หลังจากในปี 2565 ที่ผ่านมา เราก็จะเห็นว่าเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยเริ่มมีการฟื้นตัวดีขึ้นจากโควิดมากขึ้นนะครับ ผู้คนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีน และเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ สังเกตุได้จากรถติดในช่วงเข้าออฟฟิศของคนทำงาน อีกทั้งยังเริ่มมีการเปิดประเทศให้ชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในเมืองไทยมากขึ้น ก็ส่งผลให้เศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวดีขึ้นและเงินไหลเวียนในประเทศเพิ่มขึ้นนั่นเอง ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมาก็ยังมีภาวะสงคราม ระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงปัญหาเงินเฟ้อ และความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจโลก ที่อาจถดถอยได้ตลอดเวลาครับ
ล่าสุดก็มีการคาดการณ์ครับว่าในปี 2566 นี้ เศรษฐกิจโดยรวมของไทยอาจจะขยายตัวได้ราวๆ 3.6-4.0% แต่ก็ยังเกิดความไม่แน่นอนจากสภาวะเศรษฐกิจทั่วไปของโลก ส่วนในภาคอสังหาฯเองถึงแม้ภาครัฐจะมีมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนอง สำหรับที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ล้านบาท แต่กำลังซื้อภายในประเทศก็ยังอ่อนแอ ภาวะหนี้ครัวเรือนและภาคธุรกิจก็ยังอยู่ในระดับที่สูงครับ
อย่างไรก็ตามทาง ‘ลลิล พร็อพเพอร์ตี้’ ก็ยังเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจ พร้อมวางแผนจะเปิดโครงการแนวราบ 10-12 โครงการในปีนี้ มีมูลค่ารวม 7,000-8,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายยอดขายปีนี้ไว้ที่ 8,600 ล้านบาท พร้อมยอดรับรู้รายได้ที่ 6,850 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการขยายตัวจากปีที่แล้ว 10% ครับ เค้าก็ยังเน้นขายให้ Real Demand เหมือนเดิม โดยจะพัฒนาโครงการให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งรูปแบบ New Design และ Smart Fuction ของตัวบ้าน พร้อมสถาปัตยกรรมแบบ French Colonial Style ในราคาที่จับต้องได้ และลลิลเค้ายังมุ่งเน้นการบริหารเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG เพื่อมุ่งสู่การเป็น National Housing Company และผู้นำอสังหาแนวราบของประเทศครับ
#LivingSneakPeek #SneakNews #LalinProperty #ลลิล #โครงการแนวราบ