ในทุกช่วงชีวิตของคนเรามักมีความทรงจำมากมายให้เราได้หวนกลับมาระลึกนึกถึงเนอะ โดยเฉพาะความสุขที่เกิดจากมิตรภาพดีๆ และมิตรภาพเหล่านี้ก็มักมาพร้อมกับอาหารการกิน เหมือนที่เค้าเคยบอกว่า เพื่อนกินหาง่าย เพื่อนตายหายาก เมื่อถึงเวลาเพื่อนจาก ก็จะพรากกันด้วยการกินและเลี้ยงส่งอยู่ดี ฮ่าๆ คิดเรื่องนี้ออกมาได้ก็เพราะผมได้มาแถบโชคชัย 4 สุดยอดย่านอุดมสมบูรณ์ที่ 7-11 จะต้องหลีกทาง เพราะจะกินอะไรก็ง่ายดายไปหมดนี่แหละครับ
มาโซนนี้ก็ต้องไปเจอน้องนางเจ้าของพื้นที่ให้พาทัวร์สักหน่อย ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนนางเคยย่ำโชคชัย เสมือนเป็นรันเวย์จนส้นรองเท้าสึก ได้ทำงาน และมีเพื่อนร่วมงานที่น่ารักในออฟฟิศเล็กๆ แถวนี้ ซึ่งประเด็นหลักที่มักเอามาถกกันในแก๊งคือเรื่อง “มื้อเย็น” จะเป็นประเด็นใหญ่หรือประเด็นเล็กนั้นก็จะเป็นไปตามกรรมตามวาระ วาระต้นเดือนก็จะเล่นใหญ่กันหน่อย ไม่ว่าจะเป็น ชาบู หมูกะทะ ปิ้งย่างซีฟู้ด เฝอเจ้าดัง ยิ่งหากเป็นวันศุกร์ วันเสาร์ก็ยาวๆ ไปเลย จบกันที่ร้านนั่งชิวผ่อนคลาย ไม่ว่าจะเป็นโชคชัย 4 นาคนิวาส เส้นเลียบด่วน หรือฝั่งวังหิน อย่าง ร้าน 3 วัน 2 คืน ไหนใครรู้จักขอให้ยกมือขึ้น แต่ถ้าเข้าสู่ปลายเดือนก็จะเจียมเนื้อเจียมตัวกันนิดนึง เบาๆ ง่ายๆ กับฟู้ดคอร์ทในโลตัสวังหิน แอบเสียดายช่วงนั้น Central Festival East Ville ยังไม่มา จะได้มีที่ฝากท้องใหม่บ้าง เพราะไปเดินเก๋ๆ ที่เดอะแจ๊ส วังหิน หรือ อิมพีเรียล ลาดพร้าว (ปัจจุบันคือ บิ๊กซี ลาดพร้าว) จนแม่ค้าจำหน้าได้แล้ว ฮ่าๆ ข้อดีที่ทำให้ไม่ต้องถกกันเยอะก็เพราะหลากหลายร้านที่กระจายทั่วโชคชัย 4 นี่แหละ เช่น ร้านส้มตำซัดดัม โจ๊กกองปราบ ก๋วยเตี๋ยวเป็ดในตำนานอย่างร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดกิ่งเพชร หรือออกไปหน้าตลาดโชคชัย 4 ตอนเย็นๆ มีของกินเพียบ
…แม้ช่วงเวลาเหล่านั้นจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ทุกครั้งที่นางกลับมาก็ยังคงนึกถึงภาพบรรยากาศดีๆ ที่ติดตาตรึงใจและยังอยากกลับมาอยู่ที่นี่อีก ในสายตาผมที่สัมผัสได้ก็ไม่ต่างกัน ที่นี่ถือเป็นย่านชุมชนที่อุดมสมบูรณ์และน่าอยู่เลยทีเดียว มันเป็นความคลาสสิคแบบไทยๆ ที่เราคุ้นชิน ถ้าใครทำงานอยู่แถวนี้ ก็คงไม่แปลกที่จะชอบใช้ชีวิตที่นี่ แถมยังมีโรงพยาบาลเปาโลโชคชัย4 อยู่ใกล้ๆ ให้อุ่นใจยามเจ็บป่วย ยิ่งเมื่อการเติบโตของเส้นทางคมนาคมดีขึ้น โดยเฉพาะการขยายรถไฟฟ้าเส้นสีเหลืองที่มาผ่านปากซอยโชคชัย 4 ก็ทำให้ยิ่งสะดวกในการเดินทางขึ้นไปอีก
และก็มาถึงคอนโดใหม่ที่เราจะพาชมในวันนี้กับ ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ลาดพร้าว – โชคชัย 4 ซึ่งตั้งอยู่บนถนนสังคมสงเคราะห์ ทำเลที่สามารถเชื่อมกับถนนหลักได้อย่างหลากหลายไม่ว่าจะเป็นโชคชัย 4 เชื่อมลาดพร้าว – วังหิน ทะลุรัชดาหรือเสนานิคม, นาคนิวาส เชื่อมสุคนธสวัสดิ์ ทะลุถนนเกษตร – นวมินทร์, ลาดพร้าว 71 ทะลุถนนลาดพร้าว และไปเส้นเลียบทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ก็ได้เช่นกันครับ
ส่วนการเดินทางในซอย จะให้สบายๆ ไม่ต้องหาที่จอด ก็ใช้บริการรถกะป๊อและวินมอเตอร์ไซค์ในการแวะหาร้านอร่อยเอาได้ วิ่งกันให้คึกคัก รวดเร็วทันใจ หิวเมื่อไหร่ก็โบกครับ อย่างตอนนี้หน้าโครงการเองก็มีคิววินมอเตอร์ไซค์มาตั้งค่ายกันแล้ว เรียกว่าวิน 0 เมตรได้เลย ฮ่าๆ
ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ลาดพร้าว – โชคชัย 4 เป็นคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 8 ชั้น 2 อาคาร รวม 434 ยูนิต บนพื้นที่โครงการ 4 – 1 -15.6 ไร่ สิ่งอำนวยความสะดวกเค้าจัดไว้อยู่ใน Club House 2 ชั้น ตรงกลาง ที่ถูกโอบล้อมด้วยอาคารพักอาศัยทั้ง 2 แห่ง พร้อมการตกแต่ง Landscape ที่ให้ความร่มรื่น สบายตา สบายใจ ภายในอาคารคลับเฮ้าส์ที่เค้าเรียกว่า Mega Lifestyle ClubHouse นี้ประกอบด้วย Passion pool สระว่ายน้ำระบบเกลือ , Fitness Club , Creative Co-Working Space ให้นั่งทำงานสบายๆ พร้อม wifi ให้ใช้งาน และส่วนพื้นที่สำหรับเด็กให้เล่นสนุกแบบ Outdoor รายละเอียดแต่ละส่วนมาดูได้ที่สำนักงานขายที่เค้าตกแต่งสไตล์ลอฟต์ เรียบง่าย โชว์สีน้ำเงินเด่นเป็นสง่าซึ่งเป็นสีหลักของโครงการ
Unit Type ที่นี่มีทั้งหมด 4 แบบ ดูไม่ยาก จุดเด่นคือทุกรูปแบบได้ครัวปิดอยู่ติดระเบียงทั้งหมด เหมาะสำหรับคนชอบทำอาหาร อุ่นกับข้าว เพราะลดปัญหาเรื่องกลิ่นตลบอบอวนภายในห้อง และเค้าจัดห้องน้ำไว้อยู่ในส่วนของ Living Room ทั้งหมดด้วย รักษาความเป็นส่วนตัวเวลาเรารับแขกหรือมีเพื่อนมาเยี่ยมเยือนได้เป็นอย่างดีครับ ทั้ง 4 แบบก็มี Type A แบบ 1 Bedroom ขนาด 26.00 – 26.50 ตร.ม., Type B แบบ 1 Bedroom ขนาด 32.00 ตร.ม., Type C แบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 40.00 ตร.ม. และ Type D แบบ 2 Bedroom ขนาด 45.50 ตร.ม. ตัวโครงการขายในรูปแบบ Fully Fitted คือมีเฟอร์นิเจอร์ให้บางส่วน แต่ถ้าใครอยากได้แบบ Fully Furnished ก็สามารถจัดให้ได้เหมือนกัน ลักษณะรูปแบบจะเป็นอย่างไร เดี๋ยวดูรูปไปด้วยกันได้ครับ
โครงการนี้แม้จะไม่ได้จัดระบบ Home Automation มาให้ แต่เค้าก็ประยุกต์มอบอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแบบ Smart Control มาไว้ที่หัวเตียง ถ้าใครนึกภาพไม่ออก ก็จะเหมือนลักษณะของเครื่องมือควบคุมระบบเปิดปิดไฟภายในห้องพัก แต่ละห้องแยกกัน เหมือนกับที่เราพบเห็นบนหัวเตียงเวลาไปนอนพักโรงแรมนั่นแหละครับ ทำให้สะดวกไม่ต้องลุกขึ้นไปเปิดปิดให้เมื่อยหัวเข่า เวลาลงมานอนพักกายลงบนเตียงนุ่มๆ ของเราครับ
สำหรับราคาเริ่มต้นของที่นี่อยู่ที่ 1.79 ล้านบาท แฟนเพจ Living Sneak Peek ที่สนใจก็คลิกลงทะเบียนรับสิทธิกันได้ที่นี่ http://bit.ly/366dUYL
พร้อมแล้วก็มาชมภาพห้องตัวอย่างสวยๆ กันเลยครับ
มีสองห้องให้เลือกดูเลือกตัดสินใจครับที่นี่ ซึ่งโทนการตกแต่งก็จะคงคอนเซ็ปต์สไตล์ Loft โดยห้องแรกเป็นห้อง Type 1 Bedroom ขนาด 26 ตร.ม Layout ของ Type นี้จะเป็นห้องแบบตอนลึก แต่การใช้งานในแต่ละส่วนจัดมาพอเหมาะพอดี และครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้องรับแขก มุมทานข้าว ห้องนอน ห้องครัวและห้องน้ำ ซึ่งจริงๆ ทางโครงการเค้าขายแบบ Fully Fitted ได้อุปกรณ์มาตรฐานอย่างตู้เสื้อผ้า ชุดครัว ห้องน้ำ ส่วนอื่นๆ ก็ค่อยชวนคุณภรรยา หรือคุณเพื่อนไปเดินเลือกเอาตามแบบที่ตัวเองชอบนะ แต่ถ้าใครไม่อยากเสียเวลาไปหาซื้อเฟอร์นิเจอร์ หรือรู้สึกถูกใจกับของที่โครงการให้มาแล้ว ก็สามารถเลือกรับแบบ Fully Furnished ได้ด้วยครับ ส่วนความสูงของเพดานจะอยู่ที่ 2.45 เมตร พร้อมได้พื้นลามิเนตสีโทนอ่อน ความหนา 8 มม.
เข้ามาส่วนแรกเราก็จะพบกับพื้นที่ Living อย่างที่เห็นครับว่า ด้วยความลึกของพื้นที่ตรงนี้ทำให้เราสามารถวางโซฟาตัวยาว ร่วมกับโต๊ะทานข้าวได้เลย ทำให้ห้องนั่งเล่นได้ทำหน้าที่ได้อย่างสมชื่อ คือคนในครอบครัว หรือแขกที่มาเยี่ยมเยียนสามารถมานั่งคุย นั่งทำงาน เล่นเกมส์ ดูหนังกันตรงนี้ได้ ทีนี้คุณสามีจะทานข้าว หรือคุณภรรยาจะดูข่าว ก็มานั่งอยู่ด้วยกัน เห็นหน้ากัน สบตาปิ๊งปิ๊งได้พร้อมกันในห้องนี้
ชั้นวางทีวีเป็นลักษณะชั้นไม้ มีตู้ด้านในเก็บข้าวของพร้อมชั้นวาง คุณผู้หญิงจะใช้วางหนังสือการ์ตูนหรือคุณผู้ชายจะใช้วางเครื่องเล่นวีดีโอเทปก็ได้นะฮะ พูดละก็อาย ทีนี้ก็รู้กันหมดเลยว่าผมเกิดยุคไหน ฮ่าๆ
ที่นี่เค้ามี Smart Control ให้ด้วยนะ แต่จะสมาร์ทยังไงอดใจรอสักครู่ครับ เดี๋ยวผมพาไปดู
โครงการใช้ประตูบานสไลด์กระจกใส กรอบอลูมิเนียมขนาด 3 ตอน มาช่วยกั้นแบ่งห้อง เพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวของการใช้งานในแต่ละพื้นที่ และเพื่อความเป็นส่วนตัวไปอีกขั้น ไปซื้อม่านมาติด ไม่ก็ซื้อฟิล์มมาแปะเองได้เลย ติดไม่ยากครับ เดี๋ยวนี้มีลายให้เลือกเยอะมาก จะเอาทึบแสง หรือฟรุ้งฟริ้งมีหมดฮะ
มาดูในห้องนอนกันบ้าง ภายในมีหน้าต่างบานสไลด์ขนาดใหญ่ ไว้ให้เปิดรับลมเย็นๆ ส่วนฐานเตียงทางโครงการให้เป็นเตียง 5 ฟุต ขนาดก็จะพอดีๆ กับห้อง มาคู่กับตู้เสื้อผ้าหน้าบานกระจกขนาดใหญ่ วันไหนมีออกงานแฟนซี คุณผู้หญิงจะแต่งตัว สวมหมวก สวมเขาสูงๆ แบบคุณแม่ Maleficent ก็ส่องเห็นหมดตั้งแต่หัวจรดปลายแน่นอนครับ
จะจัดวางโต๊ะเครื่องแป้งตามแบบห้องตัวอย่าง หรือจะบิวท์อินชิดกำแพงเข้าไปเลย ก็จะดูเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้นนะครับ จะได้เหลือพื้นที่ให้ได้ลุกออกมายืดเส้นยืดสายทั้งก่อนนอนและตอนตื่นได้
และมาถึงพระเอกของห้องนี้ Smart Control ที่มีหน้าตาเรียบๆ แต่ฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน คือเจ้าเครื่องนี้จะเป็นตัวช่วยให้เราใช้ชีวิตได้สบายขึ้น คือสามารถควบคุมไฟในห้องได้ง่ายๆ แค่กดปุ่ม เห็นแบบนี้ทำให้คิดถึงปุ่มกดตามหัวเตียงโรงแรมที่เราเคยไปพักกันใช่มั้ยครับ ซึ่งถ้าโรงแรมไหนมีเจ้าปุ่มให้ควบคุมไฟตรงนี้ ผมนี่ชอบเลย ไม่ต้องลุกไปปิดเอง ไม่ขัดอรรถรสการนอน
ถึงจะเป็นขนาด 26 ตร.ม. แต่ก็มีห้องครัวไว้ให้คุณพ่อบ้านแม่บ้านได้ใช้งานกันได้อย่างเต็มที่นะครับ สามารถเปิดประตูให้ลม Flow เข้ามาในห้อง ช่วยไล่กลิ่นอับหรือกลิ่นควันที่เราทำกับข้าวได้
เห็นพื้นที่ว่างระหว่างครัวและห้องน้ำตรงนี้มั้ยครับ ตรงนี้เนี่ยเราสามารถใช้ประโยชน์ได้ตามไลฟ์สไตล์ของเราเลยนะ ไม่ว่าจะเป็น Set โต๊ะเครื่องแป้งของคุณผู้หญิง ตู้เก็บของ ตู้โชว์ของสะสม หรือจัดโต๊ะเล็กๆ วางเข้าไปให้พอดีๆ ก็จะมีพื้นที่พอ เผื่อไว้ให้ใช้งานตรงนี้ได้อีกครับ
ส่วนห้องน้ำตกแต่งด้วยโทนสีสว่าง ติดตั้งกระจกขนาดใหญ่ อ่างล้างหน้าสามารถเก็บข้าวของได้อีกเล็กน้อยบริเวณด้านข้างครับ สุขภัณฑ์เป็นของ American Standard พร้อมชุดฉากกั้นอาบน้ำแบ่งส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจนครับ
ถัดมายังคงเป็นห้องตัวอย่างนะครับ ไม่ใช่ Street Art ตามตรอกซอกซอยที่วัยรุ่นเค้าชอบเข้าไปถ่ายรูปลง IG เก๋ๆ แต่นี่เป็นห้องตัวอย่างแบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 40 ตร.ม. ซึ่งแต่งโทนสีเข้ม แต่….ทำไมดูกว้าง และผมแอบกดไลค์ให้ห้องนี้ด้วย ผมว่ามันแต่งมาเพื่อผู้ชายแมนๆ อย่างเรา ฮ่าๆ
ห้องนี้มีความพิเศษคือมีห้อง Plus หรือห้องอเนกประสงค์ จัดไว้เป็นสัดเป็นส่วน เหมาะกับคนที่ชอบห้องกว้างๆ มีพื้นที่แยกฟังก์ชั่นในการใช้ชีวิตแบบชัดเจน ตำแหน่งของ Plus อาจจะต่างจากที่เราคุ้นตากันหน่อย คืออยู่ชิดกับประตู ทำให้เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็จะเดินผ่านทางเดินเข้ามาก่อนจะมาพบกับพื้นที่ Living Area ที่สามารถเชื่อมไปยังส่วนต่างๆ ของห้องแบบทุกทิศทาง
ตรงนี้ก็ดูเหมาะใช้เป็นพื้นที่ศูนย์รวมของครอบครัวมากครับ ระยะดูทีวีกว้างขึ้นกว่าห้องที่แล้วเยอะ สามารถวางโต๊ะกลางได้โดยที่ไม่ทำให้ให้ห้องดูอึดอัดครับ
เค้าใช้ชั้นวางทีวีสไตล์ลอฟท์แบบเท่ๆ เหมือนห้องตัวอย่างที่แล้วครับ
ฝั่งขวาเป็นห้อง Plus ซึ่งดูจากขนาดห้องแล้วก็ไม่เล็กนะครับ สามารถใช้อรรถประโยชน์ได้หลากหลาย สำหรับห้องนี้ออกแบบเป็นห้องทำงาน ซึ่งยังมีพื้นที่พอให้บิวท์อินชั้นวางหนังสือ ไม่ก็ตู้โชว์ หรือชั้นเก็บของได้อีก ถ้าอยู่ฝั่งนี้มันก็ไม่ติดกระจก ถ้างั้นก็เหมาะทำเป็นส่วนที่ต้องใช้สมาธิอ่านหนังสือ อัดเสียง หรือทำงานคราฟต์ก็ได้
อีกฝั่งหนึ่งของส่วน Common Area จะเชื่อมเข้ากับห้องน้ำและห้องนอน ซึ่งแขกไปใครมาไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความเป็นส่วนตัว สามารถเข้าห้องน้ำจากตรงนี้ได้ ส่วนเราก็เข้าห้องน้ำจากห้องนอนได้เลยครับ
เพราะห้องน้ำเป็นแบบ Double Access ฝั่งนึงเข้าได้จากห้องนั่งเล่น อีกฝั่งเข้าได้จากห้องนอน กลางคืนก็เข้าห้องน้ำสะดวก และได้เป็นประตูบานสไลด์ด้วยนะครับ ประหยัดพื้นที่ในการใช้งานดี
ภายในห้องนอน จัดวางเตียงไว้ชิดฝั่งหน้าต่าง จัดวางตู้เสื้อผ้าและฐานเตียงขนาด 5 ฟุตเอาไว้ แต่ด้วยพื้นที่ที่ได้ค่อนข้างกว้าง เราสามารถเปลี่ยนใช้เตียง King Size ได้สบายๆ เลยครับ
ระหว่างตู้เสื้อผ้าและเตียงนอนมีพื้นที่เหลือเพียงพอให้วางทั้งโต๊ะเครื่องแป้งและโต๊ะหัวเตียงได้
ตู้เสื้อผ้าสไตล์เดียวกันกับห้องตัวอย่างที่แล้ว หน้าบานฝั่งนึงเป็นบานกระจกขนาดใหญ่ จะแต่งองค์ทรงเครื่องได้สะดวก มองหันซ้ายหันขวาเช็คสภาพได้อย่างมั่นใจ ฮ่าๆ
ในส่วนของห้องน้ำนี้มีขนาดห้องกว้างขวางมากขึ้น โดยเฉพาะโซน Shower นี่อาบสบายมาก ห้องน้ำกว้างขนาดนี้ใช้พร้อมกัน 2 คนได้สบายๆ
ว่าไปแล้วก็วางตำแหน่งพัดลมดูดอากาศกำลังดีนะฮะ ฮ่าๆ
ส่วนสุดท้ายของห้องก็คือพื้นที่ครัว อยู่ถัดไปจากส่วนห้องนั่งเล่นครับ แน่นอนว่าเป็นครัวปิด ติดระเบียง ได้ประตูบานสไลด์ขนาด 3 ตอน ทำให้เปิดใช้งานได้กว้าง สะดวก พื้นที่ของเคาน์เตอร์ครัว รวมถึงตู้แขวน จะถูกขยายส่วนขึ้นจากห้องที่แล้วพอสมควร และก็เพิ่มในส่วนของช่องวางเครื่องซักผ้าฝาหน้ามาให้ แถมครัวที่นี่กว้างขวางนัก นั่งเรียงกัน 2-3 คนยังได้เลย
วางโต๊ะกินข้าวทรงสี่เหลี่ยมเอาไว้ ก็ยังมีพื้นที่เหลือๆ เลย ฝั่งนี้จะวางตู้ไว้อีกสักใบก็ยังได้
หลังจากนำพื้นที่วางเครื่องซักผ้าไปอยู่ในครัว แล้วยกคอมเพรสเซอร์ขึ้นไว้ด้านบน ทำให้พื้นที่ระเบียงเหลือใช้งานเยอะกว่าเดิม เราจะใช้ตากผ้า ปลูกดอกไม้ หรือวางเก้าอี้จิบชาร้อนๆ ตอนเช้าก็ได้
จากตัว Model และภาพ Perspective เราจะเห็นว่าโครงการได้ออกแบบให้ตัวอาคารล้อมรอบพื้นที่ส่วนกลางไว้ แบบนี้ก็จะช่วยในเรื่องความสงบและความเป็นส่วนตัวในอาคารพักอาศัยของลูกบ้านมากขึ้นด้วยครับ
สำหรับใครที่สนใจอย่าลืมคลิกลงทะเบียนกันด้วยนะครับ ใครที่ติดใจทำเลโชคชัย 4 ลองหาเวลาไปดูห้องตัวอย่างและสอบถามรายละเอียดโครงการได้ทุกวันที่ Sale Gallery ณ ตำแหน่งที่ตั้งของโครงการบนถนนสังคมสงเคราะห์ครับ ส่วนคราวหน้าผมจะพาไปแอบดูโครงการใหม่ ทำเลไหนที่น่าสนใจอีก อย่าลืมติดดาวและติดตามได้ที่นี่ Living Sneak Peek เช่นเคยคร้าบ