อิสระอยู่ที่ใด?
“อิสระ” หนึ่งในคำฮิตที่คนเราชอบนำมาใช้ แม้จะเคยฟังหลายรอบ ประสบพบเจอกับตัวเองก็หลายที ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจถึ
นอกเหนือจากเรื่องที่ว่ามา.. ที่อยู่อาศัยอย่าง “คอนโด” เอง ก็เป็นสิ่งที่เราเคยได้เห็นเค้
Freedom ที่เป็นพื้นฐานสำคัญของการอยู่
อิสระในพื้นที่ใช้สอย
สิ่งที่เห็นก็คือ ไม่มีห้องไหนเลยที่มี Layout เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือสี่เหลี่ยมผืนผ้าทื่อๆ แต่ทุกห้องได้รับการออกแบบให้มี
สิ่งที่จะทำให้อิสระจากพื้นที่
อิสระในการทำสิ่งที่รัก
นอกจากพื้นที่ภายในห้องโปร่งโล่
- LED Multi Sport Court ที่ทำให้เรามีทั้งสนามบอล สนามบาส และสนามเทนนิสในพื้นที่เดียวกัน เพราะใช้วิธีเปลี่ยนเส้นสนามด้
วยไฟ LED ใต้พื้นกระจกกันกระแทก - มีครัว Co-Kitchen ไซส์เบิ้มพร้อมเครื่องครัวนำเข้
าให้ได้ใช้อย่างกับหลุ ดมาจากฉากของรายการแข่งขั นทำอาหาร และมีที่นั่งให้เพื่อนๆ ได้มาชิมฝีมือเราไปด้วยพร้อมๆ กัน - ห้อง Game Room ที่จัดมาตั้งแต่เกมเรโทรมือถือ ตู้พินบอล Starwars ของแท้ Air Hockey หมากรุก แถมดึงฉากลงมาดูหนังไปได้ในตั
วได้อีก - Co-Working Space ขนาดยาวเรียงต่อกันแบ่งเป็นห้
องๆ ได้ ทำงานเป็นกลุ่ม หรือนั่งเดี่ยวก็ได้ จะนั่งชั้นบนหรือชั้นล่างก็ได้ หรือแม้แต่จะเดินออกกำลั งกายไปทำงานไปก็ยังได้ ด้วย Treadmill Desk
เอาเป็นว่าจะเล่าก็
อ้อ ทิ้งท้ายไว้สักนิดก่อนจะเข้
THE LINE สุขุมวิท 101 มี Core Concept คือ Freedom is Everything เราจึงขอเอาจุดเด่นที่สุดของโครงการนี้ นั่นก็คือ เพดานสูงงง ทุกห้อง ตั้งแต่ 3.4 ม. ซึ่งเป็นความสูงมาตรฐานเลยนะ ไปจนถึงระดับ 5.5 ม. และนี่ก็ความโปร่งโล่งสบายในห้องนอนที่เราชื่นชอบจนเอามาเป็นภาพแรกในวันนี้ครับ
ความโปร่งนี้ไม่ได้อยู่แค่ภายในห้องนอนเท่านั้น แม้แต่พื้นที่ส่วนกลางที่เป็น Co-Living Area ก็เป็นแบบ Double Volume ที่เค้าเหลือพื้นที่ทำชั้นลอยได้ทุกห้อง ในอารมณ์ที่นั่งทำงานได้ พูดคุยกันเป็นกลุ่มได้ จะมานั่งพักผ่อนเล่นๆ ก็ได้
พื้นที่ที่บางทีเราลืมนึกถึงไปก็คือระยะในแนวตั้งนี่แหละครับ Lobby ที่นี่สูงถึง 8 ม. ยิ่งโปร่งโล่ง ยิ่งสร้างความรู้สึกสบายและไม่อึดอัดได้จริงๆ ตกแต่งด้วยหินธรรมชาติทั้งนั้น โดยเฉพาะซุ้มหิน Rainbow Onyx ต่อลายแบบ Book match ตั้งแต่ผนังขึ้นเพดานไปจนบรรจบผนังอีกด้านนึงเลยทีเดียว
ทำให้บรรยากาศการกลับบ้านของเรา Grand ทุกวัน อ้อ นี่นี่มี Shuttle Service รับส่ง BTS ปุณณวิถีด้วยนะครับ แต่ถ้าอยากไปไกลกว่านั้นเค้าก็ยังมี รถยนต์ BMW i3 มาให้ใช้ในระบบ Car Sharing อีกด้วย
CO-WORKING SPACE ที่เป็นได้ทุกอย่าง มีให้เลือกใช้งานหลายห้อง หลากฟังก์ชั่น
อย่างห้องนี้ เป็นไอเดียที่หลุดกรอบไปเลยคือ การออกกำลังกายไปพร้อมๆกับทำงานไปด้วยได้นี่แหละ ซึ่งเครื่อง Treadmill Desk ที่เอาไว้วาง Notebook ในขณะที่เดินสายพานไปด้วยทำให้คนที่ชอบบอกว่าอยากออกกำลังกายแต่ต้องทำงานหมดข้ออ้างไปเลย ฮ่าๆ
อีกห้องนึงก็เหมาะกับการใช้เป็นห้องประชุมแบบส่วนตัวดี เพราะห้องนี้ไม่มีชั้นลอย แต่มี BlueMart Vending Machine อยู่ข้างๆ ใครจะอ้างว่าขอตัวไปซื้อขนมซื้อน้ำ คงจะหนีไม่รอด
ยุคของ Cashless Society ใช้ตู้แบบนี้จนเป็นเรื่องปกติกันไปแล้วครับ
Facilities อื่นๆ ที่นี่มีหลากหลายมาก และน่าสนใจหลายอย่าง เดี๋ยวตามไปชมบางส่วนพร้อมๆ กันเลยครับ
นี่เป็น Gameroom ที่หลากหลาย จริงจัง และ Multi-Function สุดๆ แห่งหนึ่งที่เราเคยได้ดูมา มีทั้งโต๊ะ Air Hockey โต๊ะโกล์ Pinball Machine ที่เห็นบนโต๊ะเล็กๆ ที่วางโคมไฟนั้นยังมีเกมมือถือแบบ Retro ให้เล่นอีกนะ แถมห้องนี้ยังมี
โต๊ะ Pinball ที่นี่เป็น Starwars ของแท้นะครับ ใครเคยเล่นแต่ในเกมมือถือ มาทดลองความสนุกในฟิลลิ่งจับของจริงกันได้ที่นี่
ฟิตเนสก็แบ่งโซนไว้ซ้ายขวา ทั้ง Free Weight ที่มีทั้งดัมเบลล์, Medicine Ball, Keetlebell และ Sandbag ทั้งหมดเป็นอุปกรณ์ของ Life Fitness แบรนด์เทียบเท่ากับ Fitness ใหญ่ๆ ที่เราต้องเสียเงินจ่ายค่าสมาชิกกันเลย อีกโซนก็เป็นเครื่องเล่น Cardio และ Machine ก็ค่อนข้างมีหลากหลาย ตกแต่งในสไตล์ Loft ให้ดูฮึกเหิม
ครัวในส่วน Co-Kitchen ที่นี่สวยงามมากนะครับ ได้ชุดครัวจาก Scavolini ที่ร่วมออกแบบกับ Diesel จนได้ดีไซน์พิเศษชุดนี้ ร่วมกับเครื่องครัวจาก SMEG ที่มี Built-in Fridge and Freezer มาให้เรียบร้อย ต่อให้ไม่เคยทำอาหาร ผมว่าก็เกิดแรงบันดาลใจได้ไม่ยาก
ในห้องนี้ยังมีส่วน Living Area ในบรรยากาศสบายๆ และมี Vending Machine ตั้งไว้อีกตู้หนึ่งด้วย เผื่อไม่มั่นใจในรสชาติของเมนูที่เพื่อนทำให้เราลองชิมนะ ฮ่าๆ
ทางด้านนอกคือ สระว่ายน้ำความยาวมาตรฐานโอลิมปิก พร้อม Aqua Bike, สระเด็ก, Jacuzzi และ Pool Bed ให้เลือกพักผ่อนตามอัธยาศัย
ใกล้ๆ กันนอกจากจะเป็นสวนให้เดินเล่นรับลมชมวิวแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของสวนผักน่ารักๆ ปลูกกันเอง แบ่งปัน กินกันเองได้ในโครงการ ออกมาเก็บแล้วจัดใส่จานคู่กับเมนูที่ทดลองทำด้านในได้สวยๆ
ด้วยความที่ Layout ห้องที่นี่ไม่มีห้องไหนเลยที่เป็นกรอบสี่เหลี่ยมเดิมๆ แต่จะมีมุมหยัก มุมยื่นออกไปนอกอาคาร ทำให้ห้องนอนส่วนใหญ่ ได้อารมณ์เหมือนห้องมุม เปิดมุมมองให้กว้างขึ้นไปอีก
ห้องแรกที่เราจะพาชมนี้คือห้อง 1Bed ขนาด 32.5 ตร.ม. จัดเฟอร์นิเจอร์ Package มาให้ดูว่าจะสร้างพื้นที่ใช้สอยจากความสูงของห้องให้เกิดประโยชน์ได้ยังไงบ้าง
เริ่มจากการแขวนชั้นลอยได้มากขึ้น สูงขึ้น ไม่ทำให้อึดอัดเพราะสูงถึง 3 เมตร เค้าก็เลยต้องมีตัวช่วยแบบนี้มาให้
ส่วนของ Living Room กับครัวอยู่รวมกันเป็น Common Area ขนาดใหญ่ครับ ดูช่องแสงของห้องนี้สิ เต็มไปหมด ที่เป็นผนังทีบที่เห็นเหนือระเบียงนั้นก็คือที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ครับ
ใครที่สงสัยว่า เอ่ เอ เอ๊ จะนั่งกินข้าวตรงไหน นี่! เค้ามีฟังก์ชั่นโต๊ะซ้อนโต๊ะ ลากโต๊ะทานอาหารออกมาวางแล้วจัดเก็บไว้อย่างแนบเนียน เวลาทานข้าวเสร็จก็จะกลายเป็นโต๊ะทำงานตามปรกติ
เข้ามาดูห้องนอนด้านใน ก็จะเห็นว่าสามารถทำเตียงสูงได้มากขึ้น เพราะเพดานมันโล่งมากจริงๆ มีชั้นเก็บของไว้ใต้เตียงได้อีกเยอะแยะ ช่องแสงในห้องนอนนี้ก็สู้สุดใจกับห้องนั่งเล่นเลยครับ
เข้ามาในห้องนี้ก็เริ่มสงสัยว่าตู้เสื้อผ้าอยู่ไหน มาเอะใจก็เจ้ากระจกสูงเต็มถึงเพดานสี่บานตรงนี้แหละ แล้วก็ต้องอุทานว่า คุณพระคุณเจ้า เพราะมันคือตู้เสื้อผ้าสูงถึง 3 เมตรกว่าด้วยเหมือนกัน เมตรแรกไม่เปนไร แต่เมตรต่อไปเอื้อมไม่ถึงแล้วครับ
แต่จะกลัวอะไร เค้ามีตัวช่วย เลื่อนลิ้นชักด้านล่างมาเป็นฐานรองยืน แล้วก็ยื่นมือไปดึงก้านนี้ลงมา ก็ทำให้เราแขวนเสื้อผ้าด้านบนได้แม้สูงแค่เพียงเมตรเดียว ถ้าเพื่อนเรามาห้องก็แขวนชุดหรูตัวโปรดไว้บนๆ ก็ไม่มีใครกล้าหยิบมาลองเล่น หรือเอากลับบ้านแล้วหล่ะ
ห้องน้ำที่นี่ก็ได้อุปกรณ์มาครบครันนะครับ ฉากกั้นอาบน้ำก็สูงถึงใจเลยทีเดียว
ห้องต่อไปมีขนาดที่กะทัดรัดลงอีกนิด เป็นแบบ 1Bed ขนาด 27.25 ตร.ม. ครับ
พื้นที่ Living Area ก็กระชับลงเล็กน้อย ตัดฟังก์ชั่นโต๊ะทำงานจากห้องที่แล้วออกไป ที่เหลือก็ยังคงเหมือนเดิม
แถมโต๊ะกลางก็มี function สามารถเก็บของเพิ่มได้
หลายคนอาจสงสัยว่าเอ๊ะ แล้วบันไดไม่มีจะหยิบของยังไง เจ้าเก้าอี้ด้านซ้ายมือนี่แหละคือคำตอบ
พลิกคว่ำลงมาก็แปลงร่างเป็นบันไดได้สบายๆ แบบนี้เลย เจ๋งมั้ยอะ เป็นได้มากกว่าเก้าอี้ Freedom จริงๆ
ผมชอบการออกแบบพื้นที่จัดเก็บสิ่งของต่างๆ ที่โครงการทำมาให้ดูนะ มันคือสิ่งที่แสดงออกถึงการใส่ใจในรายละเอียด เพราะพื้นที่ทุกตร.ม. ในคอนโดมีคุณค่าจริงๆ ครับ
แน่นอนว่าห้องนอนก็จะได้กระจกบานใหญ่ โล่งๆ แบบนี้ ยิ่งวิวเคลียร์ก็ยิ่งเปิดม่านนอนได้อย่างสบายใจ
เจ้าตู้มหึมาไซส์นี้ก็ยังติดตามเรามาเหมือนกัน อยู่ในตำแหน่งหน้าห้องน้ำเหมือนเคย แถมหน้าบานเป็นกระจกทั้งหมด ช่วยทำให้ห้องดูโปร่งไปอีกครับ
ห้องสุดท้าย เรายังคงอยู่กับห้อง 1Bed ไซส์เดียวกันกับห้องที่แล้วคือขนาด 27.25 ตร.ม. แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือการออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่ทำให้มีชั้นลอยเพิ่มขึ้นมา จนทำให้มีห้องใช้งานถึง 3 ห้องเลยทีเดียว
การจัดวาง Layout มองเผินๆ ก็เหมือนกับห้องที่ผ่านมานะ แต่ทีเด็ดมันซ่อนอยู่หลังประตูบานนี้ครับ
เปิดเข้ามาก็ต้องตกใจว่ามีคนนั่งอยู่ด้วย ผ่าม! จริงๆ แล้วมันควรจะเป็นห้องนอนเหมือนที่เราเห็นมาเมื่อสักครู่ แต่ห้องนี้เค้าแบ่งสันปันส่วน แชร์พื้นที่ในแนวตั้งให้มีห้องทั้งด้านบนและด้านล่าง ก็เลยได้ห้องทำงานเพิ่มขึ้นมาหนึ่งห้อง และในห้องจะมีที่เปิดหน้าต่างบานกระจกอัตโนมัติมาไว้ให้ด้วยครับ
สวยงาม น่าใช้งานเลยล่ะครับ ทางขวานั้นคือห้องน้ำ และสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาอีกอย่างก็คือ “บันได” นี่เอง
บันไดที่ว่า นำเราขึ้นมาสู่ห้องนอนที่ชั้นลอย ถึงแม้ว่าการทำแบบนี้จะต้องยอมแลกกับพื้นที่ความสูงของห้องนอนและห้องทำงานที่ต้องแชร์กันไปบ้าง แต่ก็ทำให้เราเห็นว่า ความสูงของห้องนั้นมันปลดล็อคข้อจำกัดในการใช้สอยได้ยังไง ห้องนอนด้านบนนี้จะว่าไปก็ได้อารมณ์ห้องนอนใต้หลังคาเหมือนกันนะ ด้วยกระจกบานใหญ่ทำให้ทั้งชั้นบนและชั้นล่างยังได้รับแสงเพียงพอ ได้ชมวิวสวยๆ ร่วมกันได้อย่างลงตัว
และนี่ก็คือภาพรวมโครงการ The LINE 101 ที่ Living Sneak Peek นำมาให้ชมกันในวันนี้ครับ เราได้เห็นความตั้งใจที่จะสร้าง “Freedom in Everything” จากนามธรรม ให้เห็นเป็นรูปธรรมในหลายๆ ส่วน ผ่านทั้งการออกแบบไม่ว่าจะเป็นภายในห้อง หรือพื้นที่ส่วนกลาง เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลุดจากกรอบเดิมๆ ที่พบเห็นมา หวังว่าที่นี่จะถูกใจคนที่มีหัวใจรักอิสระไม่มากก็น้อยนะครับ แฟนเพจที่สนใจก็คลิกลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษจากโครงการได้ที่นี่ http://ssr.fyi/AgJNYZA และคราวหน้าเราจะพาไปชมที่ไหนกันอีกก็ติดตามได้ที่นี่เช่นเคยกับ “Living Sneak Peek – แอบดูคอนโด” คร้าบ