ตั้งฮั่วเส็งในความทรงจำของผม

ตั้งฮั่วเส็ง

ห้างแห่งนี้เป็นเสมือนจุดแวะพักสำหรับคนฝั่งธนที่ต้องเดินทางเข้ามาทำงานฝั่งพระนครมาเนิ่นนาน เมื่อนึกถึงห้างฝั่งธน ก็จะนึกถึงตั้งฮั่วเส็ง เมอร์รี่คิง และพาต้า อยู่กันเป็น 3 ทหารเสือ ผมจำได้ว่าสมัยเด็กๆ คุณแม่พาไปนั่งเล่นเกมอยู่เมอร์รี่คิง และก็พาไปดูสัตว์ที่สวนสัตว์พาต้า แต่ถ้านึกถึงว่าจะมาซื้อของ ก็ต้องตั้งฮั่วเส็งนี่แหละ

​ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่มีทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมฯ ใครที่จะมุ่งหน้านครปฐมโดยผ่านมาทางสะพานซังฮี้ นี่คือห้างที่เปรียบเสมือนประตูสู่ฝั่งธน ที่เราจะได้แวะกินข้าวซื้อของ ซึ่งแต่ไหนแต่ไร ที่นี่ก็จะเป็นห้างที่เป็นมิตร ราคาสมเหตุสมผล โดยเฉพาะส่วนของซุปเปอร์มาร์เก็ตที่คุณแม่ผมชื่นชอบมาก แบบถ้าซื้อที่นี่ก็จะได้ราคาถูกกว่าห้างอื่น

​และภาพจำสำหรับคนที่เดินตั้งฮั่วเส็งบ่อยๆ ก็มักจะได้เห็นภาพชายสูงวัยหน้าตาใจดี ยิ้มแย้ม เดินทักทายลูกค้าที่มาช้อปปิ้ง และคอยสอบถามตามแผนกต่างๆ ว่าขาดเหลืออะไรมั้ย

​ใครจะคิดครับว่านั่นคือเจ้าของห้างที่ลงมาอยู่หน้างาน สะท้อนถึงความใส่ใจอยากให้ลูกค้าได้สิ่งที่ดี จนกระทั่งแกผมขาวหมดแล้ว ผมก็ยังเคยเห็นแกเดินอยู่ชั้นซุปเปอร์มาร์เก็ตด้านล่างเหมือนเดิม

​ความจริงใจและการคิดถึงผู้คนนี้ ลูกค้าเก่าจะได้เห็นอยู่เสมอ ไม่ว่าจะการทำโซนฟู้ดคอร์ทที่ให้บริการอาหารราคาประหยัด การเปิดพื้นที่อาคารจอดรถให้คนมาจอดได้ฟรีตั้งแต่ช่วงที่มีน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพมหานครเมื่อปี 54 และก็ทำมาตลอดในช่วงเวลาที่แถวนั้นพบเจอปัญหาคล้ายกัน ที่นี่จะเป็นห้างแรกๆ ที่ออกมาตรการช่วยเหลือชุมชนโดยรอบ เท่าที่ตัวห้างจะรองรับได้

​แต่ก็นั่นแหละครับ หลายสิ่งก็ผันแปรไปตามกระแสของเวลา ถ้าไม่สามารถทัดทานมันได้ ก็อาจจะโดนพัดโถมจมหายไป

​ผู้คนสมัยนี้ไปห้างไม่ได้แค่ไปซื้อของ แต่ไปกินข้าว นัดพบปะสังสรรค์ ห้างในรูปแบบศูนย์การค้า ที่มีส่วนของ Retail อื่นๆ เป็นแม่เหล็กดึงดูดใจจึงได้รับความนิยมมาก แค่ลองดูตามห้างเซ็นทรัลทุกวันนี้ ผมว่าคนเดินในโซนพลาซ่า มากกว่าส่วนของห้างเองเสียอีก แต่พื้นที่ของตั้งฮั่วเส็งไม่ได้เอื้อให้ปรับในรูปแบบนั้นเท่าไหร่ แถมเส้นทางการเข้าออกเมืองทุกวันนี้ก็มีทั้งคู่ขนานลอยฟ้าบรมฯ และทางด่วนศรีรัชฯ ที่ทำให้ผู้คนที่อยู่โซนถัดออกไป มีตัวเลือกให้ไม่ต้องขับรถผ่านหน้าห้างที่ค่อนข้างติดขัดมาช้านานไปอีก

​เมื่อคนไม่ค่อยเดินตั้งฮั่วเส็งเพื่อมาซื้อของ แต่ละโซนในห้างก็ปรับลดลงไปเรื่อยๆ แม้กระทั่งส่วนชั้น 1 ที่เคยมีร้านอาหารมากหน้าหลายตา ก็เริ่มทยอยปิดตัวลง ผมยังจำภาพคุณพ่อคุณแม่นัดพบกันตอนเย็นที่ร้าน S&P ได้ มาถึงที่นี่เมื่อไรก็จะอุ่นใจ นั่นก็เพราะเรากำลังจะได้กลับบ้านไปพร้อมกัน จนวันนี้เหลือเพียงแต่ KFC และ MK ที่ยังคงมีผู้คนไปอุดหนุนกันอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะยังมีต่อไปอีกนานแค่ไหน

​ชั้นอื่นๆ ของห้างทยอยกระชับพื้นที่ มีชั้น 3 ที่เป็นส่วนของงานเย็บปักถักร้อยอันเป็นเอกลักษณ์ของตั้งฮั่วเส็งมาตั้งแต่ตอนอยู่ย่านบางลำพูที่เค้ายังเปิดทำการ แต่ก็เป็นเพียงแค่พื้นที่ส่วนเดียวของทั้งชั้น ซึ่งในปัจจุบันด้านในห้างปิดการใช้งานบันไดเลื่อน ปิดพื้นที่ชั้น 2 ทั้งชั้น ส่วนด้านบนก็มีการเปิดแอร์แค่ส่วนนึงเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการ เห็นแล้วก็รู้สึกใจหาย

​ผมยังอยากเห็นพื้นที่ตรงนี้ไปต่อได้นะไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบไหน ผมยังคงนึกถึงรอยยิ้มของชายสูงวัยผมขาวคนเดิมแม้ในวันนี้ที่ไม่มีภาพนั้นอีกต่อไป เพราะในปัจจุบันหลายสิ่งหลายอย่างที่รู้จักได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว มีก็แต่ “ตั้งฮั่วเส็ง” แห่งนี้นี่แหละ เป็นพื้นที่แห่งความทรงจำที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน