บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ตั้งเป้าหมายแผนการดำเนินงาน ในปี 2567 โดยตั้งเป้าหมายยอดขาย (Bookings) 31,000 ล้านบาท และเป้าหมายรับรู้รายได้จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ 28,000 ล้านบาท ส่วนรายได้จากอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 8,540 ล้านบาท

นายวัชริน กสิณฤกษ์ กรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ โครงการบ้านจัดสรร ได้เปิดเผยภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการดำเนินงานโดยสรุปของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) สำหรับปี 2566 รวมทั้งแผนงานของปี 2567 ดังนี้

ข้อมูลตลาดอสังหาริมทรัพย์ ปี 2566

จำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยจดทะเบียน (สร้างโดยผู้ประกอบการ) ในกทม.และปริมณฑล

ที่มา: ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC)

จำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในกทม.และปริมณฑล

ที่มา: บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA)

  • ปี 2566 จำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จและจดทะเบียนโดยผู้ประกอบการในกทม.และปริมณฑล โดยรวมทั้งตลาด ช่วงเดือน ม.ค. – ต.ค. 2566 มีจำนวน 52,715 หน่วย ลดลง 17.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • เมื่อแยกรายตลาด พบว่า ตลาดบ้านแนวราบเพิ่มขึ้น ในขณะที่ตลาดคอนโดมิเนียมลดลง
    โดยที่ตลาดบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดเพิ่มขึ้น 58% ทาวน์เฮ้าส์เพิ่มขึ้น 12% และคอนโดมิเนียมลดลง 48%
  • ในด้านอุปทาน จำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในกทม.และปริมณฑล ช่วงเดือน           ม.ค. – พ.ย. 2566 โดยรวมทั้งตลาดมีจำนวน 95,527 หน่วย ลดลง 7.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อุปทานที่ลดลงมาจากตลาดทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียมที่ลดลง 23% และ 10% ตามลำดับ ส่วนตลาดบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดมีการเปิดขายใหม่เพิ่มขึ้น 17.3% ส่งผลให้สินค้าบ้านเดี่ยวซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัท มีสภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้น จากอุปทานที่เพิ่มขึ้น
    ต่อเนื่องมาจากปี 2565

ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2566

  • บริษัทฯ เปิดโครงการใหม่ 17 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 43,460 ล้านบาท โดยเป็นสินค้าแนวราบ 16 โครงการ และสินค้าคอนโดมิเนียม 1 โครงการ เพิ่มขึ้น 8,500 ล้านบาทเมื่อเทียบกับมูลค่าโครงการตามแผนเดิม 34,960 ล้านบาท เนื่องจากมีการเปิดโครงการวันเวลา ณ เจ้าพระยา มูลค่า 15,000 ล้านบาท แทนโครงการ The Key ศรีนครินทร์ ซึ่งมีมูลค่า 6,500 ล้านบาท
  • บริษัทฯ มีการใช้เงินลงทุนซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ประมาณ 6,100 ล้านบาท
  • สัดส่วนยอดขาย (Bookings) แบ่งตามประเภทสินค้า ในปี 2566 ของบริษัทฯ มีดังนี้
ประเภทที่อยู่อาศัยสัดส่วน
บ้านเดี่ยว68%
ทาวน์เฮ้าส์5%
คอนโดมิเนียม27%
รวม100%
สัดส่วนใน กทม.และปริมณฑล90%
สัดส่วนต่างจังหวัด10%
  • สินค้าประเภทบ้านแนวราบ ซึ่งได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์เฮ้าส์ ยังคงเป็นสินค้าหลักที่สร้างยอดขายให้กับบริษัทฯ โดยสัดส่วนการขายของบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียม คือ 73%:27% 
  • เมื่อจำแนกตามพื้นที่ กรุงเทพและปริมณฑลยังคงเป็นพื้นที่หลักในการก่อให้เกิดยอดขาย โดยสัดส่วนยอดขายของโครงการในกรุงเทพและปริมณฑลและยอดขายของโครงการในต่างจังหวัด คือ 90%:10%
  • สัดส่วนระดับราคาของบ้านที่สูงกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป คิดเป็นประมาณ 57% ของยอดขาย

จำนวนโครงการที่ดำเนินการระหว่างปี 2566 – 2567

ณ ต้น ม.ค. ปี25662567 (คาดการณ์)
จำนวนโครงการทั้งหมด กทม. และปริมณฑล1ต่างจังหวัด70 41 2973 43 30
โครงการเปิดใหม่ทั้งหมดระหว่างปี กทม. และปริมณฑล1ต่างจังหวัด มูลค่าโครงการ (ล้านบาท)17 13 4 43,46011 10 1 30,200
รวมโครงการที่ดำเนินการทั้งหมดในปี87842
โครงการปิดระหว่างปี(14)(22)

หมายเหตุ 1. โครงการนครปฐมรวมอยู่ใน กทม. และปริมณฑล
                2. จำนวนโครงการที่ดำเนินการทั้งหมดในปี 2567 หากไม่นับโครงการต่างจังหวัดที่แปลงขาย
                    เหลือเพียงเล็กน้อย จะเท่ากับ 74 โครงการ

  • ณ ต้นปี 2566 บริษัทฯ มีจำนวนโครงการที่เปิดดำเนินการทั้งสิ้น 70 โครงการ เป็นโครงการ
    ในกรุงเทพและปริมณฑล 41 โครงการ และในต่างจังหวัด 29 โครงการ
  • โครงการที่เปิดใหม่ 17 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 43,460 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ
    16 โครงการ มูลค่า 28,460 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท
  • รวมโครงการที่ดำเนินการในระหว่างปี 2566 มีจำนวนทั้งหมด 87 โครงการ มีโครงการปิดระหว่างปี 14 [NS1] โครงการ
  • ทำให้ ณ สิ้นปี 2566 มีโครงการที่ยกไปดำเนินการต่อในปี 2567 เป็นจำนวน 73 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 68,350 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ 66 โครงการ มูลค่า 52,350 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 7 โครงการ มูลค่า 16,000 ล้านบาท
  • ในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่ารวม 30,200 ล้านบาท ลดลง 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากในปี 2566 มีการเปิดโครงการคอนโดมิเนียม วันเวลา ณ เจ้าพระยา ซึ่งมีมูลค่า 15,000 ล้านบาท หากเปรียบเทียบเฉพาะโครงการแนวราบ มูลค่าโครงการเปิดใหม่จะเติบโต 6% จากปี 2566
  • โครงการใหม่เป็นโครงการแนวราบทั้งหมด ประกอบด้วย
โครงการบ้านเดี่ยว                11 โครงการ
โครงการทาวน์เฮ้าส์                1 โครงการ

(โครงการ Villaggio ลำลูกกา-วงแหวน 1 โครงการ มีทั้งสินค้าบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์)

โดยอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 10 โครงการ และในต่างจังหวัด 1 โครงการ

  • ดังนั้น จำนวนโครงการที่ดำเนินการในปี 2567 จะมีทั้งหมดประมาณ 84 โครงการ มูลค่า 98,550 ล้านบาท โดยเป็นสินค้าแนวราบ 77 โครงการ มูลค่า 82,550 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 7 โครงการ มูลค่า 16,000 ล้านบาท
  • ประมาณราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยในปี 2567 เท่ากับ 9.4 ล้านบาท (ปี 2566 ราคาเฉลี่ยต่อหน่วย 9.6 ล้านบาท)

นายโชคชัย วลิตวรางค์กูร กรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ โครงการอาคารชุด เปิดเผยภาพตลาดและข้อมูลสินค้าคอนโดมิเนียมของบริษัทฯ ดังนี้

  • ปี 2566 ตลาดคอนโดมิเนียมในบางระดับราคา (segment) ฟื้นตัวต่อเนื่องหลังจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายลง และคาดว่าจะดีขึ้นต่อเนื่องในปี 2567
  • บริษัทฯ พบว่ายังมีความต้องการซื้อสินค้าใน segment ระดับบน และในบางทำเล จึงได้ปรับแผนเปิดโครงการคอนโดมิเนียม โดยเปิดโครงการ วันเวลา ณ เจ้าพระยา เมื่อปลายเดือนตุลาคม แทนโครงการที่ศรีนครินทร์ ตามแผนเดิม เพื่อตอบสนองความต้องการซื้อคอนโดมิเนียมริมน้ำ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี โดยสร้างยอดขายได้กว่า 5,000 ล้านบาท คิดเป็น 35% ของมูลค่าโครงการ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท
  • ทำให้ในปี 2566 บริษัทฯ มียอดขายจากสินค้าคอนโดมิเนียมกว่า 6,200 ล้านบาท เติบโต 176% จากปีก่อน คิดเป็น 27% ของยอดขายรวมทั้งหมดของบริษัทฯ
  • ในปี 2567 ปัจจัยที่จะส่งผลบวกต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ คือ อัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะมีการทยอยปรับลดในช่วงครึ่งหลังของปี และมาตรการของภาครัฐที่ขยายเวลาการลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนอง ออกไปอีก 1 ปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อคอนโดมิเนียมในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีแบรนด์ The Key เป็นสินค้าคอนโดมิเนียมในระดับราคาดังกล่าว ซึ่งโครงการที่ เปิดขายอยู่ในปัจจุบัน คือ The Key MRT เพชรเกษม 48 เป็นคอนโดมิเนียมทำเลติดรถไฟฟ้า สายสีน้ำเงิน
  • ปัจจุบันบริษัทฯ มีสินค้าคอนโดมิเนียมในมือพร้อมขาย ทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 16,000 ล้านบาท และจะเน้นการขายสินค้าคอนโดมิเนียมจากโครงการที่เปิดขายอยู่แล้วในปัจจุบัน จึงยังไม่มีแผนเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายคอนโดมิเนียมไว้ที่ 5,500 ล้านบาท และยอดโอนที่ 2,000 ล้านบาท

นายวิทย์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการสายงานสนับสนุน ได้เปิดเผยฐานะการเงินของบริษัทฯ และการดำเนินงานด้านอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า ดังนี้

ผลการดำเนินงานปี 2566

  • บริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้ มูลค่ารวม 16,000 ล้านบาท อายุ 2-3 ปี โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ที่ 3.2% ต่อปี
  • ณ สิ้นปี 2566 มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิ อยู่ที่ประมาณ 58,000 ล้านบาท โดยมี
    • อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 1.12
    • ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 2.75%
  • สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าปี 2566 เป็นปีที่ธุรกิจมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งโดยเฉพาะจากธุรกิจโรงแรมและศูนย์การค้าในประเทศไทย คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 70% และ 100% ตามลำดับจากปีก่อน เนื่องมาจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าของบริษัทฯ โดยตรง
  • บริษัทฯ มีการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่าผ่านบริษัท LHMH และ LH USAจำนวน 2,870 [NS2] ล้านบาท ประกอบด้วย
    • พัฒนาโรงแรม Grande Centre Point Surawong 920 ล้านบาท
    • พัฒนาโครงการ Grande Centre Point Lumpini 870 ล้านบาท
    • พัฒนาธุรกิจโรงแรมและอะพาร์ตเมนต์ 1,080 ล้านบาท
  • นอกจากนี้บริษัท LHMH มีการลงทุนเพิ่มเติมในทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL) มูลค่ารวม 1,952 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนการลงทุนในกองทรัสต์เพิ่มขึ้นจากเดิม 14.73% เป็น 26.17%
  • บริษัท LHMH ได้เปิดดำเนินงานโครงการใหม่ 1 โครงการ ได้แก่ โรงแรม Grande Centre Point Surawong ในเดือนพฤศจิกายน 2566 มูลค่าเงินลงทุน 2,300 ล้านบาท และได้ขายโรงแรม 2 แห่ง ได้แก่ โรงแรม Grande Centre Point Pattaya และ Grande Centre Point Space Pattaya ให้กับกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL) เป็นมูลค่า 9,400 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ มีการรับรู้กำไรก่อนภาษีประมาณ 2,500 ล้านบาท ในไตรมาส 4 และส่วนที่เหลือจะมีการทยอยรับรู้ในงบกำไรขาดทุนระหว่างปี 2567-2575

แผนการดำเนินงานปี 2567

  • บริษัทฯ มีแผนที่จะออกหุ้นกู้มูลค่า 16,000 ล้านบาท โดยคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจะยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียง 1.0 ซึ่งลดลงจาก ณ สิ้นปี 2566
  • บริษัทฯ ได้เตรียมงบลงทุนไว้ทั้งหมดประมาณ 11,500 ล้านบาท ประกอบด้วย
    • งบสำหรับการซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย 5,000 ล้านบาท
    • งบลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่า 6,500[NS3]  ล้านบาท
  • ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโครงการซึ่งก่อให้เกิดรายได้ค่าเช่า ทั้งที่ดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างพัฒนาทั้งหมด 16 โครงการ ดำเนินการโดยบริษัท LHMH 12 โครงการ และบริษัท LH USA 4 โครงการ  
  • บริษัทฯ มีแผนที่จะขายศูนย์การค้า 1 แห่งเข้ากองทรัสต์ฯ

รายละเอียดโครงการเปิดใหม่ในปี 2567

  โครงการ    ประเภท      ขนาดโครงการ (ไร่)  จำนวนหลัง ทั้งหมด  ราคาเฉลี่ยต่อหลังล้านบาท  มูลค่า โครงการ ล้านบาท  ไตรมาส ที่เปิดขาย    
1. นันทวัน บางนา กม. 15บ้านเดี่ยว90.411855.36,530Q1
2. Villaggio ลำลูกกา – วงแหวนรวม89.14845.22,520
บ้านเดี่ยว75.53406.22,100
ทาวน์เฮ้าส์13.61442.9420
3. มัณฑนา บรมฯ – ทวีวัฒนาบ้านเดี่ยว41.18819.11,685Q2
4. มัณฑนา ณ ราชพฤกษ์บ้านเดี่ยว62.815420.43,140 
5. พฤกษ์ลดา ราชพฤกษ์ – ตัดใหม่บ้านเดี่ยว90.63897.02,730Q3
6. มัณฑนา 100+
    พระราม 2 – บางขุนเทียน
บ้านเดี่ยว93.920216.53,330 
7. นันทวัน PRIVATE POOL VILLA พระราม 9 – กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่บ้านเดี่ยว34.53096.02,880Q4
8. พฤกษ์ลดา ปิ่นเกล้า – พุทธมลฑล สาย 5บ้านเดี่ยว49.02228.21,830
9. ชัยพฤกษ์ พระราม 2บ้านเดี่ยว21.76513.5875
10. มัณฑนา ปิ่นเกล้า สาย 3บ้านเดี่ยว75.116716.22,700
11. มัณฑนา 2 ซีรีน เลค เชียงใหม่บ้านเดี่ยว45.49520.81,980
รวมทั้งหมด 693.72,01415.030,200 

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า

บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าในประเทศไทยและประเทศสหรัฐอเมริกา โดยธุรกิจ ในประเทศไทย ดำเนินงานภายใต้ชื่อบริษัท แอลเอชมอลล์แอนด์โฮเทล (LHMH) และธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา ดำเนินงานภายใต้ชื่อบริษัท แอลเอชยูเอสเอ (LHUSA) ประกอบด้วยโครงการห้างสรรพสินค้า โรงแรม อะพาร์ตเมนต์ และพื้นที่สำนักงานให้เช่า รายละเอียดของโครงการทั้งหมดที่  แสดงเป็นรายได้ค่าเช่าในงบกำไรขาดทุน ปรากฎดังตารางต่อไปนี้

โครงการในประเทศไทย (ล้านบาท)

ลำดับโครงการมูลค่าเจ้าของประเภททำเลที่ตั้งปีที่คาดว่าจะเปิด
  การพัฒนา   ดำเนินงาน
1Grande Centre Point Ploenchit1,500 LHPFIIโรงแรมกรุงเทพดำเนินงานแล้ว
2Grande Centre Point Ratchadamri2,600LHHOTELโรงแรมกรุงเทพดำเนินงานแล้ว
3Grande Centre Point Terminal 21 2,000 LHHOTELโรงแรมกรุงเทพดำเนินงานแล้ว
4Grande Centre Point Sukhumvit 552,000 LHHOTELโรงแรมกรุงเทพดำเนินงานแล้ว
5Grande Centre Point Pattaya1,600 LHHOTELโรงแรมพัทยาดำเนินงานแล้ว
6Grande Centre Point Space Pattaya3,200 LHHOTELโรงแรมพัทยาดำเนินงานแล้ว
7Terminal 21 Pattaya3,800 LHMHศูนย์การค้าพัทยาดำเนินงานแล้ว
8Terminal 21 Rama 33,700 LHMHศูนย์การค้ากรุงเทพดำเนินงานแล้ว
9Grande Centre Point Surawong2,300 LHMHโรงแรมกรุงเทพดำเนินงานแล้ว
10Grande Centre Point Lumpini4,800 LHMHMixed-useกรุงเทพQ4’67
11Grande Centre Point Ratchadamri 24,600 LHMHโรงแรมกรุงเทพQ4’69
12Grande Centre Point Pattaya 34,400LHMHโรงแรมกรุงเทพQ1’70
 รวมมูลค่าเงินพัฒนาโครงการ 36,500      

โครงการในสหรัฐอเมริกา (ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ลำดับโครงการมูลค่าประเภททำเลที่ตั้งปีที่คาดว่าจะเปิด
  เงินลงทุน  ดำเนินงาน
1Parc135 อะพาร์ตเมนต์Campbell, Californiaดำเนินงานแล้ว
2Yard127 อะพาร์ตเมนต์Portland, Oregonดำเนินงานแล้ว
3Revere119 อะพาร์ตเมนต์Campbell, Californiaดำเนินงานแล้ว
4SpringHill31 โรงแรมAnaheim, Californiaดำเนินงานแล้ว
 รวมมูลค่าเงินลงทุนในโครงการ  412