ภาพรวมคอนโดมิเนียมในพัทยาในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมาพบว่า กำลังซื้อของต่างชาติโดยเฉพาะจาก กลุ่มผู้ซื้อชาวจีน และชาติในกลุ่มเอเชีย กลายเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยา ที่ผู้ประกอบการ ส่วนใหญ่พยายามที่จะดึงดูดลูกค้าต่างชาติเหล่านี่ให้มาลงทุนในโครงการตนเองผ่านทางเอเจนซี่ในพื้นที่และเอเจนซี่ จากกรุงเทพมหานคร ทดแทนกำลังซื้อคนไทยที่ชะลอตัวลงทั้งจากภาพรวมเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงขาลง รวมถึง ผลกระทบจากมาตรการ LTV หลักเกณฑ์ใหม่ที่ทำให้กำลังซื้อในส่วนที่ลูกค้าที่ต้องการคอนโดมิเนียมไว้สำหรับการ พักผ่อนเป็นบ้านหลังที่ 2 ชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป แต่พบว่าจากกำลังซื้อต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีนที่เข้ามาเป็น จำนวนมากสำหรับตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยาในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้โควต้าต่างชาติของโครงการคอนโดมิเนียม ส่วนใหญ่ในพัทยาเต็ม 49% ในทุกพื้นที่ เหลือแค่บางโครงการในพื้นที่จอมเทียนและนาจอมเทียนเท่านั้น
โดยคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในช่วงครึ่งแรกปีพ.ศ. 2562 ในพื้นที่พัทยามีมากถึง 4,945 ยูนิต ลดลงจากในช่วงครึ่งหลังของปีพ.ศ.256 ที่ประมาณ 1,656 หรือประมาณ 25.1%
และหากเปรียบเทียบกับในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า พบว่าอุปทานเปิดขายใหม่ของคอนโดมิเนียมในพัทยาในช่วงครึ่งแรกปีพ.ศ. 2562 เพิ่มขึ้นถึง 35.9% แต่ก็ยังพบว่า ภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยายังคงมีอุปทานที่ก่อสร้างแล้วเสร็จก่อนหน้านี้เหลือขายอยู่ในตลาดอีกเป็นจำนวนมาก ณ ครึ่งแรกปีพ.ศ.2562 แม้ว่าอัตราการขายเฉลี่ยในตลาดคอนโดมิเนียมพัทยาจะอยู่ที่ประมาณ 72%
แต่ก็ยังมีคอนโดมิเนียมเหลือขายอยู่ในตลาดอีกมากกว่า 16,000 ยูนิต ในทุกพื้นที่ของตลาดคอนโดมิเนียมเมืองพัทยา ซึ่งเพิ่มขึ้นจากในช่วงปลายปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมาที่อยู่ที่ประมาณ 1,2000 ยูนิต เนื่องจากตั่งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมารวมถึงครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2562 ที่อุปทานเปิดขายใหม่ในพัทยากว่า 10,000 ยูนิต และหลายโครงการเป็นโครงการขนาดใหญ่ พื้นที่จอมเทียนและนาจอมเทียนมีจำนวนคอนโดมิเนียมเหลือขายมากที่สุด สำหรับพื้นที่ที่มีคอนโดมิเนียมเหลือขายน้อยที่สุดคือ วงศ์อมาตย์ เนื่องจากมีที่ดินเหลือน้อยมาก ทำให้มีโครงการเปิดขายในพื้นที่ไม่มากนักในช่วง 1-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งพบว่า ณ สิ้นครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา พื้นที่วงศ์อมาตย์ มีอุปทานคงค้างเหลือขายเพียงแค่ 880 ยูนิตเท่านั้น
ณ สิ้นครึ่งแรกปีพ.ศ. 2562 ที่ผ่านมาพบว่า มีโครงการคอนโดมิเนียมกว่า 25 โครงการ ประมาณ 8,100 ยูนิต ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 31,000 ล้านบาท ที่เคยเปิดขายในช่วงก่อนหน้าหยุดการขายและการพัฒนาในกระจายอยู่ในหลายพื้นที่ของเมืองพัทยา เนื่องจากยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าและบางโครงการผู้ประกอบการมีปัญหาทาง การเงิน รวมซึ่งบางโครงการมีการขายโครงการพร้อมใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการรายอื่นนำไปพัฒนาต่อ
การเปิดตัวของศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่าง เทอร์มินอล 21 พัทยา ของบริษัท สยาม รีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ในช่วงปลายปี 2561 ที่ผ่านมาบนทำเลพัทยาเหนือใจกลางแยกวงเวียนปลาโลมานอกจากนี้เริ่มเห็นการลงทุนโครงการมิกซ์ยูส ขนาดใหญ่มากขึ้น อย่างล่าสุด กลุ่มแอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น ในเครือทีซีซี กรุ๊ป ได้ประกาศแผนลงทุนโครงการมิกซ์ยูส ในพื้นที่ใจกลางพัทยา ซึ่งเป็นโปรเจคขนาดใหญ่มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 10,000 ล้านบาทนอกจากนี้ยังมีเมกะโปรเจคขนาดใหญ่ของกลุ่ม CP ที่มีข่าวว่าอยู่ระหว่างการเตรียมแผนพัฒนาโครงการ Mixed use ขนาดใหญ่อีก1
โครงการซึ่งจากแผนพัฒนาของภาครัฐและภาคเอกชนที่กำลังจะเกิดในอนาคต อันใกล้ล้วนส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่พัทยาได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมากในอนาคตส่งผลให้ตลาดคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองพัทยากลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง พบว่ามีผู้ประกอบการหลายรายเตรียมความพร้อมสำหรับการพัฒนาโครงการใหม่ในพื้นที่ใจกลางเมืองพัทยา เนื่องจากเป็นทำเลที่มีการปรับขึ้นราคาที่ค่อนข้างสูงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการปรับขึ้นราคาเฉลี่ยปีละสูงกว่า 5% และยังเป็นทำเลที่มีการอัตราเข้าพักของธุรกิจโรงแรมสูงกว่า 80% จากนักท่องเที่ยวคนไทย จีน และชาติอื่นๆในเอเชีย ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายรายเห็นโอกาสในการลงทุน โดยเลือกที่จะพัฒนาโครงการที่มีการขายแบบการันตีผลตอบแทนจากเช่า และบริหารโดยเชนโรงแรมที่มีชื่อเสียงเข้ารับช่วงบริหารจัดการปล่อยเช่าให้กับ ผู้ซื้อต่อ โดยการันตีผลตอบแทนรายปี ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบการขายโครงการที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างมากในพัทยา
คอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในพัทยารายครึ่งปีและทำเลที่ตั้ง ตั้งแต่ครึ่งแรกปีพ.ศ.2554 – ครึ่งแรกปีพ.ศ.2562
คอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในช่วงครึ่งแรกปีพ.ศ.2562 ในพื้นที่พัทยามีมากถึง 4,945 ยูนิต ลดลงจากในช่วงครึ่งหลังของปีพ.ศ.2561 ที่ประมาณ 1,656 หรือประมาณ 25.1% และหากเปรียบเทียบกับในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า พบว่าอุปทานเปิดขายใหม่ของคอนโดมิเนียมในพัทยาในช่วงครึ่งแรกปีพ.ศ. 2562 เพิ่มขึ้นถึง 35.9% แต่ก็ยังพบว่า ภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยายังคงมีอุปทานที่ก่อสร้างแล้วเสร็จก่อนหน้านี้เหลือขายอยู่ในตลาดอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งการเปิดตัวของโครงการคอนโดมิเนียมในพัทยาเกือบ 5,000 ยูนิต ในช่วงครึ่งแรกของปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความร้อนแรงของตลาดคอนมิเนียมในพัทยาที่มีแนวโน้มกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากที่ชะลอตัวไปกว่า 4 ปี ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการผลักดันแผนพัฒนา ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกของประเทศไทย หรือ Eastern Economic Corridor: EEC ของทางรัฐบาลที่ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร
สำหรับกำลังซื้อของต่างชาติในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะจากกลุ่มผู้ซื้อชาวจีนและชาติในกลุ่มเอเชีย ซึ่งพบว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านกลุ่มลูกค้าจีนกลายเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของตลาดคอนโดมิเนียมพัทยา ที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่พยายามที่จะดึงดูดลูกค้าต่างชาติเหล่านี่ให้มาลงทุนในโครงการตนเองผ่านทางเอเจนซี่ในพื้นที่และเอเจนซี่จากกรุงเทพมหานครทดแทนกำลังซื้อคนไทยที่ชะลอตัวลงทั้งจากภาพรวมเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงขาลง รวมถึงผลกระทบจากมาตรการ LTV หลักเกณฑ์ใหม่ที่ทำให้กำลังซื้อในส่วนที่ลูกค้าที่ต้องการคอนโดมิเนียมไว้สำหรับการพักผ่อนเป็นบ้านหลังที่ 2 ชะลอการตัดสินใจซื้ออกไป แต่พบว่าจากกำลังซื้อของต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีนที่เข้ามาเป็นจำนวนมาก สำหรับตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยาในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้โควต้าต่างชาติของโครงการคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ในพัทยาเต็ม 49% ในทุกพื้นที่ เหลือแค่บางโครงการในพื้นที่จอมเทียนและนาจอมเทียนเท่านั้น
คอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในพัทยาตั้งแต่ครึ่งแรกปีพ.ศ.2555 – ครึ่งแรกปีพ.ศ.2562
พื้นที่จอมเทียนและนาจอมเทียนเป็นทำเลที่ผู้ประกอบการให้ความสนใจเข้าไปพัฒนาโครงการเป็นจำนวนมากในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาและหลายโครงการเป็นโครงการขนาดใหญ่จากผู้ประกอบการต่างชาติ และพบว่าปัจจุบันยังคงมีโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายในทำเลย่านนี่มากกว่า 50 โครงการ
ผู้ประกอบการหลายรายตัดสินใจหยุดการขายโครงการของตัวเองในพื้นที่จอมเทียน เนื่องจากหลายปัจจัยลบที่เข้ามากระทบทั้งปัญหาเรื่องของการขาดเงินทุน รวมถึงยอดการขายไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ บางรายมีการประกาศขายโครงการให้แก่ผู้ประกอบการรายใหญ่เพื่อนำไปพัฒนาต่อไปและพบว่าหลายโครงการมีการเปลี่ยนมือไป และเตรียมที่จะนำกลับมาพัฒนาอีกครั้งโดยผู้ประกอบการขนาดใหญ่ในพื้นที่ พระตำหนักเป็นพื้นที่ที่มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายต่อเนื่องตั้งแต่ปีพ.ศ.2554 แม้ว่าจะเป็นโครงการขนาดเล็กหรือว่าขนาดกลางเท่านั้น สำหรับพื้นที่อื่นๆ รวมทั้งวงศ์อมาตย์ พัทยาและจอมเทียนมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่น้อยมากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาอาจจะมีบ้างในพื้นที่จอมเทียนซึ่งจัดได้ว่าเป็นพื้นที่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พื้นที่จอมเทียนได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเพราะว่าการเปิดใช้ถนนเส้นทางใหม่ (ถนนจอมเทียน สาย 2)
ทำให้เป็นการเปิดหน้าดินเพื่อการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รวมทั้งโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ในช่วงปีพ.ศ.2553-2556 แต่ตั้งแต่ปีพ.ศ.2558 เป็นต้นมามีคอนโดมิเนียมเพียงแค่ 1-2 โครงการเท่านั้นที่เปิดขายในพื้นที่นี้ เนื่องจากมียูนิตเหลือขายอยู่ในตลาดค่อนข้างมากในขณะที่พื้นที่จอมเทียน และนาจอมเทียนเป็นพื้นที่หลักที่มีโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่เปิดขาย แต่โครงการคอนโดมิเนียมขนาดเล็กจำนวนไม่น้อยเปิดขายในพื้นที่พระตำหนัก เนื่องจากขนาดของที่ดิน และข้อจำกัดในการพัฒนาเนื่องจากกฎหมาย ผังเมืองเป็นต้น และที่น่าสนใจคือผู้ประกอบการสแกนดิเนเวียนบางรายเปิดขายโครงการในพื้นที่พระตำหนักต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2554 – 2560 การเปิดตัวของศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่าง เทอร์มินอล 21 พัทยา ของบริษัท สยาม รีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ในปี 2561 ที่ผ่านมา ที่ประกอบไปด้วย โรงแรมหรู 25 ชั้น จำนวน 396 ห้อง รวมพื้นที่กว่า 161,000 ตารางเมตร บนทำเลพัทยาเหนือใจกลางแยกวงเวียนปลาโลมา
ส่งผลให้ตลาดคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองพัทยากลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้งในช่วง ครึ่งแรกปีพ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา พบว่ามีผู้ประกอบการหลายรายเตรียมความพร้อมสำหรับการพัฒนาโครงการใหม่ในพื้นที่ใจกลางเมืองพัทยา เนื่องจากเป็นทำเลที่มีการปรับขึ้นราคาที่ค่อนข้างสูงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีการปรับขึ้นราคาเฉลี่ยปีละสูงกว่า 5% และยังเป็นทำเลที่มีการอัตราเข้าพักของธุรกิจโรงแรมสูงกว่า 80% จากนักท่องเที่ยวคนไทย จีน และชาติอื่นๆในเอเชียส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายรายเห็นโอกาสในการลงทุน โดยเลือกที่จะพัฒนาโครงการที่มีการขายแบบการันตีผลตอบแทนจากเช่า และบริหารโดยเชนโรงแรมที่มีชื่อเสียงเข้ารับช่วงบริหารจัดการปล่อยเช่าให้กับผู้ซื้อต่อ โดยการันตีผลตอบแทนรายปี ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบการขายโครงการที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างมากในพัทยา
อัตราการขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในพัทยา ณ ครึ่งแรกปีพ.ศ. 2562
ตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยาชะลอตัวลงตั้งแต่ปีพ.ศ.2558 เพราะว่ามีโครงการคอนโดมิเนียมจำนวนมากกว่าปีละ 15,000 ยูนิติที่เปิดขายในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ ส่งผลให้มีคอนโดมิเนียมเหลือขายอีกเป็นจำนวนมากยังอยู่ในตลาดและมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของทั้งผู้ประกอบการและผู้ซื้อ โดยเฉพาะผู้ซื้อชาวรัสเซียที่เคยเป็นกลุ่มผู้ซื้อหลักในตลาดคอนโดมิเนียมพัทยา แต่สำหรับคนไทยที่ส่วนใหญ่ซื้อคอนโดมิเนียมในพัทยาเพื่อเป็นการลงทุน น้อยมากที่จะซื้อไว้เพื่อเป็นบ้านหลังที่สองหรือว่าบ้านสำหรับพักผ่อนช่วงวันหยุดซึ่งไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่ต้องรีบซื้อในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแบบนี้
ณ ครึ่งแรกปีพ.ศ.2562 แม้ว่าอัตราการขายเฉลี่ยในตลาดคอนโดมิเนียมพัทยาจะอยู่ที่ประมาณ 72% แต่ก็ยังมีคอนโดมิเนียมเหลือขายอยู่ในตลาดอีกมากกว่า 16,000 ยูนิต
ในทุกพื้นที่ของตลาดคอนโดมิเนียมเมืองพัทยา ซึ่งเพิ่มขึ้นจากในช่วงปลายปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมาที่อยู่ที่ประมาณ 1,2000 ยูนิต เนื่องจากตั่งแต่ช่วงปลายที่ผ่านมารวมถึงครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2562 ที่อุปทานเปิดขายใหม่ในพัทยากว่า 10,000 ยูนิต
และหลายโครงการเป็นโครงการขนาดใหญ่ พื้นที่จอมเทียนและนาจอมเทียนมีจำนวนคอนโดมิเนียมเหลือขายมากที่สุด บางโครงการที่เปิดขายในช่วง 1-3 ปีที่ผ่านมามีจำนวนยูนิตมากกว่า 1,500 ยูนิตต่อโครงการ พื้นที่ที่มีคอนโดมิเนียมเหลือขายน้อยที่สุดคือ วงศ์อมาตย์ เนื่องจากมีที่ดินเหลือน้อยมากทำให้มีโครงการเปิดขายในพื้นที่ไม่มากนักในช่วง 1-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งพบว่า ณ สิ้นครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา พื้นที่วงศ์อมาตย์ มีอุปทานคงค้างเหลือขายเพียงแค่ 880 ยูนิตเท่านั้น โครงการคอนโดมิเนียมที่เป็นที่นิยมและสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าในพื้นที่พัทยา ในช่วงครึ่งแรกปีพ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่มีการการันตีผลตอบแทนจากการเช่า เนื่องจากคอนโดมิเนียมพัทยาส่วนใหญ่ผู้ซื้อนิยมซื้อเพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อนซึ่งไม่ได้พักอาศัยเป็นประจำ และเมื่อเวลาที่ไม่ได้พักห้องเหล่านั้นก็จะถูกทิ้งว่างในขณะที่ต้องจ่ายค่าส่วนกลางทุกเดือนการขายคอนโดแบบการันตีรายได้จึงเป็นวิธีการของเจ้าของโครงการในการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่ไม่ได้อยู่ประจำสามารถนำคอนโดมิเนียมมาหารายได้ โดยที่เจ้าของโครงการจะทำหน้าที่เป็นคนจัดหาผู้เช่าและดูแลคอนโดให้ กลยุทธ์นี้ในต่างประเทศนิยมทำกันมาก และเมื่อพิจารณารูปแบบการขายคอนโดแบบนี้จะเห็นว่าอัตราผลตอบแทนรายได้ก็อยู่ในระดับที่น่าสนใจ เช่น 5% 3 ปี 6% 5 ปี หรือ 7% 3 ปี เป็นต้น แต่มีผู้ประกอบการบางรายที่พัทยา ที่มีการการันตีผลตอบแทนจากการเช่า10 % ถึง 10 ปี ส่งผลให้เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากของกลุ่มนักลงทุน และผู้ซื้อชาวต่างชาติการการันตีผลตอบแทนจากค่าเช่าผู้ซื้อจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าผลตอบแทนจากการฝากเงินในธนาคารมาก
ราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในพัทยา ณ ครึ่งแรกปีพ.ศ.2562 รายทำเลที่ตั้ง
ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมที่อยู่ริมทะเลสูงกว่าโครงการที่อยู่ไกลจากชายหาด มีบางโครงการที่ขายมากกว่า 160,000 บาทต่อตารางเมตรในพื้นที่วงศ์อมาตย์ และมากกกว่า 130,000 บาทต่อตารางเมตรในพื้นที่ริมชายหาดอื่นๆ ราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในพื้นที่จอมเทียนต่ำที่สุด เนื่องจากมีโครงการระดับกลางลงไปเปิดขายมากมายในพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ตามแนวถนนจอมเทียนสาย 2 ซึ่งมีบางโครงการที่มีราคาเริ่มต้นที่ต่ำกว่า 50,000 บาทต่อตารางเมตร ในขณะที่โครงการริมชายหาดบางโครงการขายได้มากกว่า 120,000 บาทต่อตารางเมตร ราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในทุกพื้นที่ในของช่วงแรกปีพ.ศ.2562 จะยังคงใกล้เคียงหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แม้จะมีหลายโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว เพราะกำลังซื้อยังไม่ฟื้นและมีคอนโดมิเนียมเหลือขายอยู่เป็นจำนวนมากในตลาด ดังนั้น ผู้ประกอบการหลายรายพยายามที่จะคงราคาขายเอาไว้ต่อเนื่องในปีพ.ศ.2562 แต่พบว่าหากเป็นโครงการที่มีการขายแบบการันตีผลตอบแทนจากการเช่าให้แก่ผู้ซื้อ
ทางผู้ประกอบการจะมีการปรับราคาขายที่ค่อนข้างสูงกว่าราคาเฉลี่ยของตลาด เนื่องจาก
กลุ่มลูกค้าที่สนใจโครงการจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่เน้นการซื้อเพื่อการลงทุนและหวัง ผลตอบแทนจากการเช่า ซึ่งผู้ประกอบการมีการดึงเชนโรงแรมชื่อดังต่าง ๆ มาเพื่อบริหารจัดการการปล่อยเช่าให้ ซึ่งลุกค้าจะได้รับการการันตีผลตอบแทนจากการลงทุนที่แน่นอน และเชนโรงแรมส่วนใหญ่ที่เข้ามาบริหารส่วนใหญ่จะเป็นเชนโรงแรมที่มีชื่อเสียงในระดับ 3-5 ดาว
และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าพักเมื่อมาท่องเที่ยว