ดุสิตธานี ผู้นำในการพัฒนาธุรกิจโรงแรมและการบริการที่มีประสบการณ์มายาวนานมาถึง 70 ปี ผนึกกำลัง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ผู้นำในการพัฒนาโครงการศูนย์การค้าและอสังหาริมทรัพย์ที่มีมากว่า 40 ปี ประกาศความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ในการพลิกโฉมใจกลางกรุงเทพฯ สร้าง ‘ซูเปอร์คอร์ซีบีดี’ เชื่อมย่านสำคัญของกรุงเทพฯ และเป็นแลนด์มาร์กแห่งการใช้ชีวิตระดับโลกที่สมบูรณ์แบบที่สุด ด้วยการเปิดตัวโครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” (Dusit Central Park) ด้วยแนวคิด “Here For Bangkok” เพื่อสร้างสรรค์บริบทใหม่แห่งการใช้ชีวิตให้กับคนกรุงเทพฯ และช่วยสร้างกรุงเทพฯ สู่มหานครที่ดีสุดอีกแห่งหนึ่งของโลก โดยคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์และเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการภายในปี พ.ศ. 2567
“ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” โครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสมผสานหรือมิกซ์ยูส มูลค่า 36,700 ล้านบาท โดยโครงการประกอบด้วย โรงแรม ที่พักอาศัย ศูนย์การค้า และอาคารสำนักงาน พื้นที่รวม 440,000 ตร.ม. บนที่ดินกว่า 23 ไร่ ตรงมุมถนนสีลม – พระราม 4 ภายใต้แนวคิด “Here for Bangkok” เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนกรุงเทพฯ อย่างครบวงจร สะท้อนวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาโครงการที่ดีที่สุดเพื่อคนกรุงเทพฯ ใน 4 ด้าน ได้แก่ 1) Here for Heritage & Innovation นำการสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมผสานนวัตกรรมมาใช้ในโครงการ 2) Here for Unrivalled Connectivity เป็นโครงการมิกซ์ยูสเดียวในกรุงเทพฯ ที่เชื่อมโยงทุกย่านสำคัญและระบบคมนาคมทุกระนาบของกรุงเทพฯ 3) Here for a Lush Quality of Life เพื่อชีวิตคุณภาพใกล้ชิดธรรมชาติ อยู่ใกล้กับสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่สุดหรือปอดของกรุงเทพฯ ทั้งยังเต็มไปด้วยสีสันและไลฟ์สไตล์ทั้งกลางวันและกลางคืน และ 4) Here for Meaningful Experiences ที่เชื่อมโยงรูปแบบการใช้ชีวิตที่ทันสมัยควบคู่กับการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ มุ่งสร้างปฏิสัมพันธ์กับชุมชนและพื้นที่สีเขียว ด้วยโครงการอันเป็นเอกลักษณ์ที่ผสานระหว่างอดีตอันทรงคุณค่ากับนวัตกรรมที่ทันสมัย และเพื่อให้โครงการนี้เป็น masterpiece ระดับเวิลด์คลาสที่คง ความเป็นไทย โครงการนี้ได้รับการออกแบบโดยบริษัทสถาปนิกอันดับหนึ่งของไทยที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลกและหลงใหลในการผสมผสานเอกลักษณ์ของไทย พร้อมกับมีที่ปรึกษาด้านสถาปนิกชื่อดังระดับโลกมาร่วมสร้างสรรค์
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DTC กล่าวว่า “ด้วยความตั้งใจของกลุ่มดุสิตฯ และซีพีเอ็น ที่จะพัฒนาพื้นที่บริเวณมุมถนนสีลม – พระราม 4 ให้กลายเป็นทำเลศักยภาพใจกลางกรุงเทพมหานคร ผ่านการสร้างโครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” โครงการแบบผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์และดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยการเชิดชูความเป็นไทยบนมาตรฐานสากล เหมือนกับที่ดุสิตธานีเคยสร้างการจดจำระดับโลกในฐานะสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ มากว่า 50 ปีที่ผ่านมา โดยเรา ได้ออกแบบโครงการที่สะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นไทยผสานกลิ่นอายของความทันสมัย นับเป็นการหลอมรวมระหว่างงานอนุรักษ์และนวัตกรรมที่ทันสมัยไว้ด้วยกัน ประกอบด้วยสามอาคารที่ถูกเชื่อมโยงกันด้วยหนึ่งฐานรากอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และที่ทำให้โครงการมีความโดดเด่นต่างจากโครงการอื่น คือ เราเป็นโครงการมิกซ์ยูสแห่งเดียวในประเทศไทย ที่สามารถเชื่อมต่อกับการจราจรทุกระนาบ ทั้งระบบขนส่งมวลชนทั้งรถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ตลอดจนการจราจรบนท้องถนน และทุกอาคารสามารถมองเห็นวิวสวนลุมพินีได้อย่างชัดเจนไร้การบดบัง ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่มองหาความสะดวกสบายและการใช้ชีวิตอย่างมีระดับ”
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ภายใต้วิสัยทัศน์ Here for Bangkok สิ่งที่ซีพีเอ็นและดุสิตกำลังร่วมกันทำจะเป็นมากกว่าการสร้างมิกซ์ยูสทั่วไป แต่เป็นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่จะบุกเบิกและพลิกโฉมกรุงเทพฯ และสร้างซูเปอร์คอร์ซีบีดี (Super Core CBD) ซึ่งจะเป็นหมุดหมายหรือจิ๊กซอว์สำคัญที่เชื่อมโยง 4 ย่านสำคัญจากทั้ง 4 ทิศของกรุงเทพฯ มุ่งตรงสู่ใจกลางเดียว ได้แก่ ย่านราชประสงค์ทางทิศเหนือ เจริญกรุงทางทิศใต้ สุขุมวิททางทิศตะวันออก และ เยาวราชทางทิศตะวันตก ทำให้เกิดเป็น ‘The New Junction’ ที่เชื่อมโยงทุกย่านสำคัญของกรุงเทพฯ และ สิ่งสำคัญกว่านั้นคือเชื่อมให้ทุกย่านรอบๆ นี้ให้เติบโตไปพร้อมกัน ซึ่งเราจะเป็นจุดกลางเชื่อมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ทั้งย่านเก่าและย่านใหม่ รวมถึงย่าน Financial เข้ากับย่าน Commercial ซึ่งจะช่วยยกระดับผังเมืองกรุงเทพฯ ให้เชื่อมต่ออย่างลงตัวที่สุด ตอบโจทย์ทั้งทางธุรกิจและไลฟ์สไตล์ ซึ่งจะสร้างบริบทใหม่แห่งการใช้ชีวิตให้กับคนกรุงเทพฯ พร้อมทั้งยกระดับพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของโลก ด้วยคุณภาพที่เหนือระดับของการมี ที่พักอาศัย ทำงาน และช้อปปิ้ง ในโครงการที่อยู่ติดกับสวนที่ถือเป็นปอดขนาดใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ เช่นเดียวกับย่านดังต่างๆ ในมหานครระดับโลกอย่าง London หรือ New York City”
นางศุภจี กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในส่วนของ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ที่จะสร้างขึ้นมาใหม่ เป็นโรงแรมขนาด 250 ห้องที่มีความสูง 39 ซึ่งเราให้ความสำคัญกับการเก็บเรื่องราว องค์ประกอบสำคัญของโรงแรมดุสิตธานีเดิมเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยมไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ หรือการนำชิ้นส่วนเอกลักษณ์ต่างๆ มาใช้ในโครงการ โดยเฉพาะความภาคภูมิใจในการนำเสนอการบริการที่น่าประทับใจแบบไทยที่คนทั่วโลกให้การยอมรับ ซึ่งมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2565 และจะเปิดให้บริการก่อนส่วนอื่น ในส่วนของ อาคารที่พักอาศัย เราได้เตรียมมอบประสบการณ์แห่งการใช้ชีวิตของคนเมืองครั้งใหม่ ผ่านการนำเสนอความเหนือระดับด้วยวิวแบบพาโนรามาของสวนลุมพินี และวิวเส้นขอบฟ้าอันสวยงามของมหานครกรุงเทพฯ ความสูง 69 ชั้น จำนวน 389 ยูนิต บนพื้นที่ 80,000 ตารางเมตร โดยแบ่งเป็น ดุสิต เรสซิเดนเซส (Dusit Residences) จำนวน 159 ยูนิต เจาะกลุ่มผู้ที่ ชื่นชอบที่อยู่อาศัยสไตล์คลาสสิก หรูหราเหนือกาลเวลา และมอบความเป็นส่วนตัวสูง เหมาะกับผู้ที่รักความเป็นส่วนตัว หรือแม้แต่ครอบครัวขนาดกลางและใหญ่ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ตลอดจนนักธุรกิจที่เดินทาง มาทำงานและอยู่ประจำในประเทศไทย และดุสิต พาร์คไซด์ (Dusit Parkside) ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์คนเมือง ด้วยดีไซน์ที่ร่วมสมัย มีระดับ จำนวน 230 ยูนิต เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ คนทำงานในเมือง และครอบครัวขนาดเล็ก โดยเป็นอาคารที่พักแบบเช่าสิทธิ์ระยะยาวหรือลีสโฮลด์ คาดว่าจะเริ่มเปิดให้จองเร็วๆ นี้”
นางสาววัลยา กล่าวเพิ่มเติมว่า “เราจะสร้างศูนย์กลางการใช้ชีวิตแห่งใหม่สำหรับคนกรุงเทพฯ ในอนาคตภายใต้แบรนด์ ‘เซ็นทรัล พาร์ค’ (Central Park) ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด ‘Here for Bangkok’ ประกอบไปด้วย เซ็นทรัล พาร์ค ออฟฟิศเซส (Central Park Offices) อาคารออฟฟิศที่พัฒนาขึ้นเป็นพื้นที่แห่งความคิดสร้างสรรค์ เป็น Professional Hub ที่คำนึงถึงความสมดุลในการใช้ชีวิตและการทำงาน พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่เอื้อต่อ ไลฟ์สไตล์การทำงานของคนรุ่นใหม่ที่ทุกอย่างต้องการความรวดเร็วและเชื่อมโยงเข้าถึงกัน บนพื้นที่ 90,000 ตร.ม. ที่รองรับการเป็นที่ตั้งของบริษัทตั้งแต่ Innovative Start-Ups ไปจนถึงสำนักงานบริษัทระดับโลก และส่วนสุดท้ายกับ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พาร์ค (Central Park) ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญที่สุดในการเชื่อมโยงทุกองค์ประกอบของโครงการเข้าด้วยกัน นำเสนอประสบการณ์รีเทลแห่งอนาคต ที่จะสร้าง New Urbanised Lifestyle ระดับ เวิลด์คลาส อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผสมผสานไลฟ์สไตล์อินดอร์และเอ้าท์ดอร์เข้าด้วยกัน โดยรวบรวมแบรนด์ดังระดับไอคอนของโลกและประเทศไทยครอบคลุมทุกกลุ่มไลฟ์สไตล์ บนพื้นที่กว่า 80,000 ตร.ม. พร้อมทั้งเพิ่ม การเชื่อมโยงการใช้ชีวิตในทุกมิติของคนเมืองจากภายในสู่ภายนอกด้วย Rooftop Park พื้นที่สีเขียวร่มรื่นที่สุด ใจกลางกรุง โดยทั้งสององค์ประกอบมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการ ในปี พ.ศ. 2566”
ติดตามเราได้ที่ : facebook
ติดต่อสอบถาม : Contact