บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และนวัตกรรมการอยู่อาศัย ย้ำตำแหน่งเจ้าคอนโดฯ ใจกลางเมือง พร้อมเผยโฉมคอนโด High-rise ใหม่ล่าสุด ‘RHYTHM เอกมัย เอสเตท’ บนทำเลศักยภาพย่านเอกมัยเชื่อมต่อทองหล่อ เตรียมเจาะดีมานด์คนเมืองกลุ่ม Upper Hi-End ชูจุดเด่นด้านนวัตกรรมดีไซน์ที่ส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยมิติใหม่บนพื้นที่แนวสูง สิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางแบบจัดเต็ม และการบริหารขนาดห้องชุดพร้อมแพ็คเกจราคาขายที่ตอบสนองความต้องการจริงของดีมานด์ในย่าน ราคาเริ่มต้น 6.5 ล้านบาท (เริ่ม 185,000 บาทต่อตารางเมตร) คุ้มค่าสำหรับการลงทุนทั้งการอยู่อาศัยเองและการปล่อยเช่าระยะยาว ด้วยผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าประมาณ 5-6% โดยจะเปิดจองรอบพิเศษครั้งแรกที่งาน Vertical World ชั้น 1 แฟชั่นฮอลล์ สยามพารากอน วันที่ 21-24 มีนาคมนี้
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า “การกลับมาของแบรนด์ RHYTHM ในรอบ 3 ปีครั้งนี้ เอพีใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่คุณภาพการก่อสร้างในทุกขั้นตอนด้วยการใช้ ‘AI BIM’ (Artificial Intelligence Building Information Modeling) เทคโนโลยีการออกแบบงานก่อสร้างอาคารสูงอัจฉริยะ 7 มิติ ที่จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในทุกกระบวนการทำงาน และสร้างสรรค์นวัตกรรมดีไซน์ที่แตกต่างเพื่อเจาะลูกค้ากลุ่ม Upper Hi-End โดยเอพีเลือกเฟ้นทำเลที่โดดเด่นใจกลางเมืองอย่างทำเลเอกมัยเชื่อมต่อทองหล่อที่รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯ ใจกลางเมืองที่พร้อมส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกบ้านอย่างยั่งยืน”
“จาการศึกษาและทำความเข้าใจเพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริงของผู้อยู่อาศัยย่านเอกมัย-ทองหล่ออย่างลึกซึ้ง เพื่อนำมาพัฒนา ‘RHYTHM เอกมัย เอสเตท’ ให้เป็นคอนโดฯ ที่แตกต่างและตอบโจทย์รองรับความต้องการของทุกช่วงชีวิต โดยการศึกษาพบว่ารูปแบบการใช้ชีวิตของคนเมืองเปลี่ยนไป ต้องการอยู่อาศัย ในคอนโดที่ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากการอยู่อาศัยในบ้าน มีพื้นที่ส่วนกลางที่ที่รองรับทั้งการใช้งานร่วมกันและความเป็นส่วนตัวได้จริง ให้สัมผัสความร่มรื่นของพื้นที่สีเขียว อีกทั้งยังคุ้มค่าการลงทุน ทั้งเพื่ออยู่อาศัยเอง และการต่อยอดลงทุนในอนาคต ทั้งหมดนี้ทำให้เอพีสร้างสรรค์นวัตกรรมการดีไซน์ใหม่ครั้งแรกในเมืองไทย การออกแบบสถาปัตยกรรมอาคารสูงที่มอบประสบการณ์ทุกย่างก้าวเหมือนการใช้ชีวิตในบ้าน พร้อมด้วยล็อบบี้แนวตั้ง 7 ชั้นที่ช่วยลดข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ส่วนกลางอย่างชาญฉลาด เปิดมุมมองสู่ Chamchuri Outdoor Terrace พื้นที่สีเขียวร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่เดิมและพื้นที่ส่วนกลางรวมกว่า 4,800 ตารางเมตร มอบประสบการณ์มิติใหม่ของการอยู่อาศัยบนพื้นที่แนวสูงได้อย่างไร้รอยต่อ ทุกฟังก์ชั่นสเปซภายใน ‘RHYTHM เอกมัย เอสเตท’ ทั้งพื้นที่ส่วนกลาง และพื้นที่ภายในยูนิตที่พักอาศัยถูกออกแบบให้สามารถใช้งานได้ทุกตารางนิ้ว เพื่อเติมเต็มให้การอยู่คอนโดฯ รู้สึกสงบ อบอุ่น ร่มรื่น เป็นส่วนตัวเหมือนได้อยู่บ้าน” นายวิทการ กล่าวเสริม
“สำหรับภาพรวมตลาดคอนโดในทำเล ‘เอกมัยเชื่อมต่อทองหล่อ’ นับเป็นทำเลที่ดีมานด์ทั้งลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชาวญี่ปุ่น สิงค์โปร์ และฮ่องกงให้ความสนใจต่อเนื่อง เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รายล้อมด้วยสถานที่ทำงาน พร้อมทั้งการเดินทางที่สะดวก รองรับไลฟ์สไตล์ได้อย่างหลากหลาย ทำให้ย่านเอกมัยเป็นทำเลศักยภาพในการลงทุน ทั้งเพื่ออยู่อาศัยเองและการปล่อยเช่าในอนาคตของโซนสุขุมวิทเลยก็ว่าได้ อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจซัพพลาย ณ ไตรมาส 4/2561 พบจำนวนประมาณ 1,500 ยูนิต ส่วนใหญ่มีราคาขายเฉลี่ย 220,000 – 275,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งไม่สอดรับกับสิ่งที่ตลาดมองหา” นายวิทการ กล่าวเพิ่มเติม
“ดังนั้น คีย์สำคัญที่เอพีตั้งใจมาโดยตลอดในการพัฒนาทุกโครงการในเครือ คือ การนำเสนอสินค้าที่แตกต่าง รวมถึงการบริหารขนาดห้องชุดและแพ็คเกจราคาขายที่ตอบรับกับดีมานด์จริงในแต่ละย่าน การันตีได้จากความสำเร็จของการเปิดขาย RHYTHM เอกมัย ที่เอพีได้ทำการเปิดขายเมื่อปี 2559 และเมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อมเปิดโอนในไตรมาส 4/2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับการตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากจากลูกค้าในการโอนห้องชุด จนสามารถทำการโอนได้ทะลุเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่งปัจจุบันราคารีเซลของ RHYTHM เอกมัย มีแนวโน้มการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องประมาณ 15% (หรือปรับตัวขึ้นจากราคาเปิดตัวที่ 190,000 บ./ตร.ม. เป็นรีเซลประมาณ 220,000 บ./ตร.ม) และหากพิจารณาประกอบกับภาพรวมผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าระยะยาว (Rental Yield) ของคอนโดฯ ในย่านนี้ ที่พบอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 5 – 6% ต่อปี ทำให้ภาพรวมตลาดของคอนโดในทำเลนี้ เป็นที่สนใจของลูกค้าเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น สำหรับการเปิดตัวโครงการใหม่ RHYTHM เอกมัย เอสเตทนี้ เรามั่นใจทั้ง การนำเสนอสินค้าที่แตกต่าง การบริหารขนาดห้องชุดควบคู่กับปัจจัยด้านราคาที่จับต้องได้ จะทำให้ได้รับการตอบรับและประสบความสำเร็จอีกครั้งอย่างแน่นอน” นายวิทการ กล่าวสรุป