รีวิวคอนโด “Atmoz Palacio Ladprao-Wanghin” เนรมิตวังขึ้นใจกลางลาดพร้าววังหิน ของกินเพียบ เริ่ม 1.79 ล้านบาท

คอนโด Atmoz Palacio Ladprao-Wanghin

วันนี้เราพาไปดูคอนโดใหม่จาก AssetWise ที่ขึ้นชื่อเรื่องคอนโด Low Rise แต่ Maximize Facilities กันที่ ถนนลาดพร้าว-วังหิน ที่นี่มีคอนเซปต์แปลกตาไปกว่าคอนโดอื่นของเค้า เพราะนำเอาบรรยากาศปราสาทราชวังสไตล์ตะวันตก จากที่มาของชื่อ Palace หรือ Palacio ในภาษาสเปน มาเป็นคอนเซปต์หลัก มองข้างนอกเห็นสีสันคุมโทนสบายตา ลดทอนรายละเอียดและปรับให้ร่วมสมัยแบบ Modern Classic Twist แต่อย่าให้ความสงบนิ่งภายนอกหลอกตา เพราะเค้าซ่อนความจี๊ดจ๊าดไว้กับพื้นที่ภายในที่ให้บรรยากาศพลิกอารมณ์กันแบบ ข้างนอก Cozy หรูหรา ข้างในซู่ซ่าเลยทีเดียว จะเป็นยังไง ตามไปดูกันครับ

ทำเลและการเดินทาง

โครงการตั้งอยู่บน ถ.ลาดพร้าว-วังหิน บริเวณซอย 57 ถนนเส้นนี้และถนนข้างเคียงอย่างโชคชัย 4 ไม่เหมาะสำหรับคนที่จะประกวดนางงามหรือมุ่งมั่นลดน้ำหนักเพราะอาหารการกินพรึ่บพรั่บตลอดเส้น แทบจะเป็นถนนเรืองแสงยามค่ำคืน ไม่ว่าจะคาวหวาน อีสาน เหนือ ใต้ ไทย จีน เกาหลี สุกี้ หมูกระทะ หม่าล่า ปลาดิบ รวมถึงคาเฟ่สวยๆ ที่มีเยอะมาก (เรามีพาไปให้ชมกันด้วย 1 ร้าน) นอกจากการเป็นสวรรค์ของอาหารการกินแล้ว ใกล้โครงการยังมีห้าง The Jas วังหิน, โลตัส, Makro Food Service ให้จับจ่าย ส่วนถ้าอยากไปห้างใหญ่ก็อิงบนเส้นเลียบด่วนรามอินทรา ที่มีทั้งเซ็นทรัลอีสต์วิลล์, The Crystal, HomePro, CDC และถ้ากินจนลำไส้ร้องขอชีวิตยังมี รพ.เปาโลอยู่ใกล้ๆ ให้อุ่นใจด้วยครับ

ข้อดีของการเดินทางในทำเลนี้คือ การลัดเลาะไปสู่ถนนสำคัญโดยรอบได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะลาดพร้าว พหลโยธิน รัชดาภิเษก เกษตร-นวมินทร์ และเลียบด่วนรามอินทรา ส่วนใครกำลังรอความหวังไม่ต้องง้อรถติดบนถนนลาดพร้าว ตอนนี้รถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วง ลาดพร้าว-สำโรง เปิดให้ทดลองใช้งานแล้ววันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา ถ้าต่อรถมาขึ้นที่สถานีภาวนา (ซ.ลาดพร้าว 41) เพียงแค่สถานีเดียวก็ไป Interchange กับ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินได้ที่สถานีลาดพร้าวครับ

ภาพรวมโครงการ

คอนโดแอทโมซ พาลาซิโอ ลาดพร้าว-วังหิน เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 4 อาคาร (A-B-C-D) รวม 755 ยูนิต (รองรับรถได้ 254 คัน คิดเป็น 34% ของที่พักทั้งหมด) กับอีก 1 อาคารพาณิชย์ที่มีร้านค้า 4 Shop ทางด้านหน้า ตั้งอยู่บนพื้นที่เกือบ 6 ไร่ จัดวางไล่เรียงกันโดยคำนึงถึงทิศทางลมให้ Flow ได้ทุกตึก โอบล้อมพื้นที่ Palace Court ที่เปรียบเสมือนสวนในพระราชวัง มีที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจหลายรูปแบบสร้างบรรยากาศโรแมนติกอยู่หลัง Palace Gate รั้วประตูขนาดใหญ่ที่ประยุกต์กลิ่นอายสถาปัตยกรรมยุโรปมาใช้ให้เข้ากับคอนเซปต์ประตูทางเข้าพระราชวังนั่นเองครับ

โครงการจัดวาง Facilities กระจายไว้ครบทุกอาคาร มีช่อง EV Charger จุดเด่นคือมีพื้นที่สีเขียวเชื่อมโยงเรียงร้อยไปทุกพื้นที่ สุดสายตามีสระสวยๆ 2 สระที่เชื่อมหากันด้วย Sky Bridge ซึ่งผมขอเล่าพอให้เห็นภาพดังนี้ครับ

  • อาคาร A : Palace Gate, The Emperor’s Lobby ความสูงแบบ Double Volume ตกแต่งด้วยแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่ แต่ใส่ลูกเล่นด้วยลาย Graffiti บนผนัง, Panoramic Co-Working Space ที่ใช้สีเข้มครึมตัดกับสีสัน Colorful ของแต่ละ Premier Private Pod ที่ให้ทำงานแบบส่วนตัว
  • อาคาร B : Play Room โซนนี้ยอมใจงาน Interior ที่กล้ามาก ครึ่งนึงของห้องเป็นลาย Stripes ขาวสลับดำ และอีกครึ่งนึงสาดด้วยสีแดงเข้ม Burgundy เพิ่มความสนุกสนานเหมาะกับการเป็น Social Club และบน Rooftop ยังมีสวนและพื้นที่สีเขียว Edible Garden รวมถึงโซนให้ปลูกผักสวนครัวกินกันเองได้ในโครงการ
  • อาคาร C : มีสระ Royal Palace Pool ด้านนอก มีฟังก์ชั่น Hydrotherapy Pool Seat, Jacuzzi และสระเด็ก ด้านในอาคารมี The Royal Dining Room, The Culinary เป็น Co-Kitchen Space และ Kid’s Club ซึ่งออกแบบได้จัดจ้านไม่แพ้กัน
  • อาคาร D : มีสระยาวให้ว่ายน้ำอยู่ด้านนอกอีกหนึ่งสระพร้อมพื้นที่พักผ่อน ส่วนด้านในอาคารมีทั้งฟิตเนส, ซาวน่า, Health Station สามารถตรวจสุขภาพด้วยตัวเองเบื้องต้น และยังมีห้อง The Lord Private Jacuzzi ด้านในแบบส่วนตั๊วส่วนตัวอีกห้องด้วยครับ

รูปแบบห้อง

ที่นี่มีห้องทั้งหมด 4 Type ได้แก่

  • 1 Bedroom ขนาด 24.00 – 24.80 ตร.ม. Layout นี้อัพเกรดมาจากห้อง Studio ที่มีลักษณะแบบ Open Plan สำหรับที่นอนกับโซฟารับแขกซึ่งได้พื้นที่กว้างขวาง และกั้นครัวแยกเป็นสัดส่วนไว้ให้ครับ
  • 1 Bed Exclusive ขนาด 25.80 – 26.80 ตร.ม. ห้องนี้ฟังก์ชั่นดีมาก กั้นแยกทุกห้องเป็นสัดส่วน ได้ห้องนอนแบบผนังทึบเป็นส่วนตัว ห้องน้ำเข้าได้ 2 ทาง ทั้งจากห้องนั่งเล่นและห้องนอน แถมครัวปิดติดกับระเบียงด้วย
  • 1 Bed Extra ขนาด 28.40 – 29.10 ตร.ม. รูปแบบ Layout เหมือน 1 Bed Exclusive แต่ได้พื้นที่มากขึ้น เพิ่มพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทำงานในห้องนอนได้ รวมถึงได้บานกระทุ้งเปิดระบายอากาศได้มากขึ้น
  • 1 Bed Plus ขนาด 34.00 – 34.90 ตร.ม. Layout นี้ได้ครัวปิดรูปตัว L สวยๆ พร้อมกับห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นให้ทำงานในห้องได้สบาย

สำหรับห้องที่นี่ขายแบบ Fully Furnished ครับ มีเฟอร์นิเจอร์ให้ครบเลย แตกต่างกันไปตามขนาดห้อง แต่ที่ได้ขั้นต่ำคือ บิวท์อินครัว ซิงค์-เตา-ฮู้ด มาครบ, ตู้อเนกประสงค์, ตู้วางทีวี, เตียง, ตู้เสื้อผ้า*, โซฟาเบด ในราคาเริ่ม 1.79 ล้านบาท (เฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 86,500 บาท/ตร.ม.) สำหรับคนที่สนใจคอนโดนี้สามารถรับส่วนลดออนไลน์สูงสุด 200,000 บาทล่วงหน้าได้ที่นี่ครับ >> https://bit.ly/3oxQA3N

ที่สำนักงานขายเค้าตกแต่งไว้ด้วยสิงสาราสัตว์ ด้านหน้ามีสิงโตตัวใหญ่ ด้านในห้องตัวอย่างก็มีครบทุกห้องเลย จะเป็นยังไงตามไปดูกัน

#LivingSneakPeek #รีวิวคอนโด #AtmozPalacio #คอนโดลาดพร้าววังหิน #AssetWise

ATMOZ PALACIO

วันนี้พามาชม ‘Atmoz Palacio Ladprao-Wanghin’ คอนโดที่ตกแต่งสไตล์ยุโรป แบบ Modern Classic Twist ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในพระราชวัง ตามคอนเซ็ปต์ ‘Your Place Is Your Palace’ ที่เน้นโทนสีขาว ดำ เทา แล้วเพิ่มความเร้าใจด้วยสีจี๊ดจ๊าดจัดจ้านภายใน จะสวยงามแค่ไหน ไปชมกันครับ

ใครขับรถผ่านไปผ่านมาบนถนนลาดพร้าว-วังหิน ก็จะได้เห็น Sales Gallery สวยงาม มีสิงโตตั้งตระง่านแบบสง่าอยู่ข้างหน้า ซึ่งตรงนี้ก็เป็นที่ตั้งของโครงการด้วยครับ

แค่ Sales Gallery ก็โอ่อ่ามาก มีสีส้มจี๊ดๆพร้อม Chandelier สวยๆ แบบนี้แหละ เค้ายกเอาบรรยากาศจริงในโครงการมาตกแต่งให้ดูครับ

ก่อนอื่นชม Facilities ที่น่าสนใจกันก่อนครับ นี่คือ The Emperor’s Lobby ที่อลังการ รู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหญิงเดินเข้ามาในปราสาทผ่าน Chandelier ที่หรูหรา ก็มา Featuring กับ Street Art ด้วยภาพ Graffiti ขนาดใหญ่สวยงาม

ที่นี่มีห้อง The Lord Private Jacuzzi บรรยากาศ Cozy พร้อมลูกเล่นขาวดำนำมาขัดสีฉวีวรรณ ส่วน Facilities อื่นๆ ที่เน้นความ Active จะใช้สีสันสดใสเข้ามาตัดเลย

โซน Entertainment ที่ผมเล่าให้ฟังไว้คือภาพนี้นี่แหละครับ Black & White Stripes ตัดกับสีแดงก่ำ Burgundy จัดจ้านมาก พร้อมกระจกตลอดแนวให้ชมวิวภายนอก อ้อ เค้ามีห้องดูหนังจอใหญ่ด้วยนะ

Kid’s Club เค้าก็มาในธีมสวนสนุก มีม้าหมุน ตกแต่งด้วย Candy สีสดใส เห็นแล้วก็อยากเล่นเลยล่ะ

The Royal Hall ริมสระว่ายน้ำ เค้าเลือกใช้สีน้ำเงินเพื่อสื่อถึง Blue Blood มีโซฟาสีส้มเข้ามาตัดแบบลงตัว กับภาพ Graffiti ให้ความ Street เพิ่มขึ้นมา ตรงนี้นัดเพื่อนๆมาจัด Pool Party ได้เลย

ยังไม่หมดเท่านี้ครับ ยังมีสระว่ายน้ำถึง 2 สระ มีสวนบน Rooftop และอื่นๆ อีกมากมาย ผมแปะให้ดูใน comment นะ ก่อนพาไปชมห้องตัวอย่างทั้ง 3 ห้อง ผมเรียกชื่อเล่นแต่ละห้องตามคาแรคเตอร์ของสัตว์อย่าง กวาง, เสือดำ และน้องหมาไส้กรอกดัชชุน ที่เค้าใส่มาเป็น element ตกแต่งที่ทำให้ Mood & Tone แตกต่างกันไปครับ

สำหรับห้องตัวอย่างแรก รูปแบบ One Bedroom ขนาด 24.10 ตร.ม. เป็นห้องของกวางน้อยน่ารัก เพราะห้องนี้เค้าตกแต่งแบบหวานๆ สดใสน่ารัก ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นห้องสำหรับคุณหนู

ที่นี่เค้าขายแบบ Fully Furnished เริ่มจากโซนแรกคือห้องครัวก็บิวท์มาให้แบบครบแล้วครับ กั้นบานเลื่อนเป็นครัวปิดตั้งแต่บริเวณทางเข้า ได้ครัวเป็น Top หินสังเคราะห์ มีตู้ทั้งบนล่าง เครื่องใช้ไฟฟ้ามาหมดทั้งเตาและฮู้ดดูดควัน พร้อมกับกระเบื้องผนังกันน้ำมันกระเด็น

คุณหนูกวางก็ต้องตื่นมาดริปกาแฟหอมๆ เพื่อเริ่มต้นเช้าวันใหม่

ที่นี่เค้าให้ตู้อเนกประสงค์อยู่ฝั่งตรงข้ามมาด้วย มากับความสูงแบบเก็บรองเท้าได้จุใจ หรือจะอะแดปเก็บของอย่างอื่นก็ได้นะ เพราะแผ่นที่วางของยกออกได้

ถัดเข้าไปด้านใน เป็นส่วนอยู่อาศัยแบบ Open Plan ด้วยพื้นที่กว้างพอก็สามารถจัดวางโซฟา เตียง และโต๊ะทำงานเรียงกันไปได้ มานั่งพักผ่อนหย่อนใจดูทีวีบนโซฟา ดูหนังจบง่วงๆก็กระโดดขึ้นเตียงนอนได้เลย

แอบเปิดผ้าคลุมดู ที่ฐานเตียงที่ให้มาก็มีช่องให้เก็บของเพิ่มได้อีกครับ

ตำแหน่งโต๊ะทำงานติดหน้าต่างแบบนี้เหมาะเหม็ง เห็นคุณหนูกวางนั่งนิ่งตั้งใจทำงาน เพราะมีพี่สิงโตตัวน้อยเฝ้าอยู่ข้างๆนี่เอง

สำหรับฝั่งตรงข้ามเตียงก็เป็นตู้เสื้อผ้า ซึ่งได้แบบบานเลื่อนกระจกสวยๆ แบบนี้ด้วยนะ ช่วยให้ห้องดูโปร่งขึ้น ตู้วางทีวีเค้าก็ให้ แต่จะเป็นอีกแบบนึงครับ ไว้ผมแปะตัวอย่างรูปเฟอร์นิเจอร์ที่ได้ไว้รูปท้ายๆนะ

ห้องน้ำเข้าได้จากบริเวณข้างทีวีครับ มีบานเลื่อนกั้นอาบน้ำติดตั้งมาให้แล้ว ใช้สุขภัณฑ์ของ Cotto มีช่องสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำเจาะผนังเอาไว้ด้วย

ส่วนระเบียงสามารถใช้ซักล้างวางเครื่องซักผ้าได้เพราะเค้ายกคอมเพรสเซอร์แอร์ขึ้นไปด้านบนแล้วครับ

ความพิเศษอีกอย่างคือทุกห้องจะได้ระบบ Bluetooth Sound System พร้อมคอนโทรลเลอร์ติดไว้ให้ทุกห้องครับ ไว้เปิดฟังเพลงสร้างบรรยากาศได้ตามที่เราชอบ

มาต่อกันที่ห้อง One Bedroom Exclusive ขนาด 25.90 ตร.ม. ที่ตกแต่งแบบซ่อนเปรี้ยว มากับสีขาว ดำ แซมด้วยเฟอร์นิเจอร์สีแดง เป็นห้องของชาวเสือดำที่ดุดัน แต่สง่างาม เห็นแล้วนึกถึง Entertainment Room ที่ส่วนกลางจัง

รูปแบบนี้เข้ามาเจอกับโซน Living ที่ตกแต่งด้วยโซฟาสีแดงสุดจี๊ดตัดกับสีห้อง สามารถวางโต๊ะทานอาหารสำหรับทั้งคุณชาย และคุณนายเสือดำ ทานไปดูทีวีไปได้ ที่เห็นทางด้านใน ซ้ายมือคือครัว ขวามือคือห้องนอน แยกเป็นสัดส่วนหมดเลย

ครัวห้องนี้อยู่ติดระเบียง ช่วยเรื่องการจัดการกลิ่นได้ดี ถูกใจคนชอบทำกับข้าว ทำอาหารแล้วเสิร์ฟบนโต๊ะได้ใกล้ๆ เลยครับ

อิ่มแล้วก็มานอนพักผ่อน ห้องนอนเป็นประตูทึบเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ชาวเสือดำได้ดีครับ ที่ห้องนอนก็ได้หน้าต่างบานใหญ่พอสมควรให้ดูวิวได้เต็มตา เผื่อมีน้องกวางเดินผ่านไปผ่านมานะ และนี่แหละที่เรียกห้องเสือดำเพราะมีน้องนั่งอยู่ตรงนี้สองหน่อคลอเคลียนี่เอง

ห้องน้ำออกแบบให้เข้า-ออกได้ 2 ทาง สะดวกทั้งเข้าจากฝั่งห้องนั่งเล่น และเข้าจากทางห้องนอนในตอนกลางคืนได้สะดวก

ตกแต่งห้องน้ำในโทนสีสว่างสบายตา ขนาดกำลังดี Layout จะเรียงกันไปแตกต่างจากห้องแรกนิดหน่อย ด้วยพื้นที่ที่กว้างขึ้นครับ

ถัดมาที่ห้องตัวอย่างห้องสุดท้าย รูปแบบ One Bedroom Plus ขนาด 34.20 ตร.ม. มีระเบียบ เป็นสัดเป็นส่วน ตกแต่งด้วยสีส้มดูมีชีวิตชีวา เป็นห้องของน้องไส้กรอกดัชชุนนั่นเอง

ห้องนี้ตกแต่งโทนเข้มขรึมสีน้ำตาลเทา แต่ยังไม่ลืมคอนเซปต์ตัดด้วยสีส้มจี๊ดจ๊าด โซน Living คล้ายกับห้องก่อนหน้านี้ แต่มีพื้นที่กว้างขึ้นครับ

ห้องครัวและห้องน้ำอยู่ในโซนเดียวกันเข้าทางด้านข้างทีวี กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนไว้ครับ ครัวได้เคาน์เตอร์รูปตัว L เข้ามุม เครื่องซักผ้าจะวางไว้ที่ตำแหน่งนี้นะ ด้วยความที่ติดแอร์ได้ 3 ตัว ระเบียงเลยต้องใช้พื้นที่เยอะหน่อยครับ

มาที่ห้องอเนกประสงค์ที่ได้เพิ่มมาในห้องรูปแบบนี้ ก็จะได้ประตูกระจกบานเลื่อนทั้ง 2 ฝั่ง เข้าจากห้องนั่งเล่นหรือห้องนอนก็ได้เช่นกัน ไม่ค่อยได้เห็นยืดหยุ่นแบบนี้เท่าไหร่ครับ ก็จะได้พื้นที่ทำงานที่เหมาะสมเป็นส่วนตัว

จะปรับเป็นห้องทำงาน สตูดิโอส่วนตัว หรือมุมออกกำลังก็ได้ครับ

ห้องนอนมีขนาดใหญ่พอสมควรเลย พื้นที่ปลายเตียงเยอะมากขึ้น ผมชอบที่การตกแต่งเค้าคุมโทนทั่วห้องจริงๆ

และนี่คือโฉมหน้าที่มาชื่อเล่นของห้องนี้ ห้องดัชชุนที่ต้องใช้ถึง 3 ใบถึงจะต่อตัวได้ครบ ฮ่าๆ

ข้างๆเตียงเป็นตำแหน่งวางตู้เสื้อผ้า รวมถึงมีพื้นที่เหลือให้วางโต๊ะเครื่องแป้งขนาดเล็กน่ารักได้ครับ เป็นอีกห้องที่ฟังก์ชั่นครบครัน และตกแต่งได้สวยเลย

นี่ก็คือเซตเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องที่จะได้แถมมาด้วยครับ

และทั้งหมดนี้ก็คือความน่าสนใจของ ‘Atmoz Palacio ลาดพร้าว-วังหิน’ ที่เราพามาชมครับ ที่นี่โดดเด่นเรื่องงานดีไซน์ที่เรียกว่า Modern Classic Twist คือ ข้างนอกคลาสสิค ข้างในพลิกโฉม มาพร้อมกับ Facilities ให้เยอะสไตล์ AssetWise มี Layout ห้องที่น่าสนใจ เฟอร์นิเจอร์ครบ ในราคา เริ่ม 1.79 ล้านบาทครับ

มาย่านนี้แล้วจะไม่พาออกไปเดินเล่นก็ไม่ได้ ข้ามถนนมา 230 ม. จะเจอกับคาเฟ่ดีไซน์แปลกตา Unfinished Coffee Roaster กับคอนเซ็ปต์ “ยังสร้างไม่เสร็จ” เราก็จะได้เห็นความสวยงามในความไม่เรียบร้อยแบบ Perfectly Imperfect ครับ

โถงทางเข้ามุมยอดฮิต มีความมินิมอล ดูสะอาดตา

ข้างในก็ตกแต่งสไตล์ลอฟท์ด้วยโทนสีขาว สีครีมและสีเทา มีต้นไม้สีเขียวเป็นความชุ่มชื่น พร้อมช่องแสงธรรมชาติด้านบน

มีเมนูเครื่องดื่มทั้ง Coffee, Non Coffee และโซดา รวมถึงขนมหวานให้เลือกเยอะละลานตาเลย ราคากลางๆ ไม่แรงมากนะ

สั่งเรียบร้อยแล้วก็จะได้เครื่องเรียกคิว รอให้น้องสั่นเพียงไม่กี่อึดใจ ระหว่างนี้ก็สแนปบรรยากาศร้านรอครับ เห็นเลยว่ามีหลายมุมที่เป็น มุม Instagramable จริงๆ

มาแล้วฮะ กินกัน 2 คน น้องสั่งช็อกโกแลตเย็น ที่มีมูสช็อกโกแลตและโรยด้วยเกล็ดช็อกโกแลตเข้มๆอยู่ข้างบนอีกที อร่อยมากกก ส่วนของผมเป็นมอคค่าเย็น ที่มีวิปครีมโปะ อร่อยไม่แพ้กัน เรียกว่าอร่อยไม่แพ้ความสวยของร้านเลย ลองมาชิมกันได้นะ ขอปิดท้ายรีวิวกับภาพความอร่อยของวันนี้แล้วกันครับ