แอบดูคอนโด Life Asoke Rama 9 เพิ่มความใส่ใจ ให้ชีวิต Convergent​

วันนี้เราจะพามาชมอีกหนึ่งคอนโดพร้อมเข้าอยู่ในย่านพระราม 9 กันครับ ทุกวันนี้เวลาหาคอนโดสักที่ ​ นอกเหนือจากเรื่องทำเลที่ดี และมีสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ใกล้ตัวแล้ว เราก็ต้องคำนึงถึงเรื่องการใช้ชีวิตแบบ New Normal กันมากขึ้นด้วย เพราะมีแนวโน้มว่าเราคงจะต้องใช้เวลาอยู่กับคอนโดมากขึ้นไปอีกนาน เพราะเป็นทั้งบ้านและที่ทำงานสำหรับคนที่ต้อง Work from Home แต่ในขณะเดียวกันก็ยังต้องระมัดระวังในการอยู่ร่วมกับกับผู้อื่นให้ปลอดภัยด้วย ​ หัวใจของการคิดคำนึงเรื่องเหล่านี้จึงมีความหมายในปัจจุบันมากครับ​

​Life Asoke Rama 9 เป็นอีกคอนโดที่สร้างเสร็จในช่วงการระบาดของโควิด-19 และได้ปรับการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ ให้รองรับสถานการณ์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการลดการสัมผัสโดยใช้ประตูอัตโนมัติ ติดตั้งสติ๊กเกอร์ทองแดงฆ่าเชื้อไวรัสตามปุ่มลิฟต์, การจองพื้นที่ส่วนกลางผ่าน Smartphone, การปรับปรุงในโซน Fitness ให้มี Partition กั้นระหว่างลู่วิ่งและอุปกรณ์ Cardio, การเพิ่ม Partition ระหว่างที่นั่งทำงานในส่วนกลาง และติดตั้งระบบฟอกอากาศแบบ Plasma Cluster ครอบคลุมพื้นที่ส่วนกลางและลิฟต์ ในขณะที่ Facilities บางอย่างเองที่ทำมาเพื่อให้ใช้งานได้เป็นส่วนตัว อย่าง Cocoon Chair ก็ตอบโจทย์ชีวิต New Normal นี้ได้ลงตัวพอดีครับ ทั้งหมดนี้ก็ทำให้ลูกบ้านไม่ต้องมาลุ้นว่าจะต้องปรับปรุงอะไรใหม่หลังจากโอนไปแล้ว เพราะจะได้เห็นทุกอย่างมีพร้อมตอนเปิดตึกเลยครับ​

​ครั้งแรก! AP x Xiaomi แพคเกจแต่งครบอัจฉริยะ Convergent Life​

นอกเหนือจากการจัดการพื้นที่ส่วนกลางแล้ว พื้นที่ในห้องเองก็ได้รับการออกแบบเพื่อนำเทคโนโลยีมาเพิ่มเติมความสะดวกสบายเช่นกันครับ ซึ่งเป็นการร่วมมือกันครั้งแรกระหว่าง AP และ Xiaomi ที่มีความเชี่ยวชาญในอุปกรณ์ IoT ภายในบ้าน จัดทำแพ็คเกจเพื่อต่อยอดการอยู่อาศัยในยุคดิจิตอล ด้วยการผสานพื้นที่เข้ากับนวัตกรรมการอยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็น​

  • Convergent Living Room ระบบความบันเทิงทั้งภาพและเสียง ผ่าน Mi Box S, Mi Smart Speaker และยังมี Highlight คือ Xiaomi Lasor Projector 150 (สำหรับห้อง 2Bed) ที่ใช้ระยะฉายเพียง 0-60 cm. พร้อมเสียงระบบ dts-HD​
  • Convergent Bedroom ระบบควบคุมแสงสว่าง, ม่าน, เปิดปิดแอร์ และเครื่องฟอกอากาศที่สามารถกรอง PM2.5 ได้ถึง 99.99% ควบคุมผ่าน Mi Home App ได้​
  • ระบบรักษาความปลอดภัยด้วยกล้องวงจรปิด และเซนเซอร์ตรวจจับประตูหน้าต่าง​
  • นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อื่นๆ อย่าง หุ่นยนต์ดูดฝุ่น, เครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะ และ Scooter ไฟฟ้าที่อยู่ใน Mi Ecosystem ที่ช่วยให้เราใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นภายในแพ็คเกจนี้ด้วย ซึ่งจะได้อะไรบ้างก็ขึ้นอยู่กับ Type ห้องที่เราจองครับ​

ทำเลและการเดินทาง​

Life Asoke Rama 9 ตั้งอยู่ในทำเล New CBD อย่างพระราม 9 มีทางเข้าออกหลายทางทั้งถนนอโศก-ดินแดง และจตุทิศ รวมถึงทางเดินเท้าที่ใช้เดินไป MRT ได้สะดวกในระยะประมาณ 300 ม. ซึ่งก็ถือเป็นความยืดหยุ่นที่ดีสำหรับการเลือกหาที่อยู่อาศัยในโซนที่มีการจราจรหนาแน่นแถบนี้ เพราะมีทั้งแหล่งช็อปปิ้ง ไม่ว่าจะเป็นเซ็นทรัลพระราม 9, Fortune Town, Lotus หรือเลยไปหน่อยทางเส้นรัชดาก็ยังมี Esplanade รัชดาฯ, ตลาดรถไฟ, Big C ,HomePro, The Street และยังมีแหล่งงานขนาดใหญ่ ทั้ง G Tower, Unilever House, SET เป็นต้น ยังไม่นับตามตรอกซอกซอยที่มีร้านค้าและคนอยู่อาศัยกันคึกคักครับ​

​ภาพรวมโครงการ​

ตัวโครงการเป็นคอนโด High Rise 2 ทาวเวอร์ (สูง 42 ชั้น และ 45 ชั้น) รวม 2,248 ยูนิต บนพื้นที่ 8 ไร่กว่า เชื่อมต่อกันด้วย Podium ด้านล่าง และทางเดินชั้นบนสุดที่มองขึ้นไปก็รู้สึกถึงความอลังการ มีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 7.5 ไร่ให้ใช้ทั้ง 2 อาคารสบายๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็น Lobby เพดานสูงแบบ Multi-function, สระว่ายน้ำ 3 สระ สระใหญ่ที่สุดคือยาวเท่าสระ Olympic ที่ 50 ม., Jacuzzi, พื้นที่ฟิตเนสวิวพาโนรามา 2 ชั้น, Co-working Space, สวนทั้งชั้น Ground, Sky Garden และสวนไล่ระดับสไตล์ Amphitheater ให้ได้เดินสูดอากาศพร้อมกับชมวิวสวนมักกะสันเต็มตา, Sky Lounge และ Private Theater ให้จองดูหนังเพลินๆ ครับ​

รูปแบบห้องและราคา​

Life Asoke Rama 9 มีห้องทั้งหมด 4 Type คือ​

  • แบบ Studio ขนาด 25-27 SQ.M.​
  • แบบ 1Bedroom ขนาด 32 SQ.M.​
  • แบบ 1Bedroom Plus ขนาด 35-40 SQ.M.​
  • แบบ 2Bedroom ขนาด 45-58 SQ.M.​

​ตอนนี้ยังมีห้องที่ยังเหลือขายอยู่อีกไม่เยอะนะครับ อาจจะต้องเช็คตำแหน่ง และชั้นกันอีกทีที่โครงการ แต่สำหรับลูกค้าโครงการที่โอนกรรมสิทธิ์ภายใน 31 พ.ค. นี้ ก็จะได้แคมเปญ Convergent Life กันทุกคนครับ ซึ่งสามารถเลือกรับเป็นอุปกรณ์ตามที่เค้าตกแต่งมาให้เป็นตัวอย่าง หรือจะไปเลือกเป็นของที่เราอยากได้ก็ได้ โดยราคาที่ผมเข้าไปเช็คมานั้น โดยส่วนใหญ่จะเริ่มที่เฉลี่ยแล้วไม่ถึง 120,000 บาท/ตร.ม. อยู่เยอะเลย (เริ่ม 3 ล้านต้นๆ สำหรับห้อง Studio) เรียกว่าเป็นราคาที่คุ้มค่าและน่าสนใจเมื่อเทียบกับระดับราคาเฉลี่ยของโซนนี้ครับ

ใครที่สนใจก็คลิกรับสิทธิพิเศษจากโครงการได้ที่นี่ >>​ https://bit.ly/3cHvyae

แล้วตามไปชมห้องตัวอย่างในแคมเปญนี้พร้อมๆ กับเราด้านในเลยครับ​

#Livingsneakpeek #Sneakreview​#APThailand #LifeAsokeRama9 #XiaomiConvergentLife

Life Asoke Rama 9

สำหรับห้องตัวอย่างวันนี้เป็นห้องแบบ 1 Bed Plus ขนาดประมาณ 40 ตารางเมตร สามารถมองเห็นวิวสวนมักกะสันสวยๆ

โครงการขายแบบ Fully Fitted เราจะได้ในส่วนของครัวและห้องน้ำที่ได้รับการตกแต่งตามมาตรฐาน ผนังเป็นแบบฉาบเรียบทาสี ระยะความสูงเพดานอยู่ที่ 2.6 เมตร พื้นเป็นลามิเนต นอกเหนือจากนั้น ก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะเนรมิตห้องสวย ให้ออกมาตามใจชอบ อยู่แล้วสบายใช้ชีวิตได้อย่างใจเลยครับ

เมื่อทุกนาทีมีค่า ตัวช่วยเรื่องความสะดวกสบายและการประหยัดเวลาจึงสำคัญ ซึ่งทาง AP เค้าก็ได้นำร่วมมือกับแบรนด์ไฮเทคอย่าง Xiaomi เข้ามาตอบโจทย์การอยู่อาศัย ให้กลายเป็น CONVERGENT LIFE หรือการใช้ชีวิตอย่างผสมผสานไปกับนวัตกรรมอัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบ จะน่าสนใจแค่ไหน ตามเข้าไปดูกันต่อได้เลยครั

นอกจากพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุค New Normal ตั้งแต่หน้าโครงการแล้ว พอเข้ามาถึงห้องเราก็จะน้อยหน้าไม่ได้ เริ่มจากประตูที่เค้าให้มาแบบ Digital Door Lock เวลาถือของมาเยอะๆ ไม่ต้องมัวล้วงหากุญแจ กดรหัส หรือแตะ Key Card เพื่อเข้าห้องได้เลยครับ

ห้องนี้เป็นแบบ 1Bed Plus ขนาด 40 ตร.ม. แบ่งสัดส่วนได้อย่างลงตัวเริ่มจาก ห้องนั่งเล่นเชื่อมต่อให้ใช้งานร่วมกันกับส่วนรับประทานอาหาร พื้นที่ด้านข้างโซฟาก็จัดวางตู้เก็บรองเท้าเข้าไปได้พอดี ใครมีรองเท้าเยอะๆ ก็ต่อเติมตู้ให้สูงขึ้นอีกหน่อยเพิ่มการเก็บของได้มากขึ้นครับ

Layout นี้ได้ห้องครัวแบบปิด ห้องน้ำสามารถใช้ร่วมกันได้โดยที่แขกไม่ต้องรบกวนเจ้าของห้องเพราะเป็นแบบ Double Access เข้าได้จากทั้งส่วนนั่งเล่นและจากในห้องนอน ส่วนด้านในเป็นห้องอเนกประสงค์ ที่ใช้บานเลื่อนกั้นแบ่งพื้นที่ ส่วนห้องนอนได้ความเป็นส่วนตัวด้วยประตูบานทึบครับ

กลับเข้ามาอย่าเพิ่งเริ่มจับอะไร แวะล้างมือในห้องครัวก่อนได้ ครัวจะอยู่ใกล้กับประตูทางเข้า มาในรูปแบบครัวปิด ลดการส่งกลิ่นรบกวน และช่วยให้ห้องดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น

สำหรับห้องตัวอย่างทางโครงการเค้าได้เตรียมอุปกรณ์ต่างๆ จาก Xiaomi ที่จัดเซ็ตแถมมาให้ดูกันด้วย เพื่อจะได้เห็นภาพการใช้ชีวิตภายในห้องครับ เริ่มตั้งแต่ เครื่องดูดฝุ่น Xiaomi Mi Robot Vacuum-Mop Pro ตัวนี้ ที่สามารถเชื่อมต่อกับ Mi Home App ในมือถือของเราได้เลย สั่งให้วิ่งไปชาร์จแบต สั่งให้ออกมาทำงาน ดูดฝุ่นในห้องง่ายๆ ผ่านมือถือเครื่องเดียวอยู่ครับ

กลับมาด้านนอกเป็นส่วนของ Living Room แน่นอนว่าห้องนี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของห้องเองหรือแขกที่มาเยี่ยม ต่างก็ต้องใช้เวลาร่วมกันในห้องนี้ คุยงาน ดูหนัง ฟังเพลง หรือทานข้าวเอย ห้องนี้จึงขาดตัวช่วยอย่างเครื่องฟอกอากาศไม่ได้เลย

Mi Air Purifier Pro H EU เครื่องฟอกอากาศตัวนี้ผมก็ซื้อไว้ในห้องนอนคุณแม่เช่นกันครับ สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้มากถึง 99.99% ครอบคลุมพื้นที่ได้ถึง 42-72 ตารางเมตร และยังควบคุมการทำงานได้ง่ายๆ ผ่าน Mi Home App ได้เช่นกัน ทำให้ช่วยอุ่นใจได้ว่าห้องเราจะมีอากาศที่บริสุทธิ์ ใครมีลูกเล็ก หรือหลานตัวน้อยมาเยี่ยมก็สบายใจหายห่วงไปเลยครับ

ตัวห้องนั่งเล่นถูกออกแบบเป็นตอนลึกให้เชื่อมต่อกับพื้นที่รับประทานอาหาร ทานข้าวไปดูหนังไป หรือจะลุกเข้าห้องน้ำก็สะดวกสบาย เพิ่มเติมด้วยการติดตั้งชั้นวางของ ที่เก็บหนังสือหรือตู้โชว์ที่ผนังเข้าไปได้ เลือกใช้หน้าบานกระจกหรือทำเป็นชั้นแบบเปิดเหมือนอย่างในห้องตัวอย่าง ก็จะช่วยให้ห้องดูไม่แน่นจนเกินไปด้วยครับ

ใครงบแต่งห้องยังเหลือ เพิ่มกระจกที่ผนังห้องก็จะดูกว้างขึ้นได้อีกนะ

แน่นอนว่าช่วงนี้ต้อง Work From Home กันตลอด จะให้เก็บตัวอยู่ในห้องนั่งทำงานเงียบๆ ก็ดูจะเหงาไป ใช้ลำโพงบลูทูธ Mi Smart Speaker ในการสร้างบรรยากาศกันครับ วันไหนต้องเข้าห้องน้ำนานๆ ก็ฟังเพลงเพิ่มความสุทนรีย์ได้อีกนะ ฮ่าๆ

ห้องน้ำโครงการนี้เป็นแบบสำเร็จรูปครับ ข้อดีก็คือลดปัญหาการรั่วซึมผ่านผนังห้อง ทำความสะอาดง่าย ชั้นวางเครื่องประทินผิว หรือของใช้ในห้องน้ำต่างๆ ก็เจาะช่องไว้ให้เรียบร้อย มีราวแขวนผ้าเช็ดมือ พร้อมโถสุขภัณฑ์จาก KOHLOR ฝักบัวจาก GROHE และติดตั้งฉากกั้นเปียกแห้งไว้ให้ครับ

สามารถเข้าใช้งานได้ทั้งจากห้องนั่งเล่น หรือจากห้องนอน ทำให้สะดวกทั้งเจ้าของห้องจะเข้าห้องน้ำกลางดึก หรือแขกที่มาในเวลากลางวันก็ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอน

แวะมาดูห้อง Plus กันต่อ ห้องนี้ใช้งานเป็นอีกหนึ่งห้องนอนได้เลยครับ สามารถใส่เตียงขนาด 3 ฟุตเข้าไปได้ หรือใครจะทำเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet หรือทำเป็นห้องทำงาน รองรับการใช้ชีวิตในยุค New Normal อย่างเต็มรูปแบบ ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวในการทำงาน รับแสงธรรมชาติ และมองวิวสวยๆ ได้ให้พักสายตากันได้เป็นระยะด้วย

อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ Mi Security Camera 360 2K Pro หรือกล้องวงจรปิด สำหรับคนรักห้อง รักความปลอดภัย หรือแม้แต่ถ้าเราเป็นคนขี้ลืม อาจจะกังวลว่าเก็บของดีหรือยัง ทำอะไรตกไว้ ลืมปิดไฟปิดแอร์มั้ย ติดกล้องไว้ก็ช่วยเพิ่มความสบายใจได้นะครับ ยิ่งถ้าใครอาศัยอยู่กับผู้สูงอายุ เจ้าเครื่องนี้ก็จะเป็นตัวช่วยที่ดีมากๆ เลย เราสามารถควบคุมกล้องผ่านมือถือได้แบบ 360 องศา จะขึ้นลงซ้ายขวาได้รอบ มีระบบ AI ตรวจจับความเคลื่อนไหว สามารถส่งเสียงเพื่อสนทนากันได้สองฝั่ง มองเห็นได้ชัดในเวลากลางคืนครับ

อย่างห้องตัวอย่างนี้ เค้าจัดวางตู้เสื้อผ้าและเตียงเข้าไป ก็ยังมีพื้นที่ทางเดินได้แบบสบายๆ นะครับ

มุมนี้ก็จะรับแสงธรรมชาติได้เต็มตา และได้แอร์ในห้องนี้ด้วยครับ

เห็นสกูตเตอร์แบบนี้แล้วอดไม่ได้ อยากเอาไปขี่เล่น เพราะช่วยให้ไม่ต้องเดินนั่นเองครับ ฮ่าๆ ตัวนี้ใช้งานง่าย พกพาสะดวกเพราะพับเก็บได้ สามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 29 กิโลเมตร/ชั่วโมง ความจุของเเบตเตอรี่ 5100 mAh เชื่อมต่อกับมือถือได้ด้วย วันไหนอากาศดีๆ หยิบลงไปขี่รอบโครงการรับลมช่วงเย็นๆ ได้สบายๆ เลย

เครื่องชั่งน้ำหนักที่ทุกบ้านต้องมี Mi Body Composition Scale 2 เรียบ สวย ดูมินิมอล ในขณะที่สามารถประมวลข้อมูลดัชนีสุขภาพหลายด้านให้เราติดตามข้อมูลของตัวเองได้ครับ

แง้มเข้าไปดูในห้องนอนกันต่อ จะมีอะไรมาให้เล่นอีกมั้ยน้า

ด้านในห้องนอนสามารถวางเตียงใหญ่ขนาด 5 ฟุต แล้วจัดวางโต๊ะหัวเตียง ตู้เสื้อผ้าพร้อมโต๊ะเครื่องแป้งเข้าไปก็จะได้พื้นที่เหลือๆ สองข้างเตียง ให้เดินและใช้งานได้โดยรอบ

พร้อมมี Smart Curtain Controller ตัวควบคุมระบบไฟฟ้าและม่าน จะควบคุมผ่านมือถือ Mi Home App หรือจะใช้รีโมทคอนโทรลก็ได้ ตอนเช้าๆ ถ้าแสงแดดเข้าตาก็ไม่ต้องเดินงัวเงียหลับตาลุกไปปิดม่าน คว้ารีโมทกดทีเดียวกดปิดม่านให้แทน

ห้องนอนก็จะมีระเบียงส่วนตัวให้ออกไปรับลมชมวิวได้ เอาไว้เปิดประตูระบายอากาศ ช่วยให้ห้องไม่อับครับ

เพื่อความเป็น Convergent Bedroom ก็ต้องมีตัวช่วยอย่าง Mi Air Purifier 3H EU เครื่องฟอกอากาศรุ่นล่าสุด เสียงพัดลมเบาขึ้น มีขนาดกระทันรัด และหน้าจอเป็นแบบสัมผัส OLED ตั้งไว้เป็นคู่หูในห้องนอนให้ได้อากาศบริสุทธิ์ ตื่นมาก็มีแรงออกไปใช้ชีวิตกันต่อ

มุมนี้มองเห็นวิวสวนมักกะสันสีเขียวสดสวย มองเห็นน้องญาญ่าส่งยิ้มหวานให้อยู่ไกลๆ

และนี่ก็เป็นห้องตัวอย่างโครงการ Life Asoke Rama9 ที่ทาง AP ต้องการส่งต่อแนวคิด EMPOWER LIVING ให้ลูกบ้านทุกคนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี อุ่นใจ ช่วยให้การอยู่อาศัยเป็นเรื่องที่ง่าย โดยมีเทคโนโลยีเป็นตัวเชื่อมต่อความสะดวกสบาย โดยไม่ทิ้งความปลอดภัยในยุค New Normal ครับ

ก่อนจะจากกันไป ผมนำภาพส่วนกลางสวยๆ มาฝากทุกคนด้วย ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าโครงการนี้ทำส่วนกลางมาได้สวย ไม่ต่างไปจากตอนเห็นภาพ Perspective เลย จะน่าอยู่แค่ไหนไปดูกันครับ

Lobby ที่นี่อลังการมากครับ และมีมุมให้ใช้งานได้หลากหลาย

พื้นที่ Co-working Space มีทั้งที่เป็นแบบห้องประชุมและแบบใช้งานได้ส่วนตัวด้วย Cocoon Chair

มุมพักผ่อนสวยๆ อยู่ที่ Sky Lounge ให้นั่งพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆ

Private Theatre ที่นี่เปิดโล่งให้ชมวิวภายนอกได้ด้วย

Lobby ที่นี่อลังการมากครับ และมีมุมให้ใช้งานได้หลากหลาย

ด้านนอกยังมีสวนสไตล์ Amphitheatre ให้นั่งรับลม ชวนสวน โดยมี Skyline กรุงเทพเป็น Background

ไฮไลต์อีกอย่างนึงก็คือสระว่ายน้ำที่นี่ ที่มีถึง 3 สระให้ใช้งาน มีทั้งให้ว่ายจริงจังยาวถึง 50 ม. และสระ Free form สวยๆ ให้ใช้เวลาแช่สบายๆ ชมวิวไปให้เพลินตายามเย็น