“แสนสิริ” ส่งต่อความห่วงใย เดินหน้าช่วยเหลือสังคมและชุมชนฝ่าวิกฤติ COVID-19 ต่อยอดจิ๊กซอมาตรการ “Sansiri Care For All” ด้วยการขยายการดูแลให้ทั่วถึงทั้งสังคมและชุมชนที่ได้รับผลกระทบ ยกระดับการดูแลช่วยเหลือด้วยการอุดหนุนผลผลิตจากเกษตรกรไทยจัดเป็นถุงปันสุขก่อนส่งต่อไปยัง 30 ชุมชนทั่วประเทศ เพื่อตระหนักให้การลงมือช่วยเหลือครอบคลุมในทุกมิติ
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) โดยนายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้สังคมและชุมชนได้รับผลกระทบในวงกว้างทั้งเรื่องการขาดแคลนอาหารและสิ่งของใช้ที่จำเป็น ตลอดจนการขาดรายได้ จึงเป็นที่มาของมาตรการ “Sansiri Care For All” เพื่อช่วยเหลือชุมชนและสังคมที่ได้รับผลกระทบ เดิมทีเรามีแนวทางในการแก้ปัญหาระยะสั้นเพื่อให้ทันท่วงทีต่อสถานการณ์ด้วยการส่งมอบหน้ากากอนามัยและถุงยังชีพไปยังชุมชนต่างๆ
จากนั้นมาตรการดังกล่าวจึงได้ต่อยอดขึ้นมาเป็นการแก้ปัญหาในระยะกลางเพื่อส่งเสริมความยั่งยืนและสร้างรายได้ ให้แก่ชุมชนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของของไวรัส COVID-19 ด้วยการนำผลผลิตเกษตรกรของชุมชนที่ได้รับผลกระทบมาจัดทำเป็นถุงปันสุขเพื่อส่งต่อให้ชุมชนที่ขาดแคลน 30 ชุมชนทั่วประเทศซึ่งนับว่าเป็นการช่วยเหลือสังคมและชุมชนด้วยกันทั้งสองทางเพื่อให้ครอบคลุมในทุกมิติดังเจตนารมณ์ที่แสนสิริตั้ง
ไว้”
นางดวงฤดี ขวัญนิยม ตัวแทนชุมชนปากน้ำประแส จังหวัดระยอง กล่าวว่า “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้รายได้หลักของชุมชนส่วนใหญ่ที่มาจากการท่องเที่ยวและการประมงนั้นลดหายไปเกือบทั้งหมด เพราะนอกจากเรื่องข้อจำกัดด้านการท่องเที่ยวแล้ว การจัดจำหน่ายผลผลิตของชาวประมงยังถูกจำกัดทั้งในด้านราคาที่ลดลงและในด้านการกระจายสินค้า การยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือของแสนสิริจึงไม่ใช่เพียงการให้ความช่วยเหลือสังคมและชุมชนที่ขาดแคลนอาหารและ สิ่งของอุปโภคบริโภคเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการต่อยอดสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นภายในชุมชนอีกด้วย มาตรการ “Sansiri Care For All” จึงเป็นมาตรการที่แก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ทั้งการแก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนข้าวของเครื่องใช้และอาหารได้ทันท่วงที และการต่อยอดให้ธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปได้ นอกจากนั้นยังเป็นการประชาสัมพันธ์ชุมชนและผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นๆของชุมชน ปากน้ำประแส จังหวัดระยอง ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นอีกด้วย”
นางสาวอุไร สวัสดิ์แดง ตัวแทนชุมชนบ้านศาลาดิน จังหวัดนครปฐม กล่าวว่า “ชุมชนบ้านศาลาดิน จังหวัดนครปฐม ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะการจัดจำหน่ายสินค้าที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากสินค้าของชุมชนอย่างไข่ค็มไม่สานมารถนำออกมาขายยังพ่อค้าคนกลางได้ ทำให้ชุมชนขาดรายได้ การช่วยเหลือชุมชนผ่านการจัดทำถุงปันสุขของ แสนสิริ แจกจ่ายให้ความช่วยเหลือยัง 30 ชุมชนทั่วประเทศ จึงเป็นการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม”
ด้านนายชัชขัย นาคสุข ตัวแทนชุมชนถ้ำรงค์ จังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า “ผลกระทบของชุมชนจากการ แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้สินค้าของชุมชนไม่สามารถจัดจำหน่ายสินค้าได้ตามปกติและทำให้รายได้ของชุมชนลดลง การที่แสนสิริยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือด้วยการอุดหนุนสินค้าของชุมชนจึงทำให้ผลผลิตน้ำตาลปึกของชุมชน ถ้ำรงค์ จังหวัดเพชรบุรีสามารถกลับมาจัดจำหน่ายและสร้างรายได้ให้เกษตรกรและชุมชน จึงอยากขอบคุณแสนสิริที่มองเห็นถึงปัญหาและให้การช่วยเหลือได้อย่างครอบคลุม และอยากเป็นกำลังใจให้เกษตรกรในชุมชนอื่นๆให้มีกำลังใจในการฝ่าฟันวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน เพราะยังมีโครงการดีๆจากแสนสิริอย่าง “Sansiri Care For All” ที่พร้อมจะยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือสังคมและชุมขน”
“สำหรับการลงพื้นที่เพื่อไปช่วยเหลือยังสังคมและชุมชน นับเป็นปณิธานของแสนสิริที่เรายึดมั่นว่า ไม่ว่าแสนสิริจะไปตั้งโครงการหรือดำเนินกิจการในพื้นที่ใด เราจะช่วยพัฒนาชุมชนบริเวณโดยรอบให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านการอยู่อาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านสุขอนามัยและความปลอดภัย โดยแสนสิริได้เตรียมความพร้อมสำหรับการขยายมาตรการเพื่อดูแลชุมชนในพื้นที่ต่างจังหวัดให้ครอบคลุมทั่ว 30 ชุมชนทั่วประเทศ โดยนอกถุงปันสุขที่เราสนับสนุนผลผลิตจากเกษตรกรทั้งปลากรอบจาก ชุมชนปากน้ำ ประแส จังหวัดระยอง, ไข่เค็มจากชุมชนบ้านศาลาดิน จังหวัดนครปฐม, น้ำตาลปึกจากชุมชนถ้ำรงค์ จังหวัดเพชรบุรี เรายังมีผลผลิตจากเกษตรกรอื่นๆอันได้แก่ ข้าวสาร จากกลุ่มสหกรณ์การเกษตร จังหวัดสุพรรณบุรี, นมสด จากสหกรณ์โคนมหนอง จังหวัดราชบุรี และน้ำปลา จากชุมชนบ้านริมคลอง จังหวัดสมุทรสงคราม โดยที่ผ่านมาถุงปันสุขได้ถูกแจกจ่ายไปยังชุมชนที่ได้รับผลกระทบแล้ว 26 ชุมชน”– นายอุทัยกล่าว
SansiriCareForAll #SansiriIsByYourSide