คอนโด LIFE Phahon – Ladprao
อยู่ขนาบด้วย 2 เซ็นทรัลสุดยิ่งใหญ่ อยู่ข้างตลาดรถไฟสุดคึกครื้น อยู่ใกล้รถไฟฟ้าสะดวกทั้งกลางวันกลางคืน อยู่ใกล้วิวจตุจักรให้ชุ่มชื่นหัวใจ อยู่ท่ามกลางแหล่งธุรกิจน้อยใหญ่ อยู่ข้างในคอนโดไม่พลุกพล่าน อยู่สบายด้วยส่วนกลางหลายรายการ อยู่ด้วยกันมั้ยที่ LIFE Phahon – Ladprao นี่เอง
เป็นเวลาพอเหมาะพอดีที่ผมจะกลับมายังคอนโดนี้อีกรอบในวันที่โครงการแล้วเสร็จเรียบร้อย จากที่ได้เห็นแค่ไซต์ก่อสร้างที่ค่อยๆ ก่อร่างสร้างตัวอยู่เคียงข้างคอนโดน้อยใหญ่ และปราสาทเทพนิยายที่กลับมาจุดไฟ ด้วยเพราะมีหลายคนที่ชื่นชอบทำเลนี้ ย่านห้าแยกลาดพร้าว-พหลโยธิน ที่สะดวกทั้งการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า สบายด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์ครบทั้งช้อปปิ้งทุกแนว ไม่ว่าจะห้าง-ตลาด-สวน ไม่ว่าจะกลางวัน-กลางคืน และยังมีแหล่งงานใกล้เคียงรายล้อม ยากที่จะหาย่านไหนมีอะไรครบใกล้มือแบบย่านนี้ จึงไม่แปลกใจที่จะมีคอนโดใหม่เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะโครงการสองศรีพี่น้องตระกูล LIFE ที่ต่างจัดเต็มด้วยพื้นที่ส่วนกลางเร้าใจบนยูนิตพักอาศัยหลักพันกว่าทั้งคู่
การพัฒนาโครงการล่าสุดเป็น LIFE Phahon – Ladprao นี้ ก็มีความต่างจากเดิม ขอเริ่มจากจากตำแหน่งที่ตั้งก่อน เพราะเขยิบจากฝั่งห้าแยกลาดพร้าวมาทางพหลโยธินมากขึ้น ตอนแรกอาจจะดูว่าไกลเซ็นทรัลลาดพร้าวห้างแม่เหล็กตรงแยกกว่าคนอื่นเขาหน่อย แต่กลายเป็นว่าจะใกล้กับเมกะโปรเจกต์ Mixed Use สุดอลังการของกลุ่มเซ็นทรัลบนถนนพหลโยธินมากกว่าคอนโดใหม่ก่อนหน้านี้ทั้งหมด โดยมีตลาดรถไฟที่แปลงร่างใหม่มาจากจ๊อดแฟร์เป็นของแถม ส่วนบรรยากาศภายในโครงการนี่ดูจะเป็นจุดที่มีความแตกต่างอย่างชัดเจน เพราะคอนโดนี้มียูนิตเพียง 598 ยูนิต น้อยกว่าโครงการพร้อมอยู่ในละแวกใกล้เคียง ผมว่าน่าจะตอบคำถามในใจของคนที่มองหาคอนโดที่ไม่พลุกพล่านมากได้ดีขึ้น
เห็นยูนิตน้อยลงพื้นที่ส่วนกลางที่นี่ ก็ยังจัดให้เยอะใช้สบายเหมือนเดิม โดยจะออกแบบในดีไซน์ที่เน้นเรื่องของงาน Art & Craft ดูนิ่งขึ้น ผสมผสานกับความหรูหราด้วยวัสดุที่สามารถโชว์ความงดงามตามธรรมชาติของตัวเอง แค่ชื่อของหินที่มาประดับตกแต่งอย่าง “Van Gogh Onyx” หรือ “Nero Chanel Marble” ก็พอจะทำให้เห็นภาพสีสันในจินตนาการ และก็ต้องร้องอ๋อออกมาเมื่อได้เห็นของจริง เพราะสิ้นสงสัยว่าทำไมถึงได้ชื่อแบบนี้นั่นเอง แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ผมมาสัมผัสได้เมื่อได้มาดูคอนโดของจริงก็คือ คอนโดนี้มีพื้นที่ส่วนตัวในพื้นที่ส่วนรวมเยอะเลย เป็นการออกแบบ Facilities ที่สามารถใช้ได้คนเดียว เป็นมุมส่วนตัว ไม่ว่าจะที่นั่งพักผ่อนที่นั่งหันออกนอกอาคารไม่ต้องเจอใคร ห้องประชุม ห้องนั่งพูดคุยแบบ Private และที่ผมชอบที่สุดก็คือมุมนั่งทำงานคนเดียวแบบคนเดียวจริงๆ แต่ได้วิวสุดงามเห็นสวนจตุจักรเต็มตา เพราะเป็นกระจกบานใหญ่ ถูกใจคน Introvert แน่นอน
ผมสรุปส่วนกลางเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจสักนิด
- ชั้น G เป็นพื้นที่สำหรับนั่งเล่น พักผ่อน พบปะแบ่งเป็นห้องต่างๆ หลายห้อง มีทั้ง Indoor และ Semi-Outdoor ซึ่งตกแต่งด้วยงานศิลป์ โดยมีพื้นที่สีเขียวเป็นมุมพักสายตาด้านนอก ประกอบด้วย Exclusive Lobby, Privilege Lounge, Cozy Lounge, The Parlour, Green Pavilion
- ชั้น 8 เป็นที่ตั้งของสวน และมุม Cardio แบบส่วนตัว
- ชั้น 38 – 40 และ Rooftop เป็น โซนของ Top Floor Facilities ต่อเนื่องกันไป 4 ชั้น มีทั้งส่วนนั่งพักผ่อนให้ชมพระอาทิตย์ตกดิน มีห้องเกมรูม, ห้อง Meeting Room, Private Living และส่วนของ Social Club ที่ประดับด้วยหินธรรมชาติสวยงามพร้อมวิวแบบพาโนรามา, มีสระว่ายน้ำเป็น Lap Pool ทอดยาว ผสมกับโซน Kids Pool, Sky Jacuzzi และพื้นที่นั่งพักผ่อนริมสระน้ำ, ข้างบนนี้ยังมีฟิตเนสขนาดใหญ่พร้อมกับห้อง Private Gym ให้ใช้งาน และบน Rooftop ทำออกมาได้สวยมาก สไตล์ Rooftop Bar มีมุมนั่งเล่นเยอะแยะ ไล่ระดับกันไปพร้อมกับสวนให้เดินเล่นสูดอากาศบนชั้นที่สูงที่สุดของคอนโด
ส่วนห้องพักอาศัยที่นี่ เค้าก็ออกแบบมาใหม่เหมือนกัน มีทั้งห้องเพดานปกติแบบ Simplex ซึ่งเริ่มต้นด้วยห้อง Studio 28.5 ตร.ม. ห้อง 1 Bedroom 35 ตร.ม. ห้อง 1 Bedroom Plus 42.5 ตร.ม. ไปจนถึง 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 57 – 65 ตร.ม. และอีกรูปแบบคือห้องเพดานสูงมีพื้นที่ใช้สอย 2 ชั้นแบบ Vertiplex ที่ชั้นบนกั้นด้วยกระจกใส ทำออกมาสวยเลยครับ มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 28.5 – 65 ตร.ม. (นับแค่ขนาดพื้นที่ใช้สอยชั้นล่าง) ซึ่งการมาชมโครงการวันนี้ ผมก็เก็บรูปห้องตัวอย่างมาให้ดูถึง 3 ห้อง ทั้ง 2 รูปแบบ ใครชอบแบบไหนตามไปชมด้านในได้เลยครับ
สำหรับใครที่สนใจตอนนี้สามารถเข้าชมโครงการได้แล้วนะครับ ราคาเริ่มต้นตอนนี้อยู่ที่ 5.29 ล้านบาท สำหรับห้องนอนใหญ่ขนาดพื้นที่ 35 ตร.ม. และรับโปรโมชั่น WELCOME HOME เพิ่มเติมมูลค่าสูงสุดกว่า 300,000 บาท ลงทะเบียนออนไลน์รับสิทธิพิเศษได้ที่ https://apth.ly/8594 หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร.1623 คร้าบ
เวลาผ่านไปไม่นาน ‘LIFE Phahon – Ladprao’ เปิดตึกจริงพร้อมเข้าอยู่แล้ว ที่นี่เค้าโดดเด่นด้วยส่วนกลางสวยๆ แบบจุใจ แถมมีโซนที่ชาว Introvert ต้องชอบ เรื่องทำเลไม่ต้องพูดเยอะ ใกล้ทั้ง BTS สถานีห้าแยกลาดพร้าว ใกล้ 2 เซ็นทรัล ใกล้สวนจตุจักร ใกล้ออฟฟิศใหญ่มากมาย อยู่สบาย มีครบครับ
เห็นคอนโดยูนิตน้อยแบบนี้ แต่ขอบอกส่วนกลางที่นี่มีหลากหลายครับ อย่างส่วน Top Floor วิวดีมาก
ส่วนใครอยากได้มุมสวยๆ ไป Rooftop ได้ภาพแน่นอน เห็นพื้นที่แล้วอยากจัดงาน Sky Bar ซะจริงๆ เดี๋ยวเราจะไล่พาชมตั้งแต่ชั้นล่างขึ้นมาจนครบเลยครับ
อากาศร้อนแบบนี้ เดินให้แอร์ปะทะหน้าเข้ามานั่งพักผ่อนที่ล็อบบี้ก่อนเลย เราก็จะมาพบกับหิน “Nero Chanel Marble” ที่ต่อลายไว้สวยงาม เห็นสีพร้อมลวดลาย ฟังชื่อก็เข้าใจเลย
จัดโซฟานุ่มๆ สีน้ำเงินตัดกับส้ม ไว้ให้เอนกายหลายตัวเลย ตัวความเป็น Art การเล่นสีสัน Pattern เลยจัดเต็ม พร้อมรูเสียบชาร์ตแบบ USB สะดวกดีแท้
มีมุมโซฟาเดี่ยวไว้ให้ด้วยนะ นั่งรอเพื่อนรอแขกคนเดียวได้ เดี๋ยวจะเข้าใจว่าทำไมคนโลกส่วนตัวสูงน่าจะชอบที่นี่
หรือเป็นส่วนตัวเข้ามาหน่อย เค้าก็มีห้องพร้อมโซฟา กับกระจกบานใหญ่ให้ชมวิวสวนสีเขียวด้านนอก ตกแต่งด้วยนกสไตล์ Origami
หรือเป็นส่วนตัวเข้ามาหน่อย เค้าก็มีห้องพร้อมโซฟา กับกระจกบานใหญ่ให้ชมวิวสวนสีเขียวด้านนอก ตกแต่งด้วยนกสไตล์ Origami
ในโซนทั้งหมดนี้ก็จะเป็นกระจกบานใหญ่ แสงธรรมชาติเข้าได้เต็มที่ มานั่งทำงานได้อีกจุด
ขึ้นมาที่ชั้น 38 มี Exclusive Sky Club อีกห้องให้ได้พักผ่อน พร้อมกระจกรอบด้านชมวิวเมืองได้สะดวก ด้านซ้ายสุดเป็น The Sky Wing มีโซฟาครึ่งวงกลม จะนั่งคนเดียวหรือนั่งสวีทหวานกะแฟนก็ได้ ส่วนตรงกลางเป็นโซฟาชุดขนาดใหญ่หลายที่นั่ง มากับเพื่อนแก๊งใหญ่ก็นั่งได้ครบเลย
ถัดมาด้านขวาเป็นโซน Sunset Wing ทางทิศตะวันตก ตอนเย็นๆ มาดู Vanilla Sky ช่วงพระอาทิตย์ตกทางนี้ได้
หรือเป็นส่วนตัวหน่อยก็มีห้อง The Entertainment พร้อมโซฟาและโต๊ะพูลให้เล่นคลายเครียดกัน คือแต่ละโซนของพื้นที่ส่วนกลางมีมุมเล็กมุมน้อยเพื่อความ Privacy in Public Area
ขึ้นมาชั้น 39 ซึ่งเป็นชั้นของ The Cloud Social Club ตรงกลางมีโถงพร้อม Corner ส่วนตัว หันออกไปทางวิวเมือง เห็นเพื่อนบ้านอย่าง Life ลาดพร้าว และ Life ลาดพร้าว แวลลีย์ พร้อมโบกมือทักทายได้ว่าเฮ้ ตรงนี้ชั้นอยู่ใกล้เซ็นทรัลใหม่นะจ้ะ
มาดูฝั่งซ้ายที่เป็น Social Club เหมาะกับการพาเพื่อนหรือครอบครัวมาสังสรรค์ ทานข้าว ปาร์ตี้กันได้นะ ตกแต่งโทนสีส้มอิฐสวยมากก
ข้างกันมีโซฟากับผนังหินอ่อนสวยละมุนด้วยหิน Van Gogh Onyx คนตั้งชื่อนี่ก็ตั้งได้เข้ากันจริงๆ ด้านหลังจะเป็นพื้นที่เพื่อชาวสันโดษ ตรงนี้ดีมากเพราะได้นั่งชมวิวไม่ต้องสุงสิงกับใคร วันไหนอยากได้พื้นที่นั่งชิลล์เป็นคู่แบบไม่มีก้างขวางคอ Perfect
ลายหินตรงนี้นั่งถ่ายรูปสวยไปเลย
มาดูอีกฝั่งกันต่อ เป็นโซน Social Meeting มี 3 ห้องด้วยกันฮะ ห้องแรกตกแต่งด้วยโซฟาสีส้ม และน้ำเงินสีประจำโครงการที่เห็นกันมา เหมาะกับครอบครัวมา Hang Out พูดคุยหรือดูหนัง เป็นเหมือน Living Room ส่วนตัวนอกห้อง
อีก 2 ห้องมีทั้งห้อง Family Meeting และ Social Meeting พร้อมโต๊ะเก้าอี้ และทีวี จะจัดประชุม หรือคุยงาน Brain Storm กันได้หมด ตอนแรกเห็นกรอบรูปบนผนังนึกว่าผ้ายังเอาออกไม่หมด ดูดีๆ นี่มันศิลปะต่างหาก!
ยังเหลืออีก 2 ห้องมาเอาใจชาว Introvert อย่าง Private Meeting (With Yourself) ฮ่าๆ เหมาะจะมาทำงานอ่านหนังสือ ใครอยากมีสมาธิมากๆ ไปห้องขวา หรือใครต้องการไอเดียและความสร้างสรรค์ เข้าห้องซ้ายได้เลย มีกระจกเข้ามุมเหมือนนั่งอยู่บนอากาศ นี่เป็นห้องส่วนตัวเพียงผู้เดียวที่อยู่ในพื้นที่ส่วนกลางและมีวิวดีที่สุดวิวหนึ่งเลย อะไรจะเอาใจคนๆ เดียวได้ขนาดนี้
ขึ้นมาชั้น 40 สบายตากับสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ แยกสระเด็กและผู้ใหญ่ไว้เรียบร้อย พร้อม Pool Bed ให้นอนรับลม และจากุซซี่ให้แช่ชมวิวชั้นนี้เห็นทั้งเมืองและสวนจตุจักรปอดขนาดใหญ่ของคนกรุง
มีที่ให้นั่งเฝ้าน้องๆ เล่นน้ำได้ใกล้กับสระเด็ก หรือจะนั่งพักผ่อนชมวิวสวนสีเขียวให้ชุ่มชื่นหัวใจ
ข้างกันมี Active Club เป็นฟิตเนสเพื่อสาย Healthy พื้นที่กว้างอุปกรณ์เยอะดีเลย ทั้งเวทเทรนนิ่ง และแมชชีน เล่นกันได้สบายใจ
ยังไม่หมด ห้องสำหรับสายคาร์ดิโอก็มา กับ Burning Club ให้วิ่งลู่ ปั่นจักรยาน เบิร์นกันให้สนุก ด้านหลังสุดก็ยังมี Private Gym อันนี้อยากทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ ส่วนน้องเห็นแล้วนางบอกว่าเหมาะกับการเต้นมาก ฉีกแข้งฉีกขาได้สบายใจ ห้องใหญ่กว่า Studio เต้นที่นางเรียนอยู่อีก ฮ่าๆ
ขึ้นมาชั้นบนสุดที่ Rooftop เสมือน Hidden Gem ของคนชอบถ่ายรูป เพราะมุมสวยๆ เยอะมากกก เป็นชั้นที่ชมวิวได้แบบ 360 องศาครับ
มีเก้าอี้บาร์ให้นั่ง หันไปทางทิศตะวันตก รอดูพระอาทิตย์ตกสวยๆ ช่วง Golden Hour ได้แบบเต็มตา มองไปเห็นสวนจตุจักรชัดเจนพอดี
ขึ้นบันไดไปอีกสเตปจะมาเจอกับสวนหย่อม มาวิ่งเล่น นั่งชมวิวยามเย็นลมน่าจะดีเลยแหละ
สวยทุกมุม ดูท่าทางนางจะได้ภาพเป็นอันจุใจละ ต่อไปผมจะพาไปชมห้องตัวอย่างทั้ง 3 รูปแบบกันต่อครับ
ขอเริ่มต้นที่ห้องใหญ่สุดของวันนี้อย่างห้อง 2 Bedroom Vertiplex 2 ชั้น ขนาด 40.5 ตร.ม. ถ้ารวมด้านบนอีก 14 ตร.ม. จะมีพื้นที่ทั้งหมด 54.5 ตร.ม. ถือว่ากำลังเหมาะมากกับการอยู่แบบครอบครัวเลยนะ
กลับมาจากอากาศร้อนๆ เปิดประตูเข้ามาเจอกับโซนครัวให้พักวางของล้างมือ เปิดตู้เย็นจิบน้ำเย็นให้ชื่นใจก่อน ขนาดห้องครัวเค้าทำไว้พอประมาณ เพื่อเน้นพื้นที่โซน Living ให้เต็มอิ่มครับ
ตรงข้ามครัวจะเป็นห้องน้ำตกแต่งสีโทนขาวสว่าง กับกระจกบานใหญ่เต็มตา ห้องน้ำนี้สามารถเข้าได้จาก 2 ฝั่ง คือจากส่วน Living Area และจากในห้องนอนชั้นล่างได้ด้วย
ด้วยความที่เป็นรูปแบบ Vertiplex เพดานก็จะสูงโปร่งโล่งสบายแบบนี้ครับ ตรงโซนนี้วางโต๊ะกินข้าว 4 ที่นั่งใกล้กับครัวได้ ถัดกันเป็นโซฟา อิ่มแล้วก็ไปเอนตัวดูหนังเรื่องโปรด ถือว่าครบฟังก์ชันในการใช้ชีวิตตามฉบับเด็กสมบูรณ์
ช่วงเวลาที่แสงเข้าแบบนี้ถูกใจคนถ่ายรูปแบบผมมาก กระจกบายใหญ่ แสงเยอะเลย
หันไปเห็นแสงสาดเข้าห้องแบบนี้ก็สวยดีนะครับ ก่อนขึ้นชั้นบน ไปดูห้องนอนชั้นล่างอยู่ซ้ายมือกันก่อน
ห้องนอนพื้นที่ก็พอจะวางเตียง โต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าได้ครบเลย
สะดวกด้วยนะ เข้าห้องน้ำได้จากห้องนี้ได้อีกทาง น้องบอกถ้าอยู่ห้องนี้คงจะนอนดูซีรี่ส์ไม่ต้องออกไปไหน นอกจากหิวข้าว
มีระเบียงที่เข้า-ออกในห้องนอนนี้ด้วย คอมเพลสเซอร์แอร์เก็บไว้ข้างบนเรียบร้อย ส่วนเครื่องซักผ้าก็วางโซนครัว ตรงระเบียงก็พอมีพื้นที่ให้ใช้งาน ออกมาชมวิวยามเย็นได้ ส่วนตอนกลางวันช่วงนี้ขอนอนเปิดแอร์อยู่ในห้องดีแล้วครับ 555
ขึ้นมาดูชั้น 2 กันต่อเลย
ก่อนเข้าห้องนอน ก็มีพื้นที่อเนกประสงค์ให้ปรับแต่งเป็นห้องทำงานได้ ขนาดไม่เล็กด้วยนะ จะทำเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อน นั่งดูทีวีที่ชั้น 2 หรือทำเป็นโซนสำหรับชาวเกมมิ่งก็ยังได้
ห้องนอนชั้นบนนี่พื้นที่เชื่อมโยงกันตลอดแนวยาวเลย ตู้เสื้อผ้าก็ใหญ่ขึ้น ที่ชอบอีกอย่างคือเค้ากั้นกระจกบานใหญ่มาให้ ทำออกมาดูดีมาก ยังรับแสงจากส่วนเพดานสูงของห้องได้ด้วย
ไม่ว่าจะจัดไฟแค่ไหน ผมว่าไม่มีอะไรสู้ความงามของแสงธรรมชาติได้อีกแล้วล่ะ
มากันที่อีกห้องกันต่อครับ รูปแบบ 2 Bedroom ขนาด 53 ตร.ม. มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ครอบครัวไหนที่ชอบสเปซห้องเมื่อกี้แต่อยากอยู่ Simplex นี่ก็เป็นอีกตัวเลือกที่ดีเลย
ห้องนี้จัดวางครัวไว้ด้านหน้าห้องเหมือนกันครับ เป็นรูปแบบ Open Plan เชื่อมโยงพื้นที่กับส่วน Living Area
ซึ่งฝั่งนั่งเล่นก็จะอยู่ติดกับระเบียงพอดี ได้ทั้งความสว่าง ได้ทั้งวิว
ขอไปดู Master Bedroom ที่อยู่ติดกันก่อน มีห้องน้ำในตัว พร้อมทำตู้เสื้อผ้ากั้นเป็นมุมแต่งตัวหน้าห้องน้ำได้แบบนี้ ใช้งานสะดวกเลย
เห็นห้องแล้วอยากตื่นเช้ามาเปิดม่านชมวิว ตกแต่งโทนสีอ่อนหวาน น่ารักดี พื้นที่ตรงนี้กว้างใช้ได้ ฝั่งปลายเตียงทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง หรือปรับเป็นโต๊ะทำงานก็วางได้พอนะครับห้องนี้
อีกฝั่งที่อยู่ตรงข้ามกันเป็นอีกหนึ่งห้องนอน
มีตู้เสื้อผ้าอยู่บริเวณทางเข้า ตำแหน่งแอร์กำลังดี นอนฉ่ำสบาย ก็เป็นอีกห้องที่เหมาะสำหรับการอยู่เป็นครอบครัวครับ
มาที่ห้องสุดท้าย รูปแบบ 1 Bedroom ขนาด 35 ตร.ม. เป็นพื้นที่ใช้สอยที่บางโครงการก็จะซอยพื้นที่เพื่อทำห้อง Plus แต่ที่นี่เค้าเน้นสเปซกว้างอยู่สบายครับ แปลนห้องนี้จะคล้ายห้องแรกเลยนะ แค่ไม่มีชั้น 2 นั่นเอง
ห้องครัวอยู่โซนด้านหน้า แต่ห้องนี้กั้นสัดส่วนด้วยบานเลื่อนไว้เรียบร้อย เค้าตกแต่งครัวมาให้ครบทั้ง Hob / Hood / Sink และเพราะตำแหน่งวางเครื่องซักผ้าอยู่ตรงนี้ ระเบียงก็เลยว่าง
ฝั่งตรงข้ามมีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น และห้องน้ำเข้าได้จากครัวนี้ด้วย 1 จุด
ส่วนในห้องนั่งเล่นมีพื้นที่ให้โต๊ะกินข้าวไล่เรียงต่อกันจากโซฟานั่งพักผ่อน อันนี้จะเลือกเล็กใหญ่ ให้ความสำคัญกับเรื่องไหนเราเลือกได้เอง อยู่ติดกับระเบียงเช่นกันครับ
เหนื่อยแล้วก็เข้ามาพักผ่อนฮะ นึกภาพออกว่า เดินไปอาบน้ำให้ฉ่ำซึ่งห้องน้ำก็เข้าจากห้องนอนนี้ได้ด้วย ออกมาแต่งตัว แวะทาสกินแคร์ซักครู่ แล้วเอนตัวลงนอนไถ Tiktok เล่นซักนิดซักหน่อย สรุปตี 2 ยังไม่นอน ฮ่าๆ เป็นห้อง 1 ห้องนอนที่พื้นที่ให้มาอยู่สบาย ออกแบบพื้นที่ได้ดีตามสไตล์ AP ครับ
ก็จบไปแล้วครับห้องตัวอย่างทั้ง 3 ห้อง ให้ดูแบบครบรส ไลฟ์สไตล์ไหน ต้องการพื้นที่เท่าไหร่ เลือกตามที่คุณต้องการได้เลยครับ
สุดท้ายนี้อยากชวนทุกคนให้มาดูตึกจริง บรรยากาศจริงของเค้าว่าตรงจริต ตรงใจเราแค่ไหน เป็นอีกหนึ่งโครงการของ AP ที่มีลายเซ็นต์การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้อย่างจุใจกับคอนโดแบรนด์ LIFE ซึ่งตึกนี้ยูนิตไม่เยอะได้ความส่วนตัวด้วย อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพของกรุงเทพตอนเหนือ ในราคาเริ่ม 5.29 ล้านบาทครับ
