโดที่สนใจคลิกเข้าไปลงทะเบียนกันก่อนที่นี่ >> http://bit.ly/2WbpGyN
เราตามไปดูห้องตัวอย่างพร้อมๆ กันได้เลยคร้าบบบ
ศุภาลัย ไอคอน สาทร
ขอเปิดด้วยภาพมุมสูงของ ศุภาลัย ไอคอน สาทร กันก่อนครับ นอกจากจะเป็นโครงการที่มีความสูงที่สุดเท่าที่ศุภาลัยเลยทำมาแล้ว ยังถือว่าเป็นโครงการที่สูงที่สุดในย่านนั้นอีกด้วย มีการออกแบบแสงไฟให้โดดเด่นในตอนกลางคืน ทั้งที่ตัวอาคาร ถนนภายในโครงการ บริเวณโดยรอบ และประดับตามจุดต่างๆ ทำให้ภาพลักษณ์อาคารดูสวยงาม
นอกจากเรื่องของพืชพรรณแล้ว สัตว์ท้องถิ่นอย่างจิงโจ้ก็เป็นอีกเอกลักษณ์หนึ่งของประเทศออสเตรเลียที่ขาดไม่ได้ โครงการได้สร้างประติมากรรม Kangaroo Sculpture เป็นรูปจิงโจ้ 5 ตัวที่กำลังกระโดดตามๆ กันมา สื่อความหมายถึงความก้าวหน้า ความเจริญรุ่งเรื่อง และการนำพาไปสู่ความสำเร็จ ตั้งกันไว้ให้เห็นเด่นๆ หน้าโครงการเลย น่าจะเป็นจุดเช็คอินที่ถ่ายรูปแล้วก็รู้ว่าอยู่ที่ไหนอีกแห่งนึงใน กทม.
Opal Lounge สำหรับนั่งพักผ่อน
มาถึงส่วน facilities กันบ้าง ขอยกภาพบางส่วนมาให้ชมกันครับ เริ่มจากส่วนที่เป็น Opal Lounge สำหรับนั่งพักผ่อนพบปะท่ามกลางแสงสีของแชนเดอเลียร์หยดน้ำที่สวยงาม
Fitness ส่วนออกกำลังกาย
ส่วนของฟิตเนสที่นี่กว้างขวางถึง 2 ชั้น มีทั้งส่วนออกกำลังกายรวม และห้องที่สามารถจัดกิจกรรมแบบกลุ่มได้
Aqua Hydrotherapy สระบำบัดปรับสมดุลของร่างกาย
อีกหนึ่งไฮไลท์คือ Aqua Hydrotherapy สระบำบัดที่จะช่วยปรับสมดุลของร่างกาย มีจุดนวดบริเวณต่างๆ ทำงาน ฝ่ารถติดกลับมาเหนื่อยๆ ได้ลงแช่สระนี้คงสบายน่าดูเลยครับ
Milky way Theatre & Karaoke ส่วนตัว
นอกจากนี้ยังมีห้องดูหนังที่สามารถปรับเป็นห้องคาราโอเกะส่วนตัวได้ด้วย บนเพดานออกแบบให้เหมือนแสงดาวระยิบระยับยามค่ำคืน ห้องนี้จึงได้ชื่อว่า Milky way Theatre & Karaoke เพราะเสมือนนั่งอยู่ใต้ทางช้างเผือกนี่เอง
ห้องตัวอย่าง Type 1 Bedroom ขนาด 45 ตร.ม.
เข้ามาที่ห้องตัวอย่าง เริ่มจากห้อง Type 1 Bedroom ขนาด 45 ตร.ม. กันก่อนนะครับ ความโปร่งของห้องนี้มาจากความสูงเพดานที่สูงถึง 2.85 ม. เดินเข้ามาจะเป็นในส่วนของ Living ซึ่งมีระยะดูทีวีที่สบายๆ ครับ สามารถจัดวางโต๊ะกาแฟเล็กๆ เข้าไปได้แบบไม่เกะกะทางเดินเลย ผนังที่ห้องตัวอย่างนี้ตกแต่งด้วย Wallpaper แต่ห้องจริงก็จะเป็นแบบฉาบเรียบทาสีนะครับ จะได้ตกแต่งได้ตามแบบที่ชอบได้สะดวก ส่วนบริเวณด้านข้างชั้นวางทีวีเค้ามีพื้นที่สำหรับทำชั้นวางรองเท้าไว้ให้
สำหรับวัสดุที่เค้านำมาใช้กับโครงการนี้ เค้าเลือกของดีมาให้ เริ่มจากส่วนพื้นบริเวณ Living Room จะใช้เป็นกระเบื้อง COTTO ITALIA ซึ่งจะดีกว่าพื้นธรรมดาทั่วไปทั้งในเรื่องความคงทนแข็งแรง และลวดลายที่เป็นธรรมชาติ สวยงามเสมือนจริง
ด้วยห้องที่มีขนาดใหญ่ ก็จะมีพื้นที่จัดวางเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวเป็นฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ครบ ทั้งโซฟา และโต๊ะทานข้าวสำหรับ 2 ที่นั่ง จริงๆ พื้นที่ที่กว้างขนาดนี้ จะจัดเพิ่มเป็น 3-4 ที่นั่งผมว่าก็ยังทำได้ แต่อาจจะต้องชดเชยกับระยะเปิดบานเลื่อนเข้าห้องนอนที่น้อยลงไป หรือใครอยากจะเปลี่ยนเป็นพื้นที่ตรงนี้เป็นมุมนั่งทำงานไปด้วยก็ได้เหมือนกัน
Smart Kitchen ห้องครัว Built in ครบเซ็ท
สำหรับส่วนครัวนี่ไม่ธรรมดา โครงการ Built in ไว้ให้ครบเซ็ทแบบที่ว่าได้ทุกชิ้นตั้งแต่ชุดครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้าและราวแขวนทั้งหมด รวมถึงกระจกตกแต่งด้านหน้าเคาน์เตอร์ ออกแบบด้วยคอนเซปต์ Smart Kitchen เพราะมีอุปกรณ์ครบครันและการใช้สอยทำได้สะดวก พื้นที่เคาน์เตอร์เป็นทรงตัวยู หน้าบานด้าน โทนสี Copper ที่เป็นสีเฉพาะของโครงการนี้ครับ
สะอาดปลอดภัย
ส่วน Top จะได้เป็นหินเทียมลายหินอ่อนโทนสว่าง ไฟซ่อนใต้ชุดครัวเป็นระบบ Sensor ซึ่งปลอดภัยและใช้งานง่ายกว่าสวิตช์ธรรมดา ถ้าเพิ่งล้างมือเสร็จ หรือมือเปื้อนซอส เปื้อนน้ำจิ้ม อยากจะเปิดไฟก็แค่ยืนมือผ่านใต้ Sensor ไป ไฟก็จะเปิดโดยอัตโนมัติครับ
สำหรับอุปกรณ์ในครัวที่ได้ก็จะมีเตาไฟฟ้าและเตาไมโครเวฟ จาก Küppersbusch ที่สามารถใช้อบอาหารได้ด้วย, ฮูทดูดควัน, ตู้เย็น Built in ที่ซ่อนอยู่ในตู้ครัวบานสีคอปเปอร์ทางขวามือและเครื่องซักผ้าทั้งหมดนี้จาก Teka เค้าก็ให้เช่นกันครับ
ที่มองหาจุดเสียบปลั๊กไม่เจอ เพราะทำเป็น Pop Up Plug ไว้ให้เรียบร้อย จะใช้ก็กดให้สูงขึ้นมา ไม่ใช้ก็กดเก็บลงไป สะดวกและเก็บเรียบร้อย เผื่อว่าใครอยากจะใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มเติม หรือใช้บรรดา Tablet, iPad ทำกับข้าวไป Live สดไป หรือเปิด Youtube ดูวิธีการทำอาหารพิชิตใจคุณสามี ก็ทำได้ตามสบายเลยครับ
ที่ว่า Smart Kitchen ก็เพราะทุกช่อง ทุกส่วนที่ต้องใช้งาน เค้าจัดเตรียมมาให้ครบแล้วว่ามันต้องได้ใช้งานจริงๆ อย่างชั้นเป็นของตรงนี้ เราสามารถดึงลงมาใช้งานได้ง่ายๆ ไม่ต้องเขย่งหรือหาบันไดสเต็ปมายืนให้สุ่มเสี่ยง บางชั้นที่เข้ามุมก็มีชั้นด้านในซ่อนอยู่และเคลื่อนที่ออกมาให้หยิบจับวางของได้สะดวก พูดง่ายๆ ก็คือ ตู้ครัวออกแบบมาใช้งานได้เหมาะมือ
ใต้อ่างล้างจานทางโครงการได้ติดตั้งเครื่องบดเศษอาหารไว้ตรงท่อน้ำทิ้ง ซึ่งเราสามารถทิ้งเศษขยะ เศษอาหารเล็กๆ ลงไปได้โดยที่ไม่ทำให้ท่ออุดตันครับ เป็นความ Smart อีกจุดที่เหมาะกับคนชอบทำกับข้าวเอง
แอร์ Cassette 4 ทิศทาง ระบบ VRV ประหยัดพลังงาน
สำหรับห้อง Type นี้จะมีแอร์ Cassette 4 ทิศทาง ช่วยให้ความเย็นกระจายไปรอบห้องได้มากขึ้น จะให้มาในส่วนของห้องนั่งเล่นและห้องนอน เป็นระบบ VRV ช่วยประหยัดพลังงานอีกด้วยครับ
ห้องน้ำ
ถัดมาคือ “ห้องน้ำ” ซึ่งจะเข้าได้จากบริเวณส่วนครัวครับ ภายในจะแบ่งส่วนเปียก ส่วนแห้ง ด้วยฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย เจาะผนังพร้อมชั้นวางของไว้แล้ว เหมาะสำหรับสาวๆ ที่เห็นแล้วคงยิ้มในใจ “ฉันจะมีที่วางเครื่องประทินผิว 108 ยี่ห้อในนี้ได้” …ส่วนกระเบื้องปูพื้นเป็น COTTO ITALIA เนื้อแมท ไม่ลื่นปลอดภัยสำหรับลูกค้า โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ คงช่วยให้ลูกหลานได้สบายใจขึ้นครับ ส่วนกระเบื้องผนังจะเป็น COTTO ITALIA เหมือนกันแต่จะเป็นเนื้อซาติน ที่จะมีความเงางามขึ้น….
สำหรับอุปกรณ์ต่างๆ ที่ศุภาลัยให้มาเป็นมาตรฐานของห้องนั้น มีครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นอ่างล้างมือ ฝักบัวทั้งแบบธรรมดาและ Rain Shower กระจกแต่งหน้าที่สามารถเก็บของได้ภายใน รวมไปถึงสุขภัณฑ์อัจฉริยะที่ดีที่สุดจาก Kohler ซึ่งสามารถสั่งการผ่าน Panel แบบไร้สายได้ …ซึ่งน่าจะเป็นที่แรกๆ ที่นำรุ่นนี้มาใช้กับโครงการครับ คุณสมบัติครบครันและสามารถฆ่าเชื้อโรคผ่านรังสียูวีในตัวด้วย ..Accessories ต่างๆ ในห้องน้ำใช้แบรนด์ Gessi นำเข้าจากอิตาลีทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่ราวแขวนผ้า
ห้องนอน
สำหรับห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานสไลด์ 3 ตอน ซึ่งข้อดีของการใช้ประตูบานกระจกบานสไลด์แบบนี้คือ การลดการใช้พื้นที่ได้มากกว่าการกั้นทึบ ทั้งยังช่วยให้ห้องเราดูโปร่งสบาย ถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นก็ใช้การติดฟิล์ม หรือติดม่านเพิ่มเติมครับ
สำหรับวัสดุที่ใช้ในห้องนอนก็ตอบโจทย์ฟิลลิ่งการอยู่อาศัยที่ดี ไม่ว่าจะเป็นพื้นไม้เอนจิเนียร์ และกระจก Full Height ด้วยความสูงกระจกขนาดนี้ นอกจากจะเปิดมุมมองภายนอกได้เต็มตาแล้ว ยังเป็นแบบ Double Glazing มีความทนทานต่อรอยขีดข่วน สามารถลดทอนความร้อนจากแสงแดด ทำให้ประหยัดพลังงาน และลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีกว่ากระจกทั่วไปครับ
สำหรับพื้นที่โดยรวมภายในห้องนอนก็กว้างขวาง สามารถวางเตียง 6 ฟุตได้สบาย สามารถกั้นแบ่งสัดส่วนการใช้งานทั้งเตียงนอนและห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ได้ อ้อ กระจกในฝั่งนี้นั้น สามารถเปิดระบายอากาศด้วยหน้าต่างบานกระทุ้ง 1 บานด้านข้างครับ
พื้นที่ส่วนปลายเตียงนี่แหละที่มีไว้สำหรับฟังก์ชั่นของส่วนแต่งองค์ทรงเครื่อง ซึ่งเราสามารถวางตู้เสื้อผ้าเพื่อเพิ่มความกว้างของห้อง หรือจะทำแบบ Walk-in Closet เหมือนที่โครงการตกแต่งโชว์ก็ได้ ซึ่งจะช่วยทำให้ห้องเป็นสัดส่วนมากขึ้น
ส่วนมุมในสุดจะมีระเบียงที่ทางโครงการออกแบบไว้สำหรับวางคอมเพรสเซอร์แอร์แบบพรางตา ซึ่งช่วยสร้างความสวยงามให้กับตัวอาคารโดยรวม
ห้องตัวอย่าง Type 3 BEDROOMS ขนาด 115 ตร.ม.”
ถัดมาอีกหนึ่ง Type เป็นห้องที่มีขนาดใหญ่กว้างขวาง นั่นก็คือแบบ “3 BEDROOMS ขนาด 115 ตร.ม.” จากส่วนทางของเข้า โครงการเผื่อพื้นที่ไว้ให้เราทำตู้เก็บของหรือตู้เก็บรองเท้าบิวท์อินไว้เหมือนกับห้องแรก และก็น่าจะเป็นตำแหน่งที่สะดวกที่สุดสำหรับฟังก์ชั่นนี้ครับ
ห้องครัวแบบปิด
ถัดมาหน่อยจะเป็นครัวปิด ซึ่งเป็นครัวขนาดใหญ่ มีพื้นที่กว้างขวางใช้งานได้สะดวก ช่วยลดปัญหากลิ่นจากการทำครัว และยังออกแบบเป็นกระจกมุมตัด สวยงามเหมือน Kitchen Showcase เป็นพื้นที่สำหรับไว้โชว์ได้ด้วย
และนี่แหละก็คือผลงานของคอนเซปต์ Smart Kitchen ครับ Counter เป็นทรงตัวแอล ส่วน Top, หน้าบาน Counter รวมถึงฟังก์ชั่น ต่างๆ จะได้เหมือนกับห้องตัวอย่าง Type ที่แล้ว สิ่งที่เพิ่มเติมจากห้องที่ผ่านมาคือ อุปกรณ์ที่รองรับครอบครัวใหญ่ เช่น เตาไฟฟ้าขนาด 4 หัว และตู้เย็น Size ขนาดมหึมาพร้อมระบบกดน้ำร้อนน้ำเย็น รับรองว่าช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และเทศกาลรวมญาติ ก็สามารถทำกับข้าวสำหรับทั้งครอบครัวได้เลยครับ
Living room
ตำแหน่งที่เรายืนอยู่นี้จะเป็นบริเวณกลางของห้อง เชื่อมโยงไปกับส่วน Living ที่อยู่ติดกับ Master Bedroom ซึ่งอยู่ด้านหลังทีวี ตรงนี้จะสามารถวางโซฟาลอยตัวขนาดใหญ่ได้ ส่วนนี้จะได้พื้นที่เยอะพอสมควร เหมาะกับการเป็นพื้นที่รวมตัวของสมาชิกในครอบครัวทุกหมู่เหล่ามานั่งจับเข่าเม้าท์คุย เราอยากจะให้ห้องโปร่งหรือใช้งานฟังก์ชั่นได้เต็มที่ก็ขึ้นอยู่กับการเลือกรูปแบบและขนาดของเฟอร์นิเจอร์แล้วล่ะครับ
ระเบียง 2 ชั้น แบบ Double Skin
พื้นที่ที่อยู่ติดกันคือระเบียง ซึ่งทางโครงการออกแบบให้เป็นระเบียง 2 ชั้น แบบ Double Skin เป็นพื้นที่กึ่ง Semi Outdoor เราจะเปิดบานเลื่อนรับลมเหมือนเป็นระเบียงทั่วไปก็ได้ หรือจะปิดเพื่อขยายส่วน Living ให้กว้างออกไปอีก ก็ทำให้ยืดหยุ่นในการใช้งานมาก จะทำเป็นมุม Dinner มองแสงจันทร์กับคนรักสองต่อสอง แบบโรแมนติก หรือเป็นมุม Sip กาแฟเข้มๆ เช็คข่าวก่อนออกไปทำงานก็ตามสะดวก เพราะพื้นที่ตรงนี้กว้างและจัดเฟอร์นิเจอร์มาลงไม่ยากเลยครับ ฟังก์ชั่นแบบนี้ยังช่วยแบ่งเบาภาระให้เรา ไม่ต้องคอยจัดการทำความสะอาดระเบียงด้วยเหมือนกัน ฮ่าๆ
โซน Living ยังมีพื้นที่เชื่อมโยงไปด้านในอีกส่วน ซึ่งโครงการลองจัดวางโต๊ะทานข้าวขนาด 4 ที่นั่งให้ดูเป็นตัวอย่าง สำหรับแอร์ในห้องนี้ก็เป็น Cassette Type เหมือนกันแต่จะมีขนาดกะทัดรัดมากกว่า กระจายอยู่ทั่วถึงในทุกห้อง
ห้องนอน Master Bedroom
เข้าไปชมห้องนอนกันบ้าง ขอเริ่มจาก Master Bedroom ที่อยู่ด้านหลังทีวีกันก่อนครับ ถ้าเดินเข้ามาภายในเราจะพบกับพื้นที่ภายในห้องที่กว้างขวาง จัดเรียงส่วนต่างๆ ไล่ไปตามหน้ากว้างทั้งซ้ายและขวา ส่วนของเตียงจะอยู่ทางขวามือ ติดกับบานกระจกในทิศเดียวกับห้องนั่งเล่นด้านนอก เห็นกระจกเต็มด้านแบบนี้ นึกถึงท่ายืน Take View จิบกาแฟสวยๆ ในโฆษณาเนเจอร์กิฟเลยทีเดียว ฮ่าๆ
ด้วยความกว้างของห้อง ทำให้พื้นที่จากขอบเตียงไปจนถึงผนังกระจกเหลือระยะพอสมควร เหมาะเหม็งสำหรับการวางโต๊ะทำงานเพื่อรับชมวิวและรับแสงธรรมชาติ แต่ถ้าเราไม่ใช่สาย Workaholic ก็ปรับเปลี่ยนเป็นฟังก์ชั่นตามไลฟ์สไตล์ แบบDaybed ไว้นอนหนุนปัด iPad ชิลๆ ก่อนเข้านอนก็ได้ครับ แน่นอนว่ากระจกในห้องนอนนี่ก็จะเป็นแบบ Double Glazing เช่นเคย มาพร้อมหน้าต่างบานกระทุ้ง 1 บาน ไว้รับลมภายนอกให้ห้องไม่อับอยู่ตลอดเวลา
ตู้เสื้อผ้า และ โต๊ะเครื่องแป้ง
ฝั่งซ้ายมือของห้องนี้ เค้าออกแบบเป็นส่วนของตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งก็เป็นไอเดียสำหรับทำตามหรือจะออกแบบตามการใช้งานของเราก็ได้เหมือนกัน ส่วนถ้าอยากได้แบบ Walk-in Closet ก็ต้องทำฉากกั้นเป็นสัดส่วน แต่ก็อาจจะทำให้ห้องดูแคบลงไปหน่อย ก็อาจเลือกใช้วัสดุโปร่งแสงที่จะช่วยลดทอนความทึบลงไปมาใช้ได้ครับ
ห้องน้ำ master bedroom
ถัดเข้าไปคือห้องน้ำของ Master Bedroom สำหรับห้องนี้คือห้องที่เราได้อุปกรณ์มาตรฐานเหมือนที่จัดไว้ตามห้องตัวอย่าง สีอ่อนของพื้นและผนังที่ให้อารมณ์นิ่งสงบได้รับการตัดด้วยสีเข้มของ Counter อ่างล้างหน้า และฐานของ Bathtub ให้ดูเด่นมากขึ้น ส่วนด้านในของห้องเป็นส่วนอาบน้ำแบบยืนและโถสุขภัณฑ์ที่แยกส่วนเปียกและแห้งไว้เรียบร้อย 3 มุมในห้องนี้เรียกว่า ปวดหนักปวดเบาแค่ไหน ถ้าทนไม่ไหว ก็เข้าไปใช้ร่วมกันพร้อมกันได้ 3 คนเลยทีเดียว
ส่วน Bathtub ไม่พูดถึงก็ไม่ได้ เพราะเราจะสังเกตเห็นว่า โครงการออกแบบให้ขอบอ่างไม่สูงจนเกินไป ใช้งานง่ายเวลาก้าวเข้า ก้าวออก โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุครับ
ห้องนอนที่ 2
มาถึงห้องนอนที่ 2 …ซึ่งทางเข้าอยู่ถัดจากโต๊ะกินข้าว ห้องนี้สามารถวางเตียง King Size ได้เช่นเดียวกัน มีพื้นที่ในผนังด้านนึงจัดไว้สำหรับ Built In ตู้เสื้อผ้าได้ และตำแหน่งวางแอร์ก็อยู่บริเวณนี้ครับ
ห้องนอนที่ 2 ก็ยังมีห้องน้ำนัวนะ วัสดุอุปกรณ์ทุกอย่างยังมาครบ โดยเฉพาะสุขภัณฑ์ Kohler นี่ใส่ให้ทุกห้องไม่มีกั๊กเลย
ห้องสุดท้าย
มาต่อกันที่ห้องสุดท้าย ห้องนี้จะไม่มีห้องน้ำในตัว แต่ยังมีผนังกระจกให้ Take View เช่นเดียวกัน แถมขนาดก็กว้างขวางวางเตียงใหญ่ขนาด King Size ได้เหมือนเดิม ระยะของตำแหน่งตู้เสื้อผ้าและขอบเตียง ผมว่าพื้นที่มีเหลือพอให้ใช้งานได้อีก ถ้าเป็นสาวๆ อยู่จะเพิ่มโต๊ะเครื่องแป้งแต่งหน้าเล็กๆ หรือ คุณผู้ชายจะวางโต๊ะทำงานเพิ่ม ก็สามารถทำได้นะครับ…
และทั้งหมดนี้คือห้องตัวอย่างจากโครงการ “Supalai Icon สาทร” ที่แอบดูพามาชมกันในวันนี้ครับ นี่คือโครงการที่เป็นที่สุดของศุภาลัยไม่ว่าจะเป็นในแง่ขนาด, มูลค่าโครงการ และ Material ที่เลือกใช้ โดยยังคงรักษาการวางระดับราคาที่สมเหตุสมผล น่าจะตอบโจทย์คนที่มองหาห้องขนาดใหญ่ในทำเลสาทร ที่ตั้งวันนี้อาจจะไม่ใช่โครงการติดรถไฟฟ้าในปัจจุบัน แต่ถ้ารถไฟฟ้าสายสีเทาแล้วเสร็จเมื่อไหร่ คงไม่สามารถหาซื้อได้ในราคาวันนี้อีกแล้วครับ