‘แสนสิริ’ ก้าวเข้าสู่ปีที่ 40 พร้อมแนวคิด Design For Future นวัตกรรมดีไซน์รูปแบบใหม่ เพื่อสร้างสรรค์ชีวิตที่ดีทั้งในวันนี้ และอนาคต

“Design is not just what it looks like and feels like. Design is how it works.” Steve Jobs

นี่คือคำกล่าวสุดคลาสสิคที่สะท้อนตัวตนของชายผู้คิดค้นผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาล ผู้ที่ยึดการออกแบบเป็นหัวใจหลักในการทำงาน แต่คำว่า “Design” หรือ การออกแบบสำหรับเค้าแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่สิ่งที่เห็นในเปลือกนอก ว่ามีรูปร่างลักษณะอย่างไร ไม่ว่ามันจะสวยหรือน่าพึงพอใจแค่ไหน ก็ไม่เท่ากับความเข้าใจว่าเราจะสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีได้อย่างไร นั่นแหละคือความหมายของการออกแบบที่แท้จริง

​บ้านก็เช่นเดียวกันครับ สิ่งที่เราเห็นและจับต้องได้ ก็คือการก่อตัวของฐานราก อิฐ หิน ปูน ทราย ขึ้นมาจากที่ดินเปล่าๆ จนกลายเป็น Space ที่เราได้อยู่อาศัย แต่สิ่งที่ทำให้บ้านแต่ละต่างกันนั่นก็คือประสบการณ์ของการใช้ชีวิตในบ้านนั้นๆ นั่นเองครับ

​ถ้าเราแค่สร้างบ้าน ไม่ว่าบ้านแบบไหนก็อยู่อาศัยได้ แต่สิ่งที่เหนือกว่านั้นก็คือ การสร้างชีวิตที่ดีให้กับผู้คนด้วยการมีพื้นที่ที่สะดวกสบาย สร้างความสุข ให้ความอบอุ่น หรือแม้แต่นำพามาสู่ความภาคภูมิใจมาสู่ผู้เป็นเจ้าของ และนี่ก็คือความเชื่อของ “แสนสิริ” ในการก้าวสู่ปีที่ 40 ตอกย้ำการเป็น Design Leader กับแนวคิด“Design for Future” นวัตกรรมการดีไซน์รูปแบบใหม่ที่เริ่มต้นจากคุณ เพื่อสร้างสรรค์ชีวิตที่ดีทั้งในวันนี้ และในอนาคตให้กับทุกคน

​สำหรับผม แสนสิริ เป็นองค์กรที่โดดเด่นทั้ง “การดีไซน์” และ “Branding” ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้ส่งเสริมซึ่งกันและกันเสมอมา เอาเรื่องของงานดีไซน์ก่อน เราเห็นได้จากการออกแบบบ้านอย่างพิถีพิถัน มีทั้งความวิจิตรสวยงาม บ้างก็เรียบง่าย บางทีก็มีความสนุกสนาน บางครั้งก็แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ซึ่งก็สะท้อนมาจากตัวตนผู้อยู่อาศัยนี่แหละครับ ถ้าให้คิดง่ายๆ ระยะเวลา 40 ปี ที่ผ่านมาลองดูว่ารอบตัวเราเองเปลี่ยนไปแค่ไหน บ้านที่จะทำเพื่อชีวิตในทุกวันนี้กับเมื่อ 40 ปีก่อน ก็คงไม่มีทางที่จะทำเหมือนเดิมได้แน่นอน

ส่วนแนวคิดเรื่องแบรนด์ ถ้าเอาแบบเรียบง่าย ก็คือ ความรู้สึกนึกคิดของผู้คนเวลานึกถึงเรา แต่ถ้าเรามองแค่ว่าเราทำบ้านสวย หรือบ้านฟังก์ชันดีอย่างเดียว แล้วลูกค้าจะรักและศรัทธาก็คงคิดผิด เพราะไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ ด้านบริการหลังการขายที่เป็นจุดแตกต่างและโดดเด่น ทั้งเรื่องของ Service & Quality พบปะกับพนักงานขาย การติดต่อ Call Center การได้ไปเห็นสำนักงานใหญ่ การได้พูดคุยผ่าน Social Media ต่างๆ หรือแม้แต่การได้มองดู Logo บริษัท ล้วนส่งผลกลับมาสู่ความรู้สึกต่อแบรนด์ทั้งสิ้น เรียกว่าทุกๆ Touch Point ที่ลูกค้าจะได้พบเจอและมีประสบการณ์กับเรา นั่นคือที่ที่ Branding กำลังทำงาน และเป็นจุดที่แสนสิริตั้งใจทำมาตลอด

​แล้วการจะก้าวไปข้างหน้าล่ะจะทำอย่างไร? ตลอดระยะเวลา 40 ที่ผ่านมา แสนสิริได้ลงลึกเก็บข้อมูล ศึกษาพฤติกรรมคนอยู่อาศัยที่เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง จนตกผลึก เกิดเป็นแนวคิดของการดีไซน์เพื่ออนาคตหรือ ‘Design For Future’ ซึ่งเค้าวางวิสัยทัศน์เรื่องนี้ไว้ 3 ด้าน ประกอบด้วย Design For Aesthetic Living ดีไซน์ด้วยความพิถีพิถันเพื่อให้บ้านสร้างประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ดีมีคุณภาพ และสวยงามในทุกรายละเอียด, Design For Space Optimization ดีไซน์ที่เปิดรับการมีส่วนร่วมเพื่อสะท้อนไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ​ ให้บ้านเป็นพื้นที่ตอบรับทุกการใช้ชีวิต และสุดท้ายคือ Design For Sustainability ดีไซน์ที่ดีต้องมีความยั่งยืน มีนวัตกรรมที่ใช้งานได้จริง และต้องรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมหรือสังคม สอดคล้องกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปในอนาคตครับ

​และเพื่อที่จะให้เห็นความแตกต่างด้านดีไซน์คุณภาพแบบจับต้องได้ ก็ต้องได้เห็นบ้านนี่แหละครับ ดีที่สุด ปีนี้เราจะได้สัมผัสบ้าน 4 แบรนด์ใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวเป็นครั้งแรก ทั้ง ณริณสิริ (Narinsiri) บ้านเดี่ยวใหม่ระดับพรีเมียม ประเดิมที่แรกในทำเลกรุงเทพกรีฑา, เมเบิล (Mabel) บ้านเดี่ยวระดับราคาเข้าถึงง่าย สะท้อนไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณ, เอลซ์ (ELSE) เอ็กซ์คลูซีฟ เรซิเดนซ์ที่แม้จะมีเพียงแค่ยูนิตเดียวก็ทำ และพินน์ (PYNN) คอนโด Low Rise รูปแบบใหม่ ยูนิตน้อยให้ความเป็นส่วนตัว บนทำเลที่ดี ดีไซน์สวย พร้อมคุณภาพมาตรฐานแสนสิริครับ

​ส่วนงานด้าน Branding แสนสิริยังคงเน้นความเป็นเอกลักษณ์นำไปสู่การสร้าง Global Brand ผ่าน 2 องค์ประกอบ ทั้งการนำ Identity ของโลโก้แสนสิริ มาประยุกต์ให้เกิดรูปแบบต่างๆ ที่โดดเด่น จดจำได้ ร่วมกับการมอบประสบการณ์ด้านสไตล์ของแบรนด์ให้เราได้สัมผัสในหลายมิติ ซึ่งมีทั้งการเปิดโปรเจ็กท์ ARTIZEN SANSIRI LIGHTING NEW POSSIBILITIES ​ Artist Community เพื่อค้นหานักออกแบบมากฝีมือหน้าใหม่ เป็นโอกาสให้เราได้เห็นฝีมือของ Young Thai Artist มากขึ้น, โปรเจค Sansiri Waste to WORTH ที่เปลี่ยนเศษวัสดุสร้างบ้านเหลือใช้ กลับมาสร้างประโยชน์ได้อีกครั้ง รวมไปถึงการส่งมอบประสบการณ์ให้ลูกค้าผ่านยูนิฟอร์มดีไซน์ใหม่จาก VICKTEERUT และ Transfer Bag กระเป๋าที่ได้รับการออกแบบมาอย่างประณีตเพื่อลูกค้าหลังโอนกรรมสิทธิ์ทุกคน

​นี่เป็นเพียงกิจกรรมบางส่วนของแคมเปญ Sansiri 40 Years ที่สะท้อนความเป็น Taste-Maker ของแสนสิริที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งต่อจากนี้จะเดินไปในแกนหลักคือการมองไปในอนาคต โฟกัสที่การนำนวัตกรรมด้านดีไซน์มาใช้เต็มเติมประสบการณ์ใช้ชีวิตในทุกมิติ และสะท้อนทุกความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในอนาคต เพื่อการยอมรับในระดับ Global Design ต่อไป ซึ่งเค้าก็แง้มว่าจะมีแคมเปญใหม่เปิดตัวเร็วๆ นี้ เป็นแคมเปญที่ตอบโจทย์ทุกความหลากหลาย จะเป็นยังไงต้องรอติดตามครับ

​ในตลาดที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน สิ่งที่ทำดีในวันนี้อาจจะเป็นแค่องค์ประกอบนึงของความสำเร็จ แต่วิสัยทัศน์ข้างหน้านี่แหละครับที่จะเป็นตัวตัดสินว่าใครคือผู้นำที่แท้จริง

To be Continued…