ลองหลับตา และจินตนาการกันดูว่า…เราเดินอยู่ท่ามกลางฝูงชนขวักไขว่ บนถนนที่เต็มไปด้วยร้านรวงหลากสไตล์ ท่ามกลางเสียงดนตรีที่เปิดคลอ ได้ยินเสียงช้อนส้อมกระทบกับจาน ได้ลิ้มลองรสชาติอาหารที่หลากหลาย และสูดกลิ่นหอมที่แตกต่างกันไป บางทีก็ไปนั่งทำงานท่ามกลางคนที่ไม่รู้จัก ได้ลองตัดผมทรงใหม่ที่ยังไม่เคยทำ หรือออกไปย่ำราตรีที่เต็มไปด้วยแสงสี อยู่ท่ามกลางเสียงดนตรีที่อึกทึกคึกโครม และความพลุกพล่านของคนที่มาแฮงก์เอาท์ยามค่ำคืน…
เมื่อพลังงานที่เราใช้กับกิจกรรมเหล่านี้กำลังจะหมดลง เราเลือกที่จะเดินกลับบ้านทันใดนั้นทุกสิ่งที่เคยเกิดขึ้นพลันเงียบสงบ เหมือนหยุดเวลาทิ้งเอาไว้ด้านนอก คุณรู้สึกปลอดภัย อบอุ่น ได้เดินใต้ต้นไม้ใหญ่ ผ่านบันไดที่ไล่สเต็ปทีละขั้น ซึ่งแซมด้วยสีเขียวของสวนตลอดเส้นทาง ทันใดนั้นคุณก็รู้ว่า เรามาถึงบ้านแล้ว และนี่ก็คือบรรยากาศ “Feel like Home” ของ Rhythm Ekkamai Estate ที่ตั้งอยู่บนความเคลื่อนไหวไม่มีวันจบของถนนเอกมัย ซึ่งเชื่อมต่อไปกับทองหล่อในระยะใกล้นิดเดียว
ถ้าทองหล่อ เปรียบเสมือนจุดศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ของกรุงเทพ เอกมัยก็เป็นเหมือนน้องชายที่มีความหลากหลาย อยู่เคียงคู่ไปมาหาสู่กันได้สะดวก แต่เป็นในระดับที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า แถมยังมีความ Dynamic หมุนเวียนเปลี่ยนผัน เกิดสิ่งใหม่ให้ได้ลองอยู่เรื่อยๆ เพียงแต่ความหนาแน่นและคึกคัก จะอยู่ในช่วงของต้นและกลางซอยเอกมัยเสียมากกว่า และโชคดีมากที่ Rhythm Ekkamai Estate อยู่ในโซนนี้ครับ
ถ้าพูดเรื่องความหลากหลาย ขอยกซักตัวอย่างนึงที่จะเห็นภาพได้ชัดมาก ถ้าเราเดินเข้าซอยย่อยเพียงซอยเดียว เช่น เอกมัยซอย 2 หน้าปากซอยก็มีที่นั่งชิลพร้อมอาหารฝรั่งได้ที่ Ekkamai Beer house เดินไปข้างหลังร้าน ก็เจอคาเฟ่ Ink & Lion ที่สามารถดื่มด่ำกาแฟ พร้อมกับละเมียดงานศิลป์ได้พร้อมๆ กัน แถมอยู่ติดกับร้านอาหารเหนือสไตล์รสมือแม่ “หอมด่วน” ขยับก้าวไปอีกนิดก็พบกับ Cuisine de Garden BKK ร้านอาหารแบบ Fine Dining ของเชฟแนน ที่ผสมผสานวัตถุดิบธรรมชาติพื้นบ้านของไทยเข้ากับวัฒนธรรมตะวันตก แถมยังมีร้านซูชิพรีเมียมเจ้าดังอย่าง Joushitsu Sushi อยู่ไม่ไกล หรือถ้าอยากกินอาหารไทยทั่วๆ ไป ก็เดินไปร้านพริมต่อได้เลย และนี่แหละครับ ทั้งหมดนี้อยู่ในระยะเดินเพียง 200 ม. ในซอยย่อยซอยเดียวเท่านั้นเอง แต่ถ้าร้านต่างๆ ที่ว่ามายังไม่พอ ขอแนะนำให้ไปกอดเจ้าสี่ขาตัวใหญ่อุ่นๆ ในซอย 6 กับร้าน Dog in Town café ก็แล้วกัน นี่ยังไม่นับรวม Community mall และห้างต่างๆ ในระยะใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็น Gateway เอกมัย, เมเจอร์ เอกมัย, Park lane, Big C หรือใหม่ล่าสุดอย่างดองกี้ นะฮะ
สำหรับที่ตั้งของ Rhythm Ekkamai Estate ตัวใหม่ล่าสุดนี้ อยู่ตรงปากซอยเอกมัย 1 ที่ตั้งเดิมของร้านสบายใจไก่ย่างครับ ใครชอบมาฟังเพลงที่ The Cassette หรือ มานวดที่ Health land ก็จะผ่านอยู่ทุกครั้ง และเป็นทำเลที่จะเชื่อมไปทองหล่อง่ายดาย เพราะห่างจากเอกมัยซอย 5 (ทองหล่อ 10) ไปเพียงร้อยกว่าเมตรเท่านั้น แน่นอนว่าทำเลแบบนี้เหมาะมากกับการใช้ชีวิตนอกบ้านทั้งยามกลางวันและกลางคืน แต่เมื่อกลับถึงบ้านแล้วอยากพักผ่อน โครงการก็ตั้งใจที่ออกแบบให้เป็นเหมือนบ้าน โดยประยุกต์ดีไซน์มาจากบ้านเรือนดั้งเดิมแถวนี้ ที่มีจั่วและเสาบ้านเป็นเอกลักษณ์ พร้อมๆ กับการรักษาต้นไม้เก่าแก่อายุกว่า 50 ปีที่มีเดิมในพื้นที่เอาไว้เพื่อเป็นร่มเงาถาวร สร้างความร่มรื่นและอบอุ่นไปด้วยกัน
ถ้ามองจากด้านหน้า จะเหมือนกับอาคารแกลอรี่งานอาร์ท เพราะบริเวณ 7 ชั้นด้านล่าง ไม่ได้เป็น façade หรือเห็นเป็นบริเวณที่จอดรถเหมือนคอนโดทั่วๆ ไป แต่ปรับพื้นที่ด้านหน้าอาคารให้ใช้งานได้ กั้นเป็นโซน เกิดเป็นพื้นที่ส่วนกลางสวยๆ ไล่ตั้งแต่ชั้น G ถึง ชั้น 7 โดยใช้กระจกใสเปิดให้เห็นพื้นที่ภายใน แม้ไม่ได้อยู่ติดกันตลอดแนวทั้งชั้น แต่เดินเชื่อมหากันได้หมดด้วยบันไดราวกระจกที่โชว์ให้เห็นด้านหน้านี้ด้วย (ใครไม่อยากเดินก็มีลิฟต์ให้ใช้นะ) สามารถขึ้นไปได้จนถึง Lobby ที่อยู่ชั้น 7 อ้ะ ฟังถึงตรงนี้คงสงสัยทำไมมาอยู่ชั้นนี้ สิ่งที่ได้จากการยกระดับล็อบบี้ขึ้นไปก็คือ ลูกบ้านจริงๆ จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แยกออกจากพื้นที่ชั้น G ซึ่งปรับเป็น Welcome Foyer เพื่อให้คนที่มาติดต่อทั่วไป หรือส่งของ ใช้งานเป็นหลัก ดังนั้นมุมมองจากล็อบบี้ตรงนี้จะไม่ใช่มุมมองระดับพื้นดิน แต่จะมองเห็นยอดไม้ เห็นวิวทิวทัศน์ด้านนอก ในระดับที่ปลอดโปร่งมากขึ้น แถมช่วงเดินที่เป็นสเต็ปขั้น ก่อนจะถึงชั้น Floating Lobby เนี่ย สองข้างทางประดับด้วยต้นไม้ใบหญ้า และ Water Feature แบบธารน้ำไหล สร้างความร่มรื่นประหนึ่งเดินผ่านสวนก่อนเข้าบ้าน แต่ไม่ได้เกิดเฉพาะชั้น Ground แต่มันอยู่ที่ชั้น 7 ด้วย ซึ่งเป็นประสบการณ์ใหม่ในการอยู่อาศัยที่เค้าตั้งใจทำขึ้นที่นี่ครับ
ส่วนกลางด้านล่างที่ไล่เรียงมาที่ชั้น 2, 3 และ 4 นี้ก็จะมีทั้งส่วน Social Zone ให้นั่งพูดคุย พบปะสังสรรค์ และ Quiet Zone ที่จะได้มีสมาธินั่งทำงานอ่านหนังสือ แยกออกจากกัน ถ้าดูจากภาพจะเห็นห้องกระจกที่ปีกทั้ง 2 ฝั่งจากด้านหน้าอาคาร สีสันที่ใช้จะเป็นโทนสีน้ำตาล สีเทา สีเบจ ตัดกับสีเขียว เน้นความกลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุด แต่สร้างความ พรีเมียมด้วยการตกแต่งที่หรูหรา ทั้งหินอ่อนและแชนเดอร์เลียร์ที่เหมือนกับใบไม้หลากใบเรืองแสงอยู่ด้านบน หรืออย่าง Mail box ที่นี่ ก็ไม่ได้ทำหน้าที่ใส่จดหมายอย่างเดียว แต่เป็นเหมือน Decorative wall สวยๆ ด้วยครับ
ส่วนบริเวณ Floating Lobby ชั้น 7 นี้ ก็ไม่ใช่ล็อบบี้ทั่วไป แต่มีฟังก์ชั่นการใช้งานมากมาย ทั้งส่วนที่เป็น Tea Pavillion และ Theatre Pavillion ที่เปรียบเสมือนห้องนั่งเล่น แถมดูหนังเป็นส่วนตัวได้ Feature Lobby ที่เป็นแกรนด์ล็อบบี้หลัก สามารถปรับเป็น Music stage หรือจัด Party และมี Game Table พร้อมกับโซน Private Study ไว้ด้วย นอกจากนี้ยังมีส่วนที่ปรับมาจากแนวคิดแบบ “ชานบ้าน” ที่เปิดรับลมธรรมชาติเข้ามาไว้ เป็นพื้นที่แบบ Semi-Outdoor อยู่ใกล้ๆ กับสวนด้านข้าง เพราะงั้นใครชอบชีวิตแบบไหน ก็เลือกนั่งได้ทุกที่ในนี้ได้เลย
เท่านั้นยังไม่พอ ส่วนกลางที่นี่ยังมีส่วนไฮไลต์อยู่เป็นบนพื้นที่ 3 ชั้นด้านบนสุดแบบ Triplex Rooftop Facilities ที่ชั้น 31, 32 และส่วน Crown ของอาคาร เริ่มจากสระว่ายน้ำแบบ 360 องศา Infinity-edge Pool ที่ชั้น 31 รอบสระมีพื้นที่ให้เดินชมวิวได้โดยรอบมีทั้งส่วนที่เป็นที่นั่งแบบคู่รักชมตะวันตกดิน และ Observation Deck พื้นกระจกใสเพื่อความตื่นตาตื่นใจ บางส่วนของพื้นสระยังเป็นกระจกใส ถ้าเดินลอดด้านใต้ก็จะได้อารมณ์ Aquarium ด้วย และเมื่อขึ้นไปที่ชั้น 32 ชั้นนี้จะมี 3 โซน แบ่งเป็น 1.ฟิตเนส ที่มีทั้งส่วน Active และแบบ Private ที่ปิดห้องจัดคลาสเฉพาะเป็นส่วนตัวได้ 2.Wellness Spa แยกชายหญิง เป็นบ่อแช่ทั้ง Massage Jet และ White ion bath ที่เป็นประจุออกซิเจนขนาดเล็กเพื่อทำความสะอาดผิวและทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น และ 3.Sky Lounge ครับ สุดท้ายแล้วคือพื้นที่ Rooftop ก็จัดทำเป็น Crown Garden มีที่นั่งในสวนให้พักผ่อนหย่อนใจจากความสูงที่สุดให้ด้วย นี่คือ Rhythm ซีรีย์ใหม่ล่าสุด ที่มีส่วนกลางจัดเต็มที่สุด เรียกว่าดับเบิ้ลจากเดิมๆ เลยก็ว่าได้
Rhythm Ekkamai Estate มีทั้งหมด 303 ยูนิต พร้อมที่จอดรถ 67% รูปแบบห้องที่นี่ มี 6 Type นะครับ แบ่งเป็น
– 1 Bed ขนาด 35 ตร.ม.
– 1Bed Plus ขนาด 39.5-40 ตร.ม.
– 2Bed ขนาด 74.5-121 ตร.ม.
– 2Bed Duplex ขนาด 64-129.5 ตร.ม.
– Sky Villa ขนาด 109-121 ตร.ม.
และ Penthouse ขนาด 100-177 ตร.ม.
อะมาถึงตรงนี้คงสงสัยเรื่องค่าตัวแล้ว ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 6.5 ล้านบาทนะครับ (ประมาณ 185,000 บาท/ตร.ม.) ส่วนราคาเฉลี่ยทั้งโครงการอยู่ที่ 210,000 บาท/ตร.ม. โดยมียูนิตไฮไลต์อยู่ที่ Sky Villa ที่มีสวนส่วนตัวให้เดินผ่านก่อนเข้าบ้านได้ด้วย ที่ตั้งของโครงการไปทะลุทองหล่อได้ง่าย มีความอุดมสมบูรณ์โดยรอบ แถมมี Facilities ที่จัดจ้านที่สุดโครงการหนึ่งเลยทีเดียว แฟนเพจแอบดูคอนโดที่สนใจก็เตรียมตัวลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิส่วนลดสูงสุด 300,000 บาท ที่นี่นะครับ > https://bit.ly/2Tr3e3u
และเตรียมตัวพบกับงาน Exclusive Launch เปิดตัว “The New Residential Experience” นิยามใหม่ของการใช้ชีวิตใจกลางเอกมัยที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ผสานการใช้ชีวิตคนเมืองได้อย่างลงตัว ในวันที่ 21-24 มี.ค.นี้ ที่ชั้น 1 แฟชั่นฮอลล์
นี่คือมุมมองจากด้านหน้าโคร
ต้นจามจุรีใหญ่นี้อยู่ในพื้
บริเวณปีกฝั่งซ้ายและขวาของ
ทางเดินก่อนที่จะขึ้นมาถึงชั้น 7 หรือ Floating Lobby ก็จะเป็นสเตปทีละขั้นแบบนี้
จะพบกับ Grand lobby ที่โอ่อ่า กว้างขวาง พร้อมด้วยพื้นที่ใช้งานที่ห
ไปที่ Triplex facilities ชั้นบนสุดกันบ้าง เริ่มจากชั้น 31 ที่เป็นสระว่ายน้ำ infinity-edge แบบ 360 องศา แบบกึ่งในร่ม ว่ายได้จริงรอบด้านเลยนะ
แถมรอบๆ สระยังมีที่นั่งให้ชมพระอาทิตย์ตกดินแบบส่วนตัวได้ด้วย
ยังมีจุดไฮไลต์คือทางเดินลอ
และส่วนนี้ก็กำลังฮิต สำหรับจุดชมวิวแบบพื้นกระจก
ขึ้นไปด้านบนอีกชั้นนึงจะเจ
และฟิตเนสกว้างขวาง มีทั้งพื้นที่ Active zone สำหรับจะออกกำลังแบบ Cardio หรือ Weight training และมีพื้นที่จัดคลาสส่วนตัว
อีกส่วนคือ Private Spa แยกชายหญิง พร้อมบ่อพิเศษที่เค้านำมาใส
และพื้นที่สุดท้ายบน Rooftop หรือส่วน Crown ยอดอาคาร ที่นอกจากจะมีสวนแล้ว ยังมีพื้นที่นั่งพักผ่อนชมว
ติดตามเราได้ที่ : facebook
ติดต่อสอบถาม : Contact