คอนโด Nue Cross Khu Khot Station
วันก่อนเราเล่าถึงการพัฒนาเมืองสไตล์ Noble Development ไปแล้ว ใครยังไม่ได้อ่านเดี๋ยวผมแนบลิงค์ไว้ใต้ comment นะครับ สิ่งที่ทำให้มูลค่าของโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน เพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคต ก็เพราะนี่เป็นเพียงเฟสแรกของผืนที่ดินติดสถานีคูคตกว่า 51 ไร่ ที่โนเบิลพัฒนาด้วยแนวคิด “Transit Oriented Development” เป็นการบริหารจัดการพื้นที่รอบสถานีขนส่งด้วยการพัฒนาโครงการแบบ Mixed Use ที่มีทั้งที่อยู่อาศัย Retail Shop และ Lifestyle Mall ขนาดใหญ่ ที่จะทำให้ผู้คนใช้ชีวิตอยู่ได้สบาย ครบ จบในที่เดียว เป็นการตอบโจทย์การขยายตัวของเมืองในแนวรถไฟฟ้า ให้ไม่ต้องไปกระจุกตัวอยู่ในใจกลางเมืองที่ต้นทุนของการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยสักแห่งนั้นแทบจะเกินกำลังของคนเพิ่งเริ่มทำงานไปเยอะแล้วครับ
ทำเลและการเดินทาง
โครงการ Nue Cross Khu Khot Station ตั้งอยู่บนถนนลำลูกกา เป็นย่าน Residential Area ที่น่าสนใจด้วยองค์ประกอบของทั้งที่ตั้งในทำเลติดกับกรุงเทพตอนเหนือเชื่อมต่อกับย่านรังสิตที่คึกคัก เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์เพราะมีทั้งตลาดสดน้อยใหญ่ และ Hypermarket เรียงรายไม่ว่าจะ Big C, Lotus, Makro, HomePro และที่สำคัญยังมีจุดเด่นเรื่องการเดินทางที่เชื่อมต่อได้หลากหลาย ทั้งถนน 2 สายหลัก อย่างพหลโยธินและวิภาวดีรังสิต ใกล้สนามบินดอนเมืองไม่กี่นาที และที่สะดวกที่สุดนั่นก็คือการมาถึงของรถไฟฟ้าสถานีคูคตนั่นเองครับ
เวลาพูดถึงคอนโดติดรถไฟฟ้า สิ่งที่ต้องดูด้วยก็คือ เป็นรถไฟฟ้าสายไหน ต้องเชื่อมต่อเปลี่ยนขบวนมั้ย และที่สำคัญก็คือ เราใช้ชีวิตอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายนั้นรึเปล่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงาน และการใช้เวลาในวันหยุด สถานีคูคตนี้เป็นส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายหลักสีเขียว เป็นสายเดียวกันที่เชื่อมคูคตผ่าน เกษตรศาสตร์ (20 นาที) -ห้าแยกลาดพร้าว(26 นาที) -จตุจักร (29 นาที) -อารีย์-อนุสาวรีย์ เข้าสู่ สยาม (44 นาที) แบบต่อเดียวโดยไม่ต้องเปลี่ยนสาย ถ้า Trade-off กับระยะทางของสถานีที่อยู่ไกลออกมา แต่เวลาที่เราต้องใช้นั้นเป็นเวลาที่ควบคุมได้ และต้นทุนของการเป็นเจ้าของที่นี่ใช้เงินเริ่มต้นแค่ล้านเดียว ก็คงจะพอเห็นความน่าสนใจและโอกาสของโครงการนี้ครับ
ภาพรวมโครงการ
Nue Cross Khu Khot Station เฟส 1 เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น บนพื้นที่ประมาณ 11 ไร่ครึ่ง รวมห้องพัก 1,178 ยูนิต ครับ (พื้นที่จอดรถ 249 ช่องจอด) เค้าแบ่งตัวอาคารออกเป็น 6 อาคาร (สูง 8 ชั้น 4 อาคาร, สูง 7 ชั้น 2 อาคาร) วางขนานกันกับหน้าถนนลำลูกกา โดยอาคาร A, B ที่อยู่ติดถนนนั้นจะมีความพิเศษเพราะจะมีพื้นที่ Shop ถึง 24 ยูนิต เป็นความสะดวกแรกที่อยู่หน้าบ้าน และโนเบิลยังวางแผนเตรียมที่ดินขนาดกว่า 3.5 ไร่ ติดสถานีรถไฟฟ้า ดึงพันธมิตรลงทุนพัฒนาไลฟ์สไตล์ มอลล์ ให้เราได้ใช้ชีวิตในวัน Off work แบบไม่ต้องเดินทางไปไหนอีกด้วย
ตัวอาคารได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากดีไซน์ยุค Mid-Century Modern ที่ใช้เส้นสายของรูปทรงเรขาคณิตมาผสานเข้ากับธรรมชาติ ที่นี่เค้ายังเติมบรรยากาศให้โดดเด่นด้วยการออกแบบ Landscape ที่อิงมาจากเมือง Palm Springs เมืองตากอากาศของฝั่ง West Coast ในแคลิฟอร์เนีย เราจึงได้เห็นต้นปาล์ม และไม้อวบน้ำต่างๆ เป็นกิมมิคของการตกแต่งภายในโครงการและสำนักงานขายครับ
สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการจัดเต็มในสไตล์ Nue แบ่งเป็น 4 โซน 24 ฟังก์ชั่น ดีไซน์สวยเข้ากับคอนเซปต์โครงการ ซึ่งเรามีรูปมาให้ชมด้านในนะครับ ประกอบด้วย
- Cool Relaxing Zone
ระหว่างอาคารต่างๆ เค้าตกแต่งให้เป็นสวนน้อยใหญ่ที่มีดีไซน์เฉพาะตัว เติมด้วยฟังก์ชั่นให้เป็นพื้นที่ Relax นั่งพักผ่อนท่ามกลางความร่มรื่นและยังมี BBQ Yard ให้ใช้ชีวิตพักผ่อนได้อย่างเพลินๆ - Cool Social Zone
พื้นที่สำหรับทำกิจกรรมไม่ว่าจะนั่งคนเดียว หรือเป็นกลุ่มกับเพื่อนๆ อย่าง Co-Working Space, Meeting Pod, Craftroom, Work From Garden, นั่งเล่นในสไตล์แคมป์ปิ้งใน Glamping Yard, และโซน Amphitheater ที่มาพร้อมกับ Floating Cinema ให้จัดกิจกรรมนอนลอยในน้ำดูหนังได้ครับ - Cool Lobby
ทุกอาคารมี Lobby, Delivery Station, Mailbox, Laundry ให้ใช้งานเป็นของตัวเอง - Cool Active Zone
พื้นที่ตอบโจทย์การออกกำลังกายทั้งสระว่ายน้ำพร้อมสระเด็ก, ฟิตเนสที่มาพร้อม Interactive Fitness Space, Play Yard และ Jogging Track
ห้องที่นี่แบ่งออกเป็น 4 Type ได้แก่
- Studio 22.05 – 23.10 ตร.ม. เป็นห้องสตูดิโอที่แยกพื้นที่ครัวออกจากส่วน Living Area เป็นแบบครัวปิดติดระเบียง
- 1 Bedroom 26.50 – 27.20 ตร.ม. เป็นห้องที่ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วยห้องนอนผนังทึบ พร้อมพื้นที่ครัว 2 ฝั่ง
- 1 Bedroom 30.20 – 31.30 ตร.ม. พื้นที่ห้องเพิ่มขึ้น ก็ทำให้สามารถกั้นครัวปิดได้ และยังเติมฟังก์ชั่นตู้เสื้อผ้าในอารมณ์ Walk-in Closet เพิ่มมาให้ด้วย
- 1 Bedroom Plus 34.90 – 34.95 ตร.ม. เป็นห้องที่หน้ากว้างที่สุดในโครงการ ที่สามารถจัดฟังก์ชั่นได้เหมือน 2 ห้องนอน มาพร้อมกับครัวรูปตัว U สวยๆ ให้ใช้งาน
สิ่งที่แถมมาด้วยทุกห้องคือ Digital Door Lock แอร์ และเฟอร์นิเจอร์ครบชุด ทั้ง ตู้ใส่รองเท้า, โซฟา, โต๊ะกลาง, ชั้นวางทีวี, โต๊ะกินข้าวพร้อมเก้าอี้, ชุดครัวพร้อมเตาและเครื่องดูดควัน, ฐานเตียง โต๊ะข้างเตียง และโต๊ะเครื่องแป้ง (เฟอร์นิเจอร์แตกต่างกันตามขนาดห้อง) ครับ
ราคาและความน่าสนใจ
โครงการนี้มีจุดเด่นทั้งในตัวของการพัฒนาพื้นที่ในภาพรวมที่มี Lifestyle Mall แน่นอนว่าจะเป็นอีกหนึ่ง Magnet ดึงดูด Traffic ให้มาใช้ชีวิตรอบสถานีคูคตมากขึ้นเมื่อแล้วเสร็จ ซึ่งประโยชน์โดยตรงก็คือการใช้ชีวิตประจำวันของลูกบ้านนี่แหละครับ แถมยังช่วยเพิ่มมูลค่าโครงการในอนาคตอีกด้วย ห้องที่นี่จัดสรรมาเป็นสไตล์ห้องหน้ากว้างทั้งหมด และมาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ครบชุด ในราคาที่เรียกว่าเท่าที่เห็นในปัจจุบันถูกกว่าคอนโดอื่นที่อยู่ประชิดแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งหมด สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มทำงานไม่นาน งบประมาณก้อนใหญ่หรือหนี้ก้อนแรกในชีวิตก็คงต้องตัดสินใจว่าคุณอยากได้รถ หรืออยากได้คอนโด ถ้าอยากอยู่บ้านที่ไกลรถไฟฟ้าหน่อยบางคนก็อาจจะตัดสินใจซื้อรถก่อน แต่บางคนถ้าไม่อยากเริ่มด้วยรถที่เสื่อมราคาลงไปเรื่อยๆ ตัวเลือกการหาที่อยู่อาศัยสักที่โดยไม่ทิ้งภาระหนักในระยะยาว กับราคาเริ่มต้น 1 ล้าน บวกลบ นี้ หาได้ยากมากในปัจจุบันซึ่งอาจจะอยู่ในทำเลที่ไกลรถไฟฟ้า แต่ถ้าจะเอาเดินทางสะดวกแบบต่อเดียวด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียวเส้นหลัก นี่เป็นตัวเลือกแรกที่คุณควรมาดูก่อนตัดสินใจครับ
ที่สำคัญในวันที่ 21-22 พฤษภาคมนี้ เค้าเปิดจองพร้อมราคาโปรโมชั่น เริ่ม 990,000 บาท พร้อมส่วนลดสูงสุด 180,000 บาท สำหรับคนที่สนใจสามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษจากโครงการได้ที่นี่ครับ https://nobleurl.com/3ww7Y9v
#LivingSneakPeek #รีวิวคอนโด #NUECrossKhuKhot #ใช้ชีวิตต่อเดียวที่คูลโคตร #LiveSeamlesslyCool #NobleDevelopment
เดี๋ยวเรามาดูภาพโครงการกันก่อนนะครับว่าเมื่อแล้วเสร็จจะหน้าตาเป็นยังไง แล้วผมจะพาทุกคนไปดูห้องตัวอย่างของจริงจนครบทุกห้องเลยครับ
เราขอเริ่มจากภาพตัวอาคารกันก่อน การออกแบบใช้เส้นสายเรขาคณิต สมมาตร เรียบง่ายสไตล์ Noble คู่อาคารด้านหน้าที่อยู่ติดถนนลำลูกาจะมีพื้นที่ Shop ด้านล่างอยู่เรียงรายถึง 24 ยูนิต ซึ่งคนภายนอกสามารถมาใช้งานได้ด้วยเฉพาะแนวถนนหน้าอาคาร ไม่สามารถเข้าไปสู่พื้นที่ด้านในได้ครับ
อย่างในภาพนี้จะเห็นจากทางเข้าอาคารนะครับ เมื่อผ่านป้ายด้านหน้าลูกบ้านจะเลี้ยวซ้ายเข้าไปได้ แต่พื้นที่ของคนมาใช้จ่ายในส่วนของ Retail Shop ด้านหน้านี้จะเลี้ยวขวาเข้าไปและวนออกครับ
เค้าจะวางตำแหน่ง Facilities จัดวางไว้ระหว่างคู่อาคารจากด้านหน้าไปสู่ด้านในสุด ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งในรูปแบบ Outdoor / Semi-Outdoor / Indoor อย่างโซนนี้เป็น Work From Garden ให้นั่งทำงานใต้ร่มเงาไม้ใหญ่เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้ได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ ซึ่งจะเห็นพื้นที่โซนด้านในถัดเข้าไปเป็นพื้นที่ Co-Working Space ใน Comment ครับ
ด้านในอาคารเค้าแบ่งพื้นที่เป็นทั้ง Co-Working Space หลายรูปแบบ ทั้งทำงานท่ามกลางผู้คนและทำงานแบบส่วนตัว ซ่อนฟังก์ชั่นของ Craftroom ไว้สำหรับคนที่มีงานอดิเรกชอบทำของแบบ DIY ด้วยครับ
ถัดไปจากส่วน Co-Working Space เป็นพื้นที่สำหรับการพักผ่อน ด้วยสระว่ายน้ำหลักของโครงการที่มีขนาดระดับ Olympic มาพร้อมกับสระเด็กและ Pool Terrace ให้ได้นั่งพักผ่อน ใครเลือกวิวในฝั่งนี้ได้แนวสระยาวๆ สวยๆ เลยครับ (ต่อใน comment)
ที่สุดแนวของสระเป็นพื้นที่ของ Fitness ที่อยู่ใต้ดีไซน์จั่วแบบ Mid-Century Modern ดูเก๋ดี
ข้างในก็มีฟังก์ชั่นทั้ง Cardio และ Free Weight มาพร้อมกับ Interactive Fitness Space ให้เราได้ออกกำลังกายกับโปรแกรมที่เราเลือกได้ ทำให้การเล่นคนเดียวไม่น่าเบื่อครับ
ทางด้านหลังเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนแบบ Amphitheater และสระเด็ก แถมตรงนี้ยังปรับฟังก์ชั่นให้ลอยน้ำนอนดูหนังสไตล์ Floating Cinema ได้ด้วย คูคตเริ่มคูลโคตรรึยังครับ
ถ้ายังก็เพิ่มความคูลอีกนิดด้วยพื้นที่นั่งพักผ่อนสไตล์ Camping ด้วย Glamping Yard น่าจะเป็นมุมถ่ายภาพลง IG ของลูกบ้านที่นี่หลายๆ คน
เรามีภาพตัวอย่างของบรรยากาศใน Lobby ซึ่งทุกอาคารจะมีอารมณ์ที่แตกต่างกันมาให้ชมกันด้วยครับ ก็เป็นโซนที่เป็นหน้าเป็นตาเวลาแขกไปใครมา เห็นอาคาร Low Rise เค้าก็ออกแบบให้ล๊อบบี้มีสไตล์ไว้ให้ใช้งานมากกว่าแค่ทางผ่านก่อนขึ้นห้องเมื่อเทียบกับโครงการ Mass Segment อื่นๆ นะ จบจากภาพ Perspective ตัวอย่างแล้ว เราไปดูห้องตัวอย่างจริงกันครับ
ใครที่อยากเห็นดีไซน์หลักของการออกแบบโครงการมาดูได้ที่สำนักงานขายเลย ทั้งพืชพรรณ สีสัน และงานออกแบบอาคารทำออกมาได้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สำนักงานขายสามารถเดินมาได้จาก BTS คูคตเลยครับ
มีมุมให้นั่งเล่นถ่ายรูปเก๋ๆ ภายใต้ Vibe ของโครงการ
เริ่มที่ห้องแรกห้อง Studio ขนาด 22.35 ตร.ม. ที่เมื่อเป็น Layout แบบห้องหน้ากว้าง เค้าก็แยกครัวออกไปอยู่ติดกับระเบียงเลย ทำเป็นครัวปิด ทำให้การใช้ชีวิตในห้องนี้สะดวกสบายกว่าห้องสตูดิโอแบบเดิมๆ ครับ (Layout ในคอมเมนต์)
จากด้านหน้าห้องเราจะพบกับ Living Area ก่อนครับ โซนตรงนี้เค้าใส่เฟอร์นิเจอร์อย่างตู้เก็บรองเท้า ชั้นวางทีวี โซฟา และโต๊ะข้างมาให้ครบเลยนะ ข้อดีอย่างนึงคือ ดีไซน์มันจะเป็นโทนไปในแนวเดียวกันหมด และคิดมาเผื่อเรื่องระยะต่างๆ ในการใช้งานมาให้แล้วครับ
โต๊ะข้างเป็นแบบสอดเก็บเข้าใต้โซฟาได้ ช่วยประหยัดพื้นที่เอาไว้วางแก้วกาแฟ หรืออุปกรณ์เล็กๆ ให้พอใช้งาน ที่อยู่ถัดกันก็วางโต๊ะกินข้าวได้ด้วย จริงๆ ขนาดห้องเท่านี้ใส่มาให้ด้วยนี่ถือว่าออกแบบใช้พื้นที่ได้คุ้มค่ามากๆ 1 ที่นั่งสำหรับอยู่คนเดียวครับ
ดีไซน์ละมุน คุมโทนสไตล์มินิมอลแบบที่เราเคยเห็นในคอนโดตระกูล Nue
ถัดเข้ามาด้านในคือโซนที่นอน ที่จัดเฟอร์นิเจอร์มาให้ครบอีกทั้งตู้เสื้อผ้าสูงจรดเพดานที่ 2.5 ม. มาพร้อมฐานเตียง และยังมีตู้ข้างเตียงอีก ทุกตารางนิ้วมีความหมายจริงๆ
ฟังก์ชั่นโต๊ะข้างเตียงเห็นแบบนี้ได้ใช้นะครับ เพราะการออกแบบห้องให้ใช้พื้นที่ให้คุ้มค่าบางทีเราใช้ฐานเตียงมีหัวก็ไม่ได้ เวลาจะวางของอะไรต่างๆ ก็ต้องใช้โต๊ะข้างแบบนี้นี่แหละครับ
มีปลั๊กไฟและช่อง USB อยู่บริเวณนี้ด้วย เพื่อสะดวกสำหรับคนนอนกลิ้งไปเล่นโทรศัพท์ไปไม่ต้องหา adapter
เตียงอยู่ติดกับกระจกบานสูง เป็นบานเลื่อนไว้เปิดระบายอากาศครับ
อีกฝั่งของห้องนอนเป็นพื้นที่ครัวนะครับ ตรงนี้เค้าทำบานเลื่อนมาให้ด้วย ซึ่งไม่ได้ติดตั้งในห้องตัวอย่าง เป็นครัวปิดอยู่ติดกับระเบียง อยากซ้อมก่อนไปแข่งมาสเตอร์เชฟก็ทำได้ในห้องเรานี่เลย ไม่ต้องกลัวกลิ่นเข้าห้องนอน เป็นการแก้จุดอ่อนของห้องสตูดิโอทั่วๆ ไป ตำแหน่งเครื่องซักผ้าอยู่ตรงส่วนครัว ทำให้มีพื้นที่ระเบียงเหลือใช้งานครับ
สวิตช์ที่นี่เลือกใช้ดีไซน์ได้น่ารักดีครับ
ครัวก็ตกแต่งมาให้ครบชุดแล้วเหมือนกันครับ โดยเฉพาะตู้แขวนด้านบนที่ทำไปจนสุดผนังเลยเพิ่มพื้นที่เก็บของ เจาะช่องสำหรับใส่ไมโครเวฟไว้เหนือซิงค์ล้างจาน แถมเครื่องใช้ไฟฟ้ามาให้หมดแล้วทั้งเตาและเครื่องดูดควัน ติดกระจกไว้ในโซน Cooking ช่วยให้เช็ดล้างทำความสะอาดง่าย แถมได้หน้า Top เป็นหินสังเคราะห์ด้วย นี่ดูดีกว่าคอนโดราคาแพงกว่านี้อีก
มีตำแหน่งปลั๊กไฟสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าติดตั้งมาให้แล้ว ใครจะต้มน้ำ ดริปกาแฟก็ทำได้ตรงนี้ครับ
ห้องน้ำแต่งมาให้ครบแล้ว ยกเว้นไฟซ่อนและกระจกกั้นอาบน้ำครับ ผมชอบการเลือกสีกระเบื้องผนังให้อารมณ์วัสดุธรรมชาติดี อุปกรณ์ต่างๆ ใช้แบรนด์ Cotto และ American Standard ครับ
อกลักษณ์ของห้องน้ำตระกูล Nue ก็คือเติมฟังก์ชั่นให้ได้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ให้คุ้มค่า อย่างช่องว่างตรงนี้ก็ไม่ปล่อยไว้เฉยๆ เติมชั้นมาให้ใส่ของด้วยครับ
จบสำหรับห้องแรกแล้ว เราไปต่อกันห้องที่ 2 ครับ
ห้องนี้คือแบบ 1 Bedroom 26.70 ตร.ม. ถ้าใครอยากได้ห้องเป็นสัดเป็นส่วน ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นก็เลือก 1 ห้องนอนขนาดเริ่มต้นนี้ได้ครับ เพราะ 1 Bedroom ทุกห้องของที่นี่ได้ห้องนอนผนังทึบหมดเลย (Layout ในคอมเมนต์)
เรามาดูการจัด Layout ของแบบ 1 Bedroom กันนะครับ เมื่อเข้าไปจากหน้าห้องก็จะพบกับส่วนของครัวก่อน ซึ่งด้วยพื้นที่ของห้อง ห้องนี้เค้าก็ทำเป็นลักษณะครัวเปิดเป็น Open Plan ร่วมกับส่วน Living Area ครับ ตำแหน่งของเครื่องซักผ้าอยู่ในครัวเหมือนเดิมนะ ห้องนี้ได้ครัว 2 ฝั่งเลย จัดเตรียมเก็บล้างฝั่งขวา Cooking ฝั่งซ้ายมือ
ที่ผมชอบคือตู้แขวนในครัวเค้าก็เติมให้ทั้ง 2 ฝั่งด้วยเหมือนกัน ห้องขนาด Compact ทุกพื้นที่ใช้สอยมีประโยชน์หมดครับ โดยฟังก์ชั่นของโต๊ะทานข้าวก็จะได้เพิ่มมาเป็น 2 ที่นั่งตามขนาดห้องที่เพิ่มขึ้นด้วย
ข้อดีของห้องนี้ก็คือได้ส่วน Living Area อยู่ติดระเบียง ได้ชมวิว และแสงธรรมชาติเต็มๆ ตา จะสังเกตเห็นว่าโต๊ะกลางของห้องนี้จะได้ใหญ่ขึ้นตามไปด้วยครับ ตำแหน่งแอร์อยู่ตรงนี้ก็ได้โฟลว์ความเย็นทั่วห้องนะ
ตำแหน่งคอมเพรสเซอร์แอร์ก็แขวนไว้ด้านบนหันหน้าออกนอกห้อง ไม่เป็นตัวรบกวนเวลาจะไปใช้งานด้านนอก และก็ซ่อนอยู่หลังกริลบังตาเพื่อความสวยงามในภาพรวมด้วยครับ
ห้องนอนอยู่ด้านหลังผนังฝั่งทีวี คราวนี้ได้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ขึ้น เต็มฟังก์ชั่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตู้เสื้อผ้าหรือโต๊ะเครื่องแป้ง
สำหรับ Layout นี้ห้องน้ำจะอยู่ในห้องนอนนะครับ สะดวกสำหรับลุกมาใช้กลางคืน
ฟังก์ชั่นเหมือนห้องน้ำของห้องที่แล้วครับ เดี๋ยวเราไปต่ออีกห้องกันเลย
เรามาต่อกันที่ 1 Bedroom ที่ใหญ่ขึ้นอีกนิด กับขนาด 30.55 ตร.ม. ดูว่าเมื่อพื้นที่เพิ่มขึ้น เราจะทำอะไรได้มากขึ้นบ้าง (Layout ในคอมเมนต์)
ในภาพรวมของ Layout นั้นจะเหมือนกับห้องที่แล้วครับ แต่ขนาดที่เพิ่มขึ้น ทำให้ระยะของครัวไม่อยู่ชิดกับประตูเกินไป ห้องนี้จึงสามารถกั้นครัวที่อยู่บริเวณด้านหน้าห้องให้เป็นครัวปิดได้ (โครงการทำให้ดูเป็นตัวอย่างครับ)
ถัดเข้าไปด้านในเป็น Living Area ที่อยู่ติดกับระเบียงเช่นเดิมแต่ได้เปลี่ยนดีไซน์ของการตกแต่ง และเฟอร์นิเจอร์บางชิ้นให้ไม่เหมือนกัน
โดยโต๊ะทานข้าวห้องนี้จะได้แบบยืดหยุ่นหน่อยเป็นแบบโต๊ะกลม เพราะมีพื้นที่เพียงพอ
ตำแหน่งของโซฟาก็ดูมีพื้นที่ข้างๆ เหลือมากขึ้น พื้นที่ที่เพิ่มมาก็เลยทำให้ห้องดูโปร่งมากกว่าเดิมครับ พื้นที่ว่างๆ นี่มันก็มีความหมายแบบนี้นี่แหละ
ทำให้การใช้ชีวิตสะดวกขึ้นจะหยิบจับอะไรก็สะดวก
สิ่งที่ได้เพิ่มขึ้นมาอีกก็คือฟังก์ชั่นในห้องนอนครับ โครงการแถมชั้นวางสไตล์ลอฟต์มาให้ด้วย เมื่อมาจับคู่กับโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า ตรงนี้ก็ได้อารมรณ์เหมือน Walk-in Closet เล็กๆ ในห้อง เป็นฟังก์ชั่นที่เพิ่มเข้ามา (ตัวบานเลื่อนโครงการทำเป็นตัวอย่างไอเดียครับ)
ส่วนห้องน้ำก็เข้าได้จากในห้องนอน เป็น Flow ในการใช้งานต่อเนื่องกันกับตู้เสื้อผ้าครับ
ส่วนของเตียงนอนก็ดูใช้งานสะดวกมากขึ้น โต๊ะข้างก็อยู่ฝั่งติดกับหน้าต่างฝั่งเดียวครับ
เหลือห้องสุดท้ายแล้วตามไปดูกันก่อนจบรีวิวนี้ครับ
นี่คือห้องที่ใหญ่ที่สุดของโครงการ แบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 34.95 ตร.ม. ครับ การเป็นห้องหน้ากว้างข้อดีที่เด่นชัดที่สุดคือ ทุกห้องจะมีช่องแสงธรรมชาติเป็นของตัวเองทั้งหมด และจัดวาง Layout ได้เป็นสัดเป็นส่วน ที่สำคัญห้องนี้ได้ครัวที่สวยที่สุดในโครงการเลย (Layout ในคอมเมนต์)
เริ่มจากพื้นที่ด้านหน้าก่อนก็จะเข้ามาพบกับส่วน Dining Area ซึ่งห้องนี้จัดเฟอร์นิเจอร์ได้เต็มฟังก์ชั่น 4 ที่นั่งเลยครับ
ถัดเข้าไปบริเวณด้านหลังโต๊ะทานข้าวคือโซนของครัวและห้องอเนกประสงค์ครับ
ครัวนี้ได้รูปตัว U สวยงามและทำมาได้ประโยชน์ต่อพื้นที่ดีมาก ทั้งชั้นลอยด้านบนสองฝั่ง และตู้ด้านล่างที่มีให้ครบเลย ฝั่งซ้ายมือเอาไว้เตรียมอาหาร หรือทำเสิร์ฟแบบอารมณ์ Counter Bar เชื่อมต่อกับโซนเก็บล้างตรงกลาง และฝั่ง Cooking ทางด้านขวา การตกแต่งด้วยกระจก Backsplach (โครงการทำมาให้ดูเป็นตัวอย่าง) นอกจากช่วยเรื่องกันเปื้อนแล้ว ยังดูสวยงามและทำให้ห้องดูกว้างขึ้นด้วยครับ
เดี๋ยวเราไปดูห้องอเนกประสงค์ที่อยู่ข้างๆ ครัวกันก่อน
ห้องนี้เค้าแถมเฟอร์นิเจอร์มาเป็นฟังก์ชั่นของห้องนอน ระยะมันอาจจะจำกัดหน่อยนะครับ แต่ถ้าคิดว่าอยากใช้พื้นที่เป็นฟังก์ชั่นแบบ 2 ห้องนอนในห้อง 1 Bedroom Plus ด้วยงบสองล้านนิดๆ มันก็น่าทำแบบนี้แหละ หรือถ้าใครใช้พื้นที่อย่างอื่น เราก็เอาเฟอร์นิเจอร์เค้าออก ตกแต่งในแบบที่เราต้องการได้ครับ
ออกมาจากห้องนี้ก็จะผ่านส่วน Living Area ที่อยู่กลางห้อง อีกฝั่งนึงก็เป็นห้องนอนหลัก และห้องน้ำที่เข้าได้ทั้ง 2 ฝั่งเลย ทั้งจากในห้องนอนและห้องนั่งเล่นครับ
ห้องน้ำนี้จะต่างกับห้องอื่นๆ นิดนึงตรงไม่มีช่องว่างข้างโถสุขภัณฑ์ครับ ใช้พื้นที่ครบหมดละ
ห้องนอนก็จะเปลี่ยนตำแหน่งการวางเฟอร์นิเจอร์นิดหน่อย โต๊ะเครื่องแป้งจะมาอยู่ด้านข้างเตียงครับ
เพราะตำแหน่งข้างตู้เสื้อผ้าทำเป็นประตูไว้สำหรับให้เข้าห้องน้ำได้สะดวกทั้ง 2 ฝั่งนั่นเอง
ทั้งหมดนี้ก็คือสรุปภาพรวมของโครงการ “Nue Cross Khu Khot Station” ที่เราพาชมในวันนี้นะครับ โครงการนี้จะเป็นหมุดหมายที่สำคัญของการพัฒนาเมืองด้วยคอนเซปต์ Transit Oriented Development (TOD) ในสไตล์โนเบิล ซึ่งก็สอดคล้องกับการเติบโตของเมืองที่ควรจะกระจายไปในแนวรถไฟฟ้าที่ขยายตัวออกไปสู่รอบนอกนี่แหละครับ เมื่อผืนดินทั้ง 51 ไร่แล้วเสร็จ ก็จะมีทั้งคอนโดมิเนียม Retail Shop และ Lifestyle Mall อยู่รวมกัน ให้ผู้คนที่อยู่ที่นี่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในคูคตได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยไลฟ์สไตล์เฉพาะตัว ซึ่งคนที่เพิ่งเริ่มทำงานสามารถเป็นเจ้าของคอนโดได้ง่ายๆ ด้วยราคาเริ่มเพียง 1 ล้านบาท มาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ครบชุด เมื่อภาระบ้านไม่ใช่ก้อนใหญ่ ก็จะมีเงินเหลือไปใช้ตอบโจทย์ Passion ของตัวเองในเรื่องอื่นๆ ด้วย เพื่อให้การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ เป็นไปได้จริงสำหรับทุกคนครับ
สำหรับคนที่สนใจโครงการสามารถคลิกลงทะเบียนได้ที่นี่เลยครับ https://nobleurl.com/3ww7Y9v