ขณะที่มีการลงทุนมหาศาลในภูเก็ต แต่เหล่าผู้พัฒนาต่างมุ่งแสวงหา “ความได้เปรียบในการเป็นผู้บุกเบิก” บนทำเลใหม่ในไทยประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าอยู่อาศัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่ยังคงได้รับความสนใจอย่างสูง
กรุงเทพฯ ประเทศไทย – ตลาดอสังหาริมแบรนด์เนมที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วของไทย กำลังแพร่กระจายไปทั่วประเทศ สร้างโอกาสการลงทุนที่น่าตื่นเต้นในสถานที่ตั้งทางเลือก ซึ่งมีทิวทัศน์ธรรมชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของไทย ซึ่งราคาที่ดินนั้นเพียงเศษเสี้ยวของแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมเดิม ๆ อย่างภูเก็ต!
ความสำเร็จที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 40 ล้านคนในปี 2019 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 80 ล้านคนภายในปี 2028 เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของตลาดอสังหาริมทรัพย์แบรนด์เนม เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อจะหันมาสนใจอาศัยอยู่ในประเทศไทยระยะยาว ความนิยมนี้ส่งผลให้เกิดการพุ่งทะยานของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต ซึ่งปัจจุบัน เป็นตลาดอสังหาริมทรัพย์แบรนด์เนมที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก รองลงมาจากดูไบ มหานครนิวยอร์ก และไมอามี่
ด้วยราคาที่ดินในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของไทยที่พุ่งสูงขึ้น เหล่าผู้พัฒนาและนักลงทุนที่ชาญฉลาดจึงหันความสนใจไปยัง ทำเล “อัญมณีลับในไทย” มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันสวยงาม เช่นเดียวกับมุมมองของ บริษัทบันยันกรุ๊ป ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้ดำเนินงานอสังหาริมทรัพย์แบรนด์เนมที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลกโดย Savills Research ได้ร่วมมือในโครงการใหม่ที่ “สิชล” ซึ่งเป็นทำเลติดชายหาดในจังหวัดนครศรีธรรมราช ภาตใต้โครงการ “บันยันทรี เรสซิเดนซ์ สิชล” (Banyan Tree Residences Sichon) มีกำหนดเปิดตัวในเดือนมิถุนายน 2567 นี้ คาดว่าจะดึงดูดผู้ซื้อที่มีวิสัยทัศน์อย่างมาก ด้วยความสวยงามของธรรมชาติ คุณภาพการก่อสร้างที่ยอดเยี่ยม ความมั่นใจในแบรนด์ และคุ้มค่าคุ้มราคา
เสน่ห์ของการลงทุนในสถานที่ตั้งใหม่ ๆ อย่างสิชลนั้นชัดเจน เมื่อเปรียบเทียบกับราคาที่ดินที่พุ่งสูงในพื้นที่ที่พัฒนาแล้ว ตัวอย่างเช่น ที่ดินริมชายหาดในบางเทา ภูเก็ต พุ่งสูงเกิน 100 ล้านบาทต่อไร่ ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 14 เท่าจาก 7.5 ล้านบาทในปี 2004 ตามรายงานโดยกรมที่ดินของไทย ความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงนี้ เน้นย้ำถึงศักยภาพในการเติบโตที่สำคัญสำหรับผู้บุกเบิกในทำเลเกิดใหม่ ซึ่งต้นทุนในการเข้าถึงนั้นย่อมเยาว์กว่ามาก นำเสนอผลตอบแทนที่น่าสนใจ สำหรับนักลงทุนที่มีวิสัยทัศน์อย่าง อุรัสยา พร็อพเพอร์ตี้ (Urasaya Property) ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาโครงการที่ได้รับรางวัล ผู้พัฒนาโครงการบันยันทรี เรสซิเดนซ์ สิชล และบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่พร้อมและตื่นเต้นที่จะนำเสนออัญมณีลับของสิชล
นายราวี ชานดราน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อุรัสยา พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า “การเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะของมูลค่าที่ดินในตลาดที่พัฒนาแล้วนั้นน่าทึ่ง แต่หน้าต่างแห่งโอกาสในสถานที่ตั้งใหม่เหล่านี้ นำเสนอศักยภาพในการเติบโตอย่างมีนัยะสำคัญเช่นกัน ความได้เปรียบในการเป็นผู้บุกเบิกในพื้นที่อย่างสิชลนั้นอาจนำมาซึ่งผลประโยชน์ในระยะยาวสำหรับผู้มีส่วนได้เสียเบื้องต้น”
นายสจ๊วร์ต รีดดิ้ง กรรมการผู้จัดการ บริษัทบันยัน กรุ๊ป พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ กล่าวว่า “แบรนด์โรงแรมระดับโลกอย่างบันยันทรี มีบทบาทสำคัญในการสร้างความสำเร็จให้กับตลาดอสังหาริมแบรนด์เนมของไทย โดยขยายกิจการออกนอกพื้นที่ภูเก็ตไปยังจุดหมายปลายทางอื่น ๆ เช่น สิชล และเขาใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาอันเงียบสงบห่างจากกรุงเทพฯ ไปทางทิศเหนือ 3 ชั่วโมง การมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งของบันยันทรีสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ นครศรีธรรมราชอยู่ห่างจากภูเก็ตและเกาะสมุยแค่เอื้อม คุณสามารถขับรถจากภูเก็ตไปกระบี่ ต่อไปยังนครศรีธรรมราช แล้วนั่งเรือเฟอร์รี่ไปเกาะสมุยได้ พื้นที่ทั้งหมดทางภาคใต้ของประเทศไทยนี้มีศักยภาพมหาศาล และเราอยากมีส่วนร่วมในการพัฒนา ด้วยการผสมผสานของความสวยงามของธรรมชาติ ความเป็นไทยแท้ การเชื่อมต่อ คุ้มค่า และบริการระดับ 5 ดาวจากบันยันทรี กรุ๊ป เราคาดว่าสิชลจะเติบโตอย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า”
ปัจจัยอื่น ๆ นอกเหนือจากราคาที่ดินที่ดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาสู่สิชล ได้แก่ การเปิดใช้งานอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศแห่งใหม่ที่สนามบินนครศรีธรรมราช แนวโน้มการทำงานจากทุกที่ (work from anywhere) และแรงกดดันด้านการเคลื่อนย้ายเงินทุน สถานที่ตั้งแห่งนี้ยังมีบริการด้านการศึกษา สุขภาพ และร้านค้าปลีกสากลที่สามารถเดินทางไปถึงได้ภายในรัศมี 30-40 นาที ในขณะเดียวกัน ยังคงรักษาไว้ซึ่งความสวยงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้เดินทางมาประเทศไทยเมื่อ 30 ปีที่แล้ว