- ยกสินค้าแนวราบซูเปอร์สตาร์ของปี ครึ่งปีหลังเตรียมเปิด 26 โครงการใหม่ มูลค่า 26,000 ล้านบาท
- ส่งแบรนด์ใหม่ ‘อภิทาวน์’ ลุยตลาดต่างจังหวัด ชูจุดเด่นเรื่องการออกแบบพื้นที่ใช้สอยและนวัตกรรมความปลอดภัย นำร่อง 5 จังหวัด นครศรีธรรมราช ระยอง ขอนแก่น อยุธยา และเชียงราย เริ่ม 1.5-9 ล้านบาท
- ครึ่งปีแรกกวาดยอดขาย 15,085 ล้านบาท หลังเซนติเมนต์ลูกค้าเป็นบวก ดีมานด์คอนโดยังไม่หาย ด้วยความคุ้มค่าของสินทรัพย์ที่มากกว่าการลงทุนรูปแบบอื่น
เอพี ไทยแลนด์ เดินหน้าไปต่อ หลังตลาดเริ่มฟื้นเซนติเมนต์เป็นบวก เชื่อดีมานด์ คอนโดฯ ยังไม่หาย ด้วยความคุ้มค่าของสินทรัพย์ที่มากกว่าการลงทุนรูปแบบอื่น ยกให้สินค้าแนวราบเป็นซูเปอร์สตาร์ของปี
เตรียมพร้อมมูฟออนตามโรดแมพ MASTERPLAN FOR TOMORROW ขยายขอบเขตในการสร้างพิมพ์เขียวแห่งการอยู่อาศัยที่มีคุณภาพ ด้วยการเปิด 26 โครงการใหม่ มูลค่า 26,000 ล้านบาท พร้อมปั้น ‘อภิทาวน์’ แบรนด์ใหม่บุกตลาดต่างจังหวัด นำร่อง 5 จังหวัด
พร้อมเตรียมโอนฯ 2 คอนโดใหม่ LIFE อโศก-พระราม 9 และ ASPIRE อโศก-รัชดา เติบโตอย่างมั่นคงด้วยแบ็คล็อกในมือมากกว่า 56,149 ล้านบาท รับรู้รายได้จนถึงปี 2566
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า“วิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เปรียบเหมือนเป็นซูเปอร์โนวาที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก สร้างผลกระทบที่ใหญ่และรุนแรงกว่าวิกฤตครั้งไหนในอดีต
ซึ่งตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาบริษัทฯ ดำเนินงานด้วยความระมัดระวังควบคู่ไปกับการปรับแผนงานให้สอดรับกับสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา โดยมี EMPOWER LIVING เป็นจุดมุ่งหมายสำคัญขององค์กร ส่งผลให้ในครึ่งปีแรกบริษัทฯ
สามารถสร้างยอดขายรวมได้ทั้งสิ้น 15,085 ล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ 14 โครงการ มูลค่า 15,500 ล้านบาท และจากโครงการอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการขายอีกกว่า 100 โครงการ มูลค่าคงเหลือขาย 70,000 ล้านบาท
พร้อมประสบความสำเร็จในการโอนกรรมสิทธิ์ LIFE ลาดพร้าว คอนโดมิเนียมร่วมทุนที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มทยอยส่งมอบเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เชื่อว่าดีมานด์คอนโดยังไม่หาย ด้วยความคุ้มค่าของสินทรัพย์ที่มากกว่าการลงทุนรูปแบบอื่น”
ทั้งนี้ ในครึ่งปีหลังของปี 2563 บริษัทฯ ยังคงดำเนินงานตามโรดแมพ MASTERPLAN FOR TOMORROW ที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปี ด้วยการเดินหน้าขยายขอบเขตในการสร้างพิมพ์เขียวแห่งการอยู่อาศัยคุณภาพให้ครอบคลุมความต้องการของคนไทยที่มากขึ้น ผ่านแผนการเปิดตัวโครงการแนวราบใน 5 จังหวัด ด้วยแบรนด์ ‘อภิทาวน์’ มูลค่ารวม 4,700 ล้านบาท
ได้แก่ นครศรีธรรมราช ระยอง อยุธยา ขอนแก่น และเชียงราย ในรูปแบบโครงการแบบมิกซ์ โปรดักส์ (Mix Products) ตอบโจทย์ความต้องการที่อยู่อาศัยทั้งในแบบบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ราคาเริ่มต้น 1.5 – 9 ล้านบาท พร้อมแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ อีกจำนวน 21 โครงการ
โดยเป็นบ้านเดี่ยว 8 โครงการ มูลค่า 7,970 ล้านบาท และทาวน์โฮม 13 โครงการ มูลค่า 13,330 ล้านบาท รวมครึ่งปีหลังบริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 26 โครงการ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท
“อภิทาวน์” จะเป็นชื่อแบรนด์สินค้าในกลุ่มต่างจังหวัดที่เพิ่มเข้ามาในพอร์ตเอพี ซึ่งสื่อถึงความตั้งใจของเอพีที่จะสร้างและส่งมอบมาสเตอร์แพลนแห่งการอยู่อาศัยที่มีคุณภาพให้กับคนไทยทุกคน ด้วยการผสาน 2 จุดแข็งหลัก ได้แก่
1. การเป็นผู้นำในเรื่องของสเปซดีไซน์ (Leading in SPACE Design) โดยรูปแบบบ้านในแต่ละโครงการจะได้รับการออกแบบเพื่อให้สอดรับกับความต้องการและพฤติกรรมของคนในแต่ละจังหวัดตามคอนเซ็ปต์ Dynamic Personalized Model และ
2. Tech-Life Management การนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ในการอยู่อาศัย ด้วยการติดตั้งนวัตกรรมคัดสรรภายในโครงการ ซึ่งเป็นนวัตกรรมการบริหารจัดการความปลอดภัยภายในหมู่บ้านตลอด 24 ชั่วโมง ทำหน้าที่คัดสรร ดูแลความปลอดภัยในทุกมิติของการอยู่อาศัยภายในหมู่บ้านจัดสรร ผ่านระบบแพลตฟอร์มอัจฉริยะ โดยพร้อมเปิดตัวโครงการแรกที่ อภิทาวน์ นครศรีธรรมราช พรีเซลในช่วงวันที่ 26-27 กันยายน และโครงการอื่นๆ ในช่วงเดือนตุลาคม” นายวิทการ กล่าวเสริม
สำหรับสินค้าคอนโดมิเนียมในครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯ มีคอนโดมิเนียมใหม่ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จอยู่ในแผน การส่งมอบอีกจำนวน 2 โครงการ
ได้แก่LIFE อโศก-พระราม 9 มูลค่าโครงการ 9,800 ล้านบาท สถานะยอดขาย 94% พร้อมส่งมอบเดือนสิงหาคมนี้ และ ASPIRE อโศก-รัชดา มูลค่าโครงการ 2,900 ล้านบาท ยอดขาย 95% พร้อมส่งมอบเดือนสิงหาคมนี้
พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังมีแบ็คล็อกคอนโดมิเนียมที่รอรับรู้ไปในอีก 3 ปีข้างหน้า (จนถึงปี 2566) มูลค่ามากถึง 42,915 ล้านบาท ด้านโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย บริษัทฯ มีคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายจำนวน 18 โครงการ มูลค่าคงเหลือขาย 21,000 ล้านบาท
จึงมั่นใจว่าจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นถึงแม้จะส่งผลให้ผู้ซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อลงทุนระยะสั้นชะลอการตัดสินใจลงทุน แต่ลูกค้ากลุ่มที่ซื้อเพื่อลงทุนระยะยาวก็ยังคงเห็นถึงความคุ้มค่าของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ มากกว่าการลงทุนในรูปแบบอื่น และถึงแม้บริษัทฯ จะขยับแผนการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ออกไป แต่ทีมงานทุกคนยังคงทำงานตามแผนเดิม เพื่อให้โครงการพร้อมเปิดตัวทันทีหากสถานการณ์ในไตรมาส 4 มีทิศทางที่ดีขึ้นหรือมีแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐ
“ผลกระทบครั้งนี้ไม่เหมือนในอดีต เรายังคงอยู่กับสภาวะความผันผวนเช่นนี้ต่อไป แน่นอนว่าทุกอย่างย่อมไม่เหมือนเดิม Challenge ที่น่าสนใจคือ วันนี้คำว่า New Normal ที่เราพูดถึงกันนั้น ยังเกิดขึ้นอย่างไม่สมบูรณ์แบบ วิกฤตยังเดินไปไม่ถึงตอนจบ ยังไม่รู้ว่าอีก 6 เดือนข้างหน้าจะมีเซอร์ไพรส์อะไรอีก
ดังนั้น เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าไปต่อท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ นอกจากความพร้อมของคนในองค์กร การบริหารกระแสเงินสดแล้ว แผนธุรกิจที่ยืดหยุ่นคือหนทางที่จะผ่านวิกฤตในครั้งนี้ ซึ่งที่ผ่านมาโครงการภายใต้แบรนด์ AP มีพื้นฐานที่แข็งแรงอยู่แล้ว สะท้อนได้จากกราฟการเข้าเยี่ยมชมโครงการและยอดขายที่มีสัญญาณเป็นบวก โครงการแนวราบก็มีสัดส่วนการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนยอดการโอนกรรมสิทธิ์โครงการ LIFE ลาดพร้าวที่เริ่มทยอยโอนในเดือนมีนาคม จึงเชื่อว่าภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลังจะมีการปรับตัวที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และเข้าสู่ภาวะสมดุลในเร็ววัน” นายวิทการ กล่าวเสริม
สรุปแผนการดำเนินงานธุรกิจอสังหาฯ ในปี 2563 ณ วันที่ 14 กรกฎาคม 2563 ทั้งปี 2563 บริษัทฯ เปิดตัวโครงการใหม่มูลค่ารวม 41,500 ล้านบาท จำนวน 40 โครงการ
โดยแบ่งเป็นสินค้าบ้านเดี่ยวจำนวน 18 โครงการ มูลค่ารวม 20,470 ล้านบาท ทาวน์โฮม 17 โครงการ มูลค่า 16,330 ล้านบาท
และโครงการในต่างจังหวัด 5 โครงการ มูลค่า 4,700 ล้านบาท และมีสินค้าคอนโดมิเนียมอยู่ระหว่างการขายจำนวน 18 โครงการ มูลค่าคงเหลือขาย 21,000 ล้านบาท
ตั้งเป้ายอดขายที่ 33,500 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้รวม 100% โครงการร่วมทุน 40,550 ล้านบาท เปิดตัวไปแล้วในครึ่งปีแรกจำนวน 14 โครงการ มูลค่าประมาณ 15,500 ล้านบาท สร้างยอดขายครึ่งปีแรกเท่ากับ 15,085 ล้านบาท
ในปีนี้บริษัทฯ มีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จเตรียมส่งมอบจำนวน 4 โครงการ เริ่มส่งมอบไปแล้วในครึ่งปีแรก ได้แก่ LIFE ลาดพร้าว มูลค่า 8,000 ล้านบาท และ ASPIRE สุขุมวิท-อ่อนนุช มูลค่า 1,600 ล้านบาท
และเตรียมส่งมอบในครึ่งปีหลังอีก 2 โครงการ ได้แก่ LIFE อโศก-พระราม 9 มูลค่า 9,800 ล้านบาท และ ASPIRE อโศก-รัชดา มูลค่า 2,900 ล้านบาท
ณ วันที่ 31 มิถุนายน 2563 บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้รวมโครงการร่วมทุน (Backlog) มูลค่ามากถึง 56,149 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว 13,234 ล้านบาท
ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียม มูลค่า 42,915 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในปีนี้ประมาณ 15,602 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566
เอพี ไทยแลนด์ กรุ๊ป ภายใต้พันธกิจ ‘EMPOWER LIVING’ ที่เติมเต็มทุกเป้าหมายของชีวิต ด้วยนวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีคุณค่าและมีความหมาย