ผ่าโรดแมพ “บิลท์แลนด์” ลุยปรับตัวสู่ทุกมิติงานอสังหาฯ

โฟกัสเปิดแนวราบครบทุกเซ็กเมนต์ มูลค่ารวมกว่า 4,700 ลบ. และโรงแรมอีก 1 แห่งพร้อมประกาศปักหมุดสร้าง ‘เมกะโปรเจกต์’ ย่านไทรน้อย

บมจ.บิลท์แลนด์ ปรับพอร์ตการพัฒนาธุรกิจครั้งใหญ่ ประกาศความสำเร็จปีที่ผ่านมาปิดได้ทุกโครงการ พร้อมงัดกลยุทธ์สร้างรายได้หมุนเวียน ด้วยการพัฒนาโรงแรม “Koo Hotel” และ อาคารสำนักงาน “B Work” เพื่อเพิ่มฐานรายได้ให้มั่นคงยิ่งขึ้น พร้อมเตรียมลุยตลาดแนวราบเปิดตัว 6 โครงการ และพัฒนาอีก 3 แบรนด์ใหม่ ได้แก่ MYRRA, TERRA และ LAKE TEMPO ซึ่ง LAKE TEMPO เป็นเมกะโปรเจกต์ใหญ่ บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 4,700 ล้านบาท อีกทั้งยังขยายขอบเขตธุรกิจสู่การสร้าง Ecosystem ของธุรกิจอสังหาฯ​ ผลักดัน ‘บิลท์ฮาร์ท’ ให้เติบโตด้วยธุรกิจบริการด้านอสังหาฯ รอบด้าน โดยมีแหล่งเพาะพันธุ์ไม้ขนาดใหญ่เพื่อซัพพอร์ตโครงการ ภายใต้แนวคิด ‘Built for Better Life by Built Land ครอบครัวที่เปี่ยมด้วยความสุข คือ จุดเริ่มต้นที่ดี’  

นายชัยรัตน์ ธรรมพีร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิลท์แลนด์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า “บมจ.บิลท์แลนด์ เราดำเนินธุรกิจมา 15 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราเปิดโครงการคอนโดฯ ไปแล้ว 8 โครงการ และโครงการแนวราบอีก 6 โครงการ รวมทั้งสิ้น 14 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 7,480 ล้านบาท และสามารถปิดการขายได้ตามระยะเวลาที่กำหนด นอกจากนี้ เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา เราได้ตัดสินใจลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างรายได้หมุนเวียนให้กับบริษัท ได้แก่ อาคาร B Work ซึ่งเป็นอาคารสำนักงาน และ Co-Working & Event Space ย่านแจ้งวัฒนะ พร้อมกับพัฒนาโรงแรม Koo Hotel ซึ่งเป็น Stylish Budget Hotel เพื่อรองรับทั้งนักท่องเที่ยวและผู้มาประชุมสัมมนาที่ Impact เมืองทอง ซึ่งการเปิดตัวทั้ง 2 โครงการดังกล่าว สามารถสร้างรายได้หมุนเวียนกลับมาได้เป็นอย่างดี สำหรับปีนี้ เรามีแผนเตรียมโรงแรมที่ 2 ย่านงามวงศ์วาน เพื่อสร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง และสำหรับธุรกิจพัฒนาโครงการเพื่อขายทางบิลท์แลนด์หันมาเจาะกลุ่มตลาดแนวราบ โดยเปิดตัวโครงการแนวราบให้ครอบคลุมทุก segment รวม 6 โครงการ และพัฒนา 3 แบรนด์ใหม่ ได้แก่  MYRRA, TERRA, และ LAKE TEMPO ซึ่งเป็นเมกะโปรเจกต์ใหญ่ที่สุดย่านไทรน้อย บนพื้นที่กว่า 200 ไร่  รวมทุกโครงการมีมูลค่ากว่า 4,700 ล้านบาท” พร้อมวางกลยุทธ์งานธุรกิจบริการด้านอสังหาฯ แบบรอบด้าน เพื่อเตรียมขยายขอบเขตธุรกิจ และเอื้อประโยชน์ให้กับลูกบ้านแบบครบวงจร

นายวิฑูรย์ อภิวาทธนะพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บิลท์แลนด์ จำกัด (มหาชน)  เผยว่า  ในปีนี้เราพร้อมลุยเปิดโครงการแนวราบทั้งสิ้น 6 โครงการ โดยเป็นแบรนด์เดิม 1 โครงการได้แก่ RITMO PARKVIEW (ริทโม พาร์ควิว ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ) โครงการบ้านแฝด สไตล์ Nordic ผสานการใช้ชีวิตให้มีความสุข ที่กระจายพื้นที่สีเขียวทั่วโครงการ บนแหล่งไลฟ์สไตล์ใหม่ แยกราชพฤกษ์ตัดแจ้งวัฒนะ จำนวนเพียง 72 ยูนิต ในราคาเริ่มต้น 4.77 ลบ. มูลค่าโครงการ 360 ลบ. และอีก 5 โครงการ ภายใต้ 3 แบรนด์ใหม่ ได้แก่ MYRRA 1 โครงการ , TERRA 3 โครงการ และ LAKE TEMPO ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยพัฒนามา       ทุกแบรนด์ล้วนถูกพัฒนาขึ้นภายใต้วิสัยทัศน์ ‘BUILT FOR BETTER LIFE’ ที่เน้นพื้นที่สีเขียวยั่งยืนในส่วนกลาง และเพิ่มสวนแนวตั้งในบ้าน ให้เป็น DNA ของแต่ละแบรนด์ที่สอดคล้องแนวคิดโครงการแต่ละระดับราคาที่แตกต่างกัน โดยแต่ละโครงการมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้  

แบรนด์ MYRRA บ้านในอุทยานไม้หอม

โครงการบ้านเดี่ยวที่มาพร้อมกับการออกแบบ Layout ที่เข้าใจผู้อยู่อาศัย บริหารพื้นที่เป็นอย่างดี ในราคาเริ่มต้นที่ 6.9 ลบ. ขึ้นไป  โดยคำว่า MYRRA มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินที่แปลว่า ไม้หอม ทำให้ทุกโครงการภายใต้แบรนด์ MYRRA จะถูกเน้นให้ประดับด้วยไม้หอมทั้งไม้ไทย และไม้ต่างประเทศ ขนาดใหญ่-เล็กผสานกันไป เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้ซึมซับถึงธรรมชาติ และรู้สึกผ่อนคลายเมื่ออยู่ในโครงการ

  • TEMPO MYRRA (เทมโป ไมร์ร่า พระราม 5 – สะพานมหาเจษฎาบดินทร์ฯ) โครงการบ้านเดี่ยว-บ้านแฝด สไตล์ Modern European มูลค่าโครงการ 720 ลบ. จำนวน 90 ยูนิตในราคาเริ่มต้นเพียง 6.9 ลบ.ที่มาพร้อมคอนเซปต์ Aromatic Life Miracle of Living เพื่อสร้างบรรยากาศทั้งภายในและบริเวณนอกบ้านให้อบอวลไปด้วยธรรมชาติบำบัดจากกลิ่นของ Aromatic Garden ขนาดใหญ่ อีกทั้งบริเวณทางเข้าโครงการถูกออกแบบเป็นเปลือกไม้ขนาดใหญ่ ที่ซ่อน Oasis Club คลับเฮ้าส์ส่วนกลางรับแขก พร้อมสระว่ายน้ำและฟิตเนส

แบรนด์ TERRA (Terrarium)

โครงการบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่  ที่เน้นความเป็นส่วนตัวสูง โดยแนวคิดโครงการ คือ การจำลองระบบนิเวศของธรรมชาติไว้ในขวดแก้ว เสมือนการสร้างโลกสงบสุขเล็กๆ ส่วนตัว ซ้อนกับโลกใบใหญ่ที่วุ่นวาย

  • TERRA HAUS (เทอร์ร่า เฮาส์ วิภา-พหล21) แบรนด์บ้านเดี่ยวลักชัวรี่ 3 ชั้น กลางเมือง ตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 21 ติด BTS สถานีพหลโยธิน 24 บนพื้นที่ดินเริ่มต้น 50 ตร.ว. โดยมีพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 400 ตร.ม.จำนวนเพียง 6 ยูนิต ในราคาเริ่มต้นหลังละ 58 ลบ. มูลค่าโครงการ 330 ลบ. เป็นบ้านที่เน้นการออกแบบความเป็นส่วนตัวสูง เสมือนหนึ่ง Terrarium กลางเมือง พร้อมด้วยลิฟต์ ห้องเอนกประสงค์ สระว่ายน้ำ และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน  เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทั้งความสงบเป็นส่วนตัว ใจกลางเมือง ที่คงอัตลักษณ์ความเป็นตัวตน พร้อมการเดินทางที่สะดวกสบาย  
  • TERRA QUARTER (เทอร์ร่า ควอเตอร์ แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด 35) โครงการบ้านเดี่ยวลักชัวรี่3 ชั้นใจกลาง      แจ้งวัฒนะตั้งอยู่ซอยแจ้งวัฒนะ 35 ใกล้รถไฟฟ้าสถานีศรีรัช บนที่ดินเริ่ม 35 ตร.ว. จำนวนเพียง 4 ยูนิต ในราคาหลังละ 20 ลบ. มูลค่าโครงการ 80 ลบ.
  • TERRA CLOUD (เทอร์ร่า คลาวด์ ราชพฤกษ์ – ปิ่นเกล้า) โครงการบ้านเดี่ยวลักชัวรี่3 ชั้นใกล้รถไฟฟ้าสถานีตลิ่งชันตั้งอยู่แยกราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า บนที่ดินเริ่ม 100 ตร.ว. เพียง 9 ยูนิต ในราคาหลังละ 50 ลบ. มูลค่าโครงการ 450 ลบ.

Lake Tempo เมกะโปรเจกต์

เป็นโครงการ Mix Used Residential ผสมผสานทั้งบ้านแฝด บ้านเดี่ยว และวิลล่าริมน้ำ ถือเป็นโปรเจกต์ยักษ์ของบิลท์แลนด์ เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ บนที่ดินแลนด์แบงก์ของบริษัท บริเวณอำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี มูลค่ากว่า 2,760 ลบ.ซึ่งมีแผนที่จะเปิดตัวปลายปี 2567 โดยขุดทะเลสาปขนาดใหญ่กว่า 20 ไร่ กลางโครงการ เพื่อสร้าง magnet และพัฒนาให้แต่ละโครงการสามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบทะเลสาปได้ทุกวัน พร้อมเนรมิตทิวป่าสนให้เป็น Buffer Zone เพิ่มความรู้สึกถึงผืนป่าที่ปกคลุมหมู่บ้าน โดยภายในโครงการ Lake Tempo จะแบ่งเป็น 4 โครงการย่อย เพื่อรองรับทุกความต้องการของกลุ่มลูกค้าในทุก Segment ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด วิลล่าหรูขนาดใหญ่ จัดแบ่งพื้นที่ในโครงการด้วยสวนป่าขนาดใหญ่ พร้อมด้วย Lake Plaza ซึ่งเป็น Shop Stand Alone อีกประมาณ 20 ร้านค้า 

“ซึ่งทั้ง 6 โครงการดังกล่าว เราพร้อมเปิดขายภายในปีนี้ โดยโครงการแรกที่เปิดขายไปแล้ว คือ TEMPO MYRRA ด้วยรูปแบบโครงการที่ตรงใจกลุ่มลูกค้าในราคาที่จับต้องได้ ทำให้ทันทีที่เปิดขายเฟสแรก สามารถปิดการขายได้ภายในช่วง Soft Opening สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เรามั่นใจว่าทุกโครงการที่เปิดขายในปีนี้ จะได้รับความสนใจและตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีเช่นกัน เนื่องจากเรามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสินค้าตาม life stage ของตัวผู้บริหารเอง และอินไซด์ถึง lifestyle ของลูกค้าเป็นหลัก เพื่อเติมเต็มความต้องการที่เป็น unknown need เข้าไป คือ บริการความคาดหวังและความต้องการของลูกค้า ในขณะที่บางครั้งลูกค้าก็อาจจะยังไม่รู้ความต้องการของตัวเองที่แน่ชัด นั่นเป็นสิ่งที่ทีมงานเราทำงานอย่างหนัก เพื่อพัฒนาสินค้าให้ออกมาอย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ที่สุด โดยคาดว่าทั้งโครงการ RITMO PARKVIEW และ TERRA HAUS ที่กำลังจะเปิดขาย จะสามารถปิดการขายได้ในปีนี้อย่างแน่นอน ส่วน LAKE TEMPO ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สุดของเรา บนพื้นที่ย่านไทรน้อย เราจะค่อยๆ ทยอยเปิดขาย คาดว่าจะพัฒนาแล้วเสร็จภายใน 6 ปี และมั่นใจว่าจะเป็นโครงการฯ ที่ทำให้พื้นที่ไทรน้อยเป็นที่รู้จัก และกลับมามีเสน่ห์เพิ่มขึ้นอีกครั้ง” นายวิฑูรย์ กล่าวเพิ่มเติม

ต่อยอดโครงการที่มุ่งสร้างรายได้หมุนเวียน

จากความสำเร็จของ ​B Work ที่ทำเป็นอาคารสำนักงานเพื่อเช่า และ Co-working Space และโรงแรม Koo Hotel ซึ่งทั้ง 2 โครงการตั้งอยู่บนถนนแจ้งวัฒนะ ติดรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู สถานีศรีรัช ด้วยปัจจัยหลักด้านความสะดวกในการเดินทาง  ทั้งคนที่ต้องเดินทางมาทำงาน มาประชุมที่ Impact เมืองทองธานี คนที่เช่าอาคารสำนักงาน หรือนักท่องเที่ยวก็ดี ทำให้ทั้ง  2 โครงการได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี

สำหรับ B Work ซึ่งเป็น Co Working Space และบริการห้องประชุม ห้องอบรมสัมมนา ปัจจุบันมีลูกค้าเข้าใช้บริการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เปิดโครงการ ส่วน Koo Hotel เป็นโรงแรม Stylish Budget Hotel มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 50% และคาดว่าจะมีอัตราการเข้าพักเพิ่มมากขึ้นเมื่อโรงแรมเป็นที่รู้จักมากขึ้น อีกทั้งเรากำลังพัฒนาโรงแรมภายใต้แบรนด์ Koo Hotel แห่งที่สอง ย่านงามวงศ์วาน เพื่อเตรียมรองรับจำนวนลูกค้าที่คาดว่าจะมีเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

โรดแมพ มุ่งสร้าง Ecosystem ให้บิลท์แลนด์ เติบโตรอบทิศ

บิลท์แลนด์ มุ่งสร้างการเติบโตแบบรอบทิศทาง คือ การพัฒนาธุรกิจหลัก และต่อยอดธุรกิจรองให้เติบโตไปได้อย่างแข็งแกร่ง โดยวางโครงสร้างให้การบริหารงานชัดเจนยิ่งขึ้น โดย บริษัท บิลท์แลนด์ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทแม่ ซึ่งมีบริษัทลูกคือ บริษัท บิลท์แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ทำธุรกิจพัฒนาทั้งโครงการเพื่อขาย และเพื่อเช่า (Project Development) เช่น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม โฮมออฟฟิศ โรงแรม และอาคารสำนักงาน เป็นต้น ส่วนบริษัท บิลท์ฮาร์ท จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านการให้บริการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร พร้อมพันธมิตรหลากหลายแขนง (TOTAL PROPERTY SOLUTION) ได้แก่  การบริหารด้านการขาย-เช่าอสังหาริมทรัพย์ (Property Agent), ธุรกิจบริการด้านการบริหารและจัดการด้านโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Sales Management), บริการให้คำปรึกษาด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Business Development Consultancy), บริการบริหารจัดการด้านออกแบบและก่อสร้าง (Construction Management) และ การบริหารและจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์ (Property Management)

“การวางโครงสร้างแบบค่อยเป็นค่อยไปศึกษาตลาด ความต้องการของลูกค้า มองหาทำเลที่เหมาะสม และมองความเป็นไปได้ในการขยายธุรกิจ พร้อมนำศักยภาพและประสบการณ์ความเชี่ยวชาญต่างๆ มาพัฒนาองค์กร เพื่อต่อยอดสร้างโครงสร้างธุรกิจให้แข็งแรงยิ่งขึ้น นับเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของบิลท์แลนด์ ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างชีวิตที่ดีภายใต้ความธรรมดาที่เป็นสุข โดยมุ่งเน้นในเรื่องของการอยู่ได้จริงแล้ว ยังมุ่งมั่นขับเคลื่อนด้าน Ecosystem เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี และคืนธรรมชาติให้กับระบบนิเวศด้วยการปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้แต่ละโครงการ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเมืองที่ยั่งยืน ผมมั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีที่น่าจับตามองสำหรับบิลท์แลนด์ครับ” นายชัยรัตน์ ธรรมพีร กล่าวสรุป