รีวิวบ้าน “NARASIRI พหลฯ – วัชรพล“ ความงดงามจากยุครุ่งเรืองของฝรั่งเศส สู่บ้านระดับมาสเตอร์พีชของแสนสิริ

เห็นชื่อ “นาราสิริ” ก็พลันนึกไปถึงความประทับใจตอนได้ไปชม “นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา” ด้วยตาตัวเองในปีที่ผ่านมา ที่ถือเป็นการกลับมาเปิดตัวโครงการใหม่ในรอบหลายปี ให้ตกตะลึงในความงามจนเพื่อนบ้านในย่านใกล้เคียงต้องมองค้อน พิสูจน์ด้วยยอดขายที่มียอดจองกว่าครึ่ง ก่อนเปิดให้ลูกค้าเข้าชม และใช้เวลาเพียงแค่เดือนเดียวก็ขายหมด สิ่งนี้นอกจากจะตอกย้ำความเชื่อมั่นในตลาด Luxury ของแสนสิริ และ อสังหาฯไทย แล้ว ยังเป็นการ Set มาตรฐานให้ตัวเองที่จะต้องทำได้ไม่น้อยหน้ากว่าเดิมอีกด้วย

จนมาถึงในปีนี้ครับ เราก็ได้เห็นโครงการระดับเรือธงของแสนสิริกันต่อเนื่องด้วยการเปิดตัว “นาราสิริ พหลฯ – วัชรพล” โครงการระดับนี้คอนเซปต์ดีไซน์จะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะโครงการ ด้วยสไตล์ Modern French Renaissance เราจึงได้เห็นความงดงามจากยุครุ่งเรืองของฝรั่งเศส ที่ผสมผสานระหว่างความคลาสสิค และโมเดิร์น ถ่ายทอดออกมาในทุกรายละเอียดโครงการ ไม่ว่าจะเป็น Landscape, Facilities, การตั้งชื่อ Landmark ต่างๆ ในโครงการ ไปจนถึงดีไซน์ ​ ​ ​ ตัวบ้าน แต่ละคนอาจจะชอบจุดโน้นจุดนี้ต่างกันไป ส่วนผมเนี่ยได้แต่ อื้อหือ โอ้โห กับงาน Interior ในพื้นที่ส่วนกลางของเค้าแบบที่อยากให้ทุกคนได้ชมรูปด้านในไปพร้อมๆ กัน

โครงการ NARASIRI พหลฯ – วัชรพล

โครงการนาราสิริ พหลฯ – วัชรพล ตั้งอยู่ในซอยเทพรักษ์ 58 เชื่อมต่อได้ทั้ง ถ.สุขาภิบาล 5 ออกสู่สายไหม-รามอินทรา, ถ.เทพรักษ์ ออกสู่พหลโยธิน ที่นี่เป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับ Luxury 2 ชั้น จำนวนเพียง 125 ยูนิต บนพื้นที่รวมทั้งหมด 75 ไร่ครับ มีทั้งหมด 4 รูปแบบบ้าน ได้แก่

Manoir No.6 หลังใหญ่ที่สุด พื้นที่ใช้สอย 658 ตร.ม. แบบ 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ จอดรถในร่มได้ 4 คัน, Manoir No.5 พื้นที่ใช้สอย 524 ตร.ม. แบบ 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ จอดรถได้ 4 คัน, Manoir No. 4 พื้นที่ใช้สอย 412 ตร.ม. แบบ 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ จอดรถได้ 3 คัน และบ้านเริ่มต้น Manoir No.3 พื้นที่ใช้สอย 347 ตร.ม. แบบ 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ จอดรถได้ 3 คัน บ้านทุกแบบมีพื้นที่จอดรถกว้างสามารถรองรับการจอดแบบ Double Parking ด้วยครับ และถือเป็นบ้านนาราสิริที่มีความสูงเพดานสูงมากที่สุด ราคาตั้งแต่ 35 – 90 ล้านบาท ณ ตอนนี้ โครงการทำบ้านตัวอย่างไว้ 2 Type คือแบบ No.6 และ No. 3 ซึ่งเราจะพาไปชมทั้งคู่ครับ

ส่วนกลาง

พื้นที่ส่วนกลางของที่นี่ ถือเป็นจุดแข็งที่เนรมิตบรรยากาศของคอนเซปต์ดีไซน์ให้เป็นจริงได้อย่างอลังการ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบผังโครงการให้สอดคล้องกับผังเมืองกรุงปารีส นำสถาปัตยกรรม และงาน Art Pieces มาใช้เพื่อสะท้อนเอกลักษณ์โครงการ การจัดสวนแบบปาร์แตที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพระราชวังแวร์ซาย การจัดวางแนวต้นไม้ขนานกันสองฝั่งที่เป็นเอกลักษณ์ของถนนฌ็องเซลิเซ่ ทำให้ส่วนต่างๆ ในพื้นที่สวนส่วนกลางมีทั้งพื้นที่นั่งพักผ่อน เป็นทั้งแลนด์มาร์กโครงการ สอดแทรกด้วยกิจกรรมสำหรับครอบครัว เช่น Playground สำหรับเด็ก และคอร์ตบาสเก็ตบอล

สิ่งอำนวยความสะดวก

สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ประกอบด้วย “Mini Maison” ล็อบบี้ที่ต้อนรับบุคคลภายนอกแบบไม่ต้องเข้าไปส่วนด้านในโครงการเพื่อความไพรเวทของลูกบ้าน ประดับประดาได้วิจิตรงดงาม มีทั้งห้องประชุมส่วนบุคคล และโซนให้พบปะรับแขกพร้อมชมวิวทะเลสาบและสวนสีเขียวภายนอก, มี Pavilion ที่เป็นงานคราฟท์ดัดเหล็ก ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากหอไอเฟล, และในตำแหน่งที่ชมวิวได้สวยที่สุดของโครงการคือที่ตั้งของ Le Club คลับเฮ้าส์ขนาดใหญ่สำหรับลูกบ้านที่มีทั้งสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, ห้อง Lounge ที่ตกแต่งได้อย่างมีดีเทลไม่เหมือนใครหลายแบบหลายสไตล์ เหมาะสำหรับจัดปาร์ตี้ จิบชา นั่งฟังดนตรีคลาสสิค แล้วดื่มด่ำไปกับบรรยากาศ Modern Classic สไตล์ฝรั่งเศสได้ทุกวัน

ถึงตอนนี้ โครงการก็มียอดจองในรอบ VIP แล้วกว่า 1 พันล้านบาท แม้ยังไม่เปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการ ขึ้นชื่อว่าโครงการในพอร์ต Sansiri Luxury Collection นี่แหละครับ เพราะตั้งแต่ปีที่แล้วมาจนกระทั่งปีนี้ ก็ได้เห็นว่าแสนสิริ “เอาจริง” โครงการระดับบนที่ทยอยเปิดมา ดีไซน์ไม่ซ้ำ แถมทำออกมาได้ดีและแตกต่างทุกโครงการ นี่เป็นผลจากการสั่งสมบ่มเพาะประสบการณ์ ออกมาเป็นโครงการที่สะท้อนรสนิยมแห่งการอยู่อาศัย ด้วยลายเซ็นความเป็น Brand-Taste Maker ที่ไม่ใช่ใครจะทำตามได้ง่ายๆ ถ้าไม่ใช่แสนสิรินั่นเอง

นาราสิริ พหลฯ – วัชรพล พร้อมเปิดพรีเซลล์และเยี่ยมชมโครงการแบบนัดหมายล่วงหน้าในวันที่ 19-20 สิงหาคม. นี้นะครับ สำหรับท่านที่สนใจ คลิก Reserved ที่นี่เลยครับ http://siri.ly/gBVgq66 ​ ​

#LivingSneakPeek #Narasiri #NarasiriPhaholWatcharapol #SansiriLuxuryCollection #บ้านหรูวัชรพล

NARASIRI PHAHOL – WATCHARAPOL

วันนี้บอกเลยว่าห้ามพลาด กับโครงการระดับมาสเตอร์พีซจากแสนสิริ “นาราสิริ พหลฯ – วัชรพล” จะเป็นยังไงบ้างตามมาเลยครับ

ขอแว๊บเอาภาพสวยๆ จากตัวบ้านมาฝากกันก่อน

ทั้งด้านนอกและด้านในงามจริงๆ แต่ก่อนจะเข้ามาดูเต็มๆ ขอไปเริ่มจากพื้นที่แรกด้านนอกกันครับ

เรามาอยู่กันที่ส่วนแรกที่ผมเล่าให้ฟังด้านบนที่เป็น Lobby Lounge มีชื่อฝรั่งเศสสุดเก๋ว่า “Mini Maison” ตรงนี้เป็นส่วนแรกที่ผ่าน Main Gate มาก่อนจะเข้าไปสู่โซนของลูกบ้านด้านใน เหมาะมากสำหรับไว้รับแขก พูดคุยธุรกิจ แบบยังรักษาความเป็นส่วนตัว ดูความสวยงามของดีไซน์ภายนอกโดยเฉพาะบานประตูสีแดงก็ว่าดีแล้วนะ

เข้ามาข้างในแทบจะเป็นลม สวยตาแตก ให้อารมณ์เหมือนอยู่ในรั้วในวัง แชนเดอเลียร์อ่อนช้อยอลังการ มีลวดลายแต่งเพดานให้เพลินตา มีห้องส่วนตัวไว้ Meeting กันได้ด้วยนะครับ

ห้องมิตติ้งส่วนตัวมีแชนเดอเลียร์ทุกห้อง มีทั้งความ Modern & Classic ผสมผสานกัน สวยงามน่าใช้ ยอมใจการใช้สีเหล่านี้ ถ้าไม่ใช่แสนสิริ คงไม่ได้เห็น

มาพร้อมกับวิวเจริญหูเจริญตาภายนอกด้วยกระจกบานใหญ่แบบ Full Height ชม Lake และสวนสีเขียวทางด้านนอก วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส เลยได้ภาพแบบนี้มาฝาก

จากด้านนอก เราขยับเข้าไปด้านใน จะได้ไปดูบ้านสวยๆ ของเค้าสักหน่อย Façade ที่นี่ประยุกต์มาจากอาคารบ้านเรือนในกรุงปารีสยุครุ่งเรือง มีประตูไม้บานใหญ่ (มากกก) คอยต้อนรับด้านหน้า นี่คือบ้าน Manoir No.6 ขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการ พื้นที่ใช้สอย 658 ตร.ม. 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ ที่จอดรถมีหลังคาแยกออกไปต่างหากรองรับได้ 4 คัน ยังไม่รวม Double Parking มี EV Charger ไว้ให้เรียบร้อย

พื้นที่ด้านนอกเค้าทำไว้ให้เป็นไอเดียในการตกแต่งไม่ว่าจะเป็นสวนหรือสระว่ายน้ำ แต่ให้สังเกตเรื่องงานดีไซน์ เค้าก็ไม่ได้ทำสระแบบทั่วไป แต่สไตล์มันต้องเข้ากับคอนเซปต์โครงการด้วย เก๋จัง

เปิดผ่านประตูเข้ามาก็จะเจอกับความสูงโปร่งแบบ Double Volume ถึง 7.20 ม. ถือบ้านที่เพดานสูงที่สุดในตระกูล นาราสิริ นี่เป็นทางเข้าหลักครับ ส่วนอีกทางนึงเข้าได้จากฝั่งโรงจอดรถส่วนแรกนี้เป็นเสมือนโซนพื้นที่รับแขกภายนอก อาจจะเอาไว้จัดปาร์ตี้รับรอง สนุกสนานกับเพื่อนๆ ได้ มีกระจกบานสูงตลอดระยะเพดานเป็นส่วนนำแสงธรรมชาติเข้ามาสู่ในตัวบ้าน

ส่วนที่อยู่ถัดไปด้านในก็เป็น Living Room ที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น สามารถกั้นปิดได้ มีกระจก 2 ฝั่ง เปิดเต็มฝั่งสู่หน้าบ้านให้ชมวิวภายนอก ในนี้ตกแต่งได้สไตล์ปารีเซียงดูอบอุ่น

ไปดูอีกฝั่งนึงของบ้านกันบ้างครับ เดินผ่านโถงนี้โปร่งสบายดีจริงๆ

อีกปีกนึงเป็นโซน Dining & Kitchen จัดเรียงไว้ Flow เชื่อมโยงกันใช้งานสะดวก รองรับโต๊ะกินข้าวได้ 8 – 10 ที่นั่ง เราได้เห็น Arch โค้งมนที่ใช้มาตั้งแต่ส่วนประตูทางเข้ามาจนถึงด้านใน

ที่อยู่ถัดเรียงกันไปส่วนแรกเป็นโซนครัวฝรั่ง เค้ามี Island มาให้เรียบร้อย แต่ดีไซน์อาจจะต่างกันกับบ้านตัวอย่างอยู่บ้าง สำหรับจัดเตรียมมื้ออาหารพร้อมเสิร์ฟ อยู่หลังส่วน Dining นี่เอง หรือเป็นที่นั่งทานมื้อเช้าง่ายๆ สำหรับคนในครอบครัว

ถัดไปด้านในมีโซน Laundry และครัวไทยเต็มรูปแบบทางด้านหลัง ออกประตูไปก็จะเป็น Maid Quarter รองรับได้ 2 ห้องนอน ทีมแม่บ้านสามารถเดินเข้าออกทำครัวตรงนี้ได้เลย

บริเวณทางที่เชื่อมต่อกับประตูทางเข้าบ้านรองอยู่ข้างๆ โต๊ะกินข้าวนี่แหละครับ มีพื้นที่สำหรับทำตู้เก็บรองเท้าได้เยอะ นั่งถอดใส่แล้วเดินไปขึ้นรถสะดวก

มีห้อง Powder room ไว้รับแขกด้านล่าง สุขภัณฑ์เป็นของ Kohler และได้ระบบ Washlet ด้วย

ชั้นนี้ยังมีห้องนอนอีก 1 ห้อง เป็นห้องสำหรับผู้สูงอายุ เพราะเค้าทำพื้นรองรับแรงกระแทกไว้ให้เพื่อลดอันตรายจากการลื่นหกล้ม แต่ดูแล้วเจ้าของห้องนี้ถึงจะสูงวัยแต่ก็ยังไม่ทิ้งสไตล์นะ แถมประตูเปิดออกไปสู่สวนข้างบ้านได้ด้วย

มีห้องน้ำในตัว ออกแบบตามหลัก Universal Design ให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัย

ขึ้นมาที่ชั้น 2 กันบ้าง ที่นี่ให้บันไดใหญ่แบบ Overscale มีทั้งวัสดุธรรมชาติ ตัดกับราวเหล็กดัด Wrought Iron

บนชั้นนี้ใช้วัสดุเป็นไม้เอนจิเนียร์หน้าไม้โอ๊ค ให้ความรู้สึกโฮมมี่มากขึ้นปูในสไตล์ Herringbone จากแนวทางเดินนี้ก็ได้ใช้ประโยชน์จากความสูงโปร่งของระยะเพดานครับ มีพื้นที่เอนกประสงค์ให้ใช้งานก่อนไปสู่ห้องนอนด้านใน

เค้าลองจัดเป็นห้องทำงานก็ดูเหมาะดี มีพื้นที่เปิดรับแสงธรรมชาติเต็มเลย ในขณะที่ข้างหน้าก็เปิดมุมมองโล่งด้วย

พื้นที่ชั้น 2 นี้มีถึง 4 ห้องนอนครับ เค้าออกแบบให้มีห้องนอนใหญ่ถึง 2 ห้อง แบบ Double Master Bedroom กว้างขวางอยู่สบายไม่แตกต่างกันอยู่คนละปีกของบ้าน มีที่นั่งแบบ Bay window ที่เราสามารถตกแต่งตามได้เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย

ห้องมุมนี้ก็มองลงไปยังสวนสวยๆ ข้างบ้านได้ด้วย

ห้องนอนใหญ่นี้จะมีพื้นที่สำหรับทำ Walk-in Closet รองรับ ได้แบบเต็มรูปแบบ

และมีห้องน้ำที่จัดไว้สะดวกสบาย รองรับการใช้งานได้พร้อมๆ กัน 2 คน สไตล์ His & Her

และก็มีอ่างอาบน้ำมาให้ด้วย แต่จะดีไซน์ไม่เหมือนกันซะทีเดียวครับ พื้นที่ด้านนอกถ้าใครอยากวางต้นไม้ ทำเป็น Mini Garden เราก็จะได้วิวแช่น้ำสวยๆ เป็นของตัวเอง ส่วนด้านข้างนั้นแยกโซน Shower และ โถสุขภัณฑ์ออกจากกันใช้งานสะดวกสบาย

ไปดูห้องนอน Master Bedroom อีกฝั่ง ซึ่งมีดีเทลแตกต่างกันให้ชม จะแตกต่างกันเรื่องทิศทางหัวนอน และ Layout ในห้องน้ำครับ

ได้พื้นที่ Walk-in Closet เหมือนกันทั้งคู่ อันนี้จัดสรรออกแบบได้ตามใจชอบเลย

ส่วนในห้องน้ำ เรื่องของฟังก์ชันนี่ไม่น้อยหน้ากันเลย ผมว่าที่ทำดีไซน์ต่างกันมันก็ดูไม่น่าเบื่อดีนะ อยู่ที่ใครอยากนอนทางไหน สามารถเลือกได้ ห้องน้ำกว้างขวางพร้อมช่องแสงขนาดใหญ่ น่าใช้จัง

อีก 2 ห้องนอนที่เหลือก็จะมีห้องน้ำให้ใช้สะดวก พื้นที่กว้างอยู่สบายหมดนะครับ

สำหรับบ้าน Type ที่ใหญ่ที่สุด Manoir No.6 นี้ ในราคาเริ่มประมาณ 85 ล้านบาทครับ

มาต่อกันที่น้องเล็ก Manoir No.3 ที่ถ้าไม่ดูหลังแรกมาก่อน หลังนี้ก็ไม่เล็กเลย ฮ่าๆ ขนาด 347 ตร.ม. แบบ 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ จอดรถได้ 3 คันครับ

หลังแรกนั้นอาจจะดีไซน์มาดูรุ่นใหญ่หน่อย ตามกลุ่มเป้าหมายที่เป็นระดับครอบครัวขยายมีหลายเจนอยู่ด้วยกัน หลังนี้ออกแบบตัวตนชัดเจนสำหรับกลุ่มเพิ่งสร้างครอบครัว สีสันจะฉูดฉาดมากขึ้น อันนี้ดูถูกจริตผมกว่าหลังใหญ่โน้นนะ

เข้าบ้านมาจะเป็นส่วน Living Area ที่เน้นความเชื่อมโยงกับพื้นที่สวนภายนอกครับ

เค้าใช้สีน้ำเงินเข้มตัดซะเอาอยู่เลยเพิ่มความ Modern ผสมผสานกับดีไซน์คลาสสิคของเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ ส่วนพรมนี้ถูกใจมากๆ ดีไซน์ไม่เหมือนใคร และยังได้ความนุ่มละมุน ลองมาสัมผัสกันดูครับ

ด้านในเป็นโซน Dining & Kitchen แบบครัวฝรั่ง จะเห็นว่าฟังก์ชันบ้านคล้ายๆ กันเลยนะครับ แค่ว่าขนาดพื้นที่ลดหลั่นกันลงมาตามขนาดของบ้านเท่านั้นเอง มีประตูที่เข้าได้จากโรงรถได้ด้วยเหมือนกันครับ

สวยเนอะ

มีส่วนครัวไทยแยกเป็นสัดเป็นส่วนอยู่ด้านหลัง ใช้งานได้เต็มที่พร้อมเปิดระบายอากาศได้ด้วย

ชั้นล่างนี้มีอเนกประสงค์ด้วยครับ คราวนี้เค้าลองปรับเปลี่ยนดีไซน์เป็นห้องทำกิจกรรมของคุณหนูๆ สำหรับพ่อแม่มือใหม่ ช่างสรรหาพรมน่ารักๆ มาอีกแล้ว

ห้องน้ำชั้นล่างของบ้านนี้จะมีห้องเดียว แต่ได้แบบครบฟังก์ชัน อาบน้ำได้ด้วย พร้อมเปิดระบายอากาศได้ทำให้ไม่อับ

ขึ้นบันไดมาชั้น 2 กันบ้างครับ จะมีโซนพื้นที่เปิดกว้างๆ พื้นที่ตรงนี้จัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างใจ

เป็นมุมเชื่อมต่อกับ Balcony ด้านนอก เท่ากับว่าโซนนี้มีโซฟาถึง 3 ชุด คือมันสามารถใช้งานได้เยอะจริงๆ ทั้งภายนอกและภายใน

เราไปดูห้องนอน Master Bedroom ที่อยู่ติดกันซักหน่อย

Master Bedroom ของบ้านนี้ได้กระจกทรงโค้งเป็นเอกลักษณ์ น่ารักและได้บรรยากาศดีมาก ยิ่งถ้าปลูกไม้ดอกอยู่ข้างนอกนี่ยิ่งสวยเลย นี่ลองนับๆ ดู สีพรมของบ้านนี้เค้าเปลี่ยนไปกี่แบบกี่สไตล์แล้วนะ ดีไซน์เข้ากันดีจริงๆ

ที่เชื่อมต่อกันด้านในก็มีส่วนของ Walk-in Closet นำไปสู่ห้องน้ำในตัวครับ

แม้แบบบ้านเริ่มต้น ก็ยังได้อ่างอาบน้ำนะ และก็อ่างล้างหน้าไม่น้อยหน้าบ้าน Type อื่นเลย ช่องแสงมีทั้ง 2 ฝั่ง ห้องน้ำนี้โปร่งตลอดช่วงเวลากลางวันแน่นอน

ที่ต้องเก็บภาพห้องนอนอีก 2 ห้องมาให้ดู เพราะอยากให้เห็นถึงความครีเอทของการตกแต่งด้วยคู่สีที่ฉูดฉาด มาครบทั้งแม่สี RGB ของที่นี่ แต่มันดูไปด้วยกันได้หมดเลย ห้องนี้ดู Modern ชัดที่สุดแล้ว

แต่ก็ยังไม่ทิ้งความคลาสสิคด้วยโคมไฟและดีไซน์ฝั่งหัวเตียง มีห้องน้ำในตัวใช้งานสะดวกครับ

อีกห้องนึงตกแต่งเป็นห้องหนูน้อย ได้บรรยากาศ Circus มาก เข้าไปแล้วเหมือนมีเสียงเอฟเฟกต์พุ่งออกมาจากเพดาน ฮ่าๆ เอาละครับ ชมบ้านกันครบหมดแล้ว เราจะไปต่อกันที่พื้นที่ส่วนกลางภายในสำหรับลูกบ้านโดยเฉพาะกันบ้าง

พื้นที่ส่วนกลางที่นี่ นอกจากเป็นฟังก์ชันให้ใช้งานแล้ว ยังมีความเป็นแลนด์มาร์กในตัวด้วย อย่าง “LE PAVILLION” นี้ เป็นพาวิลเลียนที่เค้าทำมาจากงานเหล็กดัด ได้แรงบันดาลใจมาจากหอไอเฟลนั่นเอง มีเส้นสายของ Arch โค้งเพิ่มเสน่ห์สไตล์ยุโรป

ดูการจัดการแนวต้นไม้เรียงกัน พร้อม Courtyard ตรงกลาง ก็จำลองมาจากสวนสาธารณะตุยเลอรีในกรุงปารีส ผสมผสานกับดีไซน์สุดคลาสสิคของถนนฌ็องเซลิเซ่ ที่เห็นไกลๆ คือ Le Club คลับเฮ้าส์ขนาดใหญ่กลางโครงการ

รอบๆ ก็มีทั้งส่วนนั่งพักผ่อน และโซนกิจกรรมต่างๆ ให้ใช้งานนะครับ ทำออกมาดีไซน์กลมกลืนไปด้วยกันทุกพื้นที่เลย

มี Sansiri Backyard ที่มาในคอนเซปต์สวนสไตล์ฝรั่งเศส เป็นพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ที่ดูยุโรปที่สุดของทุกโครงการละ

เนี่ย พอมายืนดูใกล้ๆ ใครจะคิดว่าสถานที่ในหมู่บ้านมันจะอลังการขนาดนี้

ด้านหลังเป็นพื้นที่ของสระว่ายน้ำกว้างใหญ่ขนาด 10×25 เมตรพร้อมสระเด็ก อยู่ติดกับ Lake ที่อยู่ถัดออกไป ชมวิวตรงนี้จากชั้น 2 สวยงามครับ

ไม่อยากออกแรง ก็มานอนกินลมชมวิว ชิลล์ๆ ริมสระได้ มีที่นั่งอยู่เยอะเลย

ถัดเข้ามาด้านใน จะได้เห็นลวดลายการดีไซน์จากการรวบรวมเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ได้อย่างลงตัว มีความเป็นวินเทจนิดๆ หลายชิ้นก็เป็นของที่เค้านำมาจากฝรั่งเศสเพื่อนำมาใช้ที่นี่โดยเฉพาะครับ

ด้านล่างมี Lounge ดีไซน์สุดเก๋ให้ลูกบ้านมานั่งพักผ่อน ทำงาน ดูสไตล์และสีสันก็ได้ความเพลิดเพลินมากแล้ว

เดี๋ยวเราขึ้นไปส่งท้ายด้วยห้องสวยๆ ที่ชั้น 2 กันครับ ใครนับได้บ้างว่าเราเจอแชนเดอเลียร์กี่ชิ้นแล้วในวันนี้

นี่เป็นห้องที่ได้อารมณ์เหมือนคาเฟ่สุดคลาสสิค ถ้ามีเซ็ตชาพร้อมมาการองอร่อยๆ เคล้าคลอด้วยเสียงดนตรี เหมาะมากกับการปล่อยเวลาให้ล่องลอยไป กับบ่ายวันหยุดที่แสนสุนทรีย์ บรรยากาศมันดีจริงๆ ครับ

และทั้งหมดนี้ก็คือภาพแรกจากโครงการ นาราสิริ พหลฯ – วัชรพล ที่เราพาทุกคนมาชมกันนะครับ เป็นอีกครั้งที่แสนสิริได้เนรมิตบรรยากาศที่ไม่เหมือนที่ไหนให้เกิดขึ้นได้นับตั้งแต่ก้าวย่างผ่านรั้วเข้าไป เพื่อตอกย้ำถึงความเป็น “Taste-maker” ที่เป็นจุดแข็งในการทำตลาด Luxury เสมอมา ปีนี้ยังคงมีความน่าสนใจจากแสนสิริให้ดูอีกแน่ แต่ถ้าใครไม่อยากพลาดโครงการระดับนี้ ขอเชิญเข้าไปชมด้วยตาตัวเองกันที่โครงการครับ