ลงทะเบียนคลิก https://anan.ly/3Uc0Utu
วันนี้ผมจะพาไปชมบรรยากาศโครงการพร้อมเข้าอยู่อย่าง ‘IDEO พระราม9-อโศก’ กันครับ เข้ามาที่นี่แล้วจะรู้สึก Active ขึ้นมาเลย เพราะสไตล์การตกแต่งเค้าเน้นความสนุกสนาน ด้วยการใช้คู่สีที่แตกต่างกันอย่างสีเหลืองกับน้ำเงินเป็นสีหลัก ทำให้มีความสดชื่นแต่ก็ขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกสงบไปด้วย และความพิเศษคือเป็นคอนโดที่มีลายกราฟฟิตี้เป็นของตัวเองด้วย โดยคุณ P7 ศิลปินกราฟฟิตี้ชื่อดังของไทย ซึ่งเราจะได้เห็นทั้งสีสันและตัวมาสคอตอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ รอบโครงการครับ ที่นี่ใช้คอนเซ็ปท์ ‘Live-Work-Play’ เน้นการ Work hard play hard แล้วก็ใช้ชีวิตให้สุดทั้งสนุกและมีความสุขได้ทุกวัน บนทำเลศักยภาพอย่างพระราม 9 และส่วนกลางที่หลากหลาย 24 ชม. แน่นอนว่าตอบโจทย์คนยุคใหม่ได้เป็นอย่างดีครับ
IDEO พระราม 9 – อโศก
ทำเลและสิ่งอำนวยความสะดวก
‘ย่านพระราม 9’ ก้าวไปตรงไหนก็มีความสะดวกหลากหลายรออยู่ ทั้งร้านอาหาร แหล่งไลฟ์สไตล์ สำนักงาน หรือโรงพยาบาล ครบจบในย่านนี้ครับ พูดถึงการเดินเท้า ถ้าจะไปใช้รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีพระราม 9 หรือเซ็นทรัลพระราม 9 รวมถึงตลาดแหล่งรวมของคาวของหวาน เสื้อผ้าและของแฟชั่นอย่างจ๊อดแฟร์ที่อยู่ติดกัน ก็แค่เดินออกมาหน้าโครงการ ข้ามถนนแล้วเดินต่ออีกหน่อยก็ถึงแล้วครับ รวมๆไม่เกิน 400 ม. เรื่องปากท้องหายห่วง ส่วนใครใช้รถส่วนตัว ก็สะดวกเพราะอยู่ติดกับถนนพระราม 9 ที่เชื่อมได้ทั้งถนนอโศก-ดินแดงเข้าสู่กลางเมือง และถนนรัชดาภิเษก ที่ออกสู่นอกเมือง หรือจะใช้ทางด่วน ที่ตั้งโครงการสุดสะดวกเพราะเลี้ยวผ่านตลอด ถึงจุดขึ้น-ลงทางพิเศษศรีรัชตรงด่านอโศก 3 ครับ และที่นี่ยังใกล้ Airport Link มักกะสันด้วย
ภาพรวมโครงการ
ไอดีโอ พระราม 9 – อโศก เป็นคอนโดแบบ High Rise สูง 36 ชั้น อยู่บนพื้นที่ 5 ไร่ครึ่ง รวมที่พักอาศัย 1,222 ยูนิต กับ 2 ร้านค้า หนึ่งในนั้นคือ 7-11 ที่อยู่ข้างล่างตึกนี่เองครับ และด้านหน้าโครงการยังมีห้องชุด Town Villa อีก 4 ยูนิต มาพร้อมที่จอดรถ 43%
พื้นที่ส่วนกลาง
จุดเด่นของที่นี่คือ Facilities ตั้งแต่ชั้นล่าง และ Top Floor ด้านบน พร้อมชมวิวสวยตระการตาได้โดยไม่มีอะไรบดบังครับ ส่วนกลางเค้าเปิด 24 ชม. ก็จะสะดวกกับคนที่อยาก Flexible เรื่องเวลา อยากมาใช้งานเมื่อไหร่ก็ได้ตามต้องการ
- ที่ชั้น G มี Lobby พร้อมพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนหลากหลายรูปแบบ, ด้านนอกมีแป้นบาส 3 แป้น อยู่ติดกันเหมือนไฟสี่แยก สูงต่ำไม่เหมือนกันแปลกแหวกแนวมาเลย, มีสวน สไลเดอร์ และพื้นที่อเนกประสงค์ให้ใช้งานท่ามกลางลาย Graffiti สุดแนว
- Top Floor ที่ชั้น 36 นี่เค้าปูพรมพื้นที่ส่วนกลางทั้งแอคทีฟ และสนุกสนานเต็มเลยครับ มีสระว่ายน้ำสวยๆ ยาว 40 ม. พร้อมอุปกรณ์ออกกำลังในน้ำ, Co-Living Area, Amphitheater, Boxing Zone, โต๊ะปิงปองแบบ Tube รูปทรงแหวกแนว, พื้นที่นั่งพักผ่อนเค้าก็ให้มาเยอะ ซึ่งโซน Outdoor นี้สามารถเดินขึ้นบันไดไปรับลมชมสวนเขียวด้านบนได้ด้วย ยังมีโซน Social Club ที่มีทั้ง Co-Working Space, Co-Kitchen, Playing Area อย่างบ่อบอลและสไลเดอร์ที่เล่นได้ไม่จำกัดอายุ, โต๊ะพูลต่างๆ เท่านั้นยังไม่พอ สามารถขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 36M ที่มีฟิตเนสขนาดใหญ่ พร้อมเครื่องเล่นแบบครบครัน ออกกำลังกายไปชมวิวเมืองไปได้เลยครับ เรียกได้ว่ามีอะไรสนุกๆ และแปลกใหม่ให้เล่นกันเต็มที่ตามคอนเซปต์โครงการ
รูปแบบห้อง
ที่นี่มี 2 รูปแบบนะ คือห้อง Simplex ที่ได้เพดานสูง 2.7 ม. เริ่มที่แบบ Studio ขนาด 25.5-26.5 ตร.ม. ใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็เป็นแบบ 1 Bedroom ขนาด 31-38.5 ตร.ม. ไปจนถึง 2 Bedroom ขนาด 52-90.5 ตร.ม.
และห้อง Hybrid 2 ชั้นที่มีเพดานสูงโปร่งถึง 4.5 ม. แปลนเหมือนกับห้องแบบ Simplex แต่ยกเอาห้องนอนมาไว้ชั้น 2 ก็จะได้พื้นที่ครัวและ Living Area เต็มพื้นที่ชั้นล่างเลยครับ ห้องของที่นี่ก็มีให้เลือกหลากหลาย Layout ตามสไตล์ที่ชอบ มีทั้งแบบครัวปิดและครัวเปิด เค้าขายแบบ Fully Fitted ที่มีบิวท์ครัวมาให้ พร้อมเตา และที่ดูดควันเป็นแบบต่อท่อออกสู่ภายนอกโดยตรง สุขภัณฑ์ในห้องน้ำครบถ้วน โดยมีราคาเริ่มต้นสำหรับห้อง Studio ที่ 3.49 ล้านบาท / 1Bedroom 4.69 ล้านบาท / ห้อง Studio Hybrid 5.89 ล้านบาท (ราคาเฉลี่ยราว 135,000-210,000 บ./ตร.ม.)
สิ่งที่ได้เห็นจากการชมโครงการนี้คือ ค่อนข้างมีห้องที่ยืดหยุ่นต่อไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายเยอะมาก แล้วทำเป็นห้องตัวอย่างไว้ถึง 6ห้อง และกำลังจะทำเพิ่มสำหรับลูกค้าที่อยากปล่อยเช่าได้ทันที ซึ่งเราถ่ายมาให้ดูหมดเลยครับ ถ้าคุณยังลังเลว่าตัวเองจะโอเคกับห้องขนาดไหนมันจะเป็นการง่ายมากถ้าได้ลองไปชมจะได้เห็นว่าชีวิตที่เราใช้ ข้าวของที่เราต้องมีมันจะ fit-in กับห้อง type ไหน ซึ่งมีตั้งแต่สตูดิโอไปจนถึง 2 Bedroom ที่ใหญ่อลังการ รวมถึงห้องแบบ Hybrid ที่เน้นความโปร่งของห้องเค้าวางตำแหน่ง Void ได้สวยนะ ชมวิวได้ทั้งห้องนอนและ Living Area ครับ มันจะมีรายละเอียดเล็กๆ ที่ผมชอบคือ เค้าแต่งกระจกกั้นครัวของห้อง 2 Bedroom ที่อยู่ติดประตูได้สวย พร้อมที่นั่งที่ทำเป็น island มาพร้อมเลย ส่วนราคาเฉลี่ยเริ่มต้นก็ค่อนข้างขยับจากตอนเปิดตัวเมื่อหลายปีก่อนไม่มากครับ
ใครที่กำลังมองหาโครงการพร้อมอยู่ในทำเลพระราม 9 ส่วนกลางเยอะ ใช้ได้ตลอด 24 ชม. เดินทางสะดวก สามารถคลิกลงทะเบียนรับสิทธิจากโครงการได้ที่นี่เลยครับ https://anan.ly/3Uc0Utu
#LivingSneakPeek #SneakReview #Ananda #IdeoRama9Asoke
เปิดภาพมาใครจะคิดว่านี่อยู่ในคอนโด
ตามไปดูกันครับว่าที่ “Ideo Rama 9 – Asoke” เค้ามีความสนุกอะไรรอเราอยู่บ้าง
มีภาพสไลเดอร์มาเป็นออเดิร์ฟ
ต้อนรับด้วยหุ่นขนาดเท่าคน ไม่รอช้า ไปชมโครงการกันเลยครับ
เดินเข้าประตูมาก็จะเจอกับ Lobby พร้อมทั้งพื้นที่อเนกประสงค์หลากหลายทั้งแบบเก้าอี้ และแบบนอนกลิ้งเล่นชิลล์ๆ ก็ได้ อยู่ควบคู่ให้เลือกใช้เลย เน้นสีฟ้า-น้ำเงินตัดกับสีเหลือง ถือเป็นสีประจำโครงการครับ
มาทางฝั่งซ้ายก็จะมีพื้นที่สำหรับนั่งเอน มีแสงสาดเข้าแบบอ่อนๆ ดูยามเย็นน่าจะเหมาะมานอนดีครับ ฮ่าๆ
นอกจากจะเป็น Lobby แล้ว ที่ตรงนี้ยังสามารถปรับเป็นพื้นที่นั่งทำงานได้ด้วยครับ มีโต๊ะเก้าอี้ และโซฟาหลายรูปแบบ ให้จับจองเป็นพื้นที่นั่งเล่น นั่งรอ หรือนั่งทำงานได้
ถัดเข้ามาก็มีห้อง Meeting Room ที่มีโต๊ะขนาดใหญ่ พร้อมจอโปรเจคเตอร์ให้ใช้งานครับ เห็นลายกราฟิตี้ที่กระจกนั่นใช่มั้ยครับ นี่เป็นลายเฉพาะเอกลักษณ์ของโครงการที่ออกแบบโดยคุณ P7 ที่จะเห็นได้ทั่วเลย
ห้อง Mail Box สีสันสดใส
ก่อนจะขึ้นไปชั้นบน แวะชม Facilities โซน Outdoor กันก่อนครับ มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
ด้านนอกมีสวนและแป้นบาสหน้าตาแหวกแนว หนึ่งเสามีถึง 3 แป้น มีความสูงต่ำไม่เท่ากัน ก็ดูชาเล้นจ์ และเสมือนเป็นของตกแต่งโครงการให้ไม่เหมือนใคร
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่นั่งในโซน Semi Outdoor เผื่ออยากนั่งดูเพื่อนเล่นบาส หรือนั่งเฝ้าเด็กๆระหว่างเล่นสไลเดอร์ได้ครับ บริเวณด้านหลังสไลเดอร์ยังมีพื้นที่ที่เค้าออกแบบงาน Graffiti โชว์ไว้ให้มาถ่ายรูปเล่นกันได้ด้วย
กดลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้น 36 ไปชมส่วนกลางเพิ่มเติมแบบจัดเต็มกันต่อเลยครับ
ขึ้นมาเจอวิวท้องฟ้าสีครามพร้อมทั้งสระว่ายน้ำสวยๆแบบนี้ บอกเลยว่าหายเหนื่อยแน่นอนครับ
สระว่ายน้ำขนาด 40 ม. เป็นระบบเกลือ ซึ่งในน้ำจะมีอุปกรณ์ให้ออกกำลังกายอีกด้วยนะ ใครกลัวว่ายน้ำอย่างเดียวจะเบิร์นไม่พอ ก็เล่นเพิ่มไปเลยครับ
บรรยากาศมีความร่มรื่นดีครับ มีสายลมอ่อนๆ พัดโชยให้ได้เย็นตอนนั่งใต้ร่มเงา
เค้ามีชิงช้า และที่นั่งตามจุดต่างๆไว้ให้นั่งรับลมชมวิวเมืองสวยๆหลายจุด แตกต่างกันไปครับ ก็ได้พื้นที่ส่วนตัวให้พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ
ด้านในมีโซน Amphitheater ไว้ให้นั่งพักผ่อน ดูหนัง นั่งเม้ามอยกับเพื่อนๆ หรือจะนั่งหลบมุมเล่นโทรศัพท์คนเดียวก็ได้ครับ
พื้นที่ Co-Living ที่ Playing Area ก็มีสไลเดอร์ และที่เห็นท่อสีเขียวขนาดใหญ่นี้ไม่ใช่อะไร คือโต๊ะปิงปองสุดแนวนั่นเองครับ ตบกันในนี้ลูกไม่เด้งหายไปง่ายๆ
ใครเล่นปิงปองกันจนหัวร้อน มาเคลียร์กันต่อที่เวทีมวยตรงนี้ได้ครับ
ออกแรงจนเหงื่อออก เปิดประตูเข้ามาด้านในโซน Multi-Purpose Room ให้แอร์เย็นปะทะหน้า ก็จะเจอกับบ่อบอลก่อนเลยครับ เห็นแล้วก็อยากโดดลงไปเล่นเลย ซึ่งรอบตัวอาคารเค้าจะทำเป็นกระจก เพื่อให้เห็นวิวเมืองได้ชัดเจนรอบทิศครับ
ถัดมาก็เป็นสไลเดอร์วนแบบนี้ ไถลลงมาชมวิวซ้ายขวากี่รอบก็ได้จนกว่าจะเวียนหัว
ซึ่งชั้นบนก็เป็น Playing Area ที่มีโต๊ะ Pool พร้อมทั้งโต๊ะบอลมือหมุนขนาดใหญ่ เอาไว้มาเล่นกับเพื่อนๆได้เลย
ชั้นล่างก็เป็น Co-Kitchen พร้อมโต๊ะทานอาหารขนาดใหญ่, เตาอบ, ตู้เย็นและอุปกรณ์ทำอาหารต่างๆครบเลยครับ แต่ลายจะธรรมดาไม่ได้ แหงนบนเพดานก็รับรู้ได้ถึงพลังงานอันพลุ่งพล่านของที่นี่
ถัดมาข้างในมีห้องอเนกประสงค์พร้อมหน้าต่างบานใหญ่ให้ดูวิวเมือง จากตรงนี้มองลงไปเห็นทางด่วนศรีรัช พร้อมสวนสีเขียวตรงมักกะสัน และคริสตจักรที่มีตึกรูปทรงสวยงามมากครับ ห้องนี้เหมือนเป็นมุมถ่ายรูปของที่นี่เลยแหละ
ในนี้นอกจากมีพื้นที่ให้นั่งพักผ่อนแล้ว ยังมีโซน Co-Working Space รองรับการทำงานด้วย เปลี่ยนบรรยากาศทำงานในห้องมาทำงานพร้อมชมวิวเมืองแบบกว้างๆได้ครับ
กลับไปสู่ด้านนอก สามารถเดินขึ้นบันไดมาชมบรรยากาศสวนและพื้นที่สีเขียวข้างบนกันต่อครับ มองเห็นวิวได้ 360 องศาเลยนะ แน่นอนว่าเค้าจัดวางพื้นที่นั่งท่ามกลางสวนมากมาย มานั่งรับลมชมวิวกันได้สุดลูกหูลูกตาเลยครับ
โซนสุดท้าย กดลิฟท์ขึ้นมาที่ชั้น 36M จะมี Fitness ขนาดใหญ่จุใจ พร้อมอุปกรณ์ออกกำลังกายและเครื่องเล่นให้เยอะหลากหลายรูปแบบเลยครับ สายออกกำลังกายต้องถูกใจสิ่งนี้แน่นอน พร้อมวิวแบบ Panoramic อีกเช่นเดียวกัน
ไปต่อกันที่ห้องตัวอย่างบ้างครับ ที่นี่มีให้ชมถึง 6 ห้องด้วยกัน ผมจะพาชมคร่าวๆ ทุกห้องนะให้เห็นเป็นไอเดีย ที่นี่เค้าขายแบบ Fully Fitted ครับ ซึ่งก็คือห้องเปล่าพร้อมการตกแต่งครัวและห้องน้ำมาให้ ผมจะพามาชมห้องแบบ Simplex ก่อนแล้วกันครับ ห้องแรกคือห้องรูปแบบ Studio ขนาด 25.5 ตร.ม. ครับ
เข้ามาจะเจอกับครัวก่อน จุดเด่นคือเป็นห้องสตูดิโอครัวปิดครับ ครัวขนาดใหญ่บิวท์อินให้เรียบร้อย ทั้งเตา, ที่ดูดควัน, กรุกระเบื้องกันผนังเปื้อน (Backsplash) พร้อมตู้เก็บของต่างๆ ให้ครบถ้วน ตำแหน่งวางเครื่องซักผ้าก็อยู่ตรงนี้ครับ
ตรงข้ามครัวเป็นห้องน้ำ ที่ผมชอบนะคือตรงอ่างล้างหน้าเป็นแบบยาวเต็มพื้นที่ วางของหรือวางอุปกรณ์ในห้องน้ำได้เยอะ พร้อมทั้งติดชั้นวางของไม้ใต้อ่างล้างหน้าให้เก็บของได้เพิ่มขึ้นด้วยครับ
ถัดมาเป็นโซนห้องนั่งเล่นและห้องนอนครับ ด้วยความเป็นห้องสตูดิโอด้านในก็จะเป็นลักษณะพื้นที่เปิด สำหรับโซนพักผ่อน เตียงขนาดใหญ่และตู้เสื้อผ้าอยู่ด้านใน สิ่งที่ได้เพิ่มเติมคือ โซน Work from Home ที่อยู่ชิดหน้าต่างบานใหญ่เหมาะมากครับ
ต่อมาเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 31 ตร.ม. ที่ได้พื้นที่เป็นส่วนตัวมากขึ้นครับ
คราวนี้เข้ามาเจอกับโซน Living Area ก่อน ซึ่งได้ห้องนั่งเล่นเป็นหน้ากว้าง ค่อนข้างใหญ่เลย วางโซฟา และโต๊ะกลางขนาดใหญ่ได้ ระยะดูทีวีก็ค่อนข้างไกล วางทีวีจอใหญ่ได้สบายครับ ส่วนห้องน้ำเข้าได้จากโซนนี้เช่นเดียวกัน
ครัวของ Layout นี้ก็ยังคงได้ครัวปิดแถมติดระเบียงด้วยครับ ก็หมดกังวลเรื่องกลิ่นเวลาทำอาหารระบายได้สะดวก แถมกว้างพอที่จะวางโต๊ะกินข้าวสำหรับ 2 คนลงไปได้ด้วย ตำแหน่งวางเครื่องซักผ้าของห้องนี้จะอยู่ที่ระเบียงต่างจากห้องแรกครับ คนที่ซักผ้าเองบ่อยๆ น่าจะใช้งานสะดวก
และห้องนอนของ Type นี้ก็จะเป็นผนังทึบ เพิ่มความเป็นส่วนตัวขึ้นไปอีกครับ สามารถวางเตียง King Size พร้อมตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ หรือโต๊ะเครื่องแป้งได้สบาย ยังมีพื้นที่ข้างและปลายเตียงให้เดินได้ง่ายๆครับ
ต่อไปแบบ 1 ห้องนอน ที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยเป็น 34 ตร.ม. ครับ มีความพิเศษตรงมีกระจกที่มองเห็นกันได้ระหว่างห้องนอนและห้องนั่งเล่น ไว้เล่นจ๊ะเอ๋กันกับแฟนได้ครับ ไม่ใช่สิ! ทำให้ห้องดูโปร่งมากกว่าเดิม
เปิดประตูเข้าห้องมาจะเจอโซนครัวครับ คราวนี้เป็นรูปแบบครัวเปิดนะ ก็ทำให้โซน Living Area ใหญ่ขึ้น มีพื้นที่ในการวางโต๊ะกินข้าวสำหรับ 2 คนอยู่ในโซนนี้ได้ ด้านในที่อยู่ถัดกับโซฟาที่เห็นเป็นกระจกนั้นคือผนังห้องนอนนะครับ พอทำแบบนี้ทำให้แสงเข้าห้องได้ดีมากกว่าเดิม ถ้าอยากให้เป็นส่วนตัวก็ติดมูลี่เอา เปิดปิดตอนจะใช้งาน
ตรงประตูทางเข้า เค้าจะบิวท์ตู้เก็บของและรองเท้าไว้ให้ครับ จะได้ใช้ในการวางกุญแจรถ กระเป๋า ร่มหรืออุปกรณ์ต่างๆที่ใช้บ่อย หยิบจับได้ง่ายก่อนออกจากห้องครับ
ถัดจากครัวโซนครัวด้านหน้า ก็จะเป็นโซนนั่งเล่นที่อยู่ด้านในติดกับระเบียง วิธีการที่เค้าตกแต่งตรงนี้จะเห็นว่าถ้าเลือกชุดวางทีวีขนาดพอดี จะทำให้มีพื้นที่ทำงานติดระเบียงเพิ่มอีก ได้แสงธรรมชาติเต็มๆ ตา ก็ทำงานสบายครับ
เข้ามาข้างในเป็นห้องนอน ซึ่งกั้นด้วยผนังเป็นสัดส่วนชัดเจน พื้นที่รอบเตียงก็ยังเหลือให้วางโต๊ะข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่งได้ ครับ
ห้องนี้ก็จะเหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว ห้องน้ำอยู่ด้านในห้องนอน สิ่งที่ได้มาเพิ่มคือพื้นที่ในการทำ Walk-in Closet และโต๊ะเครื่องแป้งระหว่างทางเดินไปห้องน้ำ เหมาะกับหนุ่มสาวที่มีเสื้อผ้า กระเป๋า หรือ Accessories เยอะนะครับ
ต่อไปมาชมห้องรูปแบบ 2 Bedroom ขนาด 52 ตร.ม. กันบ้างครับ เป็น 2 Bed 2 Bath หน้ากว้าง ฟังก์ชั่นครบ
เข้ามาเป็นครัวรูปแบบเปิด ซึ่งมีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ครับ สิ่งที่เพิ่มมานอกจากจะได้เคาน์เตอร์รูปทรงตัว L เต็มพื้นที่แล้ว ที่ผมชอบคือเค้าติดบานกระจกสีชาให้ เพื่อแยกส่วนครัวออกจากตู้วางของ ทำให้เราใช้ฟังก์ชั่นได้ทั้ง 2 อย่างนี้ สวย และดูไม่ทึบด้วย มีบิวท์อินโต๊ะกินข้าวเชื่อมต่อมาจากเคาน์เตอร์ครัวได้ถึง 4 ที่นั่ง เหลือแค่หาเก้าอี้มาตกแต่งตามชอบ และวางเครื่องซักผ้าในโซนนี้ได้ครบจบ ห้องน้ำก็อยู่ในโซนเดียวกันครับ เข้าได้จากห้องนี้เลยครับ
ถัดเข้าไปที่อยู่ติดกระจกบานเลื่อน คือโซน Living Area ที่มีพื้นที่วางโซฟายาว หรือโซฟารูปตัว L ได้สบายเลยครับ
มาชม Master Bedroom ด้านหลังโซฟากันก่อนครับ ในห้องนี้จะได้พื้นที่ติดกับหน้าต่างเพิ่มมา สามารถวางเป็นโต๊ะทำงานได้ ภายในห้องนอนกว้างเช่นเคยครับ
ในห้องนอนใหญ่นี้มาพร้อมห้องน้ำส่วนตัว พื้นที่ใหญ่พอให้ทำตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของ หรือโต๊ะเครื่องแป้งจุใจครับ
ในส่วนของห้องนอนที่ 2 ที่อยู่อีกฟากของห้อง ก็จะขนาดย่อมลงมา ลงเตียง 3 ฟุต หรือ 3.5 ฟุต พร้อมตู้เสื้อผ้าได้ครับ แต่ผมว่าห้องนี้ใช้เป็นห้องอเนกประสงค์ดูจะสะดวกกว่านะ ทำเป็นห้องทำงาน ห้องเล่นเกม หรืองานอดิเรกที่เราชอบครับ
และต่อไปคือห้องตัวอย่างของ Type Simplex ขนาดใหญ่ที่สุดคือ ห้อง 2 Bedroom ขนาด 90 ตร.ม. เป็นอีกห้องที่ผมรู้สึกประทับใจกับความกว้างใหญ่เหลือเกิน
เข้ามาเป็นครัวเปิดเช่นเดียวกัน เหมือน 2 Bed ที่นี่จะชอบสไตล์นี้ ให้ได้พื้นที่เปิดโล่งกว้างๆ ได้เป็นเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L เต็มพื้นที่ และยังเหลือพื้นที่สำหรับวางโต๊ะกินข้าวสำหรับ 4-6 คนได้เลย หรือใครอยากวาง Island หรือทำบาร์เครื่องดื่มเพิ่มขึ้นมา ก็น่าจะสวยนะครับ
ที่อยู่ถัดกันคือ Living Area ขนาดใหญ่ อยากจะจัดวางโซฟาขนาดไหนก็ได้เลยครับทีนี้ จะติดตั้งทีวีหรือโปรเจคเตอร์จอยักษ์ได้เลย พื้นที่ข้างหลังโซฟายังเหลือพอที่จะวางโต๊ะทำงาน อ่านหนังสือได้ด้วยครับ โซนนี้อยู่ติดระเบียงแนวยาวพร้อมหน้าต่างบานใหญ่
มาดูห้องนอนกันบ้าง เริ่มที่ Master Bedroom ฝั่งขวามือกันก่อนครับ นอกจากวางเตียงขนาด King Size ได้แล้ว ก็ยังมีพื้นที่ติดกับหน้าต่างให้วางโซฟา เพื่อนั่งพักผ่อนชมวิว รับแสงธรรมชาติได้ครับ เป็นกระจกเข้ามุมสวยงามเลย
อีกฝั่งก็เป็นโซนตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง และห้องน้ำในตัว กว้าง ครบสมฐานะเจ้าของห้องครับ
ออกจากห้องนอนหลัก เดินไปอีกฟากของห้องกันบ้าง พื้นที่ระหว่างห้องน้ำกับห้องนอนเล็ก เค้าจัดสรรให้เป็น Storage Room เก็บของเพิ่มด้วย ซึ่งคอนโดไม่ค่อยมีพื้นที่พวกนี้เท่าไหร่ บ้านไหนของเยอะ คุณมีที่เก็บแล้ว หรือจะเอาไว้ทำเป็นตู้โชว์ก็ได้นะใช้งานสะดวกเลย
มาถึงห้องนอนที่ 2 เป็นห้องที่แบบผมไม่เล็กนะครับ วางเตียง 5 ฟุตไว้แล้วก็ยังเหลือพื้นที่วางโต๊ะทำงานติดหน้าต่างได้อีกครับ ส่วนห้องน้ำก็เข้าสะดวกเพราะตำแหน่งอยู่หน้าห้องนอนนี้พอดี เป็นห้องน้ำที่เข้าได้จากนอกห้องแชร์กันกับโซน Common Area ครับ
มาถึงห้องตัวอย่างห้องสุดท้ายกันแล้ว รูปแบบ Hybrid Studio ขนาด 25.5 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอย 2 ชั้นกันบ้างครับ ทำมาได้ดีเลยทีเดียว (แปลนเป็น Mirror สลับฝั่งกันนะครับ)
เข้าห้องมาเจอกับโซนห้องครัวก่อนครับ เป็นรูปแบบครัวปิด มีประตูบานเลื่อนกั้นให้ ใครจำ Layout ห้องสตูดิโอ simplex ได้ ตรงนี้เหมือนกันเป๊ะเลย ห้องน้ำก็อยู่ตรงนี้ครับ
ถัดเข้ามาก็จะพบกับห้องนั่งเล่นที่มีความโปร่งโล่ง ได้เพดานสูง 4.5 ม. เลยครับ วางโซฟายาวได้เลยนะ พูดถึงเรื่องบันได ก็กว้าง เดินขึ้น-ลงง่าย ไม่ชันมากครับ มีห้องเก็บของใต้บันไดด้วย
ได้หน้าต่างมาตลอดความสูง พร้อมมีพื้นที่ว่างสำหรับวางโต๊ะทำงาน หรือทำเป็นพื้นที่ hobby เพิ่มได้ ผนังจะบิวท์เป็นชั้นเก็บของแนวสูงแบบนี้ก็ถือว่าใช้พื้นที่คุ้มค่าดีครับ โจทย์นี้ใครสนห้อง Hybrid ลองครีเอทใช้พื้นที่แนวตั้งที่ได้มามากกว่าปกตินี้ดูครับ
ข้างบนเป็นโซนห้องนอน วางเตียง king size และตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้ ยังมีพื้นที่ว่างในการวางโต๊ะเครื่องแป้งได้อีกครับ ก็ค่อนข้างสบายไม่อึดอัด ได้วิวมองไปชั้นล่างจากโซนปลายเตียง ด้วยการวางตำแหน่ง void ที่ดี
ทั้งหมดนี้ก็คือการพาทัวร์โครงการทั้งพื้นที่ส่วนกลางแบบจุใจและห้องตัวอย่างที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบที่น่าสนใจของ “Ideo Rama 9 – Asoke” คอนโดพร้อมอยู่ ที่มาพร้อมกับสีสันและความสนุกสนาน ท่ามกลางพระราม 9 ใครสนใจสามารถไปชมโครงการได้เลยครับ สามารถคลิกลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้ที่ https://anan.ly/3Uc0Utu ครับ