Life Sathorn Sierra
Beautiful things don’t ask for attention.”
คำพูดนี้บางคนอาจจะไม่เคยได้ยิน แต่ถ้าใครได้เคยดูภาพยนตร์เรื่อง “The Secret Life of Walter Mitty” ซึ่งพูดถึงชีวิตของพระเอกที่เป็นเพียงหนุ่มออฟฟิศวัยกลางคนที่วันๆ ทำแต่งานจนหลงลืมไปว่าเคยมีความฝันอะไรบ้าง จนสุดท้ายมีเหตุการณ์ที่ผลักดันให้เขาต้องออกเดินทางผจญภัยไปยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งแต่ละ location นี่เป็นสถานที่ธรรมชาติที่สวยงามมากเหลือเกิน จนมีการพูดถึงเอาไว้ว่า ความงามที่แท้จริงมิได้เรียกร้องความสนใจ ของบางอย่างนั้นสวยงามซะจนเราไม่อยากเสียเวลากดชัตเตอร์ แต่อยากซึมซับด้วยสายตาเพื่อให้รับรู้ว่าครั้งหนึ่งเราเคยได้มาอยู่ที่นี่มากกว่า
พูดถึงเรื่องนี้ก็เพราะมันตรงกับใจวัยทำงานอย่างเราครับ ที่บางทีก็สวมวิญญาณมนุษย์ออฟฟิศจนเหนื่อย ด้วยภาระหน้าที่บางครั้งจึงแทบไม่มีเวลาทำตามความฝัน พอมีวันหยุดทั้งทีก็อยากเติมไฟชีวิตให้ลุกโชนด้วยการออกไปผจญภัยเพื่อชมความงามของธรรมชาติที่รอเราอยู่ในโลกภายนอก สร้างแรงบันดาลใจกันต่อไป แต่มันก็ไม่ได้ทำได้ง่ายๆ ดั่งใจคิดเสมอนะครับ ความรู้สึกนี้นี่แหละที่ทำให้เราอึดอัดอยากจะหาทางออกให้เราได้ใช้ชีวิตเต็มที่ตามภาระหน้าที่ แถมได้ตอบโจทย์การออกไปท่องเที่ยวสัมผัสธรรมชาติที่น่าหลงใหลภายนอกได้ด้วย
ผมฟังโครงการ “Life Sathorn Sierra” ก็นึกถึงเรื่องนี้ครับ เพราะแก่นหลักของโครงการนี้คือการสร้าง “Kingdom of Terrarium” หรือก็คืออาณาจักรระบบนิเวศขนาดใหญ่จากธรรมชาติ โดยจำลองจากสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังจากทั่วโลกมาเป็นต้นแบบการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ของที่นี่ เช่น Sierra Nevada หนึ่งในเทือกเขาที่สวยงามที่สุดของประเทศสเปน, Paiva Walkway ทางเดินชมเขาที่โด่งดังของโปรตุเกส เป็นทางไม้ที่คดเคี้ยวลัดเลาะไล่ระดับไปตามแนวทิวเขาเขียวชอุ่ม ทำให้ต้องใช้ความพยายามในการเดินแต่ก็จะได้รับชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามแบบพาโนรามาในคราวเดียวกัน ซึ่งบริเวณด้านหน้าโครงการ Life Sathorn Sierra ก็ได้จำลองทางเดินนี้เป็น Hiking Trail ท่ามกลางแมกไม้ให้ได้เดินออกแรงขยับแข้งขาตั้งแต่ชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 5 กันเลยทีเดียว ใครนึกภาพไม่ออกเดี๋ยวดูในรูปประกอบนะฮะ นี่ยังไม่นับรวมสระน้ำธรรมชาติสีเขียวมรกตสุดงามงดจากซามัวที่นำมาเป็นต้นแบบ Passive Pool ที่นี่เหมือนกันครับ
ที่กล่าวมานี่ก็นำไปสู่จุดเด่นของโครงการ ซึ่งก็คือพื้นที่ส่วนกลางและสวนรวมกันทั้งหมดเกือบ 5 ไร่ นอกเหนือจาก Hiking Trail แล้ว ยังมีสระว่ายน้ำยาวอลังการ ถึง 100 ม. ที่มีทั้ง Lap pool, Passive pool, สระเด็ก และ Scenic Pool ที่เป็นมุมยื่นออกมาให้ทอดสายตาชมวิว, Half basketball court, Half football field, Jogging Track ยาวกว่า 500 ม., Outdoor & Indoor living space, Welcome Foyer, Co-working Space, Multi-leisure room, Private meeting room, Gym ขนาดใหญ่พร้อมห้องส่วนตัวสำหรับ Visual Bike, และ Private Gym ซึ่ง facilities ส่วนใหญ่เนี่ยจะกระจายตำแหน่งไล่มาตั้งแต่ชั้น 1 ไปจนถึงชั้นหลักที่ชั้น 5 และยังมีปิดท้ายอยู่ที่ชั้น 40 ทั้งชั้นซึ่งเป็นตำแหน่งบนสุดของโครงการ มีทั้งสวนลอยฟ้า Sky lounge, Co-working space, Co-living space แถมอีกมุมหนึ่งของยอดอาคารยังเติมความสดชื่นด้วยพื้นที่นั่งพักผ่อนท่ามกลางสายน้ำ Panoramic sunken lounge ไล่เรียงรายชื่อส่วนกลางต่างๆ ทั้งหมดนี้มาก็จะเห็นว่าทั้งอลังการงานสร้าง และน่าใช้งานทั้งนั้นครับ
โครงการนี้ถือเป็นโปรเจคขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 8ไร่ เป็นอาคารเดี่ยวสูง 40 ชั้น รวมทั้งหมด 1,971 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิตแบ่งออกเป็นห้องแบบ Studio ขนาด 28 ตร.ม. ห้อง 1 Bed ขนาด 32, 34 ตร.ม., แบบ 1Bed Plus ขนาด 35, 39 ตร.ม. และสุดท้ายคือแบบ 2 Bed 2 Bath ขนาด 57.5 ตร.ม.ครับ ที่ตั้งอยู่ใกล้แยกรัชดา-ราชพฤกษ์ ซึ่งเป็นจุดตัดของถนนทั้ง 2 สายตามชื่อ ตำแหน่งนี้อยู่ใกล้ BTS สายสีเขียวสถานีตลาดพลูในระยะเดินสบายๆ เพียง 150 ม. ซึ่งเป็นสายที่สามารถวิ่งเข้าสาทร และสยาม ได้สะดวกโดยไม่ต้องเปลี่ยนรถ และยังใกล้สถานีรถ BRT ราชพฤกษ์ให้เป็นทางเลือกในการเดินทางรองอีกด้วยครับ นอกเหนือจากทั้ง 2 ขนส่งสาธารณะข้างต้น ตำแหน่งที่ตั้งโครงการเนี่ยขับรถเข้าเมืองง่ายด้วย เพราะออกจากหน้าโครงการก็วิ่งเส้นราชพฤกษ์ตรงข้ามสะพานตากสินได้เลย
ทำเลนี้มีความหลากหลายและอุดมสมบูรณ์พอตัวฮะ ที่เด่นๆ และอยากพูดถึงด้วยความชอบส่วนตัวก็คือย่านตลาดพลู เป็นอีกหนึ่งปากท้องของกรุงเทพฯ มาช้านาน เชื่อมั้ยว่าในระยะรัศมีไม่เกิน 1 กม. ของตลาดพลูนี่เต็มไปด้วยอาหารดั้งเดิม รสชาติอร่อย ให้เลือกละลานตา ตั้งแต่คาวยันหวาน ไทยยันจีน แถมเก่าแก่ตั้งแต่สมัย ร.5 ก็มี เช่น ข้าวหมูแดง ข้าวขาหมู หมี่กรอบ กระเพาะปลา บะหมี่ลูกชิ้นปลา ขนมเบื้อง กล้วยเชื่อม กุ้ยช่าย ไอศกรีมไข่แข็ง (อันนี้หากินยากนะ) และอีกมากล้นสาธยายไม่จบ ซึ่งบางอย่างก็ขายกันหลายเจ้า จนสับสนจำชื่อร้านกันไม่ได้ ต้องใช้วิธีแยกว่าคนขายหน้าตายังไง ฮ่าๆ แถมยังมีความ Unique เพราะบางร้านนั่งกินกันใกล้ชิดรางรถไฟแบบลมพัดผ่านหน้าเลยทีเดียวฮะ
นอกเหนือจากของกินแล้วยังมีศูนย์การค้าแหล่งช็อปปิ้งหลากสไตล์ ใกล้ที่สุดคือ เดอะมอลล์ ท่าพระ ส่วนที่อยู่ในระยะกลางเดินทางไปใช้เวลาไม่นานก็มีไอคอนสยามซึ่งจะสะดวกยิ่งขึ้นเมื่อรถไฟฟ้าสายสีทองแล้วเสร็จ สิ่งอำนวยความสะดวกแถบนี้ยังมีทั้งโรงพยาบาลอย่างสมิติเวช ธนบุรี และ รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า ส่วนโรงเรียนดีๆ สำหรับลูกหลานในอนาคตก็มีให้เลือกในแถวสาทรนี่แหละฮะ ทั้งอัสสัมชัญ และเซนโยฯ ครับ
และนี่ก็คือภาพรวมของโครงการ Life Sathorn Sierra ใหม่ล่าสุดจาก AP ที่ Living Sneak Peek นำมาให้ชมกันในวันนี้ครับ สำหรับสิ่งที่อยากจะทิ้งท้ายก็คือเรื่อง “ราคา” นี่แหละฮะ โครงการเปิดมาราคาเริ่มต้นที่ 2.49 ล้านบาท (เริ่มต้น 87,000 บาท/ตร.ม.) และเฉลี่ยทั้งโครงการอยู่ที่ 99,xxx บาท/ตร.ม. ครับ ถ้าเทียบกับ Life ตัวอื่นๆ ที่เปิดตัวมาก่อนหน้านี้ในทำเลอื่น ก็จะไปอยู่ที่แสนกว่ากันหมดแล้ว
ถือเป็นการ Comeback กลับมา ณ ย่านนี้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ Life ที่น่าสนใจเลยทีเดียว แถม Type ห้องที่นี่ก็ได้รับการพัฒนามาจนยืดหยุ่นในการปรับฟังก์ชั่นได้ง่ายมาก โดยเฉพาะห้องแบบ 1Bed Plus ที่เป็นตัวชูโรงและน่าสนใจที่สุดนี่แหละฮะ
สำหรับแฟนเพจ Living Sneak Peek ที่สนใจก็ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้ที่นี่เช่นเคยครับ https://bit.ly/2xbPb57 แล้วตามไปดูรูปกันด้านใน พร้อมลองชิมเมนูกาแฟใหม่สุดพิเศษจาก NESCAFE HUB กันด้วยครับ
#ยกธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ให้เติมเต็มชีวิตเมือง
#LifeSathornSierra
#Life #APThailand
#LivingSneakPeek
Welcome Foyer
พื้นที่ Drop-Off ด้านหน้าโครงการครับ จะมีทั้งพื้นที่สีเขียว และตัวโถง Welcome Foyer ที่ออกแบบให้โปร่งเพื่อความสบายตา พื้นที่ชั้นล่างเนี่ยเค้าไม่ได้ทำเป็น Lobby หลักนะครับ เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านก็เลยเอาไปไว้อยู่ที่ชั้น 5 แทน แล้วชั้นนี้ก็ปรับเป็น Waiting Lounge ก็เป็นเก้าอี้นั่งสวยๆ ไว้พบปะ รับของ ส่งของ ประมาณนี้แทนครับ
ด้านใน Welcome Foyer ที่คอยต้อนรับทุกคนที่เข้ามาในโครงการครับ อารมณ์เหมือนส่วน Information Counter ของโรงแรมหรูๆ อยู่นะ
ที่นั่งสบายๆ ใกล้ชิดธรรมชาติ มีให้ใช้หลายจุดมาก ตั้งแต่ด้านล่างบริเวณ Waiting Lounge เลยครับ
Hiking Trail
นี่แหละครับคือหน้าตาของ Hiking Trail ที่ไล่มาตั้งแต่ชั้น 1 จนถึง ชั้น 5 บริเวณหน้าโครงการ ที่ได้ต้นแบบมาจาก Paiva Walkway ท่ามกลางความเขียวขจีตลอดทางแบบ 360 องศา ส่วนใครไม่ไหวก็มีทางเดิน shortcut ขึ้นมาชั้นบนได้เลยครับ
ที่ชั้น 5 เป็นที่ตั้งของ สระความยาวถึง 100 ม. มีทั้ง Active และ Passive Pool สำหรับนั่งแช่สบายๆ และทางเดินข้ามให้อารมณ์อยู่ท่ามกลางธรรมชาติจริงๆ
Serene Pool
อันนี้มุม Serene Pool แบบชัดๆ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากแหล่งน้ำสีเขียวมรกตจากธรรมชาติของ To-Sua Ocean Trench ใน Samoa นั่งอยู่ตรงนี้ลืมเวลาแน่ๆ
ชั้นบนสุดที่เป็น Sky Facilities นอกจากจุดชมวิวแล้ว ก็ยังน่านั่งทำงานใน Co-working space ที่เป็นกระจกใสเต็มตาแบบ Full height กันไปเลย
พื้นที่สีเขียวและสระน้ำใหญ่ขนาดนี้มีไว้ชื่นชมได้อย่างทั่วถึง ผ่านสายตาเวลานั่งอยู่ใน Co-living space แบบ Outdoor
ที่นี่มีห้อง 1Bed พิเศษ ขนาด 32 ตร.ม. Function ไม่เหมือนห้องอื่นคือ ได้ Layout สำหรับ Counter Dining ในบริเวณพื้นที่ครัวเปิด เชื่อมโยง Living Area เข้าด้วยกัน แถมได้ walk-in Closet เพิ่มขึ้นมาด้านในครับ
นี่แหละครับพื้นที่ Walk-in Closet ที่เพิ่มเติมมาให้ด้วย คือ Layout ห้องที่นี่มีหลากหลาย และมีจุดเด่นแตกต่างกันไป ถ้าไม่นับห้องนี้ห้องอื่นนี่จะได้เป็นครัวปิดทั้งหมดครับ มีให้เลือกทั้ง 1Bed, 1Bed Plus และ 2Bed 2Bath อยากได้ห้องนอนติดวิว หรือโซฟานั่งเล่นติดวิวก็มี Layout ให้เลือกหมด ต้องลองไปดูที่สำนักงานขายอีกทีสำหรับตำแหน่งต่างๆ ที่ต้องการนะครับ