ถ้าเราอยากได้คอนโดสักที่ตามรถไฟฟ้าสายสีเขียวเส้นหลักบนถนนสุขุมวิท คอนโดที่คนวัยทำงานพอจะซื้อได้ก็จะเริ่มตั้งแต่อ่อนนุชเป็นต้นไปครับ แต่ตรงจุดสตาร์ทนี้ราคาก็ไม่น้อยนะ คอนโดใหม่ใกล้ๆ สถานีอาจจะต้องกำเงินเกือบ 3 ล้านบาทไปแลกมา หรือบางสถานีที่อยู่ถัดออกไปก็อาจจะเหมาะเอาไว้อยู่แต่ไม่ได้ใช้ชีวิต เพราะรอบข้างไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ แต่ที่ลาซาล หรือแนว BTS แบริ่งนี้แตกต่างออกไปครับ ที่นี่เป็นย่านที่ใช้ชีวิตได้เลย มีทั้งแหล่งงานจากบริษัทต่างๆ ร้านค้า ร้านอาหาร ตลาด Community Mall โรงเรียนนานาชาติ คนอยู่กันหนาแน่นแค่ไหนก็สังเกตได้จากบรรดาอพาร์ทเมนท์ หอพัก รวมถึงคอนโดมิเนียมที่เติบโตขึ้นมารองรับ และที่ขาดไม่ได้ก็คือ Vibe ของบรรดาร้านอาหาร ร้านคาเฟ่มากมาย ที่มาแต่งแต้มสีสันให้ลาซาลนั้นมีเสน่ห์เฉพาะตัว ซึ่งเราจะพาทุกคนไปชมบรรยากาศความละลานตาในลาซาลพร้อมๆ กันในวันนี้ครับ
ซอยลาซาลหรือตลอด 2 ข้างทางของ ถ.สุขุมวิท 105 มีข้อดีของถนนสุขุมวิทฝั่งเลขคี่อยู่ คือการลัดเลาะเชื่อมต่อหลากหลายไปมาหากันได้สะดวก เรียกได้ว่าถนนที่ขนานกันทุกเส้นนับตั้งแต่ ถ.บางนา-ตราด ที่ตั้งของเมกะโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่อย่าง Bangkok Mall เดินทางผ่าน ถ.สุขุมวิท 105 (ซอยลาซาล), ถ.สุขุมวิท 107 (ซอยแบริ่ง), ถ.สุขุมวิท 113 (ซอยวัดด่าน) ทะลุถึงกันได้หมด ถนนทุกสายที่ว่ามายังเชื่อมต่อ ถ.สุขุมวิท และ ถ.ศรีนครินทร์ เข้าด้วยกันอีก นอกจากนี้สำหรับใครที่ชอบเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ก็มีทั้ง BTS สายสีเขียว และ MRT สายสีเหลืองรองรับการเดินทางสู่กลางใจเมือง รวมถึงเชื่อมต่อไปอีกฟากของ กทม. สู่โซนลาดพร้าวได้อย่างสบาย
เราพาทุกคนตั้งต้นจากหน้า ถ.สุขุมวิท ที่ตั้งของ BTS แบริ่ง วิ่งผ่าน ถ.สุขุมวิท105 แวะชมสิ่งอำนวยความสะดวกที่น่าสนใจตั้งแต่ต้นซอยคือ ลานจอดรถขนาดใหญ่เพื่อรองรับผู้คนด้านในที่จะมาต่อขึ้นรถไฟฟ้า ข้างเคียงมีร้านอาหารเกาหลีและร้านนั่งชิลแบบ Outdoor ที่เหมาะมาเปลี่ยนบรรยากาศในเวลาค่ำคืน ตลอด 2 ข้างทางมีร้านอาหารหลากหลายเชื้อชาติ ไม่ว่าจะโจ๊กสยาม, ลาบยโส และแวะพักจุดแรกให้โอ้โหคือคาเฟ่สุดเก๋ ที่เค้าเรียกตัวเองว่าร้านข้าวแกงที่ขายกาแฟได้นิดหน่อย “Kepler BKK” ซ.ลาซาล 8 ที่นี่ถ่ายรูปได้สวย เครื่องดื่มรสชาติดีด้วยครับ ลึกไปอีกนิดในซอยเราชวนไปดื่มต่อที่ “Whadd*” ร้าน Home Cafe บรรยากาศร่มรื่นที่ซ่อนตัวอยู่ในบ้าน ส่วนใครอยากจัดหนักถัดไปนิดเดียวที่ ซ.ลาซาล10 มีร้านคุณป้าชาบูให้อิ่มหนำสำราญทั่วกัน และถ้าอยากเปลี่ยนฟิลไปอิตาลีฉับพลัน ก็ซอยตรงข้าม ซ.ลาซาล11 มาร้านอาหารอิตาลีสไตล์โฮมเมดรสเฉียบ “Villa Toscana Italian Restaurant” ให้บริการในช่วงยามเย็นเป็นต้นไป
มาถึงแถว ซ.ลาซาล 15 ผ่านบริษัท UTAC เข้ามาสู่ ซ.ลาซาล 17 ที่ตั้งของคอนโดในวันนี้ “ARLO Lasalle 17” ระยะทางประมาณ 1.3 กม. หรือนั่งพี่วินประมาณ 5 นาที* แต่สำหรับคนที่ขับรถสามารถใช้ทางลัดผ่านสนามกีฬาภูติอนันต์เข้าออก ถ.สุขุมวิท ถัดจาก BTS บางนานิดเดียวได้อีกเส้นทาง ซึ่งในช่วงรถติดก็ช่วยย่นเวลาได้เยอะเลยครับ ที่นี่เป็นเหมือน Sport Complex มีสนามกีฬาต่างๆ มากมายให้บริการทั้งว่ายน้ำ เทนนิส บาสเกตบอล แบดมินตัน ฟุตซอล มวยไทย วอลเลย์บอล ลู่วิ่ง สนามยิงปืน สวนพักผ่อน รวมทั้งสนามกอล์ฟ ซึ่งกลายมาเป็นวิวสวยๆ เฉพาะตัวสำหรับคนอยู่คอนโด ARLO Lasalle 17 ไปด้วยเลยครับ
เลยจากปากซอยคอนโดนิดหน่อย มีร้านยศข้าวต้ม และบ้านช่างลาซาล 20 ขายอาหารตามสั่ง ผ่านบริษัท AMETEK และ METTLER TOLEDO ไปสู่ คอมมูนิตี้มอลล์แรก Summer Lasalle ได้เวลาของคอกาแฟแวะชิมความหอมกรุ่นกับร้าน Roots at La Salle ได้ที่นี่ ส่วนพวกเราขยับไปอีกนิดผ่านตลาดสดและชุมชนที่เริ่มคึกคัก เข้าสู่ดาดฟ้าลาซาล ที่นี่มีร้านอาหารมากมายในบรรยากาศร่มรื่นไม่ว่าจะโอ้กะจู๋, อาหารเหนือส่งตรงจากเชียงใหม่อย่างต๋องเต็มโต๊ะ เราแวะชิมร้านเบเกอรี่ที่กำลังมาแรง “LoafyCo Bakery House” ที่หอมอบอวลกันพอหอมปากหอมคอ แล้วก็ข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามเพื่อพาชิมอาหารเกาหลีในบรรยากาศสุดโฮมมี่ “ทามิชิกตัง” (Tami’s Kitchen) โซนแถวๆนี้ จะมีตลาดและอาคารพาณิชย์เรียงรายเลยครับ จะซื้อของกินของใช้ของสดสบายมาก
ถ้าใครอยากได้อะไรลงกระเพาะกันอีก เลยไปสักนิดจะพบกับ ถ.แบริ่ง-ลาซาล ที่ความหมายตรงตัวเลย เชื่อมต่อถนนทั้ง 2 เส้นนี้เข้าด้วยกัน อยากจะบอกว่าตรงนี้มีร้านคาเฟ่สวยๆ อีกเพียบ ไม่ว่าจะ Gooseberry Coffee, Celebread Bakery และ Clubtalk ในลาซาลอเวนิว คอมมูนิตี้มอลล์บรรยากาศดี มีทั้ง Villa Market, Uniqlo, Starbucks และร้านอาหารมากมาย แถมยังมีสวนให้คนมาเดินเล่นพักผ่อนกันทั้งครอบครัวในยามแดดร่มลมตกได้ด้วย ผมชอบคอมมูนิตี้มอลล์ที่ไม่ได้มีแต่โซน Retail แบบนี้นะ ตอนเย็นๆ มันดูอบอุ่นมีชีวิตชีวาอย่างบอกไม่ถูก และเราทิ้งท้ายการเดินทางในวันนี้ด้วยการพาไปให้ชมทางลัดออกไปสู่ ถ.บางนา-ตราด เป็นอันจบเส้นทาง เพื่อให้พอเห็นภาพชีวิตและสีสันของย่านลาซาลที่ผมชื่นชอบครับ
คอนโด ARLO Lasalle 17
กลับมาในส่วนของโครงการที่เราเกริ่นไปตอนต้นกันบ้าง ARLO Lasalle 17 เป็นคอนโดใหม่จาก REAL ASSET ที่เค้าให้คอนเซปต์ว่า ครบทุกรสชาติชีวิต ซึ่งทุกคนที่ได้เดินทางไปกับเราในวันนี้ก็คงจะพอได้เห็นภาพว่าย่านนี้ครบรสยังไงบ้าง ARLO Lasalle 17 เป็นอาคาร Low Rise 8 ชั้น 4 อาคาร รวมที่พัก 581 ยูนิต คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จประมาณ Q3 ปี 2567 ที่มาของชื่อโครงการมาจาก 4 คำ คือ Artistic, Relax, Lifestyle, Optimize สะท้อนออกมาในรูปแบบของงานดีไซน์ที่สวยงาม อยู่ท่ามกลางแหล่งไลฟ์สไตล์ รู้สึกสบายด้วยบรรยากาศพักผ่อนได้ทุกวัน และมี Space ที่รังสรรค์ให้พอเหมาะพอดีกับการใช้ชีวิตนั่นเองครับ
จุดเด่นของโครงการนั้นอยู่ที่พื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งมีทั้ง Co-Working Space, สระว่ายน้ำ ที่ออกแบบให้สระยาวถึง 50 ม. สามารถว่ายน้ำทะลุตัวอาคารลอดผ่านม่านน้ำตกไปอีกฝั่งได้ นอกจากจะได้ออกกำลังกายแล้ว ยังได้เสียงน้ำตกกระทบที่ช่วยสร้างความผ่อนคลายให้คนอยู่อาศัยด้วย, ฟิตเนส พร้อมวิวเปิดโล่งชมสวนไปออกกำลังกายไปได้, พื้นที่พักผ่อนนั่งอ่านหนังสือในสวน และ Rooftop Pavilion ซึ่งนอกจากจะทำให้ลูกบ้านมีมุมสูดอากาศ ผ่อนคลายจากการอยู่ในห้องแล้ว บนนี้ยังมีวิวสนามกอล์ฟที่เราเล่าให้ฟังไว้ด้านบนเป็นวิวแบบส่วนตัวไม่เหมือนใครได้ทุกวัน
ห้องที่นี่มีให้เลือก 4 Type นะครับ
- Type A แบบ 1 Bedroom ขนาด 25 ตร.ม. เป็นห้องขนาดเริ่มต้นแต่ได้รูปแบบหน้ากว้าง แบ่งแยกทุกห้องเป็นสัดส่วนหมดและได้ครัวปิดอยู่ติดกับระเบียง เรียกว่า Compact แต่ลงตัว ฟังก์ชันครบ Layout ดีเลยครับ
- Type B แบบ 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. ห้องนี้มีขนาดพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น พื้นที่ครัวกว้างแบบที่วางโต๊ะกินข้าวลงไปได้ และ Living Area ใหญ่ขึ้นอยู่สบาย
- Type C แบบ 1 Bedroom ขนาด 34.5 ตร.ม. ห้องนี้จัดวาง Layout ในรูปแบบครัวเปิด ฟังก์ชันครัวและโต๊ะทานข้าวเชื่อมต่อกันซึ่งโครงการปรับวัสดุปูพื้นส่วนนี้เป็นกระเบื้องให้รองรับการใช้งานด้วย มีห้องอเนกประสงค์มาให้ปรับเปลี่ยนตามที่เราต้องการ และเป็นห้องที่วางในตำแหน่งที่ได้วิวดีที่สุดของโครงการทั้งวิวด้านใน และวิวสนามกอล์ฟด้านนอกครับ
- Type D แบบ 2 Bedroom ขนาด 44 ตร.ม. เป็นห้องขนาดใหญ่และมีหน้ากว้างมากที่สุดของโครงการ ได้ข้อดีทั้งในเรื่องของครัวปิด ห้องนอน Master ขนาดใหญ่ และทุกห้องมีมุมชมวิวส่วนตัวทั้งหมดครับ
โดยสรุปแล้ว โครงการ ARLO Lasalle 17 ที่นี่สามารถเดินทางไปสู่ BTS สถานีบางนาและแบริ่งได้ใน 5 นาที* และเชื่อมต่อกับ MRT สายสีเหลืองที่สถานีลาซาลได้สะดวก อยู่ท่ามกลางแหล่งไลฟ์สไตล์ที่ครบและได้ Vibe แบบที่คนรุ่นใหม่ชื่นชอบ ใครที่สนใจสามารถคลิกรับสิทธิจากโครงการได้ที่ https://bit.ly/3Z8ogTP หรือ โทร. 064 184 2435 ในราคาเริ่ม 1.59 ล้านบาท* ครับ
#LivingSneakPeek #SneakAround #ARLOLasalle17 #อาโล่ลาซาล17 #REALASSET #คอนโดแบริ่ง #ลาซาล
วันนี้ผมจะพามาดูความน่าสนใจของโครงการ “ARLO Lasalle 17” และสิ่งอำนวยความสะดวก อย่าง แหล่งไลฟ์สไตล์ คาเฟ่ และร้านอาหารรอบๆโครงการ ในย่านลาซาล-แบริ่ง-บางนา ที่เรียกได้ว่าเป็นย่านที่อุดมสมบูรณ์มากๆ ใครใช้ชีวิตอยู่แถวนี้แน่นอนว่าหมดกังวลเรื่องการกิน เพราะมีให้เลือกทุกหย่อมหญ้า จะเป็นยังไง เดินทางไปด้วยกันเลยครับ
ขอพรีวิวด้วยภาพบรรยากาศทั้งร้านอาหารและคาเฟ่ ที่จะพาไปตะลุยกินกันในวันนี้สักหน่อย นอกจากอร่อยแล้วยังถ่ายรูปสวยทุกที่ครับ
มีทั้งคาวหวานมาให้ครบเลย ลุยครับ
โครงการ ARLO Lasalle 17 พระเอกของเราในวันนี้ ก็อยู่ในซอยลาซาล 17 นั่นเองครับ จะเข้า-ออกทางนี้ก็ได้ หรือจะเข้า-ออกทางอื่นๆได้อีกหลายทางเลย ค่อยๆ ตามกันมานะครับ
นี่ก็คือแผนที่ตัวโครงการและสิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆครับ มีทุกอย่างตั้งแต่ที่กิน ที่เที่ยว จนถึงโรงเรียน ไปไหนก็ทะลุหากันได้หมด
ในการเดินทางโซนนี้สะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวสายหลักตลอดแนวเส้นสุขุมวิท ผมจะพาทุกคนไปตะลุยกันที่ถนนลาซาลด้วยสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีแบริ่งนี่เองครับ
ผ่านแยกแบริ่งมา ก็จะเจอกับซอยเข้าไปสู่ถนนลาซาล ด้านหน้าปากซอยก็มีร้านสะดวกซื้อรองรับแล้ว
เริ่มที่ถนนลาซาลกันเลย
เริ่มที่ต้นซอยสุขุมวิท 105 เราจะเห็นลานจอดรถที่อยู่ตรงข้ามกับ CenterPoint Entertainment Studio ใครที่ขับรถแล้วต่อรถไฟฟ้าไปทำงาน ทำธุระ หรือไปเที่ยวในเมือง ก็สามารถมาจอดแล้วจรตรงนี้ได้ เค้าคิดเหมาทั้งวัน 60 บ. ครับ มีร้านต่อขนตาสีหวานแหววด้วย
จุดเดียวกันนี้ก็ยังมีคาเฟ่ Cocobee Chimaek ให้แวะเติมน้ำตาล มากับลานตกแต่งรูปต้นมะพร้าวเข้ากับร้านเลย มาตอนเย็นน่าจะดีครับ แค่เริ่มต้นซอยก็น่าสนใจแล้ว
เข้ามาหน่อยทั้ง 2 ข้างทางซ้ายขวาก็เป็นร้านอาหาร มีทั้งคาวหวาน ไม่ว่าจะบะหมี่ โจ๊ก ไก่ย่าง ข้าวขาหมู มีครบครัน วันไหนเกิดอยากกินอะไรเลือกได้เลยครับ
เดินต่อเรื่อยๆ มองไปทางฝั่งตรงข้ามก็มีร้านก๋วยเตี๋ยว ลูกชิ้น ยังมีร้านซูชิอยู่ข้างกัน มีทั้งอาหารไทยและเทศจริงๆ
เดินเลี้ยวเข้าซอยลาซาล 8 มาที่ต้นซอยจะมีอพาร์ทเม้นท์ Once in Lasalle ซึ่งใต้ตึกมีคาเฟ่ ‘Kepler’ หนึ่งในคาเฟ่ยอดฮิตในซอยลาซาลครับ แค่ข้างหน้าร้านก็ตกแต่งสวยงามแล้ว
เค้าตกแต่งในสไตล์ Mid Century ครับ เข้ามาในร้านจะเห็นว่านอกจากมีโซนคาเฟ่ขายน้ำแล้วเค้ายังมีโซนร้าน Riceroom Canteen ขายอาหารด้วยนะ แยกฝั่งเคาน์เตอร์ไว้แบบนี้ แต่ยังคงคอนเซ็ปต์เดียวกัน เจ้าของร้านบอกกับเราว่า “เราเป็นร้านข้าวแกงที่ขายกาแฟได้นิดหน่อยครับ”
กาแฟที่นี่เค้าเป็นแบบ Specialty Coffee ที่เราเลือกเมล็ดกาแฟเองได้ด้วย ใครคอกาแฟต้องมาครับ เป็นคาเฟ่ที่ผสมร้านข้าวแกงปักษ์ใต้ได้ลงตัวจริงๆ ฮ่าๆ
เมนูที่เลือกกันวันนี้คือ Kepler Flower เป็นเมนู Signature ที่เอากาแฟ มาผสมน้ำส้มยูสุ และน้ำมะนาวครับ รสชาติแปลกใหม่ หอมสดชื่นดีเลย
นอกจากร้านที่ตกแต่งน่ามาถ่ายรูปแล้ว ใครอยากมานั่งพักผ่อนเค้าก็มีหนังสือให้อ่านกันด้วยนะ มีแรงแล้วก็ไปกันต่อเลยครับ
เข้ามาเรื่อยๆที่ลาซาล 8 แยก 4 ยังมีคาเฟ่ที่ชื่อว่า Whadd* ที่อ่านว่าวาด หรือหวัดดี ก็ได้ครับ แต่อย่าอ่านว่า ว๊อดดด เหมือนผมกับน้องก็พอ
ที่นี่เป็น Home Café ขนาดเล็ก ตกแต่งด้วยไม้สีอ่อน แซมต้นไม้สีเขียว ดูอบอุ่นมากๆ เป็นคาเฟ่ที่เปิดอยู่ในบ้านสุดร่มรื่น ถึงแล้วก็แวะสั่งน้ำซักหน่อย
สั่งเสร็จยังไม่ทันได้น้ำ น้องเค้าก็ไปจับจองที่นั่งชมไม้ชมสวน แอคท่าให้ถ่ายรูป แสงธรรมชาติกำลังสวยเลยครับ
สั่งเป็นโกโก้หวานน้อย และชาไทยไม่หวานครับ อร่อยทั้งคู่เลย โกโก้เข้มข้นกำลังดีนะ
บรรยากาศร้านร่มรื่น ถึงจะเป็นร้านเล็กๆในพื้นที่บ้าน แต่ก็มีที่นั่งหลากหลายรูปแบบให้เลือกนั่งทั้ง Indoor หรือ Outdoor ก็ได้
ออกจากซอยมาถึงปากซอยลาซาล 10 ก็จะมีตลาด ขายทั้งอาหาร ผัก และดอกไม้ครับ ในซอยลาซาล 10 เอง ก็มีร้านคุณป้าชาบูด้วย
นอกจากร้านขายอาหาร ก็มีร้านทำผม ร้านซักผ้า และร้านสะดวกซื้อทั้ง Lotus’s และ 7-11 ถึง 2 ฝั่งครับ
ในซอยมีบริษัท UTAC ด้วย เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่แถวนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยร้านค้าร้านอาหาร และที่อยู่อาศัย เพราะมีแหล่งสถานที่ทำงานนี่แหละนะ
ในซอยลาซาล 11 แยก 2 มีร้านอาหารอิตาเลียนอย่าง Villa Toscana Italian ซ่อนอยู่ครับ เสียดายวันนี้ยังไม่ได้กิน เพราะร้านเปิด 5 โมงเย็นนะ มาที่นี่เหมือนได้บินไปยุโรปด้วย
มาต่อกันที่ถนนสุขุมวิท 105 กันครับ
ขับรถทะลุซอยลาซาล มาที่ถนนสุขุมวิท 105 ทางฝั่งขวา หรือฝั่งลาซาลเลขคู่ ก็เป็นที่ตั้งของ Summer Lasalle, คาเฟ่ Roots At Lasalle ขนาดใหญ่ และ 105 Village ครับ เป็น Community Mall รวมร้านค้าร้านอาหารไว้มากมายอีกเช่นกัน
ส่วนฝั่งซ้าย หรือทางลาซาลซอยเลขคี่ มีตลาดสดลาซาลครับ ใครอยากซื้อผัก ซื้อเนื้อ หรือบรรดาของสดกลับไปทำอาหารกินเองก็มาที่นี่ได้ไม่ไกล
ถัดมาเป็นที่ตั้งของ ‘ดาดฟ้า ลาซาล’ อีกหนึ่ง Community Mall รวมร้านอาหารดังไว้มากมาย
ลานจอดรถที่นี่ยังไม่เสียค่าบริการด้วยครับ จอดรถไปกินข้าวแบบลืมเวลาได้เลย ตรงใกล้ลานจอดรถ มีสวนให้น้องสัตว์เลี้ยงมาทำธุระส่วนตัวด้วย เสร็จแล้วก็อย่าลืมเก็บให้เรียบร้อยครับ
ที่นี่คัดร้านอาหารดังมาไว้ที่เดียวเลยฮะ ทั้ง ต๋องเต็มโต๊ะ ร้านอาหารชื่อดังอิมพอร์ตจากเชียงใหม่, ข้าวต้มแห้ง จากเอกมัย, โอ้กะจู๋ ที่มีเมนูพิเศษเฉพาะที่สาขานี้สาขาเดียวด้วย หรือจะเป็นร้าน ตั้งใจย่าง เสน่ห์รสชาติของความเก่าแก่ เรียกได้ว่าแค่ 4 ร้านนี้ก็คนละสไตล์แล้ว
ยังมีคาเฟ่พร้อมของหวานรองรับหลังทานของคาวมาด้วยนะ ร้านขายของตกแต่งหรือของใช้ในบ้านน่ารักๆก็มีครับ
ที่ชั้น 2 ยังมีอีกหนึ่งคาเฟ่ที่น้องคนสนิทแนะนำมาด้วยครับ
ที่นี่ LoafyCo Bakery House ร้านเบเกอรี่โฮมเมดที่กำลังฮิต เค้าอบสดใหม่ทุกเมนู ร้านเล็กๆน่ารัก เน้น Take away ครับ เข้าไปหอมกรุ่นเลย
เช้าวันนี้มีเพรทเซล ขนาดใหญ่ อิ่มคุ้มแน่นอน และเมนูที่น้องเลือกวันนี้คือ Almond Choco ครับ จะเป็นเพรทเซลราดด้วยนูเทลล่า โรยเกร็ดอัลมอนด์ ต้องบอกเลยว่า อร่อยมากกก นึกถึงรสชาติแล้วหิวเลย
สแนปซัก 1 ช็อตก่อนไป นางนั่งเป็นนางเอก MV รอแล้ว
ในนี้มีโซน Outdoor พร้อมพื้นที่สีเขียวให้นั่งกิน นั่งพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ทั้งโต๊ะเก้าอี้ของร้านอาหาร หรือที่นั่งได้เลยก็มีครับ
ตรงข้ามกับดาดฟ้า ลาซาล มีซอยลาซาล 32 ซึ่งต้นซอยมีร้านอาหารเกาหลีอย่าง Tami’s Kitchen อยู่ครับ หน้าร้านก็ตกแต่งน่ารักแล้ว ไปดูข้างในกัน
เป็นร้านอาหารเกาหลีสไตล์ Home Kitchen ขนาดเล็ก มี 3-4 โต๊ะครับ ตกแต่งได้โฮมมี่เหมือนนั่งกินข้าวอยู่บ้าน เมนูเค้ามีไม่เยอะนะ แต่รสชาติดีทั้งนั้นเลย
จานแรกสั่งเป็นต๊อกบกกี ที่เค้ามีซอสสูตรเฉพาะของที่ร้านเอง และอีกจานเป็นเชยุก บกกึม สันคอหมูและสามชั้นสไลด์ผัดกับซอสโคชูจังรสเผ็ด พร้อมข้าวสวย อร่อยทั้ง 2 เมนูเลยครับ รสชาติไม่เหมือนใคร
มีเปิดเพลงเกาหลีคลอ ได้บรรยากาศเลย ใครผ่านไปผ่านมา ลองแวะมาทานได้ครับ
ถัดมาหน่อยก็มีซุปเปอร์ให้ซื้อของใช้ มีตลาดดวงพลอยให้ซื้อของสดผักผลไม้อีกจุดนึง ตรงนี้ก็มีไปรษณีย์ ร้านขายยาครบครัน
ขับตรงมาไม่ไกล จะเจอกับโรงเรียนอินเตอร์อย่างบางกอกพัฒนาครับ ตรงนี้ยังมี True Coffee บริการอีกจุด
มาถึงถนนแบริ่ง-ลาซาลกันบ้าง
เลี้ยวขวามาที่ถนนแบริ่ง-ลาซาล มี Lasalle Avenue คอมมูนิตี้มอลล์ขนาดใหญ่ มีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่างเลยครับ
ยังคงมีร้านอาหารดังๆหลากหลายร้านเช่นเคยครับ ทั้งไทยและเทศ ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นนะ มี Villa Market ให้แวะซื้อขนม ของกิน ของใช้ได้อีกครับ ถ้าวันไหนถามแฟนว่ากินอะไรดี แล้วได้คำตอบว่า ‘อะไรก็ได้’ จูงมือมาที่นี่ ตัดสินใจได้แน่นอนครับ
ที่ชั้น 2 ก็จะมีสถาบัน คลินิกเสริมความงาม ร้านไอติม หรือฟิตเนสก็มีครับ
เดินขึ้นบันไดมาที่ชั้น 3 มี Sky Net Playground หรือสวนสนุกตาข่ายลอยฟ้า ที่มองมาจากชั้น 1 จะเห็นน้องๆหนูๆวิ่งอยู่บนเชือกนั่นเองครับ ซึ่งเค้าเปิดให้เข้าฟรี ไม่เสียเงินนะ ผมกับน้องเลยต้องลองซักหน่อย ผลปรากฏว่าเสียววาบ ยิ่งเวลามองลงไปด้านล่างแทบไม่ไหวครับ ที่นี่เค้าเปิดให้เข้าเป็นรอบๆ เพราะต้องจำกัดจำนวนคนนะ ผมแปะรูปรอบเวลาไว้ให้ในคอมเม้นต์ครับ
หรือใครไม่กล้าเล่นอันด้านบนเมื่อกี้ พาน้องๆ หนูๆ มาสนามเด็กเล่นตรงนี้ก็ได้นะ
ผมชอบที่นี่ตรงที่เค้ามีสวนกว้างใหญ่สำหรับทุกคนในครอบครัวรวมถึงน้องสัตว์เลี้ยงให้มาวิ่งเล่นได้ครับ ไม่ค่อยมีคอมมูนิตี้มอลล์ที่มีพื้นที่สวนให้น้องๆ วิ่งเล่นใหญ่ขนาดนี้ได้เท่าไหร่ ผมว่าบรรยากาศดีมากและเป็นสิ่งที่ขาดสำหรับชีวิตในเมืองครับ ที่นี่ร้าน Pet Shop อย่าง Pet n’ me ขายอุปกรณ์ อาหาร ของเล่นสำหรับสัตว์เลี้ยงด้วย
ด้านนอกมีร้านอาหารญี่ปุ่นอย่าง Ryoshi และ Starbucks ให้บริการอีกนะ
มี Uniqlo ที่เป็นช็อปแบบ Roadside Store ด้วยครับ มีสินค้าให้เลือกเยอะมากๆ ใกล้กันเป็นร้านไอติม Pressed สีหวานแหวว
ยังมีคาเฟ่และร้านอาหารอย่าง Club Talk ที่เปิดตั้งแต่ 7.00-23.00 น. เลยครับ มีทั้งอาหารและเครื่องดื่ม จะมาทาน Lunch, Brunch หรือ Dinner ร้านเดียวครบ
ที่เกือบสุดถนนแบริ่ง-ลาซาล ก็ยังมีคาเฟ่อย่าง Celebread Bekery & Tea Room ตกแต่งสไตล์ยุโรป มีมุมถ่ายรูปน่ารักๆเยอะเลยนะ เค้ามีตกแต่งร้านตามเทศกาลด้วยครับ เดี๋ยวช่วงปลายปีก็จะมีต้นคริสต์มาสต้นใหญ่ประดับประดาให้ถ่ายรูปสวยๆ กัน
ถัดมาถนนบางนา-ตราดครับ
สุดท้ายเราขอลัดเลาะมาทางถนนบางนา-ตราด ทางซอยบางนา-ตราด 12 ที่เชื่อมต่อจากซอยหมู่บ้านถาวรนิเวศน์ 2 ครับ วิ่งเข้าถนนใหญ่ได้สบายเลย ขับผ่าน Sab Indy บางนา ร้านอาหารแซ่บๆที่ตกแต่งร้านสุดวินเทจ
ใกล้ๆกันมีคาเฟ่ Nana Coffee Roasters บางนา คาเฟ่ที่รวบรวมเมล็ดกาแฟเด็ดๆหายาก และบาริสต้าฝีมือดีไว้ที่นี่ครับ ร้านสไตล์มินิมอล มีมุมถ่ายรูปเยอะเช่นกัน
ถัดไปมี Homepro ให้ซื้อของใช้หรืออุปกรณ์เข้าบ้าน มีร้านอาหารให้ฝากท้องอีกจุดครับ ซึ่งก่อนจะผ่านจุดนี้สามารถกลับเข้าลาซาลผ่านซอย บางนา-ตราด 4 ได้อีกที เยี่ยมเลย
ตรงมาเราก็จะผ่าน Bitec บางนา และที่อยู่เยื้องๆ กันคือ Bangkok Mall อภิมหาโปรเจกต์ห้างของไทยที่กำลังก่อสร้างครับ
วกกลับเข้าถนนสุขุมวิท เราก็จะผ่าน BTS สถานีบางนา ซึ่งเป็นสถานีที่อยู่ใกล้กับทางลัดเข้าสู่โครงการ ARLO Lasalle 17 ที่สะดวกอีกเส้นนึงครับ
นั่นก็คือผ่านทางเข้าสนามกีฬาภูติอนันต์นั่นเองครับ ภายในก็จะเป็นสโมสรกีฬา ที่มีทั้งว่ายน้ำ เทนนิส บาสเกตบอล แบดมินตัน ฟุตซอล มวยไทย สนามยิงปืน สวนพักผ่อน รวมทั้งสนามกอล์ฟ เรียกได้ว่าแทบทุกประเภท ซึ่งคนทั่วไปเข้าไปใช้บริการได้ แต่มีค่าใช้จ่ายครับ
ทิ้งท้ายกันด้วยภาพโครงการ ‘ARLO Lasalle 17’ คอนโด Low Rise 8 ชั้น 4 อาคาร จำนวนห้องพักอาศัย 581 ยูนิต กับรูปแบบห้องตั้งแต่ 1-2 ห้องนอน ขนาด 25-44 ตร.ม. ใกล้รถไฟฟ้าสถานีแบริ่งเพียง 5 นาที* ในราคาเริ่ม 1.59 ล้านบาท*ครับ
Facilities ก็จะมีสระว่ายน้ำ Lap Pool ยาวถึง 50 ม. ซึ่งมีส่วนที่สามารถว่ายน้ำลอดใต้อาคาร ผ่านม่านน้ำตก ให้ได้นั่งฟังเสียงน้ำเพลินๆได้ครับ ตรงนี้เป็นมุมถ่ายรูปสวยๆ ในคอนโดที่ไม่เหมือนใคร
มีฟิตเนสพร้อมกระจกบานใหญ่ให้ออกกำลังกายไปชมวิวไปได้ด้วย
มี Co-Working Space พื้นที่ทำงาน ประชุม หรือนั่งพบปะคุยกันครับ ตกแต่งโทนสีอ่อนสบายตาเลย
Lobby ที่โปร่งโล่ง มาพร้อมบันไดวนสวยงาม
ด้านบนคือ Star View Rooftop มีสวนพร้อมพื้นที่พักผ่อน ให้เห็นวิวได้ 360 องศา มี Telescope ให้ส่องดูดาวด้วยนะ
อีกฝั่งคือส่วนไฮไลต์เป็น Pavilion ที่มีวิวหญ้าสีอ่อนของสนามกอล์ฟในสนามกีฬาภูติอนันต์เป็นทิวทัศน์พิเศษ ที่ไม่ค่อยเห็นที่ไหนด้วยครับ น่านั่งพักผ่อนในตอนเย็นลมพัดสบาย ได้พักสูดอากาศหายใจก่อนกลับเข้าไปนอน
และยังสามารถออกทางซอยบางนา-ตราด 12 ได้อีกครับ ทั้งหมดนี้คือความน่าสนใจของย่านลาซาล และโครงการ ARLO Lasalle 17 ที่เราพาเที่ยวกันในวันนี้ครับ คอนโดใหม่พร้อมราคาเริ่มเพียง 1.59 ล้านบาท* ใครที่สนใจคลิกได้ที่ https://bit.ly/3Z8ogTP หรือ โทร. 064 184 2435 คร้าบ